ตอนที่ 41 - ความผิดปกติครั้งใหญ่
ตอนที่ 41 - ความผิดปกติครั้งใหญ่
ให้อาหารหมู? นั่นเป็นโลหิตที่แท้จริงของบรรพบุรุษเฮ่ออู่ซวง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าในทันที
เจ้าหนูคนนี้มีเจตนาสร้างความอับอายให้แก่พวกเขาอย่างแน่นอน บุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นเฮ่ออู่ซวงเป็นคนที่สูงส่งแม้แต่บรรพบุรุษของพวกเขาจะเข้าพบยังเป็นเรื่องยากลำบาก
หลายคนมองไปที่เฮ่อจื่อหมิงรอให้เขาโจมตี
“เจ้าต้องการบังคับให้ข้าลงมือจริงๆ” เสียงของเฮ่อจื่อหมิงสงบลงรอยยิ้มอันอ่อนโยนหายไปจากหน้าของเขาแล้ว
“เจ้าคิดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนที่ข้าสังหาร? ในสายตาของข้าเจ้าไม่ได้มีความแตกต่างตรงไหน” สือฮ่าวกล่าว
“การทำให้ข้าโกรธไม่ได้เป็นผลดีต่อเจ้าเลย!” เฮ่อจื่อหมิงเดินไปข้างหน้าก้าวใหญ่ แสงสีทองปะทุขึ้นทันทีศีรษะของเขามีผมยาวเหมือนสายน้ำ มันพริ้วไปมาทำให้โลกนี้สั่นสะเทือน
พลังของเฮ่อจื่อหมิงน่ากลัวอย่างยิ่งทำให้ผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ของเก้าสวรรค์สิบพิภพรู้สึกหวาดกลัวจนต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าความแตกต่างของเขากับฝ่ายตรงข้ามมันไกลกันแค่ไหน
“คู่ควรกับการเป็นคนจากตระกูลเฮ่อ สามารถจินตนาการได้ว่าอันหลาน, ซือโถว และตระกูลผู้พิทักษ์โบราณอื่นๆนั้นน่ากลัวเพียงใด อัจฉริยะที่มาจากดินแดนโบราณเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตำนานที่ยังมีชีวิต!” มีคนพูดพร้อมกับถอนหายใจเบาๆรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
สือฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า“อย่างนั้นเหรอ?ข้ารอคอยจริงๆเจ้าเทียบกับเฮ่ออู่ซวงตอนอายุเท่ากันเป็นอย่างไร?”
เฮ่ออู่ซวงแข็งแกร่งเกินไปในสงครามเซียนโบราณครั้งสุดท้ายเขารับหน้าที่ต่อสู้กับทายาทของสิบอสูรผู้ยิ่งใหญ่เพียงคนเดียว และยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถสังหารพวกมันได้ทั้งหมด
ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังคับฟ้ากลายเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตจนถึงปัจจุบัน
“ความรุ่งเรืองของบรรพบุรุษเป็นสิ่งที่ข้าชื่นชมอย่างมาก แต่คนรุ่นหลังอาจไม่จำเป็นต้องด้อยกว่าคนรุ่นก่อน เจ้าจะรู้ในทันทีที่ได้ลอง!” คำพูดของเฮ่อจื่อหมิงเย็นชา
บรรพบุรุษโบราณของตระกูลเฮ่อเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องห้ามเอ่ยนาม แต่ฝ่ายตรงข้ามยังคงเสียดสีอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะให้เขาทนได้อย่างไร
“มาเถอะข้ากำลังต้องการสัตว์เลี้ยงอยู่พอดี ร่างเดิมของเจ้าควรเป็นกระเรียนสีทองใช่หรือไม่? มันค่อนข้างเหมาะกับรสนิยมของข้า”สือฮ่าวกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
เป็นเพราะทั้งสองฝ่ายตั้งตัวเป็นศัตรูกันแล้วจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องใช้คำพูดสุภาพกันอีกต่อไป
สือฮ่าวคิดเช่นไรก็กล่าวออกมาเช่นนั้น หลังจากต่อสู้กับเฮ่ออู่ซวงในตอนนั้นเขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นนกกระเรียนสีทองที่น่ากลัวอย่างมาก แน่นอนว่า นกกระเรียนชนิดนี้แตกต่างจากนกกระเรียนชนิดอื่นๆ อย่างแน่นอน!
