ตอนที่ 24 - ไฟแค้นที่แผดเผา
ตอนที่ 24 - ไฟแค้นที่แผดเผา
“ข้ารอไม่ไหวแล้ว เราน่าจะเริ่มกันได้สักที! การต่อสู้ครั้งนี้จะยกระดับพรสวรรค์ของข้าขึ้นไปอีกขั้น เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของเราทำมาแต่โบราณเข่นฆ่าสิ่งที่เรียกว่าเซียนให้หมอบอยู่แทบเท้า”
งูยักษาหัวเราะเสียงดังอย่างยียวน เหล่าราชาหนุ่มสาวต่างมิติพยายามกล่าวถึงสงครามเซียนโบราณด้วยท่าทีเย้ยหยันด้วยความภาคภูมิใจ
เป็นเพราะพวกเขาได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ในการต่อสู้ครั้งนั้น สามารถกำจัดผู้นำที่ทรงพลังที่สุดจากด้านนี้ทำให้โลกพลิกคว่ำ
“มันจะต้องเป็นเหมือนในตอนนั้น เมื่อบรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่เคลื่อนไหวแม้แต่แม้แต่ราชาอมตะยังต้องกลายเป็นซากศพและนำกลับมาบนภูเขา มันจะสร้างแรงบันดาลใจแบบไหนกันนะ!”
มีสิ่งมีชีวิตบางตัวที่มองย้อนกลับไปในอดีตใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหลงใหล เมื่อมีการกล่าวถึงความสำเร็จในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมในอดีตพวกเขาปรารถนาอย่างแท้จริงว่าพวกเขาควรเกิดในยุคนั้น พวกเขาอยากจะมีโอกาสสังหารราชาอมตะสักคนอยากลิ้มรสเกียรติยศด้วยตัวเอง
“เมื่อใดก็ตามที่ข้าเห็นอนุสาวรีย์ปราบเซียนที่ชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม ข้ารู้สึกเลือดในกายสูบฉีดอย่างรุนแรงเสมอ บรรพบุรุษมีพลังเพียงใดเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้จนต้องคลานแทบเท้าไม่สามารถต้านทานได้ มันเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมจริงๆข้ารู้สึกเหมือนเกิดมาผิดเวลาที่ไม่มีส่วนร่วมกับการต่อสู้ครั้งนั้น!”
ผู้คนเหล่านั้นนึกถึงอดีตด้วยความโหยหาคลั่งไคล้
เด็กหนุ่มสาวต่างมิติเหล่านี้แสดงความก้าวร้าวมากดวงตาของพวกเขาส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์ดวงเล็กเต็มไปด้วยความมั่นใจที่ทรงพลัง พวกเขาต้องการที่จะเริ่มสังหารผู้คนในอีกด้านหนึ่งทันที
เนื่องจากความสำเร็จอันน่าทึ่งต่างๆของบรรพบุรุษทำให้พวกเขารู้สึกถึงความเหนือกว่าโดยกำเนิด พวกเขาทุกคนมีความมั่นใจอย่างมากเป็นความเย่อหยิ่งประเภทหนึ่งที่พวกเขาเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตของอีกฝ่าย
“ใครอยากจะสู้” จากความมืดสิ่งมีชีวิตโบราณถามผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์ของตัวเอง
"ข้า!"
"ข้าจะสู้!"
