ตอนที่ 56 - ผู้พิทักษ์ที่กล้าหาญ
ตอนที่ 56 - ผู้พิทักษ์ที่กล้าหาญ
“เจ้าหนูนี่คือวิธีที่เจ้าปฏิบัติต่อผู้อาวุโสอย่างนั้นหรือ? แทนที่เจ้าจะตะโกนอยู่บนนั้นทำไมไม่ลงมาแสดงความเคารพ เจ้าคิดว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันเหมาะสมแล้ว?” เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นจากรถศึก
“เฒ่าโสโครก ตอนนี้นับว่าได้ฉีกหน้ากันไปหมดแล้ว แต่เจ้ายังต้องการให้ สือฮ่าวลงไปคำนับผู้อาวุโส เจ้ากำลังเพ้อฝันไปใหญ่!” เฉาอวี่เซิ่งกล่าวสวนออกไป
มดตัวน้อยพยักหน้า มันค่อนข้างจะอารมณ์ร้อนถ้ามันมีทางเลือกมันคงบุกลงไปฆ่าศัตรูแล้ว
“สำนักเทพสวรรค์ถูกพวกเจ้าจำนวนมากล้อมอยู่ที่นี่ด้วยความเป็นศัตรูอย่างชัดแจ้ง แต่เจ้ายังมีหน้าเรียกข้าลงไปแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโส ความจริงที่ว่าข้าไม่ได้ถามว่าเหตุใดพวกเจ้าถึงต้องหักหลังไปอยู่กับพวกต่างมิติก็นับว่าให้เกียรติมากแล้ว! พวกเจ้าไสม้าเข้ามาเถอะ” สือฮ่าวกล่าว
พวกเขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อการมาของหวังเจิ้นแม้แต่น้อย แต่ผู้คนที่มุงดูอยู่กลับไม่คาดคิดว่าตระกูลหวังจะกล้านำคนมามากมายเพื่อปิดล้อมสำนักเทพสวรรค์
“ฮวง เจ้าควรรู้ว่าทำไมเราถึงมา!” คนในรถศึกที่อยู่ถัดจากหวังเจิ้นตะโกน
สือฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดอย่างเย้ยหยัน "แน่นอนข้ารู้. พวกเจ้ามาเพื่อแสดงการขอโทษ? หากทุกคนจริงใจจงมุ่งหน้าไปที่ชายแดนทันทีเพื่อต่อสู้ร่วมกับนักรบของเก้าสวรรค์คนอื่นๆ หากไม่ใช่แสดงว่าพวกเจ้าต่ำทรามจริงๆ”
“เจ้ากล้า!” คนผู้นั้นสูญเสียความเยือกเย็นและคำรามออกมา“สือฮ่าวเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ยั่วยุตระกูลหวังครั้งแล้วครั้งเล่าวันนี้แม้แต่ผู้อมตะก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้!”
"อะไร? สุนัขจนตรอกพร้อมสู้แล้วเหรอ? นึกว่าจะพูดกันด้วยเหตุด้วยผลมากกว่านี้?” เฉาอวี่เซิ่งหัวเราะเสียงดัง เขายืนอยู่ที่ด้านข้างของสือฮ่าวชี้ไปข้างหน้าด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
"หุบปาก!" หลายพันคนคำรามเสียงดังก้องไปทั่วสวรรค์ปฐพี คนเหล่านี้เป็นกองกำลังชั้นยอดอย่างแน่นอนปราณโลหิตของพวกเขาแผ่ออกไปด้านนอกทันทีที่ส่งเสียงตะโกน นับเป็นภาพอันน่ากลัวยิ่ง
“ตระกูลหวังเป็นสิ่งที่เจ้าสามารถทำให้อับอายได้อย่างไร!” ผู้คนหลายพันคนยกอาวุธขึ้นพร้อมกันแสงเย็นเยียบ คลื่นพลังแห่งการสังหารที่ชั่วร้ายกดทับทั่วบริเวณทำให้อุณหภูมิของสำนักเทพสวรรค์ลดลงอย่างรวดเร็ว
การแสดงออกบนใบหน้าของเฉาอวี่เซิ่งเปลี่ยนไป คนเหล่านี้มีพลังมากเกินกว่าที่เขาคิด พวกเขาน่าจะเป็นมือดีของตระกูลหวัง!
