ตอนที่ 32 -ความสุข 3 ประการ
ตอนที่ 32 -ความสุข 3 ประการ
นี่คือ 'คนต่อไป' อีกครั้ง อย่างไรก็ตามตอนนี้ราชาหนุ่มสาวจากต่างมิติรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่านี้อีกแล้ว!
ก่อนหน้านี้เมื่อสือฮ่าวกล่าวเป็นครั้งแรกหลายคนรู้สึกเหมือนเขากำลังแสวงหาความตายโดยไม่รู้ถึงความใหญ่โตของสวรรค์และโลกดังนั้นพวกเขาจึงเพียงแค่เยาะเย้ยกลับไป
อย่างไรก็ตามตอนนี้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากเริ่มตื่นตระหนก ผลการต่อสู้อยู่ตรงหน้าพวกเขา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระแต่เกิดจากการฆ่าฟันกันจริงๆ ตอนนี้แม้แต่ลูกหลานของอันหลานก็ถูกฆ่าตายแล้ว ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอีกต่อไป ใครจะดูหมิ่นชายหนุ่มคนนี้ได้?
นี่เป็นสิ่งมีชีวิตรุ่นเยาว์ที่น่ากลัวอย่างแน่นอน เป็นผู้ที่สามารถสังหารราชาได้อย่างง่ายดาย
“น่าเกลียดจริงๆมดตัวนี้ต้องการกินมังกรสวรรค์ให้ได้ มีตัวประหลาดโผล่ออกมาจากลูกหลานพวกขี้แพ้!” งูยักษาพบว่าสิ่งนี้ยากที่จะยอมรับเลยพยายามดูแคลนอีกฝ่ายด้วยคำนี้
มันมีลำตัวสีเงินหางงูหนาหนักเคลื่อนไหวไปมา มันเคยคิดที่จะก้าวออกไปต่อสู้กับสือฮ่าวด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้มันรู้สึกไม่ดีบางอย่างรู้สึกหวาดหวั่นต่อสือฮ่าว!
จ้านเฟิงมีเลือดที่แท้จริงหนึ่งในสี่ของตระกูลอันหลานอยู่ในตัวเขามีพลังแค่ไหน? อย่างไรก็ตามเขาก็ยังพ่ายแพ้ หอกทองคำที่ควบแน่นจากเส้นโลหิตที่แท้จริงนั้นแตกสลายและทำให้สิ่งมีชีวิตต่างมิติจำนวนมากตกใจอย่างแท้จริง
“ฆ่าได้ดี!”
“อันหลานสายเลือดแท้อะไรนั่น? อัจฉริยะที่หมื่นปีอยากจะเจอสักคน ยังคงไม่อาจรอดพ้นมือของฮวงไปได้!”
ฝั่งเก้าสวรรค์สิบพิภพผู้คนมีความสุขเป็นล้นพ้นส่งเสียงเชียร์สือฮ่าวอย่างเต็มที่ ใบหน้าของผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ทุกคนเผยให้เห็นความแจ่มใส ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องนี้ช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจของพวกเขาอย่างแท้จริง
เพราะความพ่ายแพ้ครั้งก่อนทำให้พวกเขารู้สึกหายใจไม่ออก ผู้กล้าหาญตายอย่างน่าสังเวชทีละคนพวกเขาตายตกอยู่ในสนามรบโบราณแห่งนี้สร้างความเสียหายทางจิตใจให้กับทุกคนที่นี่มากเกินไป
ตอนนี้สือฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นคนเดียวเอาชนะศัตรูผู้แข็งแกร่งสามคนอย่างต่อเนื่องสร้างพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้พ่ายก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่กลายเป็นจุดศูนย์รวมใจของทุกคน
"คนต่อไป? เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีใครดูถูกผู้บ่มเพาะในโลกของข้าเช่นนี้ วันนี้พวกเจ้าถูกคนคนเดียวเข่นฆ่าจนแทบจะยกหัวไม่ขึ้น พวกเจ้าทุกคนหวาดกลัวเขามากนักเหรอ?”