ไม่ใช่แค่สิบหรือยี่สิบแต่คนมากกว่านั้น อีกเจ็ดหรือแปดคนเดินออกมาจากเหวดำ ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญอายุน้อยมีมากกว่ายี่สิบคนยืนอยู่ด้วยกันทุกคนต่างก็พลุ่งพล่านด้วยเจตนาต่อสู้
“ใครในพวกเจ้าอยากจะสู้” ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักปราชญ์ถามคนที่อยู่ฟังเดียวกัน
เดิมทีตัวเลขของทั้งสองด้านนั้นใกล้เคียงกัน แต่ตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตอีกเจ็ดแปดตัวตัวปรากฏขึ้นจากอีกด้านหนึ่งทุกตัวแข็งแกร่งลึกล้ำไม่สามารถประเมินได้ทำให้พวกเขาขมวดคิ้ว
“เราควรเพิ่มผู้คนให้มากขึ้นอีกหน่อยต้องการคนอย่างน้อยยี่สิบคนที่พร้อมจะต่อสู้” มีเสียงพูดอย่างเย็นชาจากอีกด้านหนึ่ง
“ไม่เราจะตัดสินผลด้วยห้ารอบ ไม่จำเป็นต้องมีคนจำนวนมากเข้าร่วม” ผู้อาวุโสจากสำนักเซียนกล่าว เพราะเขากลัวว่าความสูญเสียจะหนักหนาเกินไป
ชนรุ่นหลังเหล่านี้เป็นความหวังของพวกเขา บางคนรวมเข้ากับเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบกว่าจะเลี้ยงดูพวกเขามาถึงขั้นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มีเพียงเทพเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรมากเพียงใด หากเด็กหนุ่มสาวพวกนี้ออกไปต่อสู้แล้วตกตายจะเป็นความสูญเสียที่ไม่สามารถยอมรับได้
“พวกเขาจะพ่ายแพ้ในตอนนี้ จะมีความหมายอะไรหากสามารถรอดชีวิตไปได้?” ในอีกด้านหนึ่งสิ่งมีชีวิตต่างมิติกล่าว
“แต่ละฝ่ายจะส่งบุคคลสิบคนออกไปตัดสินว่าใครเหนือกว่า ตัดสินกันด้วยความตายเท่านั้น!” ผู้อาวุโสต่างมิติกล่าวเสริม
“ถ้าทุกคนกลัวก็ร้องขอความเมตตาซะ ฮ่าฮ่า…คุกเข่าลงและยอมแสดงความจงรักภักดี!” ผู้เชี่ยวชาญหนุ่มต่างมิติหัวเราะเสียงดังพร้อมกับแสดงความดูถูก
“ผู้อาวุโสใหญ่ให้เราสู้!” หลายคนโกรธแค้นยอมถูกฆ่ามากกว่าถูกทำให้อับอาย
"สงบอารมณ์หน่อย!"
ผู้ที่ได้รับการเลือกสรรคือผู้ที่มีเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบล้วนเดินขึ้นมาแล้ว แต่จำนวนของพวกเขาไม่มากเท่าอีกฝั่ง จากนั้นผู้ที่บ่มเพาะพลังเซียนสามเส้นและอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ดีที่สุดของสำนักปราชญ์ก็เดินออกมาข้างหน้า
ในขณะนี้บรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุดทำให้ทุกคนรู้สึกหายใจไม่ออก
สถานที่แห่งนี้เข้าสู่ความเงียบงันชั่วขณะ ผู้ฝึกฝนของทั้งสองโลกต่างหยุดส่งเสียง ราวกับว่าขุนเขาโบราณกดทับไว้
พรมแดนของสวรรค์สีชาดเข้าสู่ความเงียบสนิท
ทุกคนรอให้การต่อสู้นองเลือดครั้งต่อไปปะทุขึ้น
ดิง!
ทันใดนั้นจากความมืดชิ้นส่วนกระดองเต่าที่อ่อนนุ่มเหมือนหยกก็ปรากฏขึ้นสั่นไหวริบหรี่ด้วยความสดใส จากนั้นปราณแห่งความโกลาหลก็แพร่กระจาย
“กระดองเต่าเซียน!” ไม่กี่คนจากตระกูลอมตะส่งเสียงต่ำ
เดิมทีสิ่งเหล่านี้เป็นกระดองเต่าเซียนที่สามารถใช้ในการทำนายสามารถรู้เห็นอนาคตมีพลังที่ไม่อาจคาดเดาได้ อย่างไรก็ตามมันถูกทำให้เสียหายจากการต่อสู้ในอดีต
ในเวลาต่อมาแม้ว่าจะสามารถใช้ในการทำนายได้ แต่ก็ไม่สามารถทำนายความลึกลับและเหตุการณ์ในอนาคตได้อีกต่อไป
ในสงครามครั้งสุดท้ายของยุคเซียนโบราณ มันเป็นกระดองเต่านี่เองที่เลือกคู่ต่อสู้ปล่อยให้มันกำหนดโชคชะตาเลือกบุคคลในสนามรบให้มาฟาดฟันกัน
มีบางคนบอกว่ามันเลือกแบบสุ่มๆ แต่ก็มีคนที่เชื่อว่ามันเลือกเพราะความเกี่ยวพันของบุคคลนั้นซึ่งจะเกิดผลในอนาคตด้วย
จิ!
