ตอนที่ 19 - ใครกล้าสู้กับข้า?
ตอนที่ 19 - ใครกล้าสู้กับข้า?
“น่าขัน! พวกเจ้าทุกคนช่างงมงายอย่างเหลือทนแม้สภาพแวดล้อมของที่นี่จะเปลี่ยนไปจนพวกเจ้าสามารถขึ้นสู่อาณาจักรแห่งความเป็นอมตะได้ ก็เป็นเพียงแค่ผู้อมตะที่อ่อนแอเท่านั้นจะเทียบชั้นกับพวกเราได้อย่างไร?” เจ้าของมือสีดำขนาดใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา เขาไม่เคยปรากฏตัวเวลานี้เพียงแค่ข้ามมาด้วยมือขนาดใหญ่
ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างที่ผู้อาวุโสใหญ่พูด ร่างกายที่แท้จริงของเขาไม่สามารถข้ามผ่านมาได้และถูกจำกัดพลังอย่างรุนแรงมิฉะนั้นเขาคงบุกเข้ามานานแล้ว
เป็นผลให้พวกเขาทั้งหมดสงบลงเล็กน้อย ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึง!
หลังจากช่วงเวลาแห่งความสงบทุกคนรู้สึกถึงคลื่นแห่งความโกรธแค้นภายในใจของพวกเขา สิ่งมีชีวิตตัวนั้นดูถูกผู้อื่นมากเกินไปทำตัวเหมือนเจ้าชีวิตของทุกสิ่งแสดงความดูถูกต่อทุกคน
“ไม่เพียงแต่ร่างกายที่แท้จริงของเขาจะไม่สามารถข้ามผ่านมาได้ ส่วนที่ข้ามมาก็ถูกจำกัดพลังเช่นกัน โลกของเรากำลังใช้กฎธรรมชาติผูกมัดเขาไว้ไม่จำเป็นต้องกังวล” ผู้อาวุโสจากสำนักเซียนกล่าวว่าเพิ่มกำลังใจทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโลกทั้งสองเชื่อมต่อกันเล็กน้อยจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โลกนี้จะฟื้นฟูสภาพแวดล้อมอย่างช้าๆจะมีคนที่สามารถก้าวขึ้นเป็นเซียนที่แท้จริงได้
นี่คือสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณมีคนรู้เรื่องนี้เพียงน้อยนิด
ตามความสงสัยของทุกคนสิ่งมีชีวิตในอีกฝั่งอาจจะทำอะไรบางอย่างในอีกฟากหนึ่งของโลกนี้ แต่สุดท้ายมันน่าจะล้มเหลว “ถ้าพวกเจ้าไม่สามารถยอมรับสิ่งนี้ข้าสามารถจัดส่งเด็กรุ่นหลังที่ยังไม่บรรลุถึงขั้นผู้ไม่ดับสูญมาประลองกับพวกเจ้าทุกคนได้ พวกเจ้าจะได้รู้สักทีว่าฟ้าจะสูงถึงเพียงใหน” เจ้าของมือสีดำพูดเช่นนี้ทำให้ทุกคนตกใจอย่างมาก
“นี่เป็นการพิสูจน์แล้วว่าการคาดเดาของข้าถูกต้อง เมื่อเวลาผ่านไปมันยากขึ้นที่เจ้าจะอยู่ในโลกด้านนี้ดังนั้นเจ้าต้องถอนตัวจากไป? เจ้าไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว?”