ด้านหลังมีร่างที่พร่ามัวยืนอยู่ใกล้กับหุบเหวสีดำราวกับว่ามันเป็นซากศพที่มีชีวิตมาตลอดหลายยุคหลายสมัย อย่างไรก็ตามคำพูดของเขาดังขึ้นทำให้ทุกคนสั่นสะเทือน
เขาไม่ได้ข่มขู่ตะคอกให้ทุกคนหวาดกลัว แต่คำพูดที่เย็นชาแบบนี้ทำให้ผู้รับฟังรู้สึกหวั่นไหวหวาดกลัวอย่างมาก
กลุ่มราชารุ่นหลังเผยสีหน้าละอายใจ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะที่เป็นมนุษย์พวกเขากลับไม่กล้าตอบโต้กลับไป สิ่งนี้ทำให้พวกเขาดูขาดความกล้าหาญเล็กน้อย
“มีอะไรให้กลัว? ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันใครๆก็รู้ว่าโลกของเราให้กำเนิดผู้แข็งแกร่งพรสวรรค์สูงล้ำมามากมายคนเหล่านี้ล้วนสร้างความตกตะลึงมาจนถึงทุกวันนี้ วิธีการของเจ้าหนูนี่เมื่อเทียบกับบุคคลเหล่านั้นมันนับเป็นอะไรได้?” มีราชาหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง
“ฆ่าเขา! เขาไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าลูกหลานของเซียนโบราณขี้แพ้ แม้แต่ผู้อมตะของพวกเขาก็ยังถูกฆ่าทั้งหมด บรรพบุรุษของพวกเขาถูกเข่นฆ่าจนคลานอยู่ใต้เท้าของเรา ในฐานะลูกหลานเขาไม่นับเป็นอะไร มันเหมือนกับวิธีที่เราจัดการกับบรรพบุรุษของเขาเพียงแค่ฆ่าเท่านั้น”
คลื่นพลังแห่งการต่อสู้พุ่งขึ้นสู่สวรรค์ ราชาหนุ่มสาวต่างมิติทุกคนล้วนทะนงตนว่าตนเองเนื้อล้ำกว่าอีกฝ่ายอย่างเทียบไม่ติด พวกเขาตื่นขึ้นมาทันทีโดยต้องการที่จะสังหารสือฮ่าวให้ได้ในรอบถัดไป
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีราชาหนุ่มสองคนที่มีรูปร่างโดดเด่นเป็นพิเศษทั้งสองคนปลดปล่อยพลังความโกลาหลออกมาโอบฝูงชนไว้!
สองคนนี้ตลอดมาไม่เคยพูดอะไรเลยสักคำ ตอนนี้มีแสงสุกใสเป็นประกายปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขา ภายในประกายตานั้นปรากฏเป็นจักรวาลหมุนวนตามวิถีโคจรของดวงดาว
คนเหล่านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่ากลัว!
สือฮ่าวกวาดสายตามอง แต่เขาไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าอาจมีอันตรายอยู่บ้าง พวกเขาอาจเป็นศัตรูรุ่นเยาว์ที่ไม่สามารถประมาทได้
กระดองเต่าเซียนไม่ได้ส่องประกายเพื่อเลือกคู่ต่อสู้ให้กับสือฮ่าวในทันที
เป็นเพราะหลังจากที่เขาชนะสามรอบอย่างต่อเนื่อง นี่ถือได้ว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เขาสามารถพักผ่อนเพื่อฟื้นตัวชั่วระยะเวลาหนึ่ง
นี่เป็นกฎซึ่งเป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นระหว่างสงครามเซียนโบราณในอดีต
อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นการเลียนแบบการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ในช่วงสุดท้ายของสงครามเซียนโบราณอย่างสมบูรณ์ที่สุด
นั่นเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมากจนเหล่าภูตเทพร่ำไห้โหยหวน ราชาอมตะต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตระดับผู้ไม่ดับสูญ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าเศร้า ฝ่ายของเก้าสวรรค์สิบพิภพยังคงพ่ายแพ้
ธงสงครามในอดีตถูกใช้เพื่อห่อศพราชาอมตะถึง 2 คนเลือดที่ไหลย้อมพื้นธงยิ่งทำให้เจตจำนงและความเชื่อมั่นของผู้คนกระจัดกระจาย
การต่อสู้ในครั้งนี้อาจไม่สามารถเทียบได้กับการต่อสู้เมื่อครั้งอดีต แต่ยังคงมีผลอยู่บ้าง ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้อาจเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของโลกใบนี้ในอนาคต