ผู้คนจากอีกด้านส่งเสียงขึ้นอย่างไม่พอใจ มีคนอวดดีถึงกับกล้าที่จะจับคนจากตระกูลนั้นไปเป็นสัตว์เลี้ยง
ฮ่อง!
แผ่นดินถูกฉีกออกจากกันเป็นรอยแตกยาวหลายร้อยลี้
เฮ่อจื่อหมิงใช้กำปั้นทุบลงไปที่พื้น แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาเขย่าโลกทั้งใบสนามรบโบราณพังทลายเป็นแถบๆ ทรงพลังขนาดที่ว่าผู้แข็งแกร่งทั้ง 10 คนก่อนหน้ารวมกันยังไม่อาจต่อต้าน!
เขามีบุคลิกที่โดดเด่น แม้ว่าใบหน้าของเขาจะแสดงออกถึงความไม่แยแสแต่แท้ที่จริงแล้วในใจของเขาเริ่มเดือดพล่าน
เพียงหมัดเดียวก็เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้แล้ว!
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของผู้คนจากเก้าสวรรค์สิบพิภพหนาวเหน็บ นี่คือคนจากตระกูลเฮ่อ ยังมีอันหลาน,ซือโถว และตระกูลโบราณอื่นๆที่ยังไม่ปรากฏตัวมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นน่ากลัวเพียงใด
ต๋อง!
สือฮ่าวกระแทกออกไปหมัด กำปั้นขวาของเขาดูเหมือนมันกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชนถล่มสวรรค์และโลก
พวกเขาปะทะกันโดยตรงจากการโจมตีระยะไกล คลื่นกระแทกจากแรงปะทะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในสนามรบ
นี่ยังเป็นการเผชิญหน้าระหว่างรุ่นเยาว์หรือไม่?เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังทั้งสองฝ่ายรู้สึกสะเทือนใจ อายุน้อยแค่นี้ก็มีความสามารถถึงขั้นเย้ยสวรรค์หากเติบโตไปมากกว่านี้จะแข็งแกร่งไปถึงขั้นใด!
หลังจากการระเบิดอย่างรุนแรงทั่วท้องฟ้ากระจัดกระจายไปด้วยเปลวไฟหลากสี พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยหลุมลึกหลายแห่ง ยอดเขาใหญ่กลายเป็นผุยผงราวกับว่าวันแห่งการพิพากษากำลังมาถึง
เมื่อแสงสว่างหายไปโลกก็พังพินาศอย่างสิ้นเชิง มีหลุมดำอยู่ทุกหนทุกแห่งในท้องฟ้าเกิดรอยแยกมิติขนาดใหญ่ที่จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถปิดสนิท ในขณะเดียวกันบนพื้นดินหินหนืดก็พุ่งสูงขึ้นสนามรบพังทลายจนแทบจำไม่ได้
ผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวทั้งสองต่างยืนอยู่ในที่เดิมไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันเมื่อครู่
“เจ้าเกือบทำลายซุปเนื้อสวรรค์ 10 ชนิดของข้า” สือฮ่าวกล่าวติดตลก
“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า!” เฮ่อจื่อหมิงตะโกน เขาเดินผ่านความว่างเปล่าและกดมือไปข้างหน้า
“แม้ว่าเฮ่ออู่ซวงเมื่อตอนอายุเท่านี้ยังไม่มีคุณสมบัติจะกล่าวอย่างหยิ่งผยองกับข้า” ดวงตาของสือฮ่าวสาดประกายแจ่มใสร่างของเขาพุ่งพล่านด้วยพละกำลังเตรียมพร้อมที่จะเริ่มการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
จิ!
มือขวาของเฮ่อจื่อหมิงมีแสงสีทองปกคลุมอย่างหนาแน่นด้วยอักขระลึกลับมากมายดูเป็นประกายสดใส แต่มันทำให้หลายคนสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ดวงตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ทั้งสองคนไม่ยอมพลาดแม้สักเสี้ยววินาที
“คัมภีร์อมตะ!” สือฮ่าวพูดกับตัวเอง เขารู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิชาแบบไหน ตามที่คาดไว้เฮ่ออู่ซวงนำคัมภีร์ครึ่งเล่มหลังกลับไปและสามารถหาวิธีฝึกฝนมันจนได้
แม้แต่ลูกหลานของเขาก็ยังได้ศึกษาเรื่องนี้สามารถเห็นได้ว่าคัมภีร์นี้มีความสำคัญเพียงใด!
