ตอนที่ 23 - การต่อสู้ที่สิ้นหวังของคนรุ่นก่อน
ตอนที่ 23 - การต่อสู้ที่สิ้นหวังของคนรุ่นก่อน
สือฮ่าวลงมือแล้ว ญาณวิเศษสุดล้ำค่าถูกปลดปล่อยออกไปโจมตีกลุ่มราชาหนุ่มสาวของอีกฝั่ง!
ทันใดนั้นปราณกระบี่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า เท้าขนาดใหญ่ของราชันย์สัตว์มิติกระแทกเข้ากับดินแดนโบราณเป็นธรรมดาที่ราชาหนุ่มสาวของอีกฝั่งจะตอบโต้กลับมา
ทุกคนต่างตะลึง มีใครบางคนที่กล้าท้าทายราชาเหล่านี้ด้วยตัวคนเดียว! เขาเบื่อกับการมีชีวิตอยู่หรือว่าหรือว่าเขาต้องการแสวงหาความตายจริงๆ?
สือฮ่าวมีเป้าหมายเดียวในการทำสิ่งเหล่านี้นี้นั่นคือการดึงความสนใจของพวกเขาซื้อเวลาให้คนในฝั่งตนสงบสติอารมณ์ถอนตัวออกจากการต่อสู้
เป็นเพราะสถานการณ์ในปัจจุบันร้ายแรงมาก ศัตรูอีกด้านหนึ่งรู้มากเกินไปเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์โบราณดังนั้นพวกเขาจึงน่าจะมีไพ่ลับบางอย่างรอใช้ออก
ฮ่อง!
เสียงเขย่าโลกดังขึ้น ญาณวิเศษที่ทรงพลังกว่าสิบเส้นพุ่งเข้าใส่สือฮ่าวอย่างโกรธแค้น สิ่งเหล่านี้เป็นความสามารถอันศักดิ์สิทธิ์ของราชาหนุ่มสาวทั้ง 10 คน
จิ!
สือฮ่าวกลายเป็นสายฟ้าหายไปจากตำแหน่งเดิมของเขาอย่างรวดเร็วเป็นท่าร่างที่น่าอัศจรรย์ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่อยู่ในขั้นเดียวกับเขาจะกล้าออกมายั่วโทสะราชาหนุ่มสาวของอีกฝั่ง
“เจ้ากล้ายั่วโมโหเราเหรอ? ช่างไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย!” งูยักษาพูดอย่างเย็นชา
ราชันย์สัตว์มิติส่งเสียงคำรามทำให้ทุกอย่างพังทลายท้องฟ้าแตกเป็นเสี่ยง ๆ มันยังคงโจมตีเข้าใส่สือฮ่าว
ราชันย์สวรรค์อาทิตย์ม่วง หลานเซียน ลู่หงส์ มหาโสดาและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงไม่คาดคิดว่าสือฮ่าวจะกล้าทำเช่นนี้ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เดาได้คร่าวๆว่าสือฮ่าวพยายามช่วยพวกเขา
เป็นเพราะตอนนี้พวกเขาทั้งหมดรู้สึกไม่ถูกต้องนักความเข้าใจของสิ่งของมีชีวิตต่างมิติที่มีต่อเมล็ดพันธุ์โบราณนั้นลึกล้ำเกินไปสามารถตรวจจับพวกมันได้แม้ว่าจะถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของร่างกายก็ตาม
“หยุดมือ!”