แสงหลากสีสว่างวาบ กระดองเต่าลอยออกมาจากความโกลาหลบินเข้าหาหมอกและหยุดลงที่หน้าสิ่งมีชีวิตร่างสีเงิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” งูยักษาเดินออกมาหัวงูสีเงินของมันยกขึ้นแล้วพ่นลิ้นสีเงินออกมา พลังที่ชั่วร้ายล้นขึ้นไปถึงท้องฟ้ามันหัวเราะเสียงดังด้วยท่าทางสะลึมสะลือ
“โชคดีจริงๆที่ข้าได้เป็นคนแรก คู่ต่อสู้คือใคร?มันจะทำได้เพียงแค่คลานไปรอบๆฝ่าเท้าของข้า!” ดวงตาของมันเย็นชาเดินไปข้างหน้าก้าวใหญ่
มันมีลำตัวของมนุษย์ขาและแขนของมนุษย์หัวเป็นงูหางเป็นงูและปีกจามรีสีขาวเงินคู่หนึ่งที่ดูดุร้ายและน่ากลัว
ในอีกด้านหนึ่งทุกคนตกใจ คู่ต่อสู้ของงูยักษาปรากฏตัว
สวนคุน!
ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นศิษย์ของสำนักเทพสวรรค์ยืนเคียงข้างกับลั่วเต้า, หวางซี, องค์หญิงเหยาเยว่, อัจฉริยะผู้บ่มเพาะพลังเซียนสามเส้นที่แข็งแกร่งมาก
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเสียดายหลังจากที่เขาเข้าสู่สำนักเซียนเขาไม่สามารถได้รับเมล็ดพันธุ์โบราณที่สมบูรณ์แบบดังนั้นในทางทฤษฎีเขาควรจะอ่อนแอกว่า มหาโสดา, หลานเซียน, ราชันย์สวรรค์น้อยและอื่น ๆ
นั่นคือเหตุผลที่ทุกคนรู้สึกมืดมนยากที่จะพูดอะไร
สวนคุนถอนหายใจ เขามองไปที่กระดองเต่าที่ลอยอยู่ต่อหน้า หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็หัวเราะและพูดว่า“สหายทุกท่าน ทำไมทุกคนต้องแสดงท่าทีแบบนี้? คอยดูข้าสังหารศัตรูเถอะ!”
“สวนคุนเจ้าจะชนะแน่นอน!” มีคนตะโกนเสียงดัง
“ชนะแน่นอน!” หลายคนตะโกนออกมาเสนอกำลังใจให้เขา
"ดี! ข้ากำลังไป!" สวนคุนเดินไปข้างหน้าไอสังหารของเขาเหมือนหมอกที่พุ่งออกมาจากภายในและมันเพิ่มขึ้นทุกย่างก้าว
เมื่อเขาเข้าสู่สนามรบดอกไม้เซียนขนาดใหญ่สามดอกก็ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาเบ่งบานอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ละอองร่วงหล่นเข้าสู่ร่างกายของเขาจนหมดมันกลายเป็นวงแหวนเซียนที่ยิ่งใหญ่ชนิดหนึ่ง
สวรรค์และโลกสั่นสะเทือนพื้นดินยุบลงเล็กน้อย ดวงดาวปรากฏขึ้นในบริเวณรอบๆร่างของเขา ดอกบัวสีทองเบ่งบานทีละดวงเป็นภาพที่สวยงามภาพหนึ่ง
นี่คือคนที่บ่มเพาะพลังเซียนสามเส้น คนที่เข้าใจเต๋าที่ยิ่งใหญ่ เข้าใกล้กับเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ฉากทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการรู้แจ้งของเขา
บัดนี้สวนคุนรู้แจ้งในเต๋าของตนเอง เขายกระดับตัวเองขึ้นสู่สถานะที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิต!
“เจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอเปลี่ยนเป็นคนอื่นออกมาเถอะ!” งูยักษามีท่าทีดุร้าย เมื่อเผชิญหน้ากับสวนคุนในสถานะที่ทรงพลังที่สุดมันไม่ได้มีความกดดันเลยสักนิด
ทางด้านเก้าสวรรค์สิบพิภพทุกคนโกรธแค้น นี่เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างเกินไปจริงๆ
“เจ้าไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่เหยื่อที่ข้าต้องการ!” งูยักษาคำราม
เห็นได้ชัดว่าเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับมัน สิ่งนี้ทำให้มันโกรธและสูญเสียการควบคุมตัวเองอย่างสมบูรณ์ โอกาสนั้นหายากนับมันเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นมา แต่ก็ไม่พบคู่ต่อสู้ที่อยากจะฆ่าจริงๆ
“กล่าวเรื่องไร้สาระให้น้อยลงเถอะ ตาย!” สวนคุนลงมือ พลังเซียนสามเส้นกลายเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สามเล่มปรากฏออกมาราวกับสายรุ้งพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
เกียง!
ดวงตาของงูยักษาเย็นชา หางงูยาวเหวี่ยงออกไปพร้อมกับหมอกสีเทาจนทำให้ท้องฟ้าพังทลาย มันกระแทกเข้ากับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเสียงโลหะดังกระทบหูประกายไฟกระจายไปทุกทิศทาง
ทุกคนต่างสะดุ้ง แม้ว่างูยักษาตัวนี้จะทำตัวหยาบคาย แต่ก็มีฝีมืออย่างแท้จริง มันกล้าใช้เนื้อหนังของมันเผชิญหน้ากับกระบี่สามเล่มที่เกิดจากปราณเซียนจริงๆหรือ?
“มีบางอย่างไม่ถูกต้องหมอกสีเทาแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย แม้แต่พลังเซียนถึงสามเส้นก็ไม่สามารถทำอะไรร่างกายของมันได้!” มีคนที่สามารถมองเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน
การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นเช่นนี้ สวนคุนต่อสู้เสี่ยงชีวิตกับงูยักษาแสดงความสามารถในระดับที่แม้แต่ตัวเขาก็คาดไม่ถึงญาณวิเศษทุกชนิดถูกปลดปล่อยออกมาในการโจมตีครั้งนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานหัวใจของทุกคนเย็นเฉียบลง พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าสวนคุนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของงูยักษา เป็นเพราะงูยักษารับมืออย่างสบายไม่กินแรงราวกับว่าร่างกายของมันสร้างมาจากทองคำเซียน มันทำลายณานวิเศษล้ำค่าทุกประเภทด้วยหางของมัน หรือไม่ก็ใช้แขนของมันเพื่อปกป้องร่างกายในบางครั้ง
มันไม่ได้ใช้พลังไปมากนักร่างกายของมันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ สวนคุนโจมตีถูกร่างกายของมันหลายต่อหลายครั้งด้วยตราประทับเซียน แต่ในท้ายที่สุดมีเพียงประกายไฟเท่านั้นที่ปรากฏไม่สามารถทำอะไรมันได้แม้แต่น้อย
ในทางตรงกันข้ามเมื่อแขนของงูยักษาโจมตีถูกสวนคุนมันทำให้เขาไอเป็นเลือดออกมาจำนวนมาก มีช่องว่างระหว่างทั้งสองมากเกินไป!
เมื่อการต่อสู้ที่รุนแรงมาจนถึง 150 กระบวนท่าดวงตาของงูยักษาก็สาดประกายเย็นชา ปีกสีขาวที่ด้านหลังส่องแสงสีเงินออกไปด้านนอกทำให้เกิดช่องว่างมิติทันที พลังแห่งการทำลายล้างแผ่กระจายไปทุกที่
นี่เป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้ นี่เป็นวิชาลับของเผ่าพันธุ์งูยักษาเมื่อได้รับการฝึกฝนจนถึงระดับสูงสุดปีกของมันสามารถดึงดวงดาวให้ตกลงมาทำลายล้างคู่ต่อสู้!
