ตอนที่ 62- ส่งไปยังชายแดนรกร้าง
ตอนที่ 62- ส่งไปยังชายแดนรกร้าง
มังกรทั้งห้าถูกกดลงกับพื้นและถูกทุบตีราวกับเศษสวะที่ใช้การไม่ได้ ทุกคนมึนงงไปหมด
เมื่อผู้คนจากตระกูลอมตะได้เห็นฉากนี้พวกเขาต่างอับจนปัญญาไม่สามารถพูดอะไรได้ พวกเขาได้แต่ถามตัวเองว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ความจริงก็คือความจริงและมันอยู่ตรงหน้าพวกเขานี่เอง
ป๊าบ ป๊าบ!
เสียงดังชัดเจน ทหารหุ่นเชิดทั้งห้าคนนั้นโหดเหี้ยมถึงที่สุด พวกเขาจัดการจนกระทั่งมังกรทั้ง 5 จากตระกูลหวังไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก กระดูกทุกชิ้นในร่างกายพวกเขาแตกหัก เนื้อหนังตกอยู่ในสภาพฉีกขาดยับเยิน
ตามปกติแม้ว่ามังกรทั้งห้าจะถูกระงับขั้นบ่มเพาะไว้ แต่กายเนื้อของพวกเขาก็ยังมีพลังมากพอสามารถป้องกันตัวเองได้ หากคนที่มีพลังน้อยนิดสัมผัสกับพวกเขา ร่างกายของคนคนนั้นจะระเบิดเป็นละอองโลหิตทันที
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนลูกแกะไม่สามารถหยุดการกระทำของทหารหุ่นเชิดทั้ง 5 ได้
“มดเขาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ตายไปตั้งนานแล้ว พวกเจ้าก็ควรตายตามเขาไป! การที่พวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ถือว่าสร้างความอับอายให้กับเขา!” หวังหวู่มีอารมณ์รุนแรงไม่ยอมก้มหัวลงแม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้เขายังตะโกนท้าทายออกมาด้วยความโกรธแค้น
เขาโกรธจนถึงจุดที่ร่างกายสั่นสะท้าน สำหรับเขาแล้วนี่เป็นความอัปยศอดสูเขาไม่เคยรู้สึกหดหู่ขนาดนี้มาก่อน การถูกกดลงกับพื้นแล้วใช้ง้าวตีเข้าที่ปากเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีกี่คนที่เคยสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน?
พวกเขาอยากตายไปให้พ้นๆความอดสูครั้งนี้
ปู!
ฝ่ามือขนาดใหญ่ของทหารหุ่นเชิดจับศีรษะของหวังหวู่ฉีกออกจากร่าง ยิ่งไปกว่านั่นยังใช้นิ้วแทงเข้าที่วางคิ้วของเขา!
“เมตตาด้วยอย่าเอาชีวิตเขา!” หวังซีตะโกนออกมาอย่างหวาดหวั่น ตอนนี้เขารู้สึกกลัวอย่างแท้จริง นักรบโบราณเหล่านี้โหดเหี้ยมเกินไปการกลายเป็นหุ่นเชิดทำให้อารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาถูกลบหายไปด้วย
“พวกเจ้าเชื่อหรือยัง? คิดจริงๆหรือว่าข้าจะไม่กล้าสังหารพวกเจ้า” มดตัวน้อยสีทองพูดเสียงดัง
ทุกคนพูดไม่ออก ปีศาจน้อยตัวนี้ยังไม่ยอมหยุดอีกหรือ? มังกรทั้งห้ากำลังจะถูกทรมานจนตาย แต่ความอัปยศอดสูที่พวกเขาได้รับยังมากกว่าสังหารพวกเขาไปเสียอีก
“หยุดเถอะ!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
“เราจะปล่อยพวกเขาไปหรือเปล่า? นี่จะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน” มดน้อยสีทองไม่พอใจ มังกรทั้งห้านี้ไม่ง่ายที่จะจัดการ เมื่อมีโอกาสพวกเขาจะต้องแก้แค้นในอนาคต
“พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีอยู่น้อยนิดในโลกใบนี้ คนประเภทนี้สังหารทิ้งไม่ได้” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
“เมิ่งเทียนเจิ้งเจ้าพยายามไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ของเราหรือ? มันไม่มีทางเกิดขึ้นพวกข้าจะต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน!” หวังซานตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
เปง!