ฝ่ายผู้บุกรุกจากต่างมิติต่างส่งเสียงก่นด่าสือฮ่าวและบรรพบุรุษในขณะที่ฝ่ายเก้าสวรรค์สิบพิภพกำลังส่งเสียงให้กำลังใจ สือฮ่าวยืนอยู่กลางสนามรบกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน
“เจ้าจะแสดงความหยิ่งผยองเช่นนี้เพื่ออะไร? เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาสามารถเผชิญหน้ากับราชาหนุ่มสาวข้างเราคนเดียวได้? เขาจะต้องตายอย่างอนาถแน่นอน ให้เขาต้องชดใช้ในความหยิ่งผยองครั้งนี้!” เสียงร่ำร้องด่าทอจากฝ่ายตรงข้ามยังไม่ลดลง
เดิมทีสือฮ่าวสามารถหยุดได้ แต่เขากลับยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับทวนที่ตั้งตรงเลยรอให้ฝ่ายตรงข้ามคนใหม่ปรากฏตัว
“ก่อนหน้านี้มีคนมากมายในฝั่งของเจ้าที่เป็นดั่งเหมือนดวงอาทิตย์กลางเวหาบางคนมีขั้นบ่มเพาะถึงขั้นเป็นผู้อมตะ แต่เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับโลกของเราพวกเขายังคงพ่ายแพ้หมอบอยู่แทบเท้า บางคนที่โชคดีไม่ตาย แต่พวกเขาก็ยังตกเป็นเชลย บางคนปณิธานแหลกสลายถึงกับยอมตกเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ก็ยังมี” มีคนจงใจหยิบยกเรื่องนี้มาล้อเลียนสือฮ่าวในฐานะลูกหลานของผู้ที่พ่ายแพ้ ผลสุดท้ายคนโบราณช่างน่าสังเวชจริงๆ
ในขณะนี้เหล่านักสู้ของเก้าสวรรค์สิบพิภพต่างหยุดชะงักดวงตาของทุกคนกลายเป็นเปลวไฟจ้องมองคนเหล่านั้นอย่างโกรธเคือง
คนเหล่านี้พยายามทำให้บรรพบุรุษของพวกเขาอับอายครั้งแล้วครั้งเล่า มันยากที่พวกเขาจะทนฟังพวกเขาต้องการล้างความอัปยศให้กับบรรพบุรุษ
“จริงเหรอ? บางคนถึงกับกลายเป็นทาส?” พวกเขาเสแสร้งทำสับสนปรึกษากับคนอื่นเสียงดังแล้วกล่าวว่า“อู๋ ข้าจำได้ว่าบรรพบุรุษในตระกูลของข้ามีทาสที่เดินได้เหมือนศพอยู่คนหนึ่ง ปรากฎว่าเขาเป็นบรรพบุรุษของคนฝั่งนี้!”
เมื่อผู้คนจากเก้าสวรรค์สิบพิภพได้ยินสิ่งนี้ดวงตาของพวกเขาก็กลายเป็นสีแดง
"พอแล้ว!"สือฮ่าวตวาดแม้แต่เขาก็ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป
“ในอดีตบรรพบุรุษของเจ้าชนะการต่อสู้ไม่กี่ครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ความสำเร็จของเจ้า ความอัปยศอดสูของโลกในอดีตจะถูกชะล้างสักวันหนึ่ง!” สือฮ่าวกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
“ฮ่าฮ่า…” ในอีกด้านหนึ่งกลุ่มราชาหนุ่มสาวคำรามด้วยเสียงหัวเราะโดยมีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านความหดหู่และความขุ่นเคืองที่เกิดจากความพ่ายแพ้สามครั้งต่อเนื่อง
สือฮ่าวไม่ได้พูดอะไรเลย เขานั่งลงต้มอาหารหม้อขนาดใหญ่ เขาเติมน้ำจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์จากนั้นก็จุดไฟเซียนขึ้นมาอีกเตา
เขากำลังจะทำอะไร? สองสามคนตกใจ
“นำสินสงครามทุกอย่างของข้ามาที่นี่” สือฮ่าวตะโกนไปทางเฉาอวี่เซิ่ง
ทุกคนรู้ในทันทีว่าเขาจะทำอะไร เฉาอวี่เซิ่งและพวกพากันรวบรวมร่างกายของตะขาบแพะสีทองฯลฯ มาให้สือฮ่าว
นอกเหนือจากนี้สือฮ่าวได้เคลื่อนไหวเป็นการส่วนตัวโดยลากร่างที่พังทลายของจ้านเฟิงผู้สืบทอดตระกูลอันหลานมาไว้หน้าเตา
ร่างเดิมของจ้านเฟิงเป็นสิงโตสีขาวราวกับหยกวิเศษ ตอนนี้มันอยู่ในสภาพยับเยินเช่นเดียวกับตั๊กแตนตำข้าวและแพะสีทองมีเพียงร่างบางส่วนที่เหลืออยู่เพราะพวกมันถูกทุบตีจนระเบิดเป็นชิ้นๆ
สือฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นคนเดียวทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง เขาถลกหนังและล้างทำความสะอาดเนื้อของผู้แข็งแกร่งทั้งสามการกระทำของเขาราบรื่นมองดูก็รู้ว่ามีความชำนาญไม่น้อย
"เจ้ากำลังทำอะไร? คิดจะหยามหยันพวกเราเหรอ!”