ในเวลานี้เสียงตวาดดังขึ้นจากด้านหลัง
เหล่าผู้อาวุโสจาก 9 สวรรค์ 10 พิภพตะโกนหยุดการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขากังวลในสือฮ่าวกลัวว่าเขาจะตกอยู่ภายใต้การโจมตีของราชาหนุ่มสาวต่างมิติ พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้เขาตายโดยไม่ทำอะไร
“กล้ายั่วยุพวกเราเจ้าต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม!” วิหคปีศาจสีทองส่งเสียงร้อง แม้ว่านางจะเป็นสตรีแต่ก็ไม่ได้ทำให้นางมีจิตใจอ่อนลงเส้นผมสีทองยังคงหมุนวนเต็มไปด้วยไอสังหารที่ถูกปล่อยออกมา
“เจ้าจะหนีไปที่ใด!” ชายที่มีขนคิ้วขนาดใหญ่พุ่งเข้าจู่โจมสือฮ่าว อย่างรุนแรง
ไม่มีบุคคลใดเลยในสิบกว่าคนที่หยุดการเคลื่อนไหว พวกเขาต้องการสังหารสือฮ่าวให้ได้อย่างเร็วที่สุด
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหยิ่งผยองเพียงใดโดยไม่สนใจแม้แต่เสียงตะโกนของผู้อาวุโสจากเก้าสวรรค์สิบพิภพแม้แต่น้อย เป็นเพราะพวกเขามั่นใจว่าผู้อาวุโสของพวกเขาจะปกป้องพวกเขาไม่ให้ได้รับความสูญเสีย
“มาเถอะให้ข้าฆ่าจนกว่าจะพอใจแก้แค้นให้ผู้อาวุโสเหล่านั้น!” ดวงตาของสือฮ่าวสาดประกายเหมือนสายฟ้า เขาจ้องมองไปที่หนึ่งในศัตรู ตัดสินใจที่จะจัดการกับหนึ่งในนั้นก่อน
เมื่อไม่นานมานี้เซียงเฟิง, ราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดง และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ถูกฆ่าตายวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาถูกกำจัด สูญเสียชีวิตอย่างอนาถเกินไปทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาตกต่ำลงอย่างมากสถานการณ์เลวร้ายลงสุดขีด สือฮ่าวหวังว่าเขาจะเขาจะได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ครั้งใหญ่เพื่อชะล้างความเศร้าโศกเสียใจของผู้คนจาก 9 สวรรค์ 10 พิภพ
ลมแรงคำราม มาหาโสดา, สือยี่ , ซีกู้ และคนอื่นๆไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยรีบเข้าไปช่วยเหลือสือฮ่าวในทันที พวกเขาไม่สามารถเฝ้าดูสือฮ่าวต่อสู้เพียงลำพังได้
เปง!
แผ่นดินใหญ่สั่นสะท้านร่างผอมสูงปรากฏตัวขึ้น ทันใดนั้นผู้อาวุโสใหญ่ก็ปรากฏตัวที่ใจกลางสนามรบโดยแยกผู้บ่มเพาะทั้งสองฝ่ายออกจากกัน
เสื้อคลุมตัวใหญ่ของเขากระพือไปมาร่างผอมสูงยืนขวางทั้งสองฝ่าย
“เจ้าต้องการสอดมือ?”
แม้จะเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับนี้ราชาหนุ่มสาวจากต่างมิติก็ไม่ได้หวาดกลัวยังคงระดมโจมตีเข้าใส่สือฮ่าวอย่างไม่ผ่อนมือ
ผู้อาวุโสใหญ่ยังคงไม่เคลื่อนไหวกระแสพลังปราณที่งดงามล้ำค่าถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายทำให้การโจมตีของพวกเขาเบี่ยงเบนออกไป
“เจ้าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งเพราะรังแกคนรุ่นหลังหรือ?”