สวนคุนใจสั่นสะท้าน เขาไม่สามารถปัดป้องการโจมตีนี้ได้ จึงได้แต่เคลื่อนที่ไปข้างหลัง อย่างไรก็ตามเขาถูกตรึงไว้กับที่โดยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเผชิญหน้ากับดวงดาวที่ตกลงมา
เมื่อปีกสีเงินพุ่งออกมาอีกครั้ง หมอกสีดำก็ตามออกมามากมาย ทุกอย่างจมอยู่ใต้หมอกสีดำสวนคุนก็เช่นกันไม่มีอะไรสามารถมองเห็นได้อีกต่อไป
“มาจบเรื่องที่นี่กันเถอะ!” งูยักษากล่าวอย่างเย็นชา
“อ่า ..” เสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้น จากนั้นสนามรบก็ค่อยๆสงบลง หมอกสีดำสลายหายไป
ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น สวนคุนพ่ายแพ้ตกตายในสนามรบ
ปีกสีเงินคู่หนึ่งยึดร่างกายของสวนคุนป้องกันไม่ให้เขาดิ้นรน หางงูสีเงินพุ่งออกมาเหมือนหอกแทงทะลุท้องของเขาดูดเลือดแก่นแท้ภายในกายออกไป!
“ไม่!”
ที่ด้านหลังหลายคนร้องออกมาพวกเขาเบิกตาแทบฉีกขาดด้วยความคลั่งแค้น
ดวงตาของสวนคุนหรี่ลงมองไปทางด้านเก้าสวรรค์สิบพิภพไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เป็นเพราะพลังชีวิตของเขาใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
หางงูสีเงินนั้นไม่เพียง แต่แทงทะลุหัวใจของเขาเท่านั้น แต่มันยังพุ่งทะลุกระดูกในร่างกายของเขาบดขยี้จิตวิญญาณดั้งเดิมทันที
ปู!
ในที่สุดร่างกายของซวนคุนก็ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดร่างกายและวิญญาณดับวูบไม่มีตัวตนอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามไม่มีใครลืมแสงสลัวในดวงตาของเขาเมื่อใกล้จะตาย เขากำลังมองไปทางด้านเก้าสวรรค์สิบพิภพอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เขาต้องการกล่าวอำลาหรือไม่?
เขาตายไปทั้งแบบนั้น!
“ตามกฎในอดีตเนื่องจากข้าเป็นผู้ชนะข้าจึงขออยู่ในสนามรบต่อได้ ข้าขอสู้ต่อไป!” ความดุร้ายของงูยักษาทำให้โลกตกตะลึง มันเผยให้เห็นเขี้ยวสีขาวที่แหลมคม
“สิ่งมีชีวิตตัวนี้อ่อนแอเกินไปและเขาไม่มีเมล็ดพันธุ์ล้ำค่า ข้าหวังว่าคนต่อไปจะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวัง” มันพูดอย่างเย็นชา
ในด้านของเก้าสวรรค์สิบพิภพทุกคนต่างโกรธเกรี้ยวโดยเฉพาะผู้ที่รู้จักสวนคุนความเครียดแค้นที่พวกเขามีมาถึงจุดเดือดพล่านแล้ว
“สวนคุน…” หลายคนกรีดร้องเสียงดังด้วยความเศร้าโศก
สือฮ่าวเห็นกระดองเต่าเซียนที่อยู่ห่างไกลปล่อยแสงขาวนวลกำลังจะเลือกคู่ต่อสู้คนอื่นสำหรับงูยักษาเขาก้าวออกไปทันทีและคำรามออกมา
“เดี๋ยวก่อน!”
เขาเดินหน้าต่อไปกล่าวว่า“ไม่จำเป็นต้องเลือกคู่ต่อสู้แบบนี้อีก ข้าขอต่อสู้ 1 ต่อ 3 กับพวกเจ้าเอง! ถ้าหากพวกเจ้ากลัวงั้นก็ 1 ต่อ 10 ในครั้งเดียว ทำไมต้องเสียเวลาสู้ถึง 10 ครั้ง?”