ตอนที่ 21 - ความพ่ายแพ้
ตอนที่ 21 - ความพ่ายแพ้
"ให้ข้าไปเถอะ!" มดเขาสวรรค์ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปมันปลดปล่อยปราณต่อสู้ออกมา
สื่อฮ่าวส่ายหน้าไม่ปล่อยให้มันขึ้นไปเพราะมีอันตรายถึงชีวิต ในขณะเดียวกันมดตัวน้อยยังไม่เติบโตไม่เหมาะกับการต่อสู้ครั้งนี้ ถ้าพวกเขาจะสู้ก็ยังเป็นเขาที่จะก้าวขึ้นไปก่อน
ในอีกด้านหนึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งสามนั้นน่ากลัวมาก สิ่งมีชีวิตชรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์เขามีแขนแปดข้างถืออาวุธที่แตกต่างกัน รูปร่างเขาไม่ได้สูงใหญ่มากนักเหมือนมนุษย์ธรรมดาทุกอย่างเพียงแต่ที่ใบหน้ามีเกล็ดสีเขียวปกคลุม
เขาถูกล้อมรอบไปด้วยหมอกสีดำดูแปลกประหลาดและทรงพลัง เมื่อเขาเดินออกมาสวรรค์และโลกก็สั่นสะท้านเป็นการตอบสนองต่อปราณโลหิตที่ถูกปลดปล่อยออกมา
นี่คือผู้บ่มเพาะอาวุโสจากดินแดนแห่งความโกลาหล ในตอนนี้เขาอ้าปากพูดขึ้นว่า“ข้าบ่มเพาะมาสองแสนปีข้ามั่นใจว่าสามารถต่อสู้กับพวกเจ้าทุกคนได้”
ที่ด้านข้างของเขาพลังแห่งความโกลาหลเพิ่มสูงขึ้น สิ่งมีชีวิตวัยกลางคนตัวนี้ทรงพลังอย่างมากและรูปร่างสูงใหญ่ ไม่มีผมสักเส้นเดียวบนศีรษะของเขาแต่พวกมันปกคลุมไปด้วยหนามแหลมคมสีขาวดูน่าสยดสยองยิ่งนัก
สิ่งมีชีวิตตัวนี้มีปราณที่ทรงพลังอย่างถึงที่สุด เขาน่าจะอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิตการบ่มเพาะพลังของเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้อาวุโสคนนั้นเลย
ในขณะนี้เขาพูดขึ้นด้วยความสง่างามอย่างยิ่งว่า "ข้าฝึกฝนมาห้าหมื่นปีใครจะสู้กับข้าได้?"
หลังจากนั้นชายหนุ่มอีกคนก็เดินออกมา การเคลื่อนไหวของเขาเหมือนมังกรหนุ่มที่ทรงพลัง ใบหน้าของเขาหล่อเหลาอย่างยิ่งรอบกายปรากฏปราณเซียนแผ่ออกมาอย่างหนาแน่นราวกลับเป็นเซียนอมตะมาเอง
ดอกไม้เซียนเบ่งบานอยู่เหนือศีรษะของเขา 3 ดอก ปราณเซียนจากดอกไม้ไหลลงมาที่ร่างกายของเขาจากนั้นก็กลับคืนไปสู่ดอกไม้เซียนและหมุนวนกลับมาหาเขาอีกครั้ง
ตัง?
ทุกคนตกตะลึง ชายหนุ่มคนนี้นอกเหนือจากขนคิ้วที่มีมากกว่ามนุษย์ปกติทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายเขาไม่แตกต่างจากคนทั่วไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องฝึกวิชาเซียนของโลกนี้อย่างแน่ชัดเพราะว่าเขามีดอกไม้เซียนถึง 3 ดอก และมีพลังเซียน 3 เส้น
บุคคลผู้นี้มีพลังสูงส่งอย่างน่าอัศจรรย์!
“ข้าบ่มเพาะมายี่สิบห้าปีแล้ว โหยหาความพ่ายแพ้อย่างยิ่ง!” ชายหนุ่มกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เขาทำใช้ไม่ใช่การสนทนาโดยใช้เจตจำนงแห่งเทพ แต่เป็นภาษาโบราณประเภทหนึ่ง
เป็นภาษาเซียนโบราณที่มีต้นกำเนิดจากโลกด้านนี้!
