ตอนที่ 27 - ความโกรธเกรี้ยวของสือฮ่าว
ตอนที่ 27 - ความโกรธเกรี้ยวของสือฮ่าว
หลายคนแทบคลั่ง แต่มันยากที่พวกเขาจะแผดเสียงออกมา พวกเขาประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่สี่ครั้งติดต่อกันซากศพของราชาหนุ่มสาวสี่คนนอนอยู่บนสนามรบเหลือเพียงกองเลือดสี่กอง
ในขณะนี้ทุกคนได้สัมผัสแล้วว่าความรู้สึกของผู้คนในยุคสงครามเซียนโบราณครั้งสุดท้ายสิ้นหวังเพียงใด การต่อสู้ประเภทนี้ทิ้งไว้เพียงความเศร้าโศกและความคับแค้นอย่างแท้จริง
พวกเขาหลายคนรู้สึกราวกับว่าความหวังทั้งหมดกลายเป็นเถ้าธุลีมีเพียงความมืดที่ขยายออกไปต่อหน้าพวกเขา
ผู้ที่มีเมล็ดพันธุ์โบราณล้วนพ่ายแพ้เช่นนี้ยังมีความหวังอะไรให้พูดถึง แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกโกรธรู้สึกเสียใจแต่พวกเขามองกลับไม่เห็นแสงสว่าง
ทุกคนเห็นความจริงบางอย่างจากการต่อสู้เหล่านี้ ศัตรูอีกด้านหนึ่งนั้นทรงพลังอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณหรือราชาหนุ่มสาวในโลกปัจจุบันพวกเขาล้วนเหมือนเทพปีศาจที่ไม่มีใครเอาชนะได้
ก่อนหน้านี้สือฮ่าวยังคงรู้สึกโกรธแค้นและมีความเกลียดชังอย่างมาก แต่ตอนนี้การแสดงออกของเขาดูเยือกเย็นไม่พูดอะไรเลยเพียงแต่เฝ้าดูสนามรบด้วยสายตาที่เย็นชา
จิตใจของเขาไม่เคยได้รับความเสียหายหนักขนาดนี้ พวกเขาควรจะต่อสู้อย่างไร? แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกหวาดกลัวราชาหนุ่มสาวของอีกฝั่งแต่เมื่อเอาชนะได้ก็ยังเหลือผู้แข็งแกร่งอีกตั้งหลายคน
เขาเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายพบข้อบกพร่องในเมล็ดพันธุ์โบราณจึงหาวิธีจัดการกับมัน ผลที่ตามมาจึงเลวร้ายสุดขีด
บางทีในอนาคตจะไม่มีใครเลยที่สามารถยืนเคียงข้างเขาเพื่อต่อสู้
จิตใจของสือฮ่าวหนาวเหน็บ แม้ว่าเขาจะได้รับเวลาให้เติบโตขึ้นในวันหนึ่งเขาก็ยังอาจต้องเผชิญกับศัตรูมากมายนับไม่ถ้วนโดยไม่มีสหายคอยช่วยเหลือ
ต่อให้แข็งแกร่งแต่จะสู้เพียงคนเดียวได้อย่างไร? ช่างน่าเศร้าเสียจริงไม่ยุติธรรมแม้แต่น้อย!
