ตอนที่ 52 - การมาถึงของยุคที่โหดร้าย
ตอนที่ 52 - การมาถึงของยุคที่โหดร้าย
กำแพงสวรรค์สีชาดยังคงเหมือนเมื่อก่อนเต็มไปด้วยความตายอยู่ทุกที่
เมืองโบราณอยู่ในซากปรักหักพัง เหวขนาดยักษ์สีดำยังอยู่ที่เดิม ร่างหลายร้อยคนยังยืนอยู่ที่นั่นเงียบสนิทและเย็นชาราวกับรูปปั้นของเทพปีศาจ
ทางด้านเก้าสวรรค์ทุกคนจากไปนานแล้วไม่มีใครปกป้องสถานที่แห่งนี้
จิ!
หม้อหลอมเซียนส่องแสงสีทองหลังกลับออกมาจากกำแพงแห่งความโกลาหล!
"เกิดอะไรขึ้น?" ร่างนับสิบที่เดิมเงียบสงบทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปยังหม้อหลอมเซียนที่อยู่ใกล้ ๆ พบว่ามันยากที่จะสงบลงพวกเขาทั้งหมดเพิ่งรอดชีวิตออกจากสถานการณ์คับขัน
หือ!
พายุคำรามผ้าห่อศพราชาอมตะกระพือปีกลมแรงพัดไปมา แต่ไม่เข้าใกล้สถานที่แห่งนี้
“เราเข้าไปข้างในและค้นพบเบาะแสบางอย่าง” ภายใต้หม้อหลอมเซียนกลุ่มที่เหลือรอดเปิดเผยความลับ พวกเขามองไปยังผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งและคนอื่น ๆ อยากจะฆ่าพวกเขาจริงๆ
ที่ขอบฟ้าผ้าห่อศพถูกเก็บไว้ผู้อาวุโสใหญ่ สือฮ่าวและคนอื่นๆเปิดเผยร่างที่แท้จริงของพวกเขา
ทั้งสองฝ่ายจ้องมองซึ่งกันและกันต้องการที่จะฆ่าอีกฝ่ายให้ได้
“มันน่าเสียดายจริงๆ ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงตัดสินใจที่จะไม่ตอบสนองต่อคำขอของพวกเรา?นางมีส่วนร่วมในการต่อสู้ในตอนนั้นอย่างชัดเจน ทำไมตอนนี้นางถึงมีทัศนคติแบบนี้” หลานเซียนกล่าวอย่างเสียใจ
“วิญญาณที่บรรลุความเป็นอมตะได้ บุคคลเหล่านี้เป็นคนละคนกับในอดีต” ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งถอนหายใจ เขายังเต็มไปด้วยความเสียใจหากสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติถูกฆ่าในโลกโบราณ และสูญเสียหม้อหลอมเซียนไปการเดินทางครั้งนี้จะสมบูรณ์แบบจริงๆ
“ไปเราจะคุยกันตอนกลับ ท่านบรรพบุรุษใช้พลังมากเกินไปแล้ว” ถัดจากเหวผู้อาวุโสหัวหน้ากลุ่มกล่าวเบาๆ
“เมื่อพรมแดนรกร้างถูกทำลายนั่นจะเป็นตอนที่เก้าสวรรค์ถูกกำจัด!”