ท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งก็มืดสนิททันที ร่างที่พร่ามัวสามตัวปรากฏขึ้นไม่มีใครสามารถเห็นว่าพวกเขาเคลื่อนไหวอย่างไร พวกเขายืนอยู่ที่นั่นแล้วหยุดผู้อาวุโสใหญ่
“หากว่าข้ารังแกพวกเขาพวกเขาคงตายไปนานแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
“หากว่าเปลี่ยนเป็นพวกเราเล่า” หนึ่งในสามร่างภายใต้หมอกกล่าว พวกเขาเป็นเหมือนรูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดในโลกไม่มีการเคลื่อนไหวมีกลิ่นอายที่น่ากลัวแผ่ออกมา
“ตอนนี้มันเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับคนแต่ละรุ่นเสมอ ข้าเชื่อว่าคนรุ่นใหม่นี้ก็ควรจัดการแบบนี้ด้วย” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่าไม่ต้องการเพิ่มเปลวไฟของสงคราม
เป็นเพราะเขากังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจมีวิธีจัดการกับเมล็ดพันธุ์โบราณกลัวว่าผู้สูงส่งในอนาคตจะได้รับอันตราย
“สหายเต๋าเจ้ากลัวแล้ว? ในความคิดของข้าเด็กเหล่านี้ทุกคนต้องการที่จะต่อสู้กันเองทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้พวกเขาทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ? การปกป้องพวกเขาเช่นนี้นี่อาจไม่ใช่สิ่งที่ยอดเยี่ยมผู้แข็งแกร่งที่ใดจะไม่เคยพบความยากลำบาก? อัจฉริยะในดินแดนของข้าทุกคนคลานออกมาจากภูเขาซากศพและทะเลโลหิต ข้าเชื่อว่าแม้ว่าเจ้าจะหยุดพวกเขาแบบนี้เด็กๆ ข้างกายของเจ้าก็จะไม่ถอยกลับ ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะใจของตัวเองได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาชนะผู้อื่น” ร่างที่เป็นเหมือนรูปปั้นพูดอย่างไร้อารมณ์ภายในความไร้หัวใจเป็นญาณวิเศษชนิดหนึ่ง
เสียงของเขาไม่ได้ดังก้องไปหมดและไม่ได้มีพลังอะไรเลย แต่มันเจาะเข้าไปในจิตใจของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะราชารุ่นหลังทุกคนกำหมัดแน่น
“พวกเจ้ากลัวกันหมดแล้ว? ถ้าเจ้ากลัวถูกฆ่าก็รีบวิ่งกลับเลย! ไปหลบหลังพ่อแม่อย่าแสดงตัวต่อหน้าพวกเรา ฮ่า ๆ ๆ !”
“เมื่อเราข้ามไปอย่างแท้จริงและสงครามครั้งใหญ่มาถึงเจ้าจะวิ่งไปที่ไหนกัน? กลุ่มคนขี้ขลาดขาดความกล้าหาญที่จะสู้รบ!”
ราชารุ่นหลังจากต่างมิติหลายสิบคนส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยผู้คนที่อยู่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คนที่พูดถึงกับเป็นสตรีนางหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้ ราชันย์สวรรค์อาทิตย์ม่วงและคนอื่นๆรู้สึกเดือดร้อนและโกรธเกี้ยวในทันที นี่คือความอัปยศอดสูโดยไม่จำเป็นต้องมองมาที่พวกเขา
ทุกคนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเยาะเย้ย ในเวลาเดียวกัน นักพรตซีกู้หลานเซียน มหาโสดา และคนอื่นๆ รู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเขาต้องต่อสู้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีความเข้าใจเมล็ดพันธุ์โบราณที่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถถอยกลับได้
การวิ่งหนีไม่ใช่ทางออก พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายไม่ช้าก็เร็ว แทนที่จะรอ พวกเขาอาจจะต่อสู้ในวันนี้ดูว่าสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นในรุ่นของพวกเขาเป็นอย่างไร
“สู้ ๆ !”
ในตอนนี้ไม่ใช่แค่คนเดียวที่ตะโกนออกมา แต่เป็นกลุ่มเด็กหนุ่มสาวจาก9 สวรรค์ 10 พิภพพวกเขาทั้งหมดได้ข้อสรุปนี้ไม่ต้องการที่จะถอยกลับไม่เต็มใจที่จะวิ่งหนี
พวกเขาต้องเผชิญหน้ากันไม่ช้าก็เร็วดังนั้นพวกเขาต้องการต่อสู้ในตอนนี้และอาจจัดการกับปัญหาต่างๆให้จบสิ้นลงได้!