"อ่อนแอเกินไป." ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบพ่นคำพูดเหล่านี้ทำลายความเงียบงันมันมองดูศพที่พื้น
“ไม่!” ใครบางคนกรีดร้องออกมา คนเหล่านี้มาจากสำนักเซียนพวกเขาทนไม่ได้จริงๆที่เห็นฉากนี้ หลายคนร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าโศก
“นายน้อย!” นอกจากนี้ยังมีผู้อาวุโสจากตระกูลของเขาคร่ำครวญออกมารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกทำลายไปพร้อมกับการต่อสู้ครั้งนี้
สายลมเย็นพัดผ่านคลื่นแห่งความกระหายเลือดทำให้ทุกคนที่อยู่ด้านนี้รู้สึกสิ้นหวังเช่นเดียวกับความเย็นยะเยือก
“โชคชะตาอยู่ข้างเรา” สิ่งมีชีวิตโบราณจากอีกด้านหนึ่งกล่าว
ตั๊กแตนตำข้าวหันไปรอบ ๆ ทันใดนั้นก็พบว่ากระดองเต่าเซียนปลดปล่อยแสงหลากสีที่ส่องประกายปราณมงคลล้นออกมา
“เครื่องหมายมหามงคล!” สิ่งมีชีวิตโบราณจากต่างมิติทั้งตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน
“คู่ต่อสู้คนต่อไปจะทำให้ชะตากรรมของเจ้ายิ่งใหญ่และลึกซึ้งมันแทบไม่เคยปรากฏออกมาให้เห็น”ผู้อาวุโสบางคนจากต่างมิติกล่าวเสียงสั่น
หลายคนต่างตกใจไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
เป็นเช่นเดียวกับครั้งที่แสดงคำทำนายให้กับวิหคปีศาจสีทอง ครั้งนั้นมันแสดงถึงอันตรายครั้งใหญ่ แต่ตอนนี้มันตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงนั่นคือสัญญาณมงคล!
ซิ่ว!
“ข้าจะเก็บมันไว้แทนเจ้าก่อน” ที่ด้านข้างของอเวจีสีดำสิ่งมีชีวิตโบราณต่างมิติจัดเก็บเมล็ดพันธุ์พลังสีม่วงอันยิ่งใหญ่มาไว้กับตัว แต่ยังคงให้ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบอยู่ในสนามรบต่อไป
“โชคชะตาอยู่ข้างข้า ใครจะขึ้นมาตายคนต่อไป”ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบ เผชิญหน้ากับอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของเก้าสวรรค์สิบพิภพ ดวงตาที่ไร้ความรู้สึกเต็มไปด้วยความดูถูก
กระดองเต่าเซียนพุ่งออกมาด้วยแสงมงคล น่าตื่นตามาก
กระดองเต่าเซียนเป็นของวิเศษที่สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า
ราชาหนุ่มสาวจากต่างมิติรู้สึกอิจฉาตะขาบที่มีโอกาสได้สู้ ทุกคนต่างอยากแย่งชิงโอกาสนั้น
เพียงแต่พวกเขาไม่กล้าทำผลีผลาม บรรพบุรุษโบราณเคยพูดไว้แล้วจึงไม่มีใครกล้าเดินออกมา
ทางด้านเก้าสวรรค์สิบพิภพเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แสงมงคลปรากฏขึ้นสำหรับฝ่ายต่างตรงข้าม แต่มันเป็นหายนะสำหรับพวกเขา
ภายใต้เสียงสะอื้นผู้คนบางคนได้นำร่างที่ถูกทำลายของราชันย์สวรรค์อาทิตย์ม่วงออกไปแล้วปะติดปะต่อร่างเขาเข้าด้วยกันพยายามรวบรวมร่างกายเขาให้สมบูรณ์
เขาตายอย่างนั้นเหรอ? คนของตระกูลนี้เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจแม้แต่คนนอกก็ไม่สามารถเชื่อเรื่องนี้ได้ เมื่อราชันย์สวรรค์อาทิตย์ม่วงถือกำเนิดขึ้นเขาเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่!
“เด็กเอ๋ยเจ้าสนใจในชัยชนะและความพ่ายแพ้มากเกินไป บางทีมันอาจจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ทำร้ายเจ้า…ถ้าไม่มีมันเจ้าอาจมีชีวิตได้นานกว่านี้…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถอนหายใจอย่างโศกเศร้าน้ำตาร่วงหล่น
จิ!
กระดองเต่าเซียนบินออกมาเพื่อเลือกคู่ต่อสู้
ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบไม่ได้ถอนตัวซึ่งหมายความว่ามันจะต่อสู้เป็นรอบที่สอง
“มันคือเขาจริงๆ!”