หลายคนตกตะลึงโดยเฉพาะสือฮ่าวที่รู้ได้ทันทีว่าเขามาจากแดนรกร้างที่เดียวกับมั่วเต้า
เพียงแค่เขาคนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า!
ชายแก่ ชายวัยกลางคนและชายหนุ่มออกมาสามคนซึ่งเป็นตัวแทนของคนรุ่นสำคัญสามรุ่น!
ด้านของเก้าสวรรค์สิบพิภพไม่สามารถนิ่งเฉยได้ หลายคนอยากเป็นตัวแทนออกมาสู้
“ข้าบ่มเพาะมาสองแสนปีข้าต้องการสู้!”
มีผู้อาวุโส 2-3 คนก้าวออกมา พวกเขาทั้งหมดต้องการจะเข้าไปต่อสู้
นอกจากนี้ยังมีบุคคลหลายคนที่บ่มเพาะมาห้าหมื่นปีต้องการต่อสู้ด้วย
แน่นอนว่าเสียงร่ำร้องส่วนใหญ่มาจากเด็กรุ่นหลังของสามสำนักศักดิ์สิทธิ์ บนเรือรบนั้นหมุนวนไปด้วยแสงหลากสีของพลังปราณเด็กหนุ่มสาวต่างต้องการได้รับสิทธิ์ออกมาต่อสู้!
“ให้ข้าจัดการเอง” ผู้อาวุโสที่มีผมสีแดงเข้มกล่าวขึ้น ผมของเขาหยิกเล็กน้อยสีแดงเพลิงเหมือนเปลวไฟที่โหมกระหน่ำเขาก้าวออกไปด้านหน้า
เขามาจากตระกูลอมตะ เหล่าผู้อาวุโสต่างพยักหน้า
“ราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงเขามีความแข็งแกร่งมากพอ!”
แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักปราชญ์ก็พยักหน้าเห็นด้วย ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสใหญ่คนนี้ก็รู้สึกโศกเศร้าไม่คลายเขายังคงกอดศพของศิษย์รักของเขาไว้ในอ้อมอก แม้แต่บัวนำทางวิญญาณก็ไม่สามารถรักษาวิญญาณดั้งเดิมของเขาได้
เซียงเฟิงได้รับการฝึกฝนมาเป็นล้านปีเป็นคนแรกที่ก้าวออกไป แต่กะโหลกศีรษะของเขาก็ถูกบดขยี้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว วิญญาณดั้งเดิมกระจัดกระจายเป็นเถ้าถ่านตายไปอย่างสมบูรณ์
ไม่ว่ายาศักดิ์สิทธิ์จะทรงพลังเพียงใดก็ต้องมีชิ้นส่วนวิญญาณดั้งเดิมเหลืออยู่ถึงจะสามารถช่วยเหลือเขาได้ ในขณะเดียวกันเซียงเฟิง ไม่มีแม้แต่รอยประทับวิญญาณดั้งเดิมสักส่วนเสี้ยวเล็กๆที่สามารถรักษาไว้ได้
“ราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงเขาฝึกฝนวิชาอัคคีผลาญฟ้าอันยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าสามารถเผาผลาญสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดได้ วิชานี้ครั้งหนึ่งเคยเผาผลาญศัตรูต่างมิติไปมากมายในยุคสงครามเซียนโบราณ!”
“ฉายาราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงของเขาโด่งดังมากตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักชื่อจริงของเขา สองแสนปีมานี้ยังไม่มีผู้ใดเทียบเขาได้”
ตอนแรกยังมีเสียงถกเถียงกันอยู่แต่หลังจากได้บทสรุปว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงจะเป็นคนออกไปต่อสู้ ทุกคนก็รู้สึกสบายใจ
“มันแปลกนิดหน่อยทำไมข้ารู้สึกถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย” เด็กหนุ่มต่างมิติกล่าวอย่างสงสัย
“พวกเจ้าดูอยู่ด้านข้างรวบรวมข้อมูลของคู่ต่อสู้ให้ดี”เมื่อชายชราแปดแขนพูดเช่นนี้ชายวัยกลางคนและเด็กหนุ่มก็ไม่ได้เข้าร่วมต่อสู้ต้องคอยสังเกตราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงเพราะพวกเขารู้สึกแปลกๆ
การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงเดินตรงเข้าต่อสู้กับชายชรา 8 แขนตรงๆ
ฮ่อง!
เปลวไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเผาผลาญทั้งเก้าสวรรค์ วิชาเพลิงผลาญฟ้าอันยิ่งใหญ่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเผาไหม้ทำให้สนามรบแห่งนี้ระเบิดออก ราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงแสดงญาณวิเศษของเซียนโบราณนี้ทันทีที่เขาเดินเข้ามาถึง โดยต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อสังหารศัตรูต่างมิติภายในครั้งเดียว
อย่างไรก็ตามชายชราแปดแขนผู้นี้น่ากลัวเกินจินตนาการ แขนทั้งแปดของเขาขยับไปมาสร้างตราประทับเวทย์มนตร์ที่แตกต่างกันแปดอันมีความดุร้ายอย่างไม่น่าเชื่อสามารถต้านทานเปลวไฟที่ลุกไหม้บนท้องฟ้าได้
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นทั้งสองปะทะกันอย่างเข้มข้น
เปลวไฟสีแดงเข้มกลับกลายเป็นเปลวไฟสีทองโหมกระหน่ำลุกโชนปกคลุมท้องฟ้าเบื้องบนและโลกเบื้องล่างนำดวงดาวสองสามดวงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเผาไหม้ลงมาเป็นหินหนืด
ความร้อนที่ขยายออกไปทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและเมฆหมอกถูกเผาผลาญจนกระจ่างใส นี่คือเปลวเพลิงที่ลุกไหม้จากสวรรค์สามารถทำลายทุกสิ่งได้
พวกเขาต่อสู้อย่างดุเดือด จนถึงสามร้อยกระบวนสีของเปลวเพลิงผลาญฟ้าก็ขุ่นมัวลงมันผสมผสานกันกับพลังแห่งความโกลาหล
ทุกคนสูดอากาศเย็นๆเข้าปอด ราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงนั้นน่าเกรงขามอย่างแท้จริงหลังจากเปลวไฟที่เขาบ่มเพาะสามารถผสานเข้ากับพลังแห่งความโกลาหลได้จริง หากวันนั้นมาถึงมันจะกลายเป็นเพลิงสวรรค์แห่งความวุ่นวาย
และเมื่อวันนั้นมาถึงมันจะทำให้เขาก้าวผ่านชีวิตอันยาวนานเข้าสู่โลกของผู้อมตะอย่างแท้จริง!
“ยังไม่แข็งแกร่งพอ ข้าเคยได้ยินมาว่ามีคนจากดินแดนเจ้าที่ฝึกฝนวิชาโบราณนี้ในยุคสงครามที่ยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้าย เปลวเพลิงอยู่ภายในพลังแห่งความโกลาหลอยู่ด้านนอกทั้งสองผสมผสานกันอย่างกลมกลืนพลังนี้สามารถเผาผลาญผู้อมตะให้สูญสลายไปอย่างง่ายดาย” ชายชราแปดแขนแสดงความคิดเห็น
ทุกคนตกตะลึง เขาแข็งแกร่งแค่ไหนแม้แต่เพลิงผลาญฟ้าก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ทั้งยังมีเวลามาวิพากษ์วิจารณ์การต่อสู้ครั้งนี้
ราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงรู้สึกโกรธมากเขาปลดปล่อยเสียงคำรามเป็นคลื่นเสียงขนาดยักษ์โจมตีชายชรา นั่นคือพลังลึกลับที่รั่วไหลออกมาจากร่างกายของเขาสนับสนุนเปลวไฟที่ต้องการเผาผลาญศัตรูทรงพลังนี้
“เหงื่อปรอท!” ชายชราแปดแขนหรี่ตาเขาตอบโต้อย่างไร้ความปรานีรีบใช้กำลังทั้งหมดที่มีมิฉะนั้นอาจจะเป็นเขาที่ตกตายที่นี่
มันเป็นอย่างที่เขาพูดอย่างแม่นยำเหงื่อของราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงมีสีขาวเหมือนปรอทมีคลื่นแห่งความผันผวนที่ทรงพลัง
ปัง!