ในอีกด้านหนึ่งการเยาะเย้ยเสียงหัวเราะของสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นก็หยุดลงในที่สุด มีบางคนที่อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาไม่สามารถทนดูเรื่องนี้ต่อไป
“นี่คือสินสงครามของข้าเจ้าคิดอยากจะยุ่งเกี่ยวเหรอ? ถ้าเจ้าต้องการพวกมันกลับก็ส่งมอบเมล็ดพันธุ์ที่พวกเจ้าชิงไปกลับมา ไม่เช่นนั้นก็ไสหัวไปซะ!” สือฮ่าวตอบอย่างเย็นชา
ในตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเขากำลังจะทำอะไร มันชัดเจนเกินไป
ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบแพะทองคำและจ้านเฟิงได้รับการปฏิบัติเหมือนวัตถุดิบ หลังจากทำความสะอาดแล้วพวกเขาก็ถูกโยนลงไปในหม้อเพื่อตุ๋น
“เจ้าอยากตาย?” ในอีกด้านหนึ่งมีคนที่กำลังจะบ้าคลั่งคำรามออกมาด้วยความโกรธอย่างแท้จริง
ราชาหนุ่มคนหนึ่งที่เคยมีสง่าราศีได้รับการปฏิบัติเหมือนอาหาร นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุด
“หุบปากของเจ้าไปซะหากเจ้าไม่พอใจก็เสนอตัวมาแทนพวกมัน!” สือฮ่าวตะโกนออกไปโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเตรียมอาหารของเขา
ภายในหม้อต้มเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ทั้งสามเปล่งแสงที่สดใส
นอกหม้อนั้นสือฮ่าวได้เตรียมเปลวไฟเซียนอีกเตาหนึ่งเพื่อใช้ย่างโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นขาแกะทองคำหรือเนื้อสัตว์อีกสองชนิดพวกมันทั้งหมดถูกย่างจนน้ำมันหยดลง เนื้อคุณภาพดีปล่อยกลิ่นหอมอันน่าหลงใหล
มีเพียงสือฮ่าวเท่านั้นที่จะทำอะไรแบบนี้ได้คนปกติจะไม่ปรุงเนื้อของราชาหนุ่มด้วยเปลวไฟเซียน เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขามีนั้นแข็งแกร่งเกินไป
“เจ้า…กล้าทำจริงๆ!” ราชาหนุ่มสาวต่างมิติเหล่านั้นไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่ได้ การตอบโต้ของสือฮ่าวนั้นกะทันหันเกินไปไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยเหตุผลตามปกติ
พวกเขาทำให้คนโบราณของเก้าสวรรค์สิบพิภพได้รับความอับอายโดยกล่าวถึงการที่พวกเขากลายเป็นนักโทษจิตวิญญาณของพวกเขาถูกลบหายไปกลายเป็นเพียงหุ่นเชิดดังนั้นสือฮ่าวจึงแสดงฝีมือนี้เพื่อตอบโต้
พวกเจ้าทั้งหลายเป็นเพียงอาหารของข้า นี่เป็นความหมายที่ชายหนุ่มคนนี้ต้องการแสดงออก ราชาหนุ่มสาวจากต่างมิติไม่สามารถพูดอะไรได้ มันชัดเจนเกินไปเจ็บปวดเกินไปทำให้สิ่งมีชีวิตสองสามตัวปะทุด้วยความโกรธแค้นดวงตาของพวกเขากลายเป็นสีแดงเข้ม
"ดี!" ในด้านของเก้าสวรรค์สิบพิภพหลายคนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
ทุกคนรู้สึกราวกับว่ามีคลื่นความร้อนพล่านอยู่ภายในทำให้เลือดเดือดระอุ การกระทำของสือฮ่าวทำให้พวกเขารู้สึกดีใจหลายคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงคำรามออกมา
ตอนนี้สือฮ่าวไม่ได้ต่อสู้ แต่การกระทำของเขาทำให้หลายคนรู้สึกว่านี่ดีกว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่เสียอีก
“ความประพฤติและการกระทำของเจ้าก้าวข้ามขีดจำกัดของสิ่งที่เรายอมให้ได้ แน่นอนเราจะเฉือนเจ้าเป็นเนื้อสับ!” เสียงคำรามดังออกมาจากกลุ่มราชาหนุ่มสาวต่างมิติ
"ข้ารออยู่นานแล้ว. ใครขึ้นมามันจะลงไปในหม้อนี้ทันที!”สือฮ่าวตอบเช่นนี้พร้อมกับชี้มือไปที่หม้อใบใหญ่
จากนั้นกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ก็ลอยออกมาและมีการปลดปล่อยความกระจ่างใสของพลังศักดิ์สิทธิ์ ต้องบอกว่าแก่นแท้ที่มีอยู่ในราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามนั้นน่าประทับใจมาก
นี่เป็นยาขั้นเทพที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอนเทียบได้กับผลโสมระดับเทพเจ้า
“ข้าเป็นคนคนเดียวในโลกที่ได้ลิ้มรสอาหารจากต่างมิติ อู๋..จริงๆมันก็ไม่เลวนะอร่อยด้วย!”
สือฮ่าวยืนอยู่ในสนามรบเพียงลำพังเริ่มกินเนื้อสีทองชิ้นหนึ่ง พร้อมกับแสงหลากสีอันเป็นมงคลจำนวนมากกระจายออกมา
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” พวกที่อยู่อีกด้านกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดใจ พวกเขาหลายคนรู้สึกโกรธแค้นจนถึงจุดที่พวกเขากำลังจะหน้ามืดสลบไป พวกเขาไม่เคยประสบกับความอัปยศอดสูประเภทนี้มาก่อน
“ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบแพะสีทองและสิงโตสีขาวที่มีสายเลือดแท้อันหลาน พวกมันเป็นสัตว์บกทั้งหมดดังนั้นตอนนี้พวกมันได้รับการปรุงเข้าด้วยกันจึงกลมกลืนอย่างยิ่ง ข้าควรตั้งชื่อให้มันว่าความสุข 3 ประการ ข้าคิดว่าชื่อนี้ค่อนข้างเหมาะสม”
สือฮ่าวกินไปพลางส่งเสียงไปพลาง กลิ่นเนื้อข้นคละคลุ้งกำลังละลายลิ้นของเขา
ในด้านของเก้าสวรรค์สิบพิภพเมื่อทุกคนได้ยินสิ่งนี้พวกเขาก็พูดไม่ออกจากนั้นพวกเขาก็หัวเราะเสียงดัง
“วันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างอนาถแน่นอน ชดใช้ความผิดด้วยเลือด ล้างความอัปยศอดสูครั้งนี้ออกไป!” ราชาหนุ่มคนหนึ่งคำรามออกมา
“เราไม่มีเหล้าเหรอเอาเหล้าชั้นดีมา!” สือฮ่าวเรียกร้องสุราเลิศรส
จิ!
เหล้าองุ่นเซียนถูกส่งมาจากเรือของตระกูลอมตะลำ1 ทันที
สือฮ่าวลุกขึ้นปาดผนึกที่ปากไหจากนั้นจึงยกมันขึ้นดื่มอึกใหญ่
“ความสุข 3 ประการเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย มา..ใครจะขึ้นมาเป็นอาหารให้ข้าอีก ข้าต้องการรวบรวมวัตถุดิบล้ำค่า 10 อย่าง!”
คำพูดที่น่ากลัวเหล่านี้ดังออกมาทำให้พรมแดนของสวรรค์สีชาดสั่นสะเทือน เขากำลังจะเผชิญหน้ากับราชารุ่นหลังจากต่างมิติคนเดียว!