“เพื่อนตัวน้อยเราไม่ต้องการกดขี่ข่มเหงผู้อื่นด้วยความเข้มแข็ง แต่คราวนี้เจ้าล้ำเส้นไปไกลแล้วแถมยังสังหารลูกศิษย์ตระกูลหวังมากมาย เจ้าคิดว่าตระกูลอมตะของเราผู้คนตายหมดแล้วหรือ” บนรถศึกสีเขียวทองแดงที่ใหญ่ที่สุดหวังเจิ้นเดินออกมายืนอยู่ด้านนอก เขาสวมเสื้อคลุมสีทองมีผมสีขาว แต่กลับไม่รู้สึกว่าเขาแก่ชราแต่อย่างใด
“เดิมทีผู้อาวุโสเมิ่งเทียนเจิ้งและตระกูลของเราได้บรรลุข้อตกลงที่ว่าความเข้าใจผิดระหว่างเราจะถูกลบออกไปหากเจ้าไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลหวังเราอีก ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเหตุการณ์ผ่านไปไม่นานเจ้ากลับทำตัวเลวร้ายถึงขนาดนี้แม้แต่กล้าลงมือสังหารผู้คนของตระกูลหวัง”
“ชายชราคนนี้ดูเหมือนเขาจะฝึกฝนใบหน้าไปถึงขั้นผู้อมตะแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาย่อมไม่ไร้ยางอายถึงขนาดนี้” มดตัวน้อยสีทองกล่าว
“เป๊ะ! สหายท่านนี้นับว่าไร้ยางอายจริงๆ ไม่ใช่ตระกูลหวังที่มาหาเรื่องสือฮ่าวถึงสำนักเทพสวรรค์หรอกหรือ? หลังจากที่เขาพูดก็กลับขาวเป็นดำไป” เฉาอวี่เซิ่งเหน็บแนม
ทั้งสองคนหนึ่งกล่าวคนนึงขานรับกลับไปกลับมาไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามได้สอดแทรก
“เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วข้าจะไม่พูดอะไรมาก แค่อยากบอกว่าคนของตระกูลหวังสมควรตายแล้ว เมื่อเราพบเห็นที่ใดเราจะฆ่าพวกมันที่นั่น!” คำตอบของสือฮ่าวนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมามากเพราะสิ่งที่ควรจะพูดนั้นได้ถูกพูดไปแล้วโดยมดเขาสวรรค์และเฉาอวี่เซิ่งจึงไม่จำเป็นต้องพูดไปไกลกว่านี้
“เพื่อนตัวน้อยเจ้าเอาแต่ใจเกินไป มีอะไรก็ไม่สามารถพูดคุย? ทำไมถึงต้องฆ่า? เรื่องนี้ทำให้ข้าค่อนข้างหนักใจ ถ้าข้าไม่สามารถพาเจ้ากลับไปที่ตระกูลได้ก็ไม่มีทางคืนความยุติธรรมให้กับผู้ตาย อย่างไรก็ตามเจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวตระกูลหวังของข้าใจดีมาตลอดเรารู้ว่าการเผชิญหน้าในครั้งนี้อาจเป็นการเข้าใจผิดซึ่งเป็นสาเหตุที่เราจะไม่ทำร้ายชีวิตเจ้า อย่างไรก็ตามเจ้าต้องถูกนำตัวไปขอขมาผู้ตาย?” หวังเจิ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและดูอดทน
“เฒ่าโสโครก พวกเจ้าไม่ได้มาเพียงเพื่อชิงคัมภีร์นั้นหรอกหรือ? ความจริงพวกเจ้าต้องการที่จะลักพาตัวสือฮ่าว หยุดทำตัวน่ารังเกียจได้ไหม? การฟังเสียงของเจ้าทำให้ข้าอยากจะอาเจียน!” มดสวรรค์กล่าวเสียงดัง
"บัดซบ! เจ้ากล้าพูดแบบนี้กับบรรพบุรุษอาวุโสของข้าเชียวหรือ” ใครบางคนตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น
“พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? คิดว่าตัวเองประเสริฐสุด ๆ ?อย่าว่าแต่หวังเจิ้นเลยต่อให้เซียนอมตะหวังมาด้วยตัวเองข้าก็ยังจะพูดแบบนี้!” มดเขาสวรรค์เย้ยหยัน
จิตใจของทุกคนสั่นสะท้านพวกเขาตระหนักได้ว่ามดเขาสวรรค์ตัวนี้เป็นบุตรชายของมดเขาสวรรค์ที่อยู่ในขั้นผู้อมตะ! ในแง่ของสถานะของเขาแล้วมันสูงมากจริงๆ
“ช่างน่าเสียดายตอนนี้ไม่ใช่ยุคเซียนโบราณบิดาของเจ้าได้ตายไปแล้ว ถ้าเจ้ายังสอดปากสอดคำไม่เลิกข้าจะไม่เกรงใจแล้ว!” ด้านหน้ารถศึกหวังจี้พูดอย่างเย็นชา