ทุกคนตกใจเมื่อมองไปทางนั้น
ฉินฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างว่างเปล่า เขากลายเป็นผู้ที่ได้รับเลือกชุดเกราะของเขาปลดปล่อยปราณต่อสู้อย่างเต็มที่ แสงสีเงินสุกสกาวสว่างไสว แม้แต่สิ่งมีชีวิตจากต่างแดนยังอดมองมาที่เขาไม่ได้
“อืมชุดเกราะของเขาแปลกไปหน่อยอาจจะปรับแต่งจากเศษเกราะของราชาอมตะ!” สิ่งมีชีวิตโบราณเผยให้เห็นลักษณะที่น่าตกใจ
“แปลก!ในร่างกายของเขามี…กระดูก? กระดูกสูงส่ง!” บรรพบุรุษโบราณที่อยู่ถัดจากเหวสีดำอุทานด้วยความรู้สึกตกใจอย่างมาก ดวงตาปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขามองเห็นความลึกลับของร่างกายฉินห่าว
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็ตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น กระดูกนั้นน่าจะเป็นของบุคคลที่ยิ่งใหญ่จากยุคที่ผ่านมาตอนนี้ถูกเก็บไว้ในร่างกายของเขาซึ่งยังคงมีพลังชีวิตอยู่
“โชคมหาศาล! กระดูกชิ้นนั้นน่าเกรงขามไม่น่าแปลกใจที่กระดองเต่าเซียนแสดงคำทำนาย เมื่อเขาถูกฆ่า คนที่ฆ่าเขาก็จะได้กระดูกนั้นมา!”
พวกเขาพูดอย่างเงียบ ๆ เข้าใจเหตุผล
“ท่านผู้อาวุโสให้ข้าออกไปสู้เถอะ!” ราชาหนุ่มสาวต่างมิติสองสามคนแสดงความอิจฉาอยากออกไปต่อสู้แทนตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบ
“ฮ่าฮ่า…” ความสงบนิ่งก่อนหน้านี้ของตั๊กแตนตำข้าวหายไปมันหัวเราะอย่างมีความสุข ชี้ไปที่ฉินฮ่าวและพูดว่า "เจ้ามารับความตาย!"
“ข้าต่างหากที่จะฆ่าเจ้า!” ฉินฮ่าวโกรธแค้นสุดขีด เขาเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก ส่วนนี้มองเห็นได้จากการที่เขาเปรียบเทียบตัวเองกับสือฮ่าวอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นมีแขนขวางหน้าเขา แผ่นหลังของเขาหันหน้าเข้าหาสนามรบไม่ให้ฉินฮ๋าวก้าวออกไปต่อสู้
"พี่ใหญ่!" ฉินฮ่าวคำรามออกมา
“เจ้าไปไม่ได้!” สือฮ่าวกล่าวด้วยเสียงต่ำ เขาไม่ได้หันกลับมา แต่จ้องมองไปที่ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบข้างหน้า
“เจ้าต้องการหยุดข้าจากเหยื่อเหรอ ช่างไม่รู้จักความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย!” ดวงตาของตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบดวงตาสาดประกายสีทองเข้มกล่าวอย่างเย็นชา มันยืนอยู่บนก้อนหินขนาดยักษ์มองเห็นสือฮ่าวอย่างชัดเจน
“พี่ใหญ่ให้ข้าฆ่ามัน!” ฉินฮ่าวกล่าว
“ขั้นบ่มเพาะเจ้ายังต่ำเกินไป” สือฮ่าวกล่าว แขนของเขาแข็งแรงมาไม่ปล่อยให้ฉินฮ่าวข้ามไป
เป็นเพราะเขารู้ว่าถ้าน้องชายของเขาเดินไปข้างหน้าเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบ สือฮ่าวไม่สามารถเฝ้าดูน้องชายของตัวเองตายอย่างไร้สาระ
“ข้า…” ฉินห่าวอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