ผู้อาวุโสใหญ่ส่งร่างเขาบินขึ้นฟ้าไปด้วยหลังเท้า กระดูกทุกชิ้นในร่างกายของหวังซานเหมือนจะหลุดออกจากกัน อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมเท่าทวี
“เจ้า…” วังซานตกใจและโกรธแค้น
“เหตุผลที่ข้าขอร้องพวกเขาให้ปล่อยเจ้าไม่ใช่เป็นเพราะข้าใจอ่อน ดังนั้นอย่าได้ริอาจแสดงกิริยาอย่างนี้ต่อหน้าข้าอีก เซียนอมตะหวังไม่เคยสั่งสอนพวกเจ้าดังนั้นข้าจำเป็นต้องสั่งสอนแทน” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา
“แล้วเจ้าต้องการอะไร?” หวังซานจ้องมองเขา
“พวกเจ้าจะถูกส่งไปแนวหน้าเพื่อสังหารศัตรูที่ชายแดนรกร้าง!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
มังกรทั้งห้าของตระกูลหวังตกตะลึงในทันทีจากนั้นพวกเขาก็ได้สติ
ทุกคนที่เฝ้าดูก็ตกตะลึงไม่แพ้กันหลังทราบว่าผู้อาวุโสใหญ่ต้องการทำอะไร
นี่เป็นการส่งพวกเขาออกไปเพื่อรับโทษ เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่นจะไม่มีทางได้กลับมา สิ่งเดียวที่รออยู่คือความตายเท่านั้น
“เมิ่งเทียนเจิ้งเจ้ากำลังใช้เรื่องส่วนรวมล้างแค้นส่วนตัว เจ้ากล้าส่งพวกเราห้าคนไปสู่ความตายท่านพ่อของข้าต้องไม่ปล่อยเจ้า!”
“เมิ่งเทียนเจิ้งนี่เป็นความคิดของเจ้าเอง? หรือเป็นมติของทุกเผ่าพันธุ์!”
หวังต้าและหวังเอ๋อเริ่มกังวลและตะโกนออกมาดังๆ หากพวกเขาก้าวไปบนเส้นทางนั้นพวกเขายังจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้หรือ?
"หุบปาก!" ผู้อาวุโสใหญ่เตะพวกเขาบินขึ้นไปบนฟ้า “ทุกเผ่าพันธุ์ตอนนี้ส่งกองกำลังออกไปต่อสู้ที่ชายแดนรกร้าง, ตระกูลหวังของพวกเจ้ายังไม่มีใครออกมา การส่งพวกเจ้าไปนับว่าเหมาะสมแล้ว”
จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็จ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชาและกล่าวว่า
“อย่างไรก็ตามการแสดงออกของพวกเจ้าทำให้ข้ามีความหวังเล็กน้อย ตอนนี้ข้าเชื่อแล้วว่าพวกเจ้าไม่ได้ทรยศเราไปเข้าร่วมกับศัตรู.”
“ผู้อาวุโสพวกเขาแค่เสแสร้ง พวกเขาควรถูกฆ่าทั้งหมด!” มดตัวน้อยสีทองตะโกนอย่างเกลียดชัง
“นี่มันเรื่องไร้สาระอะไร ข้าไม่ยอมไปที่นั่นอย่างเด็ดขาดจนกว่าจะได้พบกับท่านพ่อ!” หวังซานตะโกนอย่างมีความหวัง
พวกเขาไม่ต้องการที่จะถูกส่งไปยังแดนรกร้างไม่อยากตายอยู่ที่นั่น พวกเขาต้องการให้เซียนอมตะหวังออกหน้าเรื่องนี้
“พวกเจ้านับว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้หากปล่อยไว้เฉยๆย่อมเป็นเรื่องไร้ความหมายอย่างยิ่ง? เรื่องนี้ถูกตัดสินแล้วเรือรบตระกูลหวังจะออกเดินทางไปชายแดนรกร้างในตอนนี้!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
ทุกคนถอนหายใจ ชะตากรรมของมังกรทั้งห้านั้นยากที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาต้องต่อสู้ในดินแดนรกร้าง
หลายคนปรบมือด้วยความชื่นชมโดยเฉพาะตระกูลอมตะทั้งหลายพวกเขาเห็นว่าการทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้สึกเสียใจเพราะพวกเขาไม่สามารถเห็นเก้ามังกรของตระกูลหวังออกไปด้วยกัน หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาคงสามารถทำลายล้างศัตรูได้อย่างมากมายมหาศาล!