ไม่เช่นนั้นแม้ว่าพวกเขาจะมีเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบแล้วก็ตาม หากพวกเขาไม่กล้าต่อสู้ชื่อเสียงของพวกเขาในฐานะผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์จะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
“ปล่อยข้า!”
ในเวลานี้สือฮ่าวเดินออกไปยืนอยู่ด้านหน้าสุด เขากำลังจะต่อสู้เพราะเขาไม่มีเมล็ดพันธุ์โบราณเรียกว่าสามารถต่อสู้อย่างอิสระฆ่าให้เต็มที่ตามที่ใจต้องการ
“ข้าสู้ได้!” ซีกู้ถูกเหล่าผู้อาวุโสสำนักปราชญ์จับตัวไว้
“อู๋” ในอีกด้านหนึ่งหนึ่งในสามของสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายรูปปั้นจากต่างมิติเผยท่าทีตกใจเมื่อเห็นสือฮ่าว
"ล้ำเลิศไม่น้อย"เขากล่าวชมอย่างจริงใจ
“ให้ข้าไปก่อนข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมด” งูยักษาเดินออกมาแสงสีเงินสุกสกาวต้องการต่อสู้อย่างเต็มที่
“เราจะใช้กระดองเต่าเซียนเพื่อตัดสินคู่ต่อสู้” บุคคลต่างมิติพูดขึ้นไม่มีใครคาดคิดโดยระบุถึงกฎประเภทนี้
“เหมือนกับปีนั้นที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดของทั้งสองโลกต่อสู้กัน?” ร่างกายของผู้อาวุโสใหญ่สั่นเล็กน้อยพยายามอดกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอย่างเต็มที่
แม้กระทั่งผู้อาวุโสใหญ่ยังเป็นเช่นนี้ใครๆก็สามารถเห็นได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นอย่างไร
ในการต่อสู้ตอนนั้นเป็นเรื่องที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง เมื่อกองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากันกราชาอมตะได้เผชิญหน้ากับบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในอีกด้านหนึ่งโดยใช้กระดองเต่าอมตะในการเลือกคู่ต่อสู้ต่อสู้จนต้องหลั่งเลือดเสียชีวิตในสนามรบ
“ก็ได้เนื่องจากผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ของทั้งสองอาณาจักรต่างปรารถนาที่จะต่อสู้กัน แล้วเราจะเลือกคู่ต่อสู้ให้พวกเขาได้อย่างไร เราจะใช้กระดองเต่าเซียนในการตัดสินใจได้เช่นกัน”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวออกไปและผู้อาวุโสคนอื่นก็เงียบเมื่อได้ยินสิ่งนี้ อีกด้านหนึ่งตั้งใจที่จะนำกระดองเต่าอมตะขึ้นมาเพื่อตอกย้ำพวกเขาถึงการต่อสู้ที่น่าสังเวชที่สุดในอดีต
ในการต่อสู้ครั้งนั้นแม้แต่ศพของราชาอมตะก็ยังถูกนำกลับมาในสภาพที่ถูกห่อหุ้มด้วยผืนธง ฝ่ายเก้าสวรรค์สิบพิภพนั้นพ่ายแพ้อย่างแท้จริงและและสิ่งนี้กลายเป็นความเศร้าเสียใจอย่างถึงที่สุด
เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการสะกิดแผลที่ตกสะเก็ดแล้วของพวกเขา
“ออกมาเถอะใครกันแน่ที่ต้องตาย!” ราชันย์สวรรค์น้อยของสำนักเซียนตะโกนลั่น
“พิสูจน์เป็นตายกับพวกมัน!” มีใครบางคนจากสำนักปราชญ์ตะโกนออกมาเช่นกัน
“แก้แค้นให้บรรพบุรุษ!” ดวงตาของผู้ฝึกตนหนุ่มสาวจากตะกูลอมตะล้วนแดงก่ำ
การต่อสู้ในอดีตระหว่างผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเก้าสวรรค์สิบพิภพ ท้องฟ้าถูกย้อมไปด้วยโลหิตของเหล่าผู้แข็งแกร่งกลุ่มมหาอำนาจถูกกวาดล้างจนสิ้น
ความอับอายและความอัปยศอดสูจากอดีตมีมากเกินไปความไม่ยินยอมพร้อมใจมากมายเหลือคณา บรรพบุรุษจากตระกูลอมตะและสำนักต่างๆตายหมดสิ้น
การทำลายล้างทั้งโลกเกิดจากผลของการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้!