"เจ้ากำลังพูดอะไร?" เสียงเจ้าของมือสีดำเย็นชา “ข้าแค่อยากจะให้เจ้าทุกคนเข้าใจว่าแม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มคนที่มีอายุเท่ากัน ถึงจะยังไม่สามารถเป็นผู้ดับสูญพวกเขาก็สามารถจัดการพวกเจ้าทุกคนได้”
ในขณะที่พูดมือสีดำขนาดใหญ่นั้นกลับลงสู่ก้นหลุมดำมืดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
สิ่งนี้ทำให้เกิดการถกเถียงกันโดยเฉพาะตระกูลอมตะสำนักปราชญ์สำนักเซียน พวกเขาเชื่อว่าความสงสัยของผู้อาวุโสใหญ่น่าจะเป็นจริง
บางทีมันอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เส้นทางระหว่างสองโลกจะเปิดออกอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้โลกได้ใช้ความกดดันเพื่อขับไล่ศัตรูต่างมิติกลับไป ศัตรูได้รับความทุกข์ทรมานจากพลังของโลกซึ่งพยายยามปราบปรามพวกมัน
ผู้แข็งแกร่งสูงสุดของอีกฝั่งไม่สามารถข้ามมาได้มีเพียงใช้อวัยวะบางส่วนเท่านั้นข้ามมา
“รีบตรวจสอบตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับสวรรค์สีชาดทุกอย่างเอามาให้หมดค้นทุกจุดที่น่าสงสัย! นี่มันแปลกไปหน่อยมันไม่สมเหตุผลอย่างยิ่งที่พวกเขาข้ามมาเพื่อข่มขู่พวกเราเพียงเท่านี้!” ผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวเบา ๆ
มีมากกว่าหนึ่งคนที่คิดแบบนี้เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่มานานแล้วต่างคิดเช่นนี้
มีคนที่ถูกส่งออกไปเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้เป็นพิเศษพวกเขารีบออกตามหาตำราโบราณทันที
ฮ่อง!
ในเวลานี้หุบเหวสีดำนั้นปะทุขึ้นพร้อมกับปลดปล่อยหมอกสีดำล้นออกมาจากนั้นชั่วครู่ก็มีร่างหลายร่างพุ่งออกมาจากหมอกดำนั้น
พวกเขาลอยอยู่บนท้องฟ้าที่บิดเบี้ยวในระยะไกลยืนอยู่ในหมอกสีดำราวกับว่าพวกเขาเป็นกลุ่มเทพปีศาจผู้ยิ่งใหญ่!
“พวกเขามาแล้วสิ่งมีชีวิตจากอีกโลกได้ก้าวเข้ามาในโลกของเราแล้ว!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งคร่ำครวญออกมา
“มาได้ก็ดีพวกเราจะจัดการมันทั้งหมดลบมันออกไปจากโลก!” คนหลายคนกระเหี้ยนกระหือต้องการที่จะลงมือ
ในอีกด้านหนึ่งไอสังหารปกคลุมสวรรค์และโลกกวาดไปทั่วราวกับกระแสน้ำทำให้จิตวิญญาณของผู้คนจำนวนมากไม่มั่นคง
คนกลุ่มนี้แข็งแกร่งจนเกินไปเมื่อพวกเขายืนอยู่ด้วยกันแม้แต่มิติยังเกิดการสั่นไหว
กลุ่มผู้อาวุโสจากสำนักเทพสวรรค์สำนักเซียนและสำนักปราชญ์ไม่ได้รู้สึกตกใจกลัวพวกเขาปลดปล่อยญาณวิเศษต่อต้านพายุหมอกสีดำไม่ให้เข้าใกล้
นี่คือกลุ่มของราชาปีศาจที่แท้จริง พวกเขาแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ เหมือนหอคอยเหล็กในหมอกสีดำตั้งตระหง่านน่ากลัวอย่างแท้จริง
“พวกเจ้าเต็มใจหรือไม่? นี่คือคนรุ่นหลังในโลกของข้าที่สามารถต่อสู้กับพวกเจ้าได้ทั้งหมด พวกเจ้าจะได้เห็นว่าความเหลื่อมล้ำมีมากเพียงใด!” เสียงอันเยือกเย็นดังมาจากเหว
คนเหล่านั้นเคลื่อนที่เข้าหากลุ่มเรือรบ หมอกควันสีดำไม่ได้กระจายหายยังคงโอบล้อมพวกเขาไว้ดังเดิม ทำให้มองไม่เห็นร่างที่แท้จริงของพวกเขามีเพียงเงาดำเท่านั้น ทำให้เกิดความกดดันราวกับจมน้ำ
“พวกเจ้ากล้าต่อสู้ไหม” ในอีกด้านหนึ่งมีสิ่งมีชีวิตในเงามืดสีดำกล่าวด้วยความมั่นใจและหยิ่งผยอง
“บรรพบุรุษของพวกเจ้าพ่ายแพ้ไปแล้ว ลูกหลานที่พวกเขาทิ้งไว้ก็มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ มีใครในพวกเจ้ากล้าต่อสู้บ้างไหม” เสียงจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในหมอกสีดำมองลงมาจากด้านบนเหมือนไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา
ในฟากของผู้คนจาก 9 สวรรค์ 10 พิภพทุกคนขมวดคิ้วโดยเฉพากลุ่มผู้คนจากตระกูลอมตะพวกเขาปรึกษากันว่าครั้งนี้ควรจะออกหน้าก่อนหรือไม่?