อย่างไรก็ตามราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงยังคงได้รับบาดเจ็บต้องกระอักเลือดออกมาลูกคิดวิเศษกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขา เป็นเพราะอีกฝ่ายมีแปดแขนพลังการโจมตีจึงค่อนข้างอ่อนด้อยไปบ้างแม้ว่าพลังของเขาจะไม่เทียบเท่าคนอื่นๆที่อยู่ในขั้นเดียวกัน แต่ก็นับว่าใกล้เคียงอย่างยิ่ง
“เลือดปรอท!” ชายชราแปดแขนตกใจ
คนอื่นๆ ก็เห็นว่าหลังจากที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงใช้กำลังของจนหมดสิ้นเลือดของเขาก็ไหลออกมาเหมือนปรอทสีแดงสดแต่มีประกายแสงเงินสีขาวราวกับหิมะ
“เจ้าคือผู้สืบสายเลือดโบราณจากโลกของข้า!” ชายชราแปดแขนกล่าวถึงข้อสรุปนี้
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระแบบไหนกัน!” ราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงตะโกนสวน
“เห็นแก่ที่เจ้ามีขั้นบ่มเพาะที่ไม่ธรรมดาและมีสายเลือดตระกูลโบราณจากฝั่งของพวกข้าอย่าได้เลือกข้างผิดไป” ชายชราแปดแขนพยายามกล่าวเตือนสติ ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยและตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงเป็นทายาทของฝ่ายตน
“จะอะไรก็ช่างข้าไม่ยอมรับ!” การปฏิเสธราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงนั้นตรงไปตรงมา
“เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะส่งเจ้าไปตามทาง แม้ว่าเจ้าจะเป็นลูกหลานของตระกูลโบราณก็ตาม นอกจากจะทรยศบรรพบุรุษแล้วตอนนี้ยังดื้อด้านกระทำในสิ่งที่ผิดต่อไป ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแสดงความเมตตา!” ชายชรา 8 แขนกล่าว เขาต่อสู้กับราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงมามากกว่า 400 กระบวนท่าแล้ว
“ไม่ดีแล้ว เจ้าผมแดงรีบกลับมา!” ผู้อาวุโสสูงสุดจากตระกูลอมตะตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง
น่าเสียดายที่มันสายเกินไป ศิษย์คนนี้เขาเลี้ยงดูฟูมฟักมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อยยาวนานถึงสองแสนปี จนกระทั่งก้าวขึ้นเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ความผูกพันเป็นที่ทราบได้
แต่สิ่งมีชีวิต 8 แขนนั้นน่ากลัวเกินไป
ปู!
แขนข้างหนึ่งของเขาแทงทะลุหน้าอกของราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงทำให้หัวใจของเขาแหลกสลายทันที
อา...
ราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงคำรามด้วยความเจ็บปวดเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาเข้าโจมตีชายชราแปดแขนอย่างดุดัน
ปู!