เมื่อใดก็ตามที่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อันมืดมนนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้สึกเศร้าโศกพวกเขาทั้งหมดจะรู้สึกถึงคลื่นแห่งความโกรธแค้นภายใน ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะลุกขึ้นมาแก้แค้นแทบรรพบุรุษล้างเลือดและความเกลียดชังให้หมดไป พวกเขาทั้งหมดรู้สึกถึงแรงกระตุ้นนี้มากขึ้นราวกับว่าทั้งหมดที่พวกเขาเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้
ในด้านฝ่ายตรงข้ามร่างทั้งสามที่ยืนอยู่ในความมืดนั้นเหมือนซากศพที่มีชีวิตยังคงไม่เคลื่อนไหว พวกเขาเฝ้าดูทุกอย่างอย่างไร้อารมณ์และเย็นชา
คำเหล่านั้นไม่ได้พูดขึ้นมาลอยๆ สิ่งมีชีวิตโบราณที่ยิ่งใหญ่ทั้งสามเข้าใจดีถึงความรุนแรงของสิ่งที่พวกเขาเพิ่งพูด เพื่อให้กระดองเต่าเซียนเลือกคู่ต่อสู้เพื่อสู้พิสูจน์ความเป็นตาย มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้คนของอีกฝ่ายจิตใจหนักอึ้งเหมือนถูกขุนเขาทับไว้ ในด้านของ เก้าสวรรค์สิบพิภพผู้อาวุโสหลายคนต้องการที่จะหยุดสิ่งเหล่านี้นี้ แต่พวกเขาก็ทราบถึงเปลวไฟแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชนภายในใจของเหล่าหนุ่มสาว จึงยากที่พวกเขาจะเอ่ยปาก
พวกเขาต้องการพูดบางอย่างด้วยความกังวลว่าคนรุ่นหลังจะได้รับอันตราย แต่หลังจากคิดแล้วพวกเขารู้สึกว่าถ้าพวกเขาหยุดการต่อสู้จริงๆมันอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นใจและความเชื่อมั่นของพวกคนหนุ่มสาวฝั่งตน
“ลืมไปเถอะหากพวกเขาไม่สามารถผ่านการทดสอบครั้งนี้ได้ก็เลิกพูดเรื่องอนาคตได้เลย? หากแม้แต่เมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบได้รับการค้นคว้าอย่างละเอียดโดยผู้อื่นแม้ว่าเราจะปกป้องเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก็ไม่มีความหมายอะไร แทนที่จะเป็นแบบนี้จะเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กัน!” ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักปราชญ์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักหน่วง
ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ตระกูลอมตะก็ไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านี้ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย
ถึงจะหลีกเลี่ยงได้ตอนนี้ท้ายที่สุดเวลานั้นก็ต้องมาถึง หากแม้เมล็ดพันธุ์โบราณที่สมบูรณ์แบบสูญเสียคุณค่าที่มันพึงมีไม่ว่าพวกเขาจะปกป้องดีแค่ไหนก็ไร้ความหมาย คนหนุ่มสาวจะต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายในอนาคตอยู่ดี