มีคำกล่าวไว้เสมอว่าเก้ามังกรตระกูลหวังหากร่วมมือกันใต้ท้องฟ้านี้ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกร อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ไม่ข้าไม่ยอม! ไม่ใช่เพราข้ากลัวความตาย! ตระกูลหวังของข้าสามารถเข้าร่วมในการต่อสู้ได้ แต่เราไม่สามารถถูกคนอื่นบังคับ นั่นเป็นเรื่องที่น่าอับอายเกินไป!” หวังหวู่ตะโกน
“ถูกต้องตระกูลหวังของเรายินดีที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่ชายแดนรกร้างแต่เราไม่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้!” หวังซีคำรามเช่นกัน
“เนื่องจากพวกเจ้าไม่กลัวความตายการไปที่นั่นได้รวดเร็วเท่าไหร่ยิ่งเป็นการช่วยเหลือคนจำนวนมากเท่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเจ้าการจะสร้างความดีความชอบในดินแดนรกร้างนับเป็นเรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ เจ้าทุกคนคงทราบดีว่าที่นั่นก็มีโชควาสนาเช่นกันใครจะรู้เจ้าทุกคนอาจได้รับผลประโยชน์มากมาย!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“เจ้า…จะทำตามอำเภอใจแบบนี้ไม่ได้!” หวังเอ้อคำรามออกมารู้สึกตกใจและหวาดกลัว
มังกรทั้ง 5 ของตระกูลหวังดิ้นรนทุกวิถีทางที่จะทำให้พวกเขาไม่ได้ไปที่ชายแดนรกร้าง
ในตอนนั้นเองเสียงดนตรีจากสวรรค์ก็ดังขึ้น บนท้องฟ้าแสงหลากสีอันเป็นมงคลเบ่งบานเส้นทางสีทองอันยิ่งใหญ่ทอดยาวลงมาจากนอกโลก
ทุกคนต่างตกตะลึงง นี่คือทางข้ามแดน!
ใครบางคนจากสวรรค์แห่งอื่นกำลังมาที่นี่ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์
“ตระกูลจินจากสวรรค์หยูอี้!”
มีคนจำได้ว่าเป็นใครเพราะพวกเขาเห็นรถม้าจักรพรรดิโบราณบนเส้นทางสีทองอันยิ่งใหญ่ นี่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของตระกูลจินจากสวรรค์หยูอวี้
ทุกคนต่างรอดูเรื่องสนุกสนานเพราะรถม้าจักรพรรดิคันนี้ไม่ใช่ว่าใครจะขี่ก็ขี่ได้แต่มันเป็นของวิเศษส่วนตัวของจักรพรรดิหญิงตระกูลจิน นางคือสตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในเก้าสวรรค์สิบพิภพ เป็นคนรุ่นเดียวกับผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งและเซียนอมตะหวัง
นางเป็นบรรพบุรุษโบราณของตระกูลจินผู้ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของสวรรค์หยูอี้
รถม้าสีทองคันนี้แม้จะดูงดงาม แต่ก็มีร่องรอยความเสียหายมาไม่น้อยสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหลักฐานของการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ในอดีตถือเป็นของวิเศษสองยุคสมัย!
นี่คือรถม้าศึกโบราณตระกูลจินที่ตกทอดมาจากสงครามเซียนโบราณครั้งสุดท้าย
ในขณะนี้รถม้าสีทองเดินทางมาถึงสวรรค์ไร้ขอบเขต จากนั้นมันมุ่งตรงเข้าสู่สำนักเทพสวรรค์
มีเพียงรถม้าจักรพรรดิ์เท่านั้นที่สามารถเคลื่อนผ่านเก้าสวรรค์ได้อย่างง่ายดายราวกับว่ามันกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเอง!