พวกเขาควรจะออกไปก่อน!
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็บรรลุข้อตกลงเป็นเอกฉันท์เพราะพวกเขาต้องการดูว่าสิ่งมีชีวิตจากอีกฝั่งแข็งแรงแค่ไหน ต้องส่งคนออกไปสู้กับพวกมัน
“เจ้าพวกลูกหลานเชลย บรรพบุรุษของพวกเจ้าเคยคลานแทบเท้าเรา การบ่มเพาะของข้าอาจจะอยู่ในขั้นธรรมดา แต่ข้าเชื่อว่ามันเพียงพอที่จะปราบปรามพวกเจ้าทั้งหมด ใครอยากจะตายเป็นคนแรก” สิ่งมีชีวิตสูงใหญ่เดินข้ามมาจากเหวสีดำมันมีลักษณะของสัตว์สี่ขามีขนาดใหญ่และตัวหนามาก
อย่างไรก็ตามหมอกสีดำนั้นพิเศษเกินไปยังคงป้องกันไม่ให้พวกเขาเห็นร่างที่แท้จริงของมันอย่างชัดเจนใน พวกเขารู้แต่เพียงว่ามันมีลักษณะคล้ายราชสีห์หรือพยัคฆ์
“เนื่องจากการบ่มเพาะของเจ้าอยู่ในระดับธรรมดางั้นพวกเจ้าควรส่งยอดฝีมือที่แท้จริงออกมาจะได้ไม่ขายหน้าพวกเจ้าเอง!” ผู้อาวุโสจากสำนักเซียนตอกกลับไป
“เจ้าต้องการใหกองทัพของพวกเจ้าถูกกวาดล้างเหรอ” สัตว์ต่างมิติ 4 ขากล่าวด้วยความโกรธแค้นหลังจากได้ยินคำพูดนี้
“เจ้าสามารถทำได้เหรอ!” ผู้อาวุโสสำนักปราชญ์เยาะเย้ย
“เนื่องจากพวกเจ้าต้องการต่อสู้ดังนั้นให้คนที่มีน้ำหนักมากพอออกมา ด้วยวิธีนี้เจ้าทุกคนจะได้ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ เมื่อพ่ายแพ้!”
“งั้นก็ดีเอาตามที่พวกเจ้าว่า” เสียงอันสง่างามดังมาจากเบื้องล่างของเหวสีดำ
จากนั้นหมอกก็พุ่งสูงอีกครั้งมีเงาร่างจำนวนมากปรากฏขึ้น ทุกคนมีความแข็งแกร่งกว่ากลุ่มก่อนหน้าเล็กน้อย
“ถ้าจะประลองก็ขอคู่ปะลองที่เหมาะสมหน่อยข้าบ่มเพาะมาถึงล้านปีใครจะออกมาก่อน” ร่างหนึ่งเดินออกมาจากหมอกสีดำเสียงของมันมีพลังทะลุทะลวงที่ทรงพลัง
ทุกคนสามารถสัมผัสได้ว่าสิ่งมีชีวิตนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง
“อาจารย์ข้าขอออกไปก่อน!” ผู้อาวุโสใบหน้าเรียวเล็กเดินออกมา ผมสีเทาโปรยลงมาที่ไหล่ของเขา เขากล่าวด้วยความเคารพต่อผู้อาวุโสใหญ่สำนักปราชญ์
หลายคนไม่รู้จักตัวตนของเขา พวกเขาเผยให้เห็นถึงความตกใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามมีคนอีกกลุ่มส่งเสียงอุทานอย่างตกตะลึง
“ เขา…ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ! ปราณโลหิตของเขาเป็นที่รู้กันว่าทำให้สวรรค์ทั้งเก้าสั้นสะเทือน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักปราชญ์เมื่อล้านปีก่อน
"อะไร? เขาคือเซียงเฟิง? มีข่าวลือว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วจากการทะลวงเข้าสู่ผู้อมตะล้มเหลวเมื่อหลายแสนปีก่อน?”