พวกเขาข้ามมาโดยมีวัตถุประสงค์ในใจ แต่สิ่งต่างๆก็ไม่ราบรื่นเลยทำให้พวกเขาเสียใจอยู่ไม่น้อย
“มารดาของพวกเจ้าไปตายซะ!” เฉาอวี่เซิ่งด่าออกไปเขาไม่เคยแสดงความหวาดกลัวออกมาเมื่อเปิดปากก็ด่าไปที่ผู้นำจากฝ่ายต่างมิติทันที
“เจ้าหนูรอจนกว่ากองทัพที่ยิ่งใหญ่ของฝั่งข้าข้ามไปก่อนเถอะกองทหารของเราจะสังหารผู้ฝึกตนทั้งหมดของพวกเจ้าตัดหัวลงมาให้หมดไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว เราจะปล่อยให้เจ้าได้ใจไปก่อนในตอนนี้!” ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวอย่างเย็นชา
“อย่าทำตัวหยิ่งยโสให้มาก เมื่อวันนั้นมาถึงข้าจะข้ามไปสังหารพวกเจ้าเองสังหารผู้ไม่ดับสูญโค่นบัลลังก์ของบรรพบุรุษพวกเจ้า จงคอยดูต่อไป!”สือฮ่าวพูดอย่างเกลียดชัง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยมีความเกลียดชังมากนักและไม่เคยแสดงความอาฆาตมาดร้ายใคร
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่สามารถกลั้นตัวเองไว้ได้ เขาต้องการที่จะฆ่าศัตรูทั้งหมดกำจัดต้นตอของหายนะและความโกลาหล
ฝ่ายตรงข้ามมองมาที่เขาอย่างเย็นชาเพราะความประทับใจที่เด็กคนนี้ทิ้งไว้นั้นลึกซึ้งเกินไป เขาสังหารราชาสิบคนเพียงลำพังทำให้พวกเขาพ่ายแพ้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน สำหรับเผ่าพันธ์ที่ชอบทำสงครามเหล่านี้ถือเป็นความอัปยศอดสูที่ไม่ธรรมดา
“เมื่อประตูอาณาจักรเปิดคนที่จะตัดหัวเจ้าก็คือข้า!” ในอีกด้านหนึ่งชายหนุ่มที่มีวงแหวนศักดิ์สิทธิ์สีทองอยู่รอบตัวเขาหัวเราะชี้ไปที่สือฮ่าวเขาคือเฮ่าจื่อหมิงนั่นเอง
“เจ้าจะตายในไม่ช้า!” กลุ่มราชาหนุ่มสาวคำรามพวกเขารู้สึกอับอายอย่างยิ่ง
“ข้าสังหารราชาหนุ่มสาวของพวกเจ้าไป 10 คนข้าไม่ถือสาที่จะสังหารเพิ่มอีกสักหน่อย ในสนามรบที่แท้จริงข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคน!” สือฮ่าวกล่าวอย่างเย็นชา
“หยิ่งยโสนัก!”
ราชาหนุ่มสาวเหล่านั้นกำลังเดือดดาลด้วยความโกรธ
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในใต้หล้า? ข้าจะบอกอะไรให้ถึงว่าพวกเราจะเป็นราชาแต่ก็ไม่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของราชาหนุ่มสาวจากฝั่งเรา!”
พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมรับเรื่องนี้เพราะผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงของพวกเขายังไม่ออกโรง
“ย้อนกลับไปถามตระกูลอมตะของพวกเจ้าจะได้ทราบว่าผู้แข็งแกร่งราชาหนุ่มสาวที่แท้จริงของพวกเราน่ากลัวแค่ไหน!”
ในสมัยโบราณก็มีพวกที่อายุยังน้อยแต่พวกเขาสามารถกินดวงดาวได้แล้วบางคนสามารถปรับแต่งร่างกายในดวงอาทิตย์บางคนบุกเข้าทะเลหยินมรณะเพื่อสังหาสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์
ความสำเร็จเหล่านั้นหาที่เปรียบมิได้อย่างแท้จริง!
ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งและผู้อาวุโสจากตระกูลอมตะเคยพูดคุยกันมาก่อนโดยเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีผู้แข็งแกร่งอายุเยาว์ที่ไม่ด้อยกว่าบรรพบุรุษอย่างแน่นอน
บางทีเมื่อราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบข้ามผ่านมา นั่นจะเป็นช่วงที่ให้พวกเขาได้แสดงฝีมือก็เป็นได้!