ชายชรา 8 แขนยังคงแสดงความน่ากลัว แขนอีกข้างหนึ่งบิดคอของราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงออกมา
“ไปตามทางของเจ้า!” ด้วยการตะโกนครั้งสุดท้ายชายชราแปดแขนได้ประทับกำปั้นระเบิดศีรษะของราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงด้วยหมัดเดียวจบชีวิตของเขา
การต่อสู้สิ้นสุดลงในกระบวนท่าที่ 500 พอดี
“แม้ว่าเจ้าจะเป็นลูกหลานจากโลกของข้า แต่ในเมื่อเจ้าไม่สามารถกลับใจข้าก็จะฆ่าเจ้า!” ชายชราแปดแขนกล่าวอย่างไร้ความปรานี
“เจ้าผมแดง!” ด้านหลังเขามีเสียงคร่ำครวญออกมาด้วยความรู้สึกเศร้าโศกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“เขาจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร? เขาฝึกวิชาเพลิงผลาญฟ้าอันยิ่งใหญ่เขาควรจะสังหารผู้ฝึกฝนต่างมิติได้ ทำไมเขาถึงยังพ่ายแพ้?”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงเป็นที่รู้กันว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อสองแสนปีก่อนในท้ายที่สุดหลังจากบ่มเพาะมาตลอดหลายปีขั้นพลังของเขาสูงส่งจนคนธรรมดาไม่อาจจินตนาการถึง แต่เขาก็ยังถูกสังหารในสนามรบ
สำหรับผู้บ่มเพาะของเก้าสวรรค์สิบพิภพนี่เป็นผลงานที่น่าผิดหวังยิ่ง
"เจ้าเป็นใคร? ข้าขอทราบชื่อเจ้าหน่อย!" ลูกศิษย์ของราชาศักดิ์สิทธิ์ผมแดงตะโกนออกมา หางตาของเขารู้สึกเหมือนกำลังจะฉีกเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและความแค้นยังหาที่เปรียบไม่ได้
“เจ้าทุกคนสามารถเรียกข้าว่า แปดศาสตราผู้ยิ่งใหญ่ สองแสนปีก่อนข้าอยู่ในอันดับที่สิบของคนรุ่นเดียวกัน!” เขากล่าวอย่างเย็นชาจากนั้นถอยกลับไป
“ใครจะเป็นรายต่อไป” ในเวลานี้ชายวัยกลางคนที่ไม่มีผมบนศีรษะมีเพียงกระดูกที่แหลมคมที่งอกออกมาคำราม เขายืนอยู่อย่างโดดเด่นในสนามรบ
ปราณโลหิตที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นน่ากลัวมากจริงๆมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าแปดศาสตราผู้ยิ่งใหญ่แต่เขากลับบ่มเพาะมาเพียงแค่ 50,000 ปีเท่านั้น
มีใครบางคนก้าวออกไปในทันทีไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นของเขา เขาถูกห่อหุ้มด้วยปราณเซียนที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
ฮ่อง!
การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้น การเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่ายดุเดือดอย่างไม่น่าเชื่อต่อสู้กันจนกระทั่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สูญเสียความสว่าง สวรรค์และโลกสูญเสียสีสัน
มันน่าสมเพชอย่างยิ่งการต่อสู้ครั้งนี้จบลงเร็วมากเพียงแค่ 80 กระบวนท่าเท่านั้น หว่างคิ้วผู้บ่มเพาะจากเก้าสวรรค์สิบพิภพถูกทะลวงโดยศัตรูต่างมิติวิญญาณดั้งเดิมสูญสลายในทันที จากนั้นร่างของเขาก็ถูกทำลายด้วยหมัดเดียว ศพสลายหายไปมีเพียงหมอกสีแดงเท่านั้นที่กระจายออกมา
บทสรุปนี้สะเทือนใจอย่างยิ่งทำให้หลายคนอดร่ำไห้ออกมาไม่ได้ ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้มาตกตายช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสะเทือนใจ พวกเขาเป็นผู้กล้าหาญแต่มีจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนี้
ความแตกต่างมีมากเกินไป!
จนถึงตอนนี้มีการต่อสู้ครั้งใหญ่สี่ครั้ง แต่มีเพียงจู้ซานเหอเท่านั้นที่ชนะได้ อย่างไรก็ตามเขาออกมาพร้อมกับสถานะของราชาอันดับหนึ่งเมื่อห้าแสนปี แต่ชนะได้เพียงสิ่งมีชีวิตลำดับที่สิบเอ็ดของฝั่งตรงข้าม
ถ้าสิ่งมีชีวิตฝ่ายตรงข้ามส่งคนที่มีอันดับสูงกว่านี้ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?ก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว!
