ตอนที่ 17 - การเผชิญหน้า
ตอนที่ 17 - การเผชิญหน้า
เมืองที่สร้างขึ้นจากกระดูกของคนโบราณบัดนี้ถูกบดขยี้ ชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนถูกสังหาร ภายในรัศมีหนึ่งแสนลี้ของสวรรค์สีชาดกลายเป็นซากปรักหักพังสิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกกำจัดสิ้น มันเป็นความโหดร้ายแค่ไหน?
นั่นคือสาเหตุผู้บ่มเพาะที่นี่ต่างโกรธเกรี้ยวจนคุ้มคลั่งโลหิตพลุ่งพล่านอยู่ในอกอยากจะแก้แค้น!
คำว่า 'ฆ่า' คำเดียวแสดงถึงสิ่งที่รู้สึกอยู่ข้างใน ตอนนี้ไม่ทราบว่ามีเรือโบราณกี่ลำที่ส่องแสงรวบรวมพลังโจมตี ในเวลาเดียวกันค่ายกลเวทย์ขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมาทีละลำ
สิ่งเหล่านี้เป็นคำตอบของกลุ่มมหาอำนาจทั้งหมดในโลกนี้ พวกเขาทั้งหมดเปิดใช้งานค่ายกลเวทย์พร้อมกับโจมตีซากปรักหักพังโดยต้องการกำจัดศัตรูแข็งแกร่งในครั้งเดียว
แม้พวกเขาจะรู้ดีว่าถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน แต่พวกมันอาจจะก้าวเข้าสู่ดินแดนบ่มเพาะที่สูงล้ำเกินจินตนาการ แต่ไม่มีใครอยากจะยอมจำนนพวกเขาจะต่อสู้จนถึงที่สุด!
ฮ่อง!
เปลวไฟที่โหมกระหน่ำพุ่งสูงขึ้นแสงสว่างกระจายไปทั่วท้องฟ้า ไอสังหารที่เอ่อล้นขึ้นสู่สวรรค์การโจมตีทั้งหมดรวมตัวกันก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่น่าสะพรึงกลัว
คลื่นจากพลังโจมตีทำให้จิตใจของทุกคนถึงกับสั่นสะท้าน แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่สำนักเทพสวรรค์ ก็ยังไม่เคยเห็นการโจมตีที่ทรงพลังเท่านี้มาก่อน
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ว่าค่ายกลเวทย์โจมตีของกองทัพหมื่นตระกูลจะทรงพลังขนาดนี้เมื่อรวมตัวกัน!
มีเพียงผู้อาวุโสใหญ่สำนักเซียนสำนักปราชญ์และบุคคลระดับผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลอมตะเท่านั้นที่สามารถคำนวณเรื่องนี้ไว้ก่อน พวกเขาอ่านตำราโบราณเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้างแล้วและพบเบาะแสบางอย่าง การโจมตีเมื่อครู่ทำให้พวกเขาได้รับคำตอบ
“ดีมันควรจะเป็นแบบนี้!” ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกน
พลังที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้บดขยี้ซากปรักหักพังอย่างรุนแรงราวกับว่าพวกเขากำลังจะกวาดล้างเพื่อสร้างโลกใหม่!
คชา!
พลังแห่งความโกลาหลระเบิดขึ้นเป็นครั้งแรก เข้าปกคลุมท้องฟ้าและพื้นดิน
ฉากนี้น่ากลัวเกินไปทำให้ทุกคนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง!
“ค่ายกลเวทย์ของแต่ละตระกูลถึงกับสามารถสะท้อนแรงโจมตีของกันและกัน เมื่อรวมเข้าเช่นนี้ต่อให้ผู้อมตะมาเองยังอยากจะเอาตัวรอด!” มีคนที่โห่ร้องด้วยความประหลาดใจ
“ น่ากลัวเกินไป…ยอดเยี่ยมมาก! ศัตรูต่างแดนจงพินาศซะ! สองสามคนคำรามออกมาอย่างตื่นเต้น
สวรรค์และโลกสั่นสะเทือนดวงดาวที่ยิ่งใหญ่หลายดวงสั่นไหวร่วงลงมาที่นี่
การโจมตีครั้งใหญ่เต็มไปด้วยความคาดหวังของทุกคน ไม่ช้าเสียงที่ชั่วร้ายเย็นชาดังมาจากอุโมงค์สีดำ
“เจ้ามดปลวกชั้นต่ำไม่ว่าพวกเจ้าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้ พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป.”
เสียงนั้นเย็นชามากมันไม่สนใจการโจมตีครั้งใหญ่ก่อนหน้า สำหรับทุกคนนี่เป็นการดูถูกเหยียดหยามพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
ภายใต้สายตาที่หวาดกลัวของทุกคนมือใหญ่เอื้อมออกมาจากหลุมสีดำด้านล่างซากปรักหักพัง เป็นมือสีดำสนิทเหมือนหมึกมีเกล็ดบางส่วน มันเผชิญหน้ากับการโจมตีทั้งหลายอย่างไม่สะทกสะท้าน
ปู!
นี่เป็นเพียงกรงเล็บเดียว แต่มันทำให้ค่ายกลเวทย์กว่าหมื่นแตกออกกลายเป็นภาพลวงตาของภูเขาและทะเลทุกอย่างพุ่งพล่านเหมือนน้ำท่วมครั้งใหญ่
นี่มันน่ากลัวเกินไป! กองกำลังร่วมของทุกมหาอำนาจในโลกเรือรบทั้งหมดส่องแสงเปิดใช้งานค่ายกลสังหารของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถทำร้ายมันได้!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการโจมตีร่วมครั้งนี้ถูกทำลายด้วยมือขนาดใหญ่นั้นอย่างง่ายดาย นี่เป็นพลังแบบไหนกันนะ? มันทำให้จิตวิญญาณของทุกคนหวั่นไหว!
ตอนนี้พวกเขาควรจะต่อสู้อย่างไร?
พวกเขาควรจะเผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้อย่างไร?
มือสีดำขนาดใหญ่ถล่มจักรวาลกระจัดกระจายก้อนเมฆฉีกค่ายกลเวทย์ของเรือรบทั้งหมดยิ่งกว่านั้นทำให้ดวงจันทร์สองสามดวงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าระเบิดตกลงสู่พื้นทีละดวง!
นี่เป็นขั้นพลังแบบไหน?
ในขณะนี้ทุกคนตกตะลึงและไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงนี้ได้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็น
ใบหน้าของหลายๆคนก็ซีดลงและขาดสีสัน ขวัญกำลังใจของพวกเขาเพิ่งถูกปลุกขึ้นโดนทำลายโดยกรงเล็บนี้
การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตแบบนี้พวกเขาควรจะต่อสู้กับมันได้อย่างไร? มันไม่ได้มองว่าพวกเขาเป็นภัยคุกคามต่อมันด้วยซ้ำ!
แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายแต่ไม่มีประโยชน์ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่กี่คนก็ตาม พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับศัตรูได้
สิ่งนี้ทำให้การแสดงออกของหลายๆคนกลายเป็นความขมขื่นและรู้สึกสิ้นหวัง!
พวกเขารวบรวมกองกำลังที่ยิ่งใหญ่รีบเดินทางมา แต่สุดท้ายพวกเขาก็พบว่าทุกอย่างไร้ประโยชน์ พลังของพวกเขาอ่อนแอเกินไปไม่สามารถต่อกรกับผู้บุกรุกได้เลย!
ไม่มีสิ่งใดที่จะก่อความเสียหายทางจิตใจได้มากไปกว่านี้ทำให้ความหวังทั้งหมดกลายเป็นฝุ่น
ความเชื่อมั่นของหลายคนหวั่นไหว พวกเขาควรจะสู้ต่อไป? พวกเขายังคงเลือกที่จะต่อสู้หรือไม่? หากยังคงสู้ต่อไปพวกเขาจะตายอย่างไร้ประโยชน์มันจะเป็นการสังหารหมู่ฝ่ายเดียว!
สถานที่แห่งนี้เงียบลงไม่มีใครส่งเสียงอะไรเลย
เดิมทีกับผู้คนจากมหาอำนาจต่างๆที่นี่ส่งเสียงโห่ร้องสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้าแต่หลังจากกรงเล็บสีดำขนาดยักษ์โผล่ออกมา เวลาเหมือนกับหยุดค้าง
บรรยากาศน่ากลัวเกินไป!
“เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างแท้จริงพวกเจ้าอ่อนแอลงจากแต่ก่อนมากนัก พวกเจ้าอ่อนแอเกินไปไม่สามารถเทียบได้แม้แต่กับการโจมตีครั้งเดียวของเซียนที่อ่อนแอที่สุด” เสียงประหลาดนี้ดังมาจากซากปรักหักพัง
ผู้คนทั้งหมดไม่ได้แสดงออกถึงความไม่สบายใจแต่กลับสงบเยือกเย็นไม่ใช่ว่าเป็นเพราะมีแผนสำรองอะไร แต่เป็นเพราะพวกเขารู้สึกยอมจำนนต่อชะตากรรมแล้ว
ไม่มีใครเถียงกลับ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