“มีปัญหาแล้ว”! ใครบางคนพูดพร้อมกับถอนหายใจ
เป็นเพราะทุกคนจากตระกูลอมตะรู้ว่านางมาที่นี่เพื่ออะไร
ตระกูลจินมีอัจฉริยะที่สุดแสนจะภาคภูมิใจในดินแดนสวรรค์หยูอี้ชื่อว่า จินซาน คนที่ฝึกฝนอยู่ในสำนักปราชญ์ ตั้งแต่เขาเกิดมายังไม่เคยมีคนในรุ่นเดียวกันสามารถเป็นคู่ต่อกรได้!
จินซานผู้นี้คือคู่หมั้นของหวังซีจากตระกูลหวัง
อาจกล่าวได้ว่าตระกูลหวังและตระกูลจินหวังขยายอำนาจของพวกเขาให้ยิ่งใหญ่ครอบคลุมเก้าสวรรค์ผ่านการแต่งงานในครั้งนี้
“จินไท่จุน!” แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนก็จ้องมองอย่างจริงจังไปที่รถศึกนั้น
“พี่เมิ่งกับข้าเป็นสหายเก่ากันมาก่อน!” หญิงชราคนหนึ่งเดินออกมาจากรถศึกโบราณ แม้ว่านางจะยังสูงสง่าแต่สภาพร่างกายของนางเสื่อมโทรมไปมากแล้ว เส้นผมทุกเส้นหงอกขาวใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ปราณโลหิตก็เหมือนจะแห้งเหือดเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย
ถึงจะอย่างนั้นกลับไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกนาง เพราะถึงแม้ปราณโลหิตของนางจะเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยแต่มันกลับไม่รั่วไหลออกมาสักนิดเดียวแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการควบคุมพลังของนาง สมญานามสตรีผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเก้าสวรรค์สิบพิภพไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย
“พี่เมิ่งข้ามาอ้อนวอนขอไมตรี ท่านช่วยเห็นแก่หน้าข้าและปล่อยมังกรทั้งห้านี้ไปได้ไหม” จินไท่จุนกล่าวออกมาตรงๆ ศีรษะของนางมีผมสีขาวราวกับหิมะปิดบังดวงตาที่สามที่อยู่หว่างคิ้วของนาง
ทุกคนถอนหายใจตระกูลหวังและตระกูลจินเกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงานจึงเป็นธรรมดาที่ทั้งสองตระกูลจะอยู่ข้างเดียวกัน ในสถานการณ์แบบนี้จินไท่จุนจึงปรากฏตัว
ตระกูลจินมีพลังอำนาจมหาศาลและจินไท่จุนก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ แม้จะเป็นสตรีแต่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพนี้มีน้อยคนนักที่สามารถเอาชนะนาง
ตอนนี้นางชรามากแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังคงทำให้คนอื่นหวาดกลัวได้เสมอ
ทุกคนเฝ้าดูอย่างเงียบๆ พวกเขาหลายคนไม่ต้องการเห็นมังกรทั้งห้าหลุดพ้นจากการลงโทษ อย่างไรก็ตามพวกเขารู้ด้วยว่ามันยากที่ผู้อาวุโสใหญ่จะปฏิเสธคำเรียกร้องของจินไท่จุน
ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งมองไปที่นาง หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า“ขอปฏิเสธ!”
ไม่มีอย่างอื่นต่อเป็นการปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
“พี่เมิ่งท่านก็มีทายาทอยู่เหมือนกัน…ท่านไม่ต้องการคิดเผื่อลูกหลานของตัวเองหน่อยหรือ!” จินไท่จุนกล่าว
นางเน้นคำว่า 'ลูกหลาน' สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงผู้อาวุโสใหญ่ยังมีทายาทด้วย? นี่เป็นครั้งแรกที่หลายคนได้รู้เรื่องนี้
เพราะตามข่าวลือผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งครองตัวเป็นโสดมาตลอด ชีวิตของเขาไม่เคยมีคู่บำเพ็ญเพียร ตอนนี้ข้อมูลลึกลับนี้ถูกเปิดเผยออกมา!