ตอนนี้บรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุด ด้านเก้าสวรรค์สิบพิภพรู้สึกหดหู่ใจอย่างไม่น่าเชื่อเจตจำนงของหลายๆคนเริ่มรวนเร การต่อสู้เหล่านี้เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย
“อ่อนแอมากจริงๆพวกเจ้าไม่สามารถเอาชนะได้แม้แต่ครั้งเดียวเมื่อพวกเราส่งคนที่อยู่ในลำดับ 1 ใน 10 ออกมาต่อสู้ แล้วอย่างนี้ใครจะกล้าสู้กับข้า!” ชายหนุ่มผู้ฝึกวิชาเซียนจากต่างมิติกล่าวเย้ยหยัน
“แม่ยายเจ้า!…ราชาคนนี้จะจบชีวิตสุนัขเจ้าเอง!” มดเขาสวรรค์ตัวน้อยไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป มันเกลียดชังสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเกิดสถานการณ์อย่างนี้ยิ่งทำให้มันคุ้มคลั่งมากกว่าเดิม
ฮ่อง!
สือฮ่าวคว้าตัวมันไว้ และก้าวขึ้นไปข้างหน้าแทน
“ไม่! ปล่อยข้าไป!” มดน้อยสีทองร้องลั่น
จิ!
ในเวลาเดียวกันแสงสีม่วงพุ่งเข้าสู่ท้องฟ้าปราณมงคลพรุ่งพล่านกระจายไปสุดลูกหูลูกตา
“ข้าจะสู้กับเขาเอง!” แท้จริงแล้วมันคือราชาสวรรค์อาทิตย์ม่วงเขาพ่ายแพ้ให้กับสือฮ่าวเมื่อไม่นานมานี้เขาต้องการต่อสู้เพื่อฟื้นความมั่นใจ
เป็นเพราะใจแห่งเต๋าของเขามีข้อบกพร่องดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะโค่นผู้ผู้แข็งแกร่งจากต่างมิติลงในขณะที่อยู่ภายใต้บรรยากาศที่กดดันที่สุดโดยใช้สิ่งนี้เพื่อปลดปล่อยตัวเองและก้าวข้ามตัวตน
“ปล่อยเขาให้ข้า!” ในเวลานี้นักพรตซีกู้ก็ทะยานออกไป เขาเป็นศิษย์จากสำนักปราชญ์เขาต้องการแก้แค้นให้กับศิษย์ของผู้อาวุโสใหญ่และยิ่งอยากจะล้างความอัปยศอดสูของสำนักปราชญ์ให้ได้
“เมล็ดพันธุ์หมอกม่วง!” ในสนามรบชายหนุ่มคนนั้นจ้องมองไปที่ราชันย์สวรรค์อาทิตย์ม่วงด้วยความรู้สึกตกใจอย่างมาก เป็นเพราะในตอนนั้นเมล็ดพันธุ์หมอกม่วงอันยิ่งใหญ่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ขั้นสูงสุดที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ตอนนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกในการต่อสู้ครั้งนี้
“อา! , นอกจากนี้ยังมีเมล็ดพันธุ์หยินหยาง ต้นอ่อนของต้นไม้โลก ...” จากนั้นเขาจ้องมองมาที่กลุ่มของคนหนุ่มสาวบนเรือรบสีแดง เกล็ดรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนบนหน้าผากของเขาเปิดออกปลดปล่อยดวงตาที่สามเพื่อสอดส่องเมล็ดพันธุ์ของทุกคนบนเรือ
"อะไร? เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ยังอยู่? ขอข้าดูหน่อย!"
“ข้าขอดูบ้าง!”
ที่ด้านข้างของเหวมืดผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มสองสามคนของดินแดนแห่งความโกลาหลพุ่งออกไปด้านหน้าปลดปล่อยรัศมีความแข็งแกร่งอยู่เหนือท้องฟ้า
พวกเขาจ้องไปที่ หลานเซียน,ราชันย์สิบสมัย, มหาโสดา และคนอื่นๆ ดวงตาของพวกเขาลุกไหม้ราวกับว่าพวกเขาค้นพบเหยื่อชิ้นสำคัญ
“เจ้าทุกคนกล้าที่จะต่อสู้หรือไม่? มาตัดสินกันในครั้งเดียว!”
ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้แข็งแกร่งหนุ่มสาวของฝ่ายตรงข้ามจะพุ่งทะยานออกมาทีเดียวสิบกว่าคนทุกคนกระตือรือร้นอย่างไม่น่าเชื่อราวกับว่าพวกเขาพบเห็นเหยื่ออันโอชะต้องการออกล่า