สือฮ่าวโบกมือของเขาไม่ให้ฉินฮ่าวพูดอีกต่อไป เขาเผชิญหน้ากับสนามรบและมองไปที่ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบกล่าวว่า“ข้าเป็นพี่ชายของเขาให้ข้าสู้แทนเขา เป็นไปได้หรือไม่”
“ช่างเป็นเรื่องตลก เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เจ้ามีสิทธิอะไรที่จะหยุดข้าไม่ให้ได้รับกระดูกเซียน? ไสหัวไป!” ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบหัวเราะอย่างเย็นชาเงยหน้าขึ้นแสดงความรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง
"คนๆนี้คือใคร? เขาคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากที่ไหน? การขัดจังหวะการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าช่างเป็นเรื่องตลกไม่รู้ความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย”
ในระยะไกลราชาหนุ่มสาวต่างมิติต่างแสดงความดูถูกต่อสือฮ่าว ไม่ให้ความสำคัญแก่เขา
มีเพียงวิหคปีศาจสีทองเท่านั้นที่รู้สึกถึงคลื่นแห่งความตื่นตระหนกและหนาวสั่นไปทั่วร่างกาย นางมักจะรู้สึกเหมือนจะต้องเผชิญหน้ากับคนๆนี้ในวันนี้อย่างแน่นอน เมื่อคิดเช่นนั้นคลื่นแห่งความกลัวก็คืบคลานเข้าสู่ร่างกายของนาง
ตอนนี้ผู้คนทั้งหลายจากเก้าสวรรค์สิบพิภพถูกมองเป็นเพียงแค่เหยื่อรอถูกเชือดเท่านั้น
“พี่ใหญ่ท่านควรหลบไป!” ใบหน้าของฉินฮ่าวแดงไปหมด เขาจ้องมองสิ่งมีชีวิตในอีกด้านหนึ่งอย่างโกรธเกรี้ยว
“ไม่!” สือฮ่าวไม่ได้ขยับ ยืนอยู่ตรงนั้นป้องกันไม่ให้เขาก้าวไปข้างหน้า
“ชายหนุ่มเจ้าถือว่าที่นี่เป็นสถานที่แบบไหน? หากเจ้ากล้าก่อปัญหาอีกครั้งข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
“พี่ใหญ่รีบออกไป!”ฉินฮ่าวต้องการออกไปต่อสู้ให้ได้
เปง!
สือฮ่าวคว้าแขนของเขาไว้
“ชายหนุ่มเจ้าอยากตายใช่ไหม?” ในอีกด้านหนึ่งเสียงที่ทรงพลังและสง่างามดังขึ้น
ในเวลาเดียวกันผู้อาวุโสใหญ่ก็ใช้พลังต่อต้านด้วยความรุนแรงที่เท่าเทียม
“ข้าจะปฏิบัติตามกฎให้พวกเจ้าดูเอง!” สือฮ่าวตะโกน
ในเวลาเดียวกันเขาก็ส่งเสียงไปยังฉินฮ่าวและพูดว่า“ใช่กระดูกสูงสุดที่ข้ามอบให้เจ้าอย่างเต็มกำลัง!”
"พี่ใหญ่!" ฉินฮ่าวมองไปที่เขา
“เร็วเข้าอย่าเสียเวลา!” สือฮ่าวตะคอกกลับ
ฉินห่าวรู้สึกหวาดกลัวต่อสือฮ่าวอย่างยิ่งไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย
จิ!
แสงศักดิ์สิทธิ์ทรงกลมพุ่งขึ้นฟ้า แพรวพราวอย่างหาที่เปรียบมิได้ สัญลักษณ์สูงส่งถูกขยายออกไปเป็นฉากที่ทำให้สวรรค์ตกตะลึง
ในเวลาเดียวกันสือฮ่าวก็เปิดใช้งานกระดูกสูงส่งในร่างกายของเขาทำให้ญาณวิเศษระดับสูงของกระดูกถูกเปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็ว รัศมีพลังของทั้งสองเหมือนกันอย่างไม่มีใครคาดคิด
เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของพวกเขาเป็นเช่นเดียวกับกระดูกสูงส่งอันล้ำค่า
สือฮ่าวมีญาณโดยกำเนิดสามประเภท ก่อนหน้านี้มอบกระดูกหนึ่งชิ้นให้กับฉินฮ่าว
จิ!