“แม้แต่คนอย่างเจ้ายังกล้าใช้คำว่าเกรงใจ? ข้าคือมดเขาสวรรค์ตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ ตัวข้าเปิดเผยและซื่อสัตย์มากกว่าพวกเจ้าตระกูลหวังอย่างแน่นอน พวกเจ้ามันหน้าซื่อใจคด! ถ้าพวกเจ้าต้องการขโมยคัมภีร์ก็เข้ามาจะพูดไร้สาระให้ยืดยาวไปทำไม? พวกเจ้าก็แค่เศษสวะกลุ่มนึง!” มดตัวน้อยกล่าว
หลังจากอยู่ด้วยกันกับเฉาอวี่เซิ่งตลอดเวลาปากของมดเขาสวรรค์ก็เริ่มเต็มไปด้วยคำด่า
“มดเขาสวรรค์ที่ติดอันดับราชันสัตว์อสูรเป็นเพราะว่าปากดีนี่เอง? ไม่น่าแปลกใจที่พวกเจ้าสูญพันธุ์ไป” หวังจี้ชายวัยกลางคนจากตระกูลหวังกล่าวอย่างเย็นชา
"เจ้าพูดอะไร?!" มดตัวน้อยโกรธมาก ในสงครามเซียนโบราณคือตอนที่คนในอดีตทั้งหมดถูกกวาดล้างนั่นรวมทั้งพ่อของมันเองด้วย สำหรับมันนี่เป็นความเจ็บปวดที่ยิ่งใหญ่
มันไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกโกรธใบหน้าของสือฮ่าวก็ดำคล้ำลง “สกุลหวังพวกเจ้าล้ำเส้นเกินไปแล้ว สายเลือดมดเขาสวรรค์ต่อสู้กับศัตรูต่างมิติ การเสียสละของคนเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เจ้าทุกคนทำให้อับอายได้อย่างไร!”
คนอื่น ๆ ก็รู้สึกว่าตระกูลหวังทำเกินไปพวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่ชายวัยกลางคนของตระกูลหวัง
“ฮ่าฮ่าแล้วเจ้าจะทำไม” หวังจี้หัวเราะแล้วก้มหน้าถาม “ฮวงเจ้าจะมาที่ห้องโถงไว้ทุกข์ของตระกูลหวังของข้าหรือไม่?”
“คำพูดของเจ้ายิ่งทำให้ข้าขยะแขยงตระกูลหวัง!” สือฮ่าวเลิกทำตัวสุภาพเขาไม่ปรารถนาที่จะพูดกับคนเหล่านี้มากเกินไป “ถ้าเจ้าต้องการจับกุมข้าก็เตรียมตัวให้พร้อม ห้องโถงไว้ทุกข์ของตระกูลหวังอาจมีโลงศพเพิ่มอีกหลายพันโลง!”
ถือเป็นการเริ่มทำศึกอย่างเป็นทางการ
ทุกคนต่างตกตะลึง
“สังหารคนพวกนี้ให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!” มดตัวน้อยตะโกน
“คนที่ไม่รู้ความแตกต่างระหว่างความเป็นและความตาย แต่เดิมเรายังคงอยากคุยเรื่องต่างๆและให้โอกาสเจ้าได้ก้าวลงจากความขัดแย้งอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้เราจะจัดการพวกเจ้าให้หมด!” หวังเจิ้นกล่าวอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็มองไปมดเขาสวรรค์ตัวน้อย“ถึงข้าจะไม่ชอบใจนัก แต่เจ้าคือตัวสุดท้ายของเผ่าพันธุ์ต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี!”
“เจ้ากล้าข่มขู่ข้า” มดตัวน้อยโกรธมาก
“เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี!” หวังจี้กล่าว
บนท้องฟ้ามีรถศึกหลายร้อยคันผู้คนหลายพันคนระเบิดพลังขึ้นทันทีพร้อมกับเจตนาฆ่าที่น่าตกใจสั่นสะเทือนถึงสวรรค์ องครักษ์ที่กล้าหาญของตระกูลหวังมุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับอาวุธวิเศษส่องประกายระยิบระยับ
"ฆ่า!" คนเหล่านี้คำราม
“ผู้อาวุโสโปรดดำเนินการสังหารพวกเขา!” สือฮ่าวพูด
"ฆ่า!" ในเวลานี้เสียงคำรามต่ำห้าครั้งดังขึ้นไม่ใช่เสียงที่ดังมากนักแต่ผู้คนใน 9 สวรรค์ต่างได้ยินกันทั่ว ปรากฏร่างห้าร่างสวมชุดเกราะสีดำเดินออกมาจากใต้ดิน เป็นหุ่นเชิดสังหารของมดเขาสวรรค์อย่างแน่นอน
“ห้าคนกล้าเผชิญหน้ากับกองทัพนับพันของข้า? ช่างเป็นเรื่องตลกนัก!” หวังเจิ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของคนทั้งห้านี้รู้เพียงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับคนของตระกูลหวังจากนั้นพวกเขาก็มาทันที คราวนี้พวกเขาระดมกำลังมาจำนวนมากผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูล!
