ตอนที่ 53 - ความผิดพลาด
ตอนที่ 53 - ความผิดพลาด
เดิมทีนี่เป็นสำนักเทพสวรรค์ดังนั้นตระกูลหวังมีเหตุผลอะไรในการเป็นผู้ควบคุมสิ่งต่างๆที่นี่? จากทัศนคติคำพูดของพวกเขาราวกับว่าพวกเขาปฏิบัติกับตัวเองเหมือนนายเหนือของที่นี่
"เจ้า! ท่านปู่กำลังถามเจ้าทำไมเจ้าไม่ตอบ!” ไม่ไกลมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมา
“เขาเป็นปู่ของเจ้าไม่ใช่ของคนอื่น” สือฮ่าวตอบอย่างไม่แยแส เขาเคยเห็นชายหนุ่มคนนี้จากตระกูลหวัง เมื่อคนๆนี้พบเขาก่อนหน้านี้เขาแสดงความหวาดกลัวอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้เขาทำตัวกล้าหาญมากเป็นเพราะมีคนหนุนหลังนั่นเอง
ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำคือปู่ของเขานั่นเอง เขาดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งปราณโลหิตอุดมสมบูรณ์ที่สุด แต่ในความเป็นจริงเขาฝึกฝนมาจนสิ้นสุดหนทางไปต่อ ระดับของเขาไม่สามารถเพิ่มมากขึ้นกว่านี้อีกแล้ว
“ทำไมเจ้าไม่ตอบ?!” อีกคนตะโกนลั่น
“การมาที่สำนักเทพสวรรค์และทำตัวหยิ่งผยองเจ้ากี้เจ้าการตระกูลหวังของเจ้าถือว่าที่นี่เป็นสถานที่แบบไหน? แล้วทำไมข้าต้องก้มหัวให้กับพวกเจ้าด้วย” สือฮ่าวมองไปที่พวกเขา
“คนของตระกูลหวังมาที่สำนักเทพสวรรค์เพื่อทำเรื่องชั่วร้ายอะไร? ทำไมก่อนหน้านี้ข้าไม่เห็นพวกเจ้าที่กำแพงสวรรค์สีชาด?”เฉาอวี่เซิ่งไม่สามารถอดกลั้นได้จึงเหยียดหยามพวกเขาโดยตรง เขายังไม่ได้กลับไปที่สำนักปราบชญ์
“เจ้าหนูข้าไม่ได้คุยกับเจ้า หุบปากของเจ้าซะ!” ชายชราหวังเทียนหมิงกล่าวพลางกวาดสายตาไปที่เฉาอวี่เซิ่ง
“ นี่คือสำนักเทพสวรรค์ข้าสามารถพูดอะไรก็ได้ที่ข้าต้องการมันเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า? ไม่ใช่ว่าที่นี่คือตระกูลหวังขอเจ้า หากเจ้าทุกคนต้องการแสร้งว่าสูงศักดิ์และยิ่งใหญ่จงกลับไปในพื้นที่ตระกูลอมตะของเจ้า! เฉาอวี่เซิ่งกล่าวด้วยความแข็งกร้าวไม่แพ้กัน
"หุบปาก!"หวังเทียนหมิงปล่อยเสียงตะโกนสั้น ๆเขาใช้เสียงเต๋าเสียงของเขาเหมือนฟ้าร้องทำให้แม้แต่อากาศก็ยังสั่นสะท้าน
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป เขาพยายามทำอะไรกันแน่?
นี่คือสำนักเทพสวรรค์!ทุกคนตกใจ
“พูดสิทำไมพวกเจ้าถึงออกจากสนามรบกลับมาด้วยตัวเองกลายทหารหนีทัพ” ใครบางคนข้างๆหวังเทียนหมิงส่งเสียงคำรามต่ำ
สถานการณ์นี้เลวร้ายมาก พวกเขาไม่ได้ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแต่พยายามทำลายชื่อเสียงของสือฮ่าวและคนอื่น ๆ
“ตระกูลหวังของเจ้าเอาแต่ใจเกินไปแล้ว! นี่คืสำนักเทพบนสวรรค์เจ้ามีสิทธิอะไรที่จะมองว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์ที่นี่? พวกเจ้าอยากทำอะไรกันแน่!”สือฮ่าวถามคำถามกลับไปพร้อมกับด่าอีกฝ่าย
ตอนนี้สำนักเทพสวรรค์เงียบสงบ ผู้บ่มเพาะสองสามคนเดินผ่านไปมองไปที่ผู้คนจากตระกูลหวังพวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าเหตุการณ์ในวันนี้แปลกเกินไป
“โลกเปลี่ยนไปฝ่ายต่างมิติบุกเข้ามา เรากำลังออกลาดตระเวนไปยังดินแดนต่างๆเพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น สำนักเทพสวรรค์เป็นสถานที่สำคัญดังนั้นเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว เราจำเป็นต้องสอบปากคำเจ้าอย่างจริงจัง” หวังเทียนหมิงตอบกลับอย่างใจเย็น
จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมและตะโกนออกมาว่า“ผู้คนตั้งมากมายทำไมเหลือเพียงพวกเจ้าแค่นี้? เป็นเพราะพวกเจ้าหลบหนีออกจากสนามรบโดยไม่ได้รับอนุญาต? จับพวกมันและตรวจสอบอย่างเคร่งครัด!”
การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปนี่จริงจังเกินเหตุคนของตระกูลหวังต้องการจัดการกับสือฮ่าวให้ได้
มีคนไม่กี่คนที่รู้ว่านี่คือการแก้แค้นตระกูลหวังต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อจับ สือฮ่าวนี่เป็นข้ออ้างในการจัดการกับเขา
"ดื้อด้าน!" สือฮ่าวตะโกน
ในเวลาเดียวกันเฉาอวี่เซิ่งก็โกรธมาก เขาตะโกนออกมาอีกครั้ง
“พวกขี้ขลาดข้าไม่เห็นพวกเจ้าแม้แต่คนเดียวในสวรรค์สีชาดแต่ตอนนี้พวกเจ้าจะกล้ามาอวดเบ่งนี่? หากเจ้ามีความกล้าก็ไปในสนามรบ! แค่กลุ่มคนขี้ขลาดเท่านั้น!”
สือฮ่าวคิดย้อนกลับไปอย่างรอบคอบเขาไม่เห็นคนของตระกูลหวังใน สวรรค์สีชาดเป็นไปได้ไหมว่าหลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงแตรมังกรบรรพบุรุษพวกเขาไม่ส่งใครมาเลยแม้แต่คนเดียว!?
นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เมื่อการต่อสู้ในเขตแดนรกร้างมาถึงอาจมีผู้ทรยศในฉากหลังของเก้าสวรรค์สิบพิภพสิ่งนี้ทำให้เกิดเงามืดขึ้นเหนือจิตใจของสือฮ่าว
หวังเทียนหมิงกล่าวอย่างเย็นชา“กลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างเจ้าจะเข้าใจแผนการของบุคคลสำคัญได้อย่างไร? เราได้รับคำสั่งให้ลาดตระเวนสถานที่แห่งนี้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเก้าสวรรค์ปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนฉวยโอกาสสร้างความโกลาหล ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะอธิบายสิ่งต่างๆให้เจ้าทุกคนเข้าใจ รีบสารภาพมาทำไมหนีจากสนามรบ จับกุมพวกเขาทั้งหมดเดี๋ยวนี้!”
ชายวัยกลางคนหลายคนรอบตัวพวกเขาเดินขึ้นมามีปราณอันทรงพลังที่ปลดปล่อยออกจากร่างกายของพวกเขา พวกเขากำลังจะปราบปรามสือฮ่าวและคนอื่น ๆ
“ตระกูลหวังกล้าปีนขึ้นมาบนหัวของเราพวกเจ้าคิดว่าไม่มีใครในสำนักเทพสวรรค์อีกแล้วเหรอ!” ไม่ไกลออกไปเสียงเย็นเยือกดังขึ้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินออกมา
เป็นผู้อาวุโสจากสำนักเทพสวรรค์ ผู้อาวุโสคนอื่นๆทั้งหมดออกไปหลังจากที่เสียงแตรมังกรบรรพบุรุษดังขึ้น พวกเขาทั้งหมดก็เดินตามเรือรบไปยัสวรรค์สีชาดเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้
อาจกล่าวได้ว่าสำนักเทพสวรรค์นั้นไม่เหลือใครอย่างยิ่งโดยทิ้งผู้อาวุโสเพียงคนเดียวไว้คอยดูแลสถานที่แห่งนี้ปกป้องคนรุ่นหลัง ทำเช่นนี้เพื่อให้มีโอกาสที่ดีขึ้นในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่
“สหายเต๋าไม่เจอกันนานเลย” ในเวลานี้ผู้เฒ่าสองคนเดินออกมาจากความว่างเปล่า คนเหล่านี้มีขั้นพลังอยู่ในอาณาจักรผู้ยิ่งใหญ่ตอนนี้ขวางเส้นทางของผู้อาวุโสคนนั้นไว้
ตระกูลหวังบ้าไปแล้วเหรอ?