"เจ้าขู่ข้าเหรอ?" ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา
“ข้าไม่กล้า ข้าแค่อยากบอกว่าท่านควรใส่ใจตัวเองสักนิดไม่ควรไปก้าวก่ายเรื่องของตระกูลอื่น ด้วยวิธีนี้สวรรค์ทั้งเก้าจะยังคงเป็นปึกแผ่นไม่มีรอยร้าวฉาน” จินไท่จุนมีสีหน้าเป็นมิตรและพูดคุยอย่างเรียบง่าย
หลายคนสัมผัสได้ถึงความเฉียบคมจากคำพูดของนาง นี่เป็นคำขู่อย่างแน่นอนทั้งเป็นการแสดงความแข็งแกร่งของตระกูลจินอีกด้วย!
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ไม่ว่าใครจะมา!” ผู้อาวุโสใหญ่ปฏิเสธอย่างเฉียบขาดยิ่งกว่านั้นเขายังกล่าวว่า“ลูกหลานของข้าอยู่ในดินแดนรกร้างเสมอมา ความเป็นหรือความตายของพวกเขาแล้วแต่โชคชะตาหากต้องตายจริงๆนั่นย่อมถือเป็นเกียรติของพวกเขาแล้ว!”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดเหล่านี้พวกเขาต่างก็หวั่นไหวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคารพยกย่องผู้อาวุโสใหญ่ ลูกหลานของเขาอยู่ในแดนรกร้างต่อสู้กับศัตรูต่างมิติช่างเป็นตระกูลที่ห้าวหาญนัก!
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นคนที่แอบดูหรือคนที่ยืนอยู่ที่นี่พวกเขาต่างให้ความเคารพผู้อาวุโสใหญ่อย่างจริงใจ
จิ!
ทันใดนั้นเองเกิดแสงส่องสว่างขึ้นทั่วท้องฟ้าหมอกเซียนกระเพื่อมเป็นคลื่น มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ลากรถม้าหลายคันออกมาจากหมอกเซียนนั้น รถม้าอันทรงพลัง 5 คันพุ่งทะยานมาถึงสวรรค์ไร้ขอบเขต
พวกเขาทั้งหมดเป็นคนจากตระกูลอมตะหลายตระกูล บุคคลที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดในโลกใบนี้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันที่นี่!
“เราสนับสนุนการตัดสินใจของพี่เมิ่ง!” มีคนสองสามคนเดินออกมาจากรถม้าพวกนั้น เสียงกล่าวของพวกเขาดังสะท้อนไปมาเห็นได้ชัดว่ากล่าวขึ้นพร้อมกัน
เมื่อมีตระกูลอมตะหลายตระกูลให้การสนับสนุนผู้อาวุโสใหญ่การแสดงออกบนใบหน้าของจินไท่จุนเปลี่ยนไปทันที ในตอนท้ายนางพยักหน้าและพูดว่า "สบายดี!"
ฮ่อง!
ณ ขอบเขตสุดขอบฟ้าประตูขนาดมหึมาได้เปิดออก กองทหารมากมายพุ่งออกมาชุดเกราะของพวกเขาเป็นประกายสุกใสด้วยปราณมงคล รัศมีของอาวุธพร่างพราวงดงามเป็นพิเศษ นี่คือกองทัพชั้นสูงที่เดินทางผ่านประตูมิติมาถึงที่นี่!
“เจ้าลูกไม่รักดี พี่เมิ่งลงโทษพวกมันเช่นนี้นับว่าสมควรแล้ว ข้าหวังเพียงต้องการให้พวกมันสามารถทำประโยชน์ที่ดินแดนรกร้างได้บ้าง ในเวลาเดียวกันตระกูลหวังของข้าจะส่งกองกำลังชั้นยอดจำนวนหนึ่งแสนนายออกไปด้วย!”
เสียงนี้ดังมาจากประตูมิติ เซียนอมตะหวังนั้นเอง!