ผู้สังเกตการณ์หลายคนสั่นสะท้านอยู่ภายในแม้กระทั่งคนที่มาจากตระกูลอมตะพวกเขารู้ว่าตระกูลหวังกำลังใช้ขบวนทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาเข้าจู่โจมสำนักเทพสวรรค์
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไม่คาดคิดคือบุคคลทั้งห้าไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย พวกเขาสวมชุดเกราะสีดำง้าวใหญ่หอกสงครามสวรรค์ในมือทั้งสองข้างเผชิญหน้ากับกองทัพนับพันโดยไม่แสดงความกลัวใด ๆ
“ผู้ที่ทำให้สายเลือดมดเขาสวรรค์ต้องอับอาย..ตาย!”
หุ่นเชิดทหารที่เป็นผู้นำพูดประโยคนี้ออกมา
“อย่างนั้นเหรอ? เรากำลังรอดูว่าเจ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง!” หวังจี้ที่อยู่ในรถศึกคันถัดไปดูไม่กังวลเลยเขาพูดอย่างไม่แยแส
"ฆ่า!"
หลังจากนั้นทหารหุ่นเชิดทั้งห้าก็คำรามลั่นเสียงของพวกเขาดังก้องไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้า น่ากลัวยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องจากกำแพงแห่งความโกลาหล ทุกคนมึนงงทันที
ยิ่งไปกว่านั้นในขณะนี้พวกเขาปลดปล่อยไอสังหารซึ่งเป็นคลื่นพลังสีแดงที่กลืนกินสถานที่แห่งนี้และทำให้โลกตกอยู่ในความหวาดกลัว
ทุกคนเริ่มมึนงง คนเหล่านี้เป็นคนที่เดินผ่านภูเขาซากศพทะเลเลือดมาแล้วอย่างแน่นอนไอสังหารพวกนี้หากไม่ได้เกิดจากการสังหารผู้คนมาเป็นจำนวนมากย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้
เพียงห้าคน แต่พวกเขากวาดล้างกองทัพใหญ่ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา เส้นทางที่พวกเขาฝ่าเข้าไปเต็มไปด้วยเศษแขนขาและอาวุธที่ถูกทำลายไม่มีใครสามารถหยุดบุคคลทั้งห้านี้ได้
แม้แต่สือฮ่าวก็ยังมึนงง ผู้เชี่ยวชาญทั้งห้าคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
สำหรับกองกำลังจากตระกูลหวังราวกับถูกพลิกคว่ำไม่สามารถต่อกรได้แม้แต่น้อยทุกที่ในลานกว้างเต็มไปด้วยซากปรักหักพังจากรถศึก ซากศพแต่ละซากสภาพยับเยินไม่ต่างจากเนื้อบด!
ปู!
ในเวลาที่ดูเหมือนเพียงชั่วครู่ทหารผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้าก็เข่นฆ่าเข้าไปจนถึงตัวรถศึกของหวังจี้ หนึ่งในนั้นกลายเป็นสายฟ้าสีดำพุ่งเข้าใส่ตัวรถ หอกสงครามในมือของเขาถูกแทงออกไป
ปู!
หวังจี้ถูกปลายหอกเสียบห้อยกลางอากาศ
“สายเลือดมดเขาสวรรค์ไม่สามารถทำให้อับอายได้!”
ฉากนี้สะเทือนใจเกินไป พวกเขาฉีกทุกอย่างเฉกเช่นวัชพืชที่เน่าเสีย แม้แต่หวังจีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทันเวลา ร่างของเขาถูกหอกแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า!
ทุกคนมึนงงและจากนั้นเลือดก็พุ่งพล่านภายในกายของพวกเขา
อย่างไรก็ตามสือฮ่าวกลับถอนหายใจแทน ผู้อาวุโสทั้งทั้งห้าเมื่อครั้งอดีตได้บุกทะลวงเข้าไปท่ามกลางศัตรูต่างมิติฆ่าฟันพวกมันอย่างมากมาย แต่ตอนนี้พวกเขาถูกบังคับให้จัดการกับคนจากเก้าสวรรค์ นี่เป็นความเสียใจอย่างหนึ่งบุคคลทั้งห้าต้องไม่ได้รู้สึกดีอย่างแน่นอน