สือฮ่าวเคยใช้มันมาก่อนเช่นกัน แต่เขาไม่ได้เปิดเผยมันออกมาอย่างเต็มที่เขาซ่อนอักขระไว้ในเนื้อหนังไม่ให้คนอื่นเห็น
“วิชาฝึกฝนร่างกายของตระกูลเฮ่อนั้นไม่มีใครเทียบได้ พวกเขาศึกษาวิชาด้านนี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กจากคัมภีร์ลึกลับบางอย่างตอนนี้เขาได้แสดงมันออกมาแล้ว!” ใครบางคนกล่าวอย่างเงียบ ๆ
“ข้าจะให้เจ้าเข้าใจว่าสวรรค์และโลกห่างไกลกันแค่ไหน คนของตระกูลเฮ่อไม่สามารถเย้ยหยันได้!” เฮ่อจื่อหมิงพูดอย่างเย็นชาพลางยกมือขึ้น
คัมภีร์อมตะนั้นน่ากลัวอย่างยิ่งสามารถทำให้เนื้อหนังของผู้ที่ฝึกฝนไม่อาจถูกทำลายและคงอยู่บนโลกตลอดไป เฮ่อจื่อหมิงเตรียมใช้วิชาฝึกฝนร่างกายที่ทรงพลังที่สุดเพื่อสังหารชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา
สือฮ่าวไม่สนใจเพราะเขาเข้าใจคัมภีร์นี้เช่นกันและอยู่ในระดับลึกล้ำมากยิ่งกว่าเฮ่อจื่อหมิง เพราะเขาศึกษามันตั้งแต่ต้น!
ฮ่อง!
ทันใดนั้นเกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ออกมาจากด้านล่างของเหวดำสนิท มีม้าหุ้มเกราะจำนวนมากวิ่งออกมาพร้อมกับเสียงแตรดังขึ้น
“กำแพงของชายแดนรกร้างถูกทำลายแล้ว พวกเราสามารถถอนทัพจากที่นี่เพื่อไปสังหารศัตรูในฝั่งนั้นได้แล้ว!” มีคนตะโกนเขย่าดินแดนสวรรค์สีชาด
นี่เป็นเหมือนฟ้าผ่าในตอนที่อากาศแจ่มใส ใบหน้าของผู้คนจากเก้าสวรรค์สิบพิภพตกตะลึงและซีดขาวลงอย่างรวดเร็ว
“เฮ้เฮ้ฮ่าฮ่า…” เฮ่อจื่อหมิงลดฝ่ามือลงคำรามดังขึ้นไปบนท้องฟ้า“เราทำสำเร็จแล้ว! นี่คือข่าวที่ข้าอยากจะประกาศ ผู้อาวุโสทั้งหลายเราสามารถไปฆ่าศัตรูได้แล้ว!”
ร่างโบราณขยับทีละนิดถอยลงไปในเหว
ชายแดนรกร้างอยู่ที่ไหน? สุดขอบของสามพันแคว้น!
ตามเหตุผลปกตินั่นเป็นเส้นทางที่สำคัญที่สุดในการเข้าสู่เก้าสวรรค์สิบพิภพ!
สถานการณ์ฉุกเฉินของสวรรค์สีชาดเป็นเพียงการแสร้งทำเป็นโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเพราะแม้ว่าพวกเขาจะทะลุผ่านสถานที่แห่งนี้ไปได้ แต่พวกเขาก็ยังคงถูกหยุดโดยกำแพงอาณาจักรไม่สามารถเข้าไปลึกได้จริงๆ
อย่างไรก็ตามสามพันแคว้นนั้นแตกต่างกัน การต่อสู้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันฝ่ายตรงข้ามจะเข้ายึดพื้นที่แห่งนั้นเสมอ เพราะว่าพวกมันสามารถสร้างที่อยู่อาศัยในระยะยาว!