“เราเป็นราชารุ่นกันเดียวก็จริง แต่ยังมีตระกูลจักรพรรดิอันหลานซือถูและจักรพรรดิหนุ่มของตระกูลโบราณอื่นๆอีก เมื่่อพวกเขากลับออกมาจากการเก็บตัวอัจฉริยะจากเก้าสวรรค์ของเจ้าจะเป็นเหมือนสุนัขและไก่ ฮ่าๆๆ!”
ในอีกด้านหนึ่งมีคนพูดอย่างเย็นชา พยายามดูหมิ่นคนรุ่นเยาว์ของเก้าสวรรค์สิบพิภพ
เมื่อคำพูดเหล่านี้ดังขึ้นผู้คนจากเก้าสวรรค์สิบพิภพต่างก็รู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
ผู้แข็งแกร่งหนุ่มสาวจากฝ่ายตรงข้ามยังไม่เผยตัวออกมานี่มันน่ากลัวแค่ไหน!
“หลังจากที่ต้องสูญเสียสิบครั้งต่อเนื่องพวกเจ้ายังคงมีอารมณ์เห่าอยู่อีกข้านับถือ!”สือฮ่าวมองไปที่พวกเขากล่าวด้วยความไม่ใส่ใจ"ข้ากำลังรออยู่ ข้าจะโค่นพวกเรียกตัวเองว่าราชาก่อนแล้วจึงสังหารผู้ที่มาจากตระกูลจักรพรรดิ!”
“หยุดแสดงความหยิ่งผยอง! เมื่อเราพบกันอีกครั้งในสนามรบอาวุธของเราจะถูกล้างด้วยเลือดของเจ้า!” แม้ว่าราชาหนุ่มสาวจากต่างมิติจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่งนี้ แต่พวกเขาก็ยังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันกลับไปภายใต้การนำของคนรุ่นเก่า
พวกเขาหายไปจากดินแดนสวรรค์สีชาดอย่างไร้ร่องรอย
พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปในดินแดนเก้าสวรรค์ได้ลึกเกินไปเนื่องจากการขัดขวางของกำแพงดินแดนและเต๋าแห่งสวรรค์กำลังปราบปรามพวกเขา จึงป่วยการที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาบุก พวกเขารอคอยจนถึงวันที่อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของพวกเขารวมเข้ากับเก้าสวรรค์สิบพิภพ ในเวลานั้นพวกเขาจะฆ่าศัตรูทั้งหมด!
สือฮ่าวและคนอื่นๆพวกเขาทุกคนสามารถจินตนาการได้ว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่ในอนาคตจะเป็นไปอย่างนองเลือดและขมขื่นเพียงใด
คชา!
ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นฉากที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงตัวสั่นด้วยความกลัว
เหวดำกำลังสั่นสะเทือน มือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นจากนั้นก็ค่อยๆจมลงไปในห้วงลึกสีดำ
“สวรรค์มือขนาดใหญ่นั้นป้องกันเส้นทางไม่ให้ปิด นี่มันน่ากลัวเกินไป!”เกาอวี่เซิ่งตัวอ้วนน้อยร้องออกมา
เมื่อมือขนาดใหญ่นั้นออกจากขอบเหวไปรอยแตกของโลกก็ค่อยๆหายไปด้วย
นี่มันพลังมหาศาลขนาดไหน? มือข้างนั้นค้ำจุนสวรรค์และปฐพีเพื่อรักษาเส้นทางนี้ไว้เป็นเวลานาน! ความแข็งแกร่งนี้ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึง
“กลับกันเถอะ!” หลังจากพูดสิ่งนี้ผู้อาวุโสใหญ่ก็พาพวกสือฮ่าวตัดผ่านมิติกลับไป
พวกเขาข้ามอาณาจักรสวรรค์ทั้งเก้าจากสวรรค์สีชาดไปจนถึงสวรรค์ไร้ขอบเขตด้วยเวลาอันรวดเร็วภายใต้ความสามารถอันศักดิ์สิทธิ์ของผู้อาวุโสใหญ่
ระหว่างทางเด็กหนุ่มสาวจากไปทีละคนทุกคนมีอารมณ์ที่หนักหน่วง พวกเขามุ่งหน้าไปยังตระกูลของตนเพื่อส่งข่าวเนื่องจากนิกายใหญ่ของเก้าสวรรค์ยังไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนสวรรค์สีชาด
รวมถึงขอบเขตดินแดนรกร้างซึ่งเป็นสนามรบที่แท้จริงแล้ว นิกายที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นก็ยังไม่ได้รับข้อมูล
ในที่สุดก็ไม่เหลือผู้คนบนเรือรบแล้วคนส่วนใหญ่ได้จากไป
เมื่อพวกเขากลับไปยังสวรรค์ไร้ขอบเขตผู้อาวุโสใหญ่ก็หายตัวไปพร้อมกับสายฟ้าโดยให้สือฮ่าวและคนอื่นๆกลับไปที่สำนักเทพสวรรค์ด้วยตัวเองบนเรือรบ
“พวกเขากลับมาแล้ว!”