นี่คือสิ่งที่ทุกคนคิดตระกูลหวังกำลังทำทุกอย่างเพื่อจัดการกับสือฮ่าวและคนอื่น ๆ แม้ว่าระดับผู้อาวุโสจากสำนักเทพสวรรค์จะลงขัดขวาง แต่พวกเขาก็ยังยืนยันที่จะดำเนินการต่อ
"ชั่วช้า!" ผู้อาวุโสของสำนักเทพสวรรค์รู้สึกโกรธอย่างแท้จริงตระกูลหวังล้ำเส้นเกินไปแล้ว
“สหายเต๋าโปรดใจเย็น ๆ อย่าใจร้อนเรามาจับกุมคนเหล่านี้ เพื่อให้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกสักหน่อย เสร็จเรื่องแล้วข้าจะปล่อยพวกเขากลับมาเอง” ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ
“พวกเจ้าอยากทำอะไรกันแน่” ผู้อาวุโสของสำนักเทพสวรรค์กล่าวอย่างเย็นชา สถานการณ์ชัดเจนเกินไป ตระกูลหวังมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา
“มันเป็นสงครามเต็มรูปแบบ! สือฮ่าวต่อสู้นองเลือดในแนวหน้าเอาชนะผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์สิบคนจากอีกด้านหนึ่งอย่างต่อเนื่อง แสดงพลังให้กับ เก้าสวรรค์ของเราในขณะเดียวกันตระกูลหวังของเจ้าอยู่ที่ไหน? พวกเจ้าเอาแต่ซ่อนตัวและลอบแทงข้างหลังพวกเดียวกันยังมีความละอายใจเหลืออยู่หรือไม่!”เฉาอวี่เซิ่งกล่าวด้วยความโกรธ ปกติเขาเป็นคนร่าเริงแต่ตอนนี้เขาโกรธมากจริงๆ
ทุกคนสะเทือนใจสือฮ่าวสู้รบครั้งใหญ่ที่ชายแดน? ความสำเร็จนั้นยอดเยี่ยมมาก เมื่อกองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากันเขาได้สังหารราชาของอีกฝ่ายถึง 10 คน!
“มันเป็นคำพูดด้านเดียวของเจ้าแล้วใครจะเชื่อกัน? ข้าต้องจับกุมพวกเจ้าทั้งหมดไปสอบสวนหลังจากนั้นความจริงจะถูกจะเผยออกมา!”หวังเทียนหมิงกล่าว
ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อตกอยู่ในกำมือของพวกเขาสือฮ่าวจะไม่มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะไม่ตายเขาก็จะต้องพิการ
“หลายคนสามารถเป็นพยานได้อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของตระกูลต่างๆได้กลับมาทั้งหมดแล้วพวกเขาทั้งหมดก็กลับไปที่ตระกูลของตัวเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะแพร่กระจายไปทั่วเก้าสวรรค์ในไม่ช้า”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ผู้อาวุโสสองคนของตระกูลหวังและหวังเทียนหมิงก็สะดุ้ง อย่างไรก็ตามพวกเขาสงบลงอย่างรวดเร็วโดยยังคงยืนยันที่จะสอบปากคำสือฮ่าวต่อไป
“สือฮ่าวบอกเราทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสนามรบ” ผู้อาวุโสของสำนักเทพสวรรค์กล่าว
สือฮ่าวม่ได้ซ่อนอะไรเลยเขาพูดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนสวรรค์สีชาด ทำให้ลมหายใจของหลายๆ คนหนักหน่วงขึ้นพวกเขากระวนกระวายและตื่นเต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้ยินว่าราชันย์สวรรค์อาทิตย์ม่วงลู่หงและคนอื่นๆ ถูกฆ่าตายในสนามรบจิตใจของพวกเขาจมดิ่งลง คนเหล่านี้เป็นคนรุ่นใหม่ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่จริงๆแล้วพวกเขาก็ร่วงหล่นไปที่นั่น
เมื่อพวกเขาได้ยินสือฮ่าวพูดอย่างใจเย็นเกี่ยวกับชัยชนะสิบครั้งของตัวเองทุกคนสามารถจินตนาการถึงฉากการต่อสู้ครั้งใหญ่ พวกเขาทั้งหมดสามารถรู้สึกถึงเลือดที่ร้อนและเดือดพล่านอยู่ในตัว