ในขณะนี้กระดองเต่าเซียนเคลื่อนที่มาหาสือฮ่าวอย่างรวดเร็ว
สือฮ่าวปล่อยลมหายใจอย่างโล่งอก มันเป็นไปตามที่เขาสงสัย เขาทำสำเร็จ!
“ตอนนี้หลบไปได้แล้ว!” สือฮ่าวกล่าวกับน้องชายของเขา
"พี่ใหญ่!"
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า!” การแสดงออกของสือฮ่าวนั้นจริงจังเขาสั่งให้น้องชายกลับไปในทันที
ทุกคนตกตะลึง เหตุใดกระดองเต่าเซียนจึงทำเช่นนี้? เมื่อมันเลือกคน แล้วมันเปลี่ยนได้จริงหรือ?
ทุกคนตกตะลึงแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตโบราณต่างมิติก็มึนงงพูดไม่ออกชั่วขณะ
ฉินห่าวยืนยันที่จะต่อสู้ แต่หลังจากถูกสือฮ่าวตะคอกใส่ในท้ายที่สุดเขาก็ก้มศีรษะลงเดินกลับไป
“พี่ใหญ่ท่านต้องระวัง!”
“ไม่ต้องกังวลข้าไม่เป็นอะไร พวกมันต่างหากต้องกังวล!” สือฮ่าวพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบและมั่นใจ
ฉินฮ่าวถอนตัว สือฮ่าวเดินลงสนาม แต่กระดองเต่าเซียนนั้นไม่ได้จากไปโดยปล่อยความงดงามที่ชัดเจนออกมาส่องต้องร่างของสือฮ่าวตอนนี้ทุกคนแน่ใจแล้วว่ามันเลือกเขาจริงๆ
“มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร”ผู้แข็งแกร่งจากอีกฝั่งเคลือบแคลงสงสัย
“พวกเขาเป็นพี่น้องกันมีพลังสายเลือดที่คล้ายคลึงกันซึ่งแทบจะไม่มีให้เห็น ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้รัศมีพลังของพวกเขายังเหมือนกันทุกประการราวกับพวกเขาเป็นคนๆเดียวกัน” สิ่งมีชีวิตโบราณจากต่างมิติอธิบาย
สือฮ่าวเดินไปข้างหน้า คราวนี้ไม่มีใครต่อต้านไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“ฮวงเจ้าต้องชนะ!” จากด้านหลังมีคนตะโกน
พวกเขาสูญเสียผู้แข็งแกร่งอายุเยาว์มากเกินไปทำให้หลายๆคนรู้สึกถึงความเคียดแค้นจนแทบกระอักเลือด พวกเขาต้องการชัยชนะโดยเร็วหวังที่จะกำจัดสถานการณ์นี้
การปรากฏตัวของสือฮ่าวทำให้หลายคนมีความหวัง เป็นเพราะพวกเขาทุกคนรู้ว่าเขาคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์ของเก้าสวรรค์สิบพิภพ!
อย่างไรก็ตามมีคนไม่น้อยที่รู้สึกหดหู่ใจ พวกเขาได้รับความสูญเสียมากเกินไปจึงเกิดความรู้สึกประหม่ายิ่งกว่านั้นยังไม่เคยเห็นฝีมือที่แท้จริงของสือฮ่าวกลัวจะสูญเสียเขาไปอีกคน
คราวนี้ทุกคนกังวลมาก
หินยักษ์ด้านล่างของตั๊กแตนตำข้าวแตกออกจากกันมันมองสือฮ่าวอย่างเคียดแค้น
“เจ้ากล้าทำลายโอกาสอันยิ่งใหญ่ของข้าข้าจะฉีกซากศพของเจ้าให้สมกับความแค้น!” ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบโกรธแค้นอย่างแท้จริง
“เจ้าไม่มีโอกาสนั้นแล้ว!” สือฮ่าวกว่าวตรงๆ
ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบหัวเราะเสียงดังการแสดงออกของมันเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ผู้คนของเจ้าตายไปทีละคน ทุกคนต่างเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สู่งส่งในดินแดนของเจ้า แต่ข้าไม่เห็นว่าพวกเขาจะพิเศษตรงไหน? เจ้าก็เหมือนกันในสายตาของข้าเจ้าก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย!”