ผู้คนในตระกูลโบราณต่างพากันส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกสร้างความปั่นป่วนอย่างมาก
นี่เป็นลูกศิษย์รุ่นแรกจากล้านปีก่อนเป็นที่รู้จักในฐานะเมล็ดพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากอดีตซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์ที่ทรงพลังที่สุดจากสำนักปราชญ์ในยุคนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นศิษย์ประจำตัวของผู้อาวุโสใหญ่สำนักปราชญ์สถานะของเขาสูงส่งไม่ธรรมดา ในชีวิตยังไม่เคยพบกับความพ่ายแพ้ในรุ่นเดียวกันมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่เทียบเขาได้
นี่คือหนึ่งในสามผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อล้านปีที่แล้ว!
สถานะอย่างนี้ความสำเร็จอย่างนี้หากเป็นยุคเซียนโบราณต้องได้เป็นถึงราชาอมตะอย่างแน่นอน
ในความเป็นจริงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ต้องการให้เซียงเฟิงเป็นคนที่ออกไปเป็นคนแรก อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อนแรงเป็นอย่างมากจึงไม่ใช่เรื่องดีที่จะปฏิเสธเขา
เซียงเฟิงเดินออกไปแม้ว่ารูปร่างของเขาจะเตี้ยเล็กไปหน่อยแต่ปราณโลหิตของเขาก็มีพลังไม่น้อย ราวกับว่ามีดวงดาวสีเลือดมากมายพันรอบตัวเขาไว้เป็นภาพที่ทั้งสยองขวัญและงดงามเราเทพเจ้าแห่งสงคราม
ปราณที่น่ากลัวกระเพื่อมออกไปไปทุกทิศทาง
“เขาเป็นศิษย์หลักของผู้อาวุโสใหญ่สำนักปราชญ์ แน่นอนว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่ยากจะหาใครเทียบได้นับเป็นตัวเลือกอันเหมาะสม!” หลายคนพยักหน้า นี่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
ในอีกด้านหนึ่งถัดจากหุบเหวสิ่งมีชีวิตตัวนั้นเดินออกจากบริเวณหมอกสีดำ
มันไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตขั้นผู้ดับสูญจริงๆ มันจึงไม่ได้รับความทุกข์ทรมานจากพลังของโลกใบนี้ มันยืนอยู่หน้าหุบเหวสีดำอย่างผ่อนคลายราวกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตจากโลกใบนี้
“ข้าชื่อเซียงเฟิง เชิญ!” เซียงเฟิงพูดพลางขยับร่างกายใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในการต่อสู้
“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใครข้ามาเพื่อฆ่าเจ้าเท่านั้น” สิ่งมีชีวิตอีกด้านหนึ่งพูดขึ้น ลักษณะของมันเป็นเหมือนมนุษย์ แต่มีดวงตาแนวตั้งอยู่ที่หน้าผากทั้งหมดเก้าดวง
ทุกคนที่เห็นรูปลักษณ์มันตามตื่นตระหนก สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดตัวนี้ตั้งใจจะทำให้พวกเขาอับอายหรือมันเป็นผู้แข็งแกร่งจริงๆ? เพราะการแสดงออกของมันนิ่งสงบเกินไป
"ฆ่า!" เซียงเฟิงลงมือโดยใช้พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ปราณโลหิตพุ่งขึ้นราวกับสายรุ้งถูกปลดปล่อยออกมาจากกระหม่อมของเขาญาณวิเศษพรุ่งพล่านไปทั่วทั้งท้องฟ้า
เมื่อผู้แข็งแกร่ง 2 คนมาเผชิญหน้ากันสามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้!