“นี่เป็นเพียงความจริงด้านเดียวจากพวกเจ้า เจ้าจะแข็งแกร่งกว่าราชันย์สวรรค์อาทิตย์ม่วงหรือลู่หงมากแค่ไหน? พวกเขาถูกฆ่าตายในสนามรบ แต่เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยแม้จะพูดถึงชัยชนะสิบครั้งต่อเนื่องก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำโกหก ในความคิดของข้าเจ้ากำลังซ่อนสิ่งต่างๆอยู่แน่นอน!” หวังเทียนหมิงพูดอย่างไร้อารมณ์ เขายืนยันที่จะจับสือฮ่าวและทำการสอบสวน
“ตระกูลหวังพวกเจ้าพยายามทำอะไรกันแน่? เป็นไปได้ไหมที่เจ้าต้องการทรยศต่อเก้าสวรรค์กำลังจะก่อกบฏ!” ในเวลานี้ผู้อาวุโสเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในสำนักเทพสวรรค์ไม่สามารถอดกลั้นตัวเองไว้ได้อีกต่อไปเขาปะทุขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว เป็นเพราะข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายนั้นไร้สาระโดยสิ้นเชิง
“แค่พูดตรงๆว่าเจ้าอยากทำอะไร!” สือฮ่าวตะโกน
“มารดาพวกเจ้าไม่มีใครสักคนจากตระกูลหวังในสนามรบ แต่พวกเจ้าทุกคนกำลังเดินส่ายก้นอยู่ข้างหลังโดยมีเป้าหมายเป็นฝ่ายเดียวกัน เจ้าพวกเศษสวะ!”เฉาอวี่เซิ่งตำหนิด้วยความโกรธ
ใบหน้าของหวังเทียนหมิงมืดลงอย่างมากเพราะนี่เป็นการดูหมิ่นกันซึ่งๆหน้า แต่เขาก็ไม่สามารถแก้ตัวได้ เขาได้รับคำสั่งว่าถ้าเขามีโอกาสเขาต้องจับสือฮ่าวริบเอาคัมภีร์อมตะมาให้ได้!
นี่เป็นคำสั่งจากบรรพบุรุษเก้าของตระกูลหวังจากบุตรชายของเซียนอมตะหวังโดยตรง
เป็นเพราะพวกเขาได้ข่าวว่าสือฮ่าวได้รับคัมภีร์อันน่าสะพรึงกลัวจากป่าหินทางตอนเหนือซึ่งเป็นไปได้ว่าเป็นคัมภีร์อมตะ!
นี่เป็นการอนุมานจากเซียนอมตะหวังด้วยตัวเอง!
คัมภีร์นี้มีความสำคัญมากเกินไปหากเซียนอมตะหวังบรรพบุรุษของตระกูลได้รับมันเขาอาจจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตความเป็นอมตะและกลายเป็นเซียนที่แท้จริงไปในที่สุด!
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหลังจากที่ตระกูลหวังทราบเรื่องนี้พวกเขาก็ไม่ลังเลที่เสียสละได้ทุกอย่าง แม้ว่าพวกเขาจะทำให้ใครขุ่นเคืองต่อต้านพวกเขา พวกเขาก็ยังไม่ยอมถอยพวกเขาต้องได้รับพระคัมภีร์นั้น
ตราบใดที่เซียนอมตะหวังบรรลุความเป็นเซียนหลุดพ้นพันธนาการของความเป็นมนุษย์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอำนาจใด ๆ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ไม่มีใครสามารถบรรลุความเป็นอมตะได้ เมื่อก้าวเข้าสู่ระดับนั้นผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับจะมากมายอย่างคาดไม่ถึง!
นั่นคือเหตุผลที่คนของตระกูลหวังมาเฝ้าดูสถานที่แห่งนี้
“คำพูดเหล่านี้จะสร้างปัญหาให้ตัวเจ้าเอง!” หวังเทียนหมิงมองไปที่ผู้อาวุโสของสำนักเทพสวรรค์ โดยปกติเขาปฏิบัติต่อผู้อาวุโสคนนี้ด้วยความเคารพอย่างสูง แต่ตอนนี้เขาทำราวกับว่าอีกฝ่ายไม่มีความสำคัญเลยเพราะมีผู้เชี่ยวชาญที่ยอดเยี่ยมสองคนจากตระกูลวังอยู่ที่นี่!
ยิ่งไปกว่านั้นอาจมีบุคคลในเก้ามังกรจากตระกูลวังมาเอง!