“ยอดเยี่ยม! ทุกคนเห็นด้วยแล้ว มาเตรียมการต่อสู้กันเถอะ!” ร่างโบราณพูดจากความมืด
“ฮ่า ๆ ข้ารู้สึกคันมือมานานแล้ว!” ราชาหนุ่มจากต่างมิติคนหนึ่งตะโกนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง
“เราต้องปฏิบัติเหมือนบรรพบุรุษที่กวาดล้างฝ่ายตรงข้ามอย่าให้เหลือรอด ใครถูกเลือกโดยกระดองเต่าเซียนต้องเก็บกวาดพวกมันให้หมด!” อีกคนตะโกนสำทับ
คลื่นความโกรธกระจายไปทั่วฝั่งเก้าสวรรค์สิบพิภพพวกเขากำหมัดแน่น แผลเป็นถูกสะกิดอีกครั้งความเจ็บปวดอย่างยิ่งเป็นโศกนาฏกรรมที่พวกเขาไม่อยากมองย้อนกลับไป
“นี่เป็นการเดิมพันชะตาของโลกหรือเปล่า!” ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งกล่าวอย่างเย็นชาจ้องมองไปที่อีกด้านหนึ่ง
“อู๋...การเผชิญหน้าระหว่างรุ่นหลังยังไม่ถึงระดับนั้นอย่างไรก็ตาม…ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้สามารถอธิบายบางสิ่งได้อย่างแน่นอน บางทีมันอาจแสดงให้เห็นถึงชะตากรรมของของโลกพวกเจ้า!” ในอีกด้านหนึ่งสิ่งมีชีวิตโบราณกล่าว
สิ่งมีชีวิตต่างมิติอีกตัวหนึ่งกล่าวว่า“อย่างไรก็ตามโชคชะตาอยู่ข้างเราเสมอ เช่นเดียวกับในสมัยนั้นเมื่อเมื่อผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงของเราเคลื่อนไหวผู้แข็งแกร่งของพวกเจ้าก็หมดสิ้นลง ตอนนี้เรากำลังกลับไปสู่วิถีที่บรรพบุรุษต่อสู้เราจะยังคงชนะ ความหวังของคนรุ่นต่อไปของพวกเจ้าจะจบลงที่นี่!”
“เจ้า!…” ในด้านเก้าสวรรค์สิบพิภพทุกคนโกรธมาก แผลเป็นของพวกเขาถูกสะกิดครั้งแล้วครั้งเล่ายากเกินจะทนไหว
“คราวนี้เจ้าเล่นใหญ่เกินไปแล้ว!” ผู้อาวุโสใหญ่เมิ่งเทียนเจิ้งกล่าวอย่างลึกซึ้ง
เขาหันกลับมากวาดสายตาไปที่สือฮ่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้มากนักจากท่าทางนั้น แต่สือฮ่าวสามารถรู้สึกได้ว่าเขาได้รับมอบความไว้วางใจให้ให้นำพาชัยชนะกลับมา
สือฮ่าวแตกตื่นอยู่บ้าง โดยปกติผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนที่สงบและไม่ท้อถอย แต่วันนี้ดวงตาของเขากลับมีอารมณ์ที่หนักหน่วงเช่นนี้
พวกเขาต้องชนะ!
พวกเขาต้องชนะไม่แพ้!
ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าการเผชิญหน้าของคนรุ่นใหม่นั้นเป็นการต่อยอดสงครามเซียนโบราณครั้งสุดท้าย
เกิดความกดดันกระจายไปทั่วนี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้สึก แม้กระทั่งการหายใจก็ยากลำบาก
"เริ่มกันเลย!" อีกด้านหนึ่งสิ่งมีชีวิตโบราณต่างถิ่นส่งเสียงร้อง การประลองครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกับที่คนรุ่นก่อนทำคือการต่อสู้เพื่อชีวิตและความตาย!