ทั้งสองคนต่างฝึกฝนจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าสูงสุดเป็นลำดับต้นๆของโลกแล้ว พลังที่พวกเขาแสดงออกมา ย่อมไม่อาจคาดเดา
ปราณกระบี่พุ่งขึ้นเป็นครั้งคราวทำลายดวงดาวดวงแล้วดวงเล่า
อย่างไรก็ตามหลังจากประมือกันได้ 100 กระบวนท่าก็เกิดเสียงครวญครางดังขึ้น
เซียงเฟิงถูกกระแทกตกลงมาจากท้องฟ้า
แขนของเขาถูกสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวนั้นฉีกออกไปข้างหนึ่ง
“มีเพียงเท่านี้เองหรือ?” สิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นพูดเบา ๆ พร้อมกับพุ่งเข้ามาโจมตี
“อา…” เซียงเฟิงคำรามออกมาแขนที่ขาดของเขางอกขึ้นมาใหม่ จากนั้นเขาทะยานร่างเข้าต่อสู้ตะลุมบอนกันอีกฝ่ายอย่างดุเดือด
ปู!
หลังจากผ่าน 50 กระบวนท่าดวงตาของเซียงเฟิงก็สูญเสียจิตวิญญาณ มีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดหว่างคิ้วของเขาถูกบดขยี้ด้วยการสำผัสเพียงครั้งเดียวจากอีกฝ่าย วิญญาณดั้งเดิมของเขากลายเป็นขี้เถ้า!
“เซียงเฟิง!” ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักปราชญ์รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา
ทุกคนตกตะลึง นี่เป็นถึงคนที่ติดอันดับหนึ่งในสามซึ่งเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อล้านปีก่อนอย่างไรก็ตามเขาถูกอีกฝ่ายฆ่าตายเช่นนั้น
“ข้ายังไม่ได้ใช้ณานศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองด้วยซ้ำ ใช้แค่แค่ณานวิเศษของโลกพวกเจ้าเท่านั้น” สิ่งมีชีวิตนั้นกล่าวว่า มันเหวี่ยงศพของเซียงเฟิงไปที่ด้านข้าง
เซียงเฟิงผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคเสียชีวิตไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ทุกคนไม่ยอมเชื่อสิ่งที่เห็น!
พวกเขาตกลงกันมานานแล้วว่าจะไม่มีใครสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวการต่อสู้ขั้นแตกหักในครั้งนี้ มิฉะนั้นผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักปราชญ์จะต้องลงมืออย่างแน่นอน นี่คือศิษย์รักของเขาการตายครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกเศร้าโศกอย่างหาที่เปรียบมิได้
คนอื่นๆก็พบว่าสิ่งนี้ยากที่จะเชื่อ เซียงเฟิงที่ทรงพลังก็ตายเช่นนั้นมันรวดเร็วเกินไปเป็นผลลัพธ์ที่น่ากลัวเกินไปแล้ว
"เจ้าเป็นใคร? ตัวตนของเจ้าในอีกด้านคืออะไร” ใครบางคนคำรามออกมา เป็นคนจากสำนักปราชญ์ตอนนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำเป็นสายเลือด
“ข้ามีนามว่า ตี้เถา อยู่ในอันดับที่สิบเก้าเมื่อล้านปีก่อน” สิ่งมีชีวิตนั้นตอบกลับมา หลังจากพูดจบเขาไม่ได้หันมามองแต่เดินไปยืนที่ด้านข้างของขอบเหว
ทุกคนตกตะลึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกโกรธอยู่ข้างใน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงคลื่นแห่งความเย็นเกาะกุมหัวใจ คนอันดับที่สิบเก้าฝั่งนั่นฆ่าคนที่ติดอันดับหนึ่งในสามของโลกด้านนี้ สิ่งนี้น่ากลัวแค่ไหน?!
ในตอนนั้นเองสิ่งมีชีวิตอื่นจากข้างในหมอกดำก็กล่าวขึ้น “ข้าบ่มเพาะมาห้าแสนปี ใครจะเป็นคู่ต่อสู้?”
เกือบจะในเวลาเดียวกันใครบางคนจากฝั่ง9 สวรรค์ 10 พิภพตะโกนสวนออกมาว่า“ข้าฝึกฝนมายี่สิบปี ใครกล้าสู้กับข้า!”