“ช่างดันทุรังอย่างแท้จริง ตระกูลหวังเนื่องจากพวกเจ้าทุกคนต้องการทรยศต่อเก้าสวรรค์สิบพิภพพวกเจ้าควรเตรียมการเพื่อรับการโจมตีจากทุกฝ่ายให้ดี!” ผู้อาวุโสของสำนักเทพสวรรค์ตะโกนบอกตรงๆว่าจะสู้
“ใส่ร้ายเรา เจ้าไม่ควรทำแบบนี้จริงๆ” ผู้อาวุโสสองคนจากตระกูลหวังก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขา พวกเขาปลดปล่อยปราณต่อสู้ออกมาทำให้ผู้อาวุโสสำนักเทพสวรรค์ไม่สามารถช่วยสือฮ่าวได้
ทุกคนต่างสั่นสะท้านตระกูลหวังกำลังจะฉีกหน้าทุกคนยืนยันที่จะจัดการกับสือฮ่าว ตอนนี้ผู้อาวุโสใหญ่ผู้อาวุโสรองและคนอื่น ๆ ทั้งหมดไปร่วมในการต่อสู้ยังไม่กลับมา สถานการณ์เลวร้ายที่สุด
“เจ้าจะมัดมือมัดเท้าตัวเองหรืออยากให้เราจัดการให้” หวังเทียนหมิงเอามือไพล่หลังเดินไปทีละก้าว ทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของเขา
“ฮวงเจ้าคนทรยศรวบรวมสิ่งที่โกหกแม้กระทั่งพูดถึงชัยชนะต่อเนื่องสิบครั้งวันนี้ข้าจะเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของเจ้าเอง!” ชายหนุ่มของตระกูลหวังกล่าวด้วยเสียงหัวเราะเยือกเย็น
“ไสหัวไป! ตอนที่เรากำลังต่อสู้ในสนามรบตัวบัดซบอย่างเจ้าทำได้แค่เล่นซ่อนแอบอยู่ด้านหลัง!”เฉาอวี่เซิงตะโกน
“ข้ายืนอยู่ที่นี่ข้าต้องการเห็นว่าใครสามารถแตะต้องข้าได้!” สือฮ่าวกล่าวอย่างเยือกเย็นและสงบนิ่ง
“ฮ่าๆ อวดดีจริงๆ เป็นเพียงคนรุ่นใหม่แม้ว่าการบ่มเพาะของเจ้าจะเหนือล้ำกว่าคนอื่น แต่ต่อหน้าพวกเราเจ้าจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้ว่าเจ้าจะกลายร่างเป็นมังกรก็ตาม!” หวังเทียนหมิงกล่าวอย่างเย็นชา เขานำชายวัยกลางคนหลายคนไปข้างหน้าโดยต้องการจบเรื่องนี้
“ข้าขอเตือนเจ้าถ้าก้าวมาอีกก้าวเดียวเจ้าจะถูกฆ่าทันที!” สือฮ่าวกล่าวอย่างจริงจัง
ทุกคนต่างตะลึงสถานการณ์เลวร้ายถึงที่สุดแต่ สือฮ่าวก็กล้าที่จะพูดเช่นนี้!
“ฮ่าฮ่า…” หวังเทียนหมิงคำรามพร้อมกับเสียงหัวเราะ จากนั้นการแสดงออกของเขาก็กลายเป็นเย็นชาเขาเดินไปข้างหน้าและพูดว่า "ข้าจะจัดการเจ้าเองเจ้าจะทำอะไรได้!"
"ฆ่า!" สือฮ่าวปล่อยเสียงตะโกนเบา ๆ
ใบหน้าของหวังเทียนหมิงแสดงความเย้ยหยัน เดิมทีเขาเป็นคนใจเย็นมาก แต่ตอนนี้เขาหยุดนิ่งทันทีและจากนั้นเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชก็ดังขึ้น
พื้นดินแตกสลายออกหอกสงครามสีดำที่โหดเหี้ยมพุ่งออกมาจากใต้ดินเจาะทะลุตัวเขา
ปู!
มันยกเขาลอยขึ้นไปในอากาศ
“เจ้ากล้าประพฤติชั่วในดินแดนของข้า เจ้าต้องได้รับการลงโทษ!” มดตัวน้อยสีทองที่นิ่งเงียบมาตลอด เวลานี้ได้ปรากฏตัวขึ้นนำทางนักรบโบราณหลายคนในชุดเกราะสีดำเดินออกมาจากใต้ดิน
(ขอโทษที่ลงช้านะครับ พาคนแก่ไปหาหมอมา)