หากไม่ใช่ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งจำนวนมหาศาลจากเก้าสวรรค์สิบพิภพประจำการอยู่ที่นั่นคงถูกพวกจากต่างมิติบุกเข้ามานานแล้ว
“พวกมันดึงพวกเรามาที่นี่โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเราไปช่วยเหลือชายแดนรกร้าง” ในด้านของเก้าสวรรค์สิบพิภพมีใครบางคนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือรู้สึกเป็นทุกข์อย่างสุดซึ้ง สวรรค์และโลกนี้ดูเหมือนจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
สัตว์ประหลาดโบราณของตระกูลอมตะทุกคนเงียบขรึมแสดงออกอย่างเคร่งเครียดจริงจัง
“แผนภาพสิบพิภพและผ้าห่อศพราชาอมตะอยู่ที่นี่เราไม่สามารถสนับสนุนชายแดนรกร้างได้ในทันเวลา สิ่งต่างๆคงต้องคิดเผื่อไว้ในทางร้าย” ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจ
ดวงตาของเขาเผยให้เห็นรัศมีแห่งสวรรค์ “ อย่างไรก็ตามแดนรกร้างเป็นสถานที่แบบไหน? นี่คือสิ่งที่เจ้าทุกคนควรเข้าใจอย่างชัดเจน พวกมันไม่อาจฝ่าทะลุอย่างง่ายดาย หากว่าพวกเราเสริมกำลังในตอนนี้น่าจะยังทันท่วงทีอยู่!
"ไป! เราจะออกเดินทางทันที!” ทุกคนพูดตกลงกันด้วยความกังวล
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสองสามคนจากสำนักเซียน,สำนักปราชญ์และและตระกูลอมตะไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก แต่ยังประคองสติกล่าวออกมา
“เรื่องนี้แปลกไปหน่อย”
“หากเป็นอย่างพวกมันว่าสถานการณ์ตรงนี้จะดูเหมือนเด็กเล่นเกินไป” อีกคนพยักหน้า
“จะทำลายกำแพงที่นี่เป็นการลงทุนไม่น้อย ข้าคิดว่าจุดประสงค์หลักของพวกมันยังคงอยู่ที่นี่!” ใครบางคนกล่าวอย่างเงียบ ๆ
ดวงตาของผู้อาวุโสกลุ่มนั้นส่องแสงทีละคนโดยตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง พวกเขามองไปยังพื้นที่วุ่นวายของสวรรค์สีชาด
ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งกล่าวขัดว่า“แม้เราทุกคนจะทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เราไม่มีทางเลือก เราต้องนำแผนภาพ 10 พิภพไปช่วยเหลือชายแดนรกร้างสามพันแคว้นไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหาได้ง่าย ข้าจะทิ้งธงราชาอมตะไว้ที่นี่!”
“ดูเหมือนจะเกิดปัญหาบางอย่างกับฝ่ายตรงข้ามทำให้แผนการบุกสวรรค์สีชาดล้มเหลวซึ่งเป็นสาเหตุที่พวกมันย้ายสถานที่บุกจู่โจม!” ใครบางคนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อสิ่งมีชีวิตต่างมิติบุกจู่โจมสวรรค์สีชาดแทนที่พวกเขาจะยกทัพบุกเข้ามาแต่กลับเลือกใช้วิธีการประลองทีละคู่ ช่างไม่สมเหตุสมผลกลับการลงทุนทำลายกำแพงอันยิ่งใหญ่ เมืองแห่งนี้ต้องมีความลับสำคัญบางอย่าง
เมืองสวรรค์สีถูกสร้างจากกระดูกเซียนอมตะที่แท้จริง คนปกติจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? พวกเขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะปรับแต่งมัน!
ในขณะนั้นคนโบราณในฝั่งนี้ได้ถูกกวาดล้างไปหมดแล้วไม่มีใครกล้ามาที่นี่เพื่อสร้างเมืองอย่างแน่นอน ต่อมาเมื่อมีการเข้าควบคุมเมืองนี้จึงเกิดข้อสันนิษฐานมากมาย แต่ท้ายที่สุดก็ยังหาเหตุผลที่แท้จริงออกมาไม่ได้
ตอนนี้สิ่งมีชีวิตต่างมิติ ทุ่มทุนอย่างมหาศาลเพื่อโจมตีกำแพงเมืองแห่งนี้ แต่ท้ายที่สุดกับเลิกราไปอย่างง่ายๆ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ขาดความสมเหตุสมผล
“เราไม่สามารถให้ความสำคัญกับสถานที่แห่งนี้ได้มากนัก และด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจละเลยชายแดนที่รกร้างของสามพันแคว้น มิฉะนั้นเราอาจทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อกองกำลังต่างมิติบุกและยึดครองโลกของเราทุกอย่างจะสายเกินไป!” ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักปราชญ์เตือนสติ