ในสำนักมีคนที่ร้องไห้มองไปบนท้องฟ้า
สือฮ่าว, เกาอวี่เซิ่งและผู้คนอีกไม่กี่คนปรากฏตัวในลานกว้างของสำนักเทพสวรรค์คนอื่นๆมุ่งหน้าไปยังสำนักปราชญ์, สำนักเซียนและบางคนกลับไปหาครอบครัวของพวกเขา เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นพวกเขาทุกคนจึงต้องการรายงานความจริงโดยเร็วที่สุด
“ฝ่ายต่างมิติบุกจริงๆหรือ”
“การต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นหรือไม่? ศัตรูจากอีกฝั่งเป็นอย่างไร”
มีผู้คนมากมายรุมล้อมพวกเขาส่งคำถามอย่างต่อเนื่อง
คนเหล่านี้ไม่มีคุณสมบัติที่จะมุ่งหน้าสู่สนามรบเพราะในตอนนั้นมีเพียงคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่ไปเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์
“ยุคที่โหดร้ายเริ่มขึ้นแล้ว!”คำตอบของสือฮ่าวนั้นหนักหน่วงและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมเจ้าถึงกลับมา?เจ้าไปที่สนามรบไม่ได้ต่อสู้กับอีกฝ่ายหรือเจ้าเป็นคนที่หนีจากสงคราม?” ในเวลานี้เสียงหาเรื่องดังขึ้น
คิ้วของสือฮ่าวกระตุก เขาอดทนต่อคลื่นแห่งความโกรธและหันกลับไป จิตใจของเขาจมดิ่งลงทันทีคนเหล่านั้นดูคุ้นเคยเล็กน้อย
สือฮ่าวจำพวกเขาได้ทันที เมื่อเขาบุกเข้าไปในตระกูลหวังกับผู้อาวุโสใหญ่ก่อนหน้านี้ คนเหล่านี้เป็นคนจากตระกูลของหวังซี
พวกเขามาทำไม?สือฮ่าวคิดย้อนกลับไปโดยไม่สนใจว่าใครจากตะกูลหวังจะออกไปรบ
“พูดสิทำไมพวกเจ้าถึงกลับมาล่ะ? สถานการณ์การสู้รบเป็นอย่างไร” ชายวัยกลางคนที่นำทางถามอย่างเย็นชา
สิ่งนี้ทำให้ความคิดของ สือฮ่าวเปลี่ยนไป สถานการณ์นั้นแปลกมาก เหตุใดคนของตระกูลหวังจึงมาถึงสำนักเทพสวรรค์วิพากษ์วิจารณ์และสั่งการคนอื่น ๆ ที่นี่? เมื่อสงครามครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นนี่เป็นสัญญาณที่อันตรายอย่างยิ่ง!