“ฮ่าฮ่า…” ในระยะไกลกลุ่มราชาหนุ่มสาวจากต่างมิติหัวเราะเย้ยหยัน
“เมื่อข้ายืนอยู่ที่นี่ตรงนี้ ก็นับได้ว่าพวกเจ้าได้ตายไปแล้ว!” สือฮ่าว กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบและไม่แยแส คำพูดของเขาดังก้องไปทั่วสวรรค์และโลกเสมือนเสียงฟ้าร้อง
คนผู้หนึ่งคุกเข่าลงไปทางสือฮ่าวแล้วกล่าวขึ้น“ฮวงข้าขอร้องช่วยสังหารตะขาบตัวนั้นที!”
เขาเป็นเด็กรับใช้ของราชันย์สวรรค์อาทิตย์ม่วงซึ่งก่อนหน้านี้เกลียดชังสือฮ่าวเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยน้ำตาคุกเข่าขอร้องอย่างจริงใจ เขากล่าวต่ออีกว่า "ในอดีตข้าทำผิดไป ได้โปรดแก้แค้นให้นายน้อยของข้าด้วย ได้โปรดสังหารตะขาบตัวนั้น!”
หลังจากพูดสิ่งนี้เขาก็ร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกจนสลบไป
ไม่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาในอดีตจะเป็นอย่างไรตอนนี้เขาอ้อนวอนต่อสือฮ่าวให้แก้แค้นแทนเจ้านายของเขา ด้วยความนอบน้อม
“เอาเถอะข้าให้สัญญาแก่เจ้า วันนี้จะเป็นวันตายของมัน!”สือฮ่าวกล่าวตอบ
“แม้แต่คนตัวเล็กๆอย่างเจ้ายังมีความคิดที่จะฆ่าข้า? หยุดเพ้อฝันเสียที! ดูสิแขนของเจ้าสิ มันสั่นไปหมดแล้ว”ตั๊กแตนตำข้าวหางตะขาบหัวเราะอย่างเย็นชา
ไม่ใช่เขาคนเดียว ทุกคนเห็นว่าแขนของสือฮ่าวสั่นเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น อย่างไรก็ตามทุกคนรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นผลมาจากการอดกลั้นเป็นเวลานาน
“ข้าไม่เคยรู้สึกดีเท่ากับตอนนี้มาก่อน ... ข้ากำลังจะได้ต่อสู้! ร่างกายของข้ามันสั่นเพราะความตื่นเต้น!”
สือฮ่าวคำรามออกมาผมยาวสีดำของเขาสะบัดไปมาอย่างวุ่นวายราวกับราชาปีศาจที่หลุดออกมาจากขุมนรก ไอสังหารที่เอ่อล้นออกจากร่างพุ่งออกมากลืนสวรรค์เบื้องบนและปฐพีเบื้องล่าง!
ตอนนี้เขายังมีรังษีอำมหิตมากกว่าสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติเสียอีก เขากางแขนออกเผชิญหน้ากับท้องฟ้าแล้วคำราม
“วันนี้ข้าคนเดียวจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด! ออกมาหนึ่งฆ่าหนึ่งออกมาสองฆ่าทั้งคู่ วันนี้ราชาหนุ่มสาวของพวกเจ้าทั้งหมดจะไม่มีสิทธิ์กลับไป!”
ริ้วพลังจากสายฟ้าพุ่งขึ้นรอบตัวเขาขณะที่เขาพูดสายฟ้าเชื่อมต่อสวรรค์เบื้องบนและโลกเบื้องล่างสะท้อนกับคำพูดของเขา สระสายฟ้าขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นทีละแห่งฉากอัศจรรย์ของโลกเหล่านี้ไม่ใช่อย่างอื่นแต่เป็นญาณวิเศษสุดล้ำค่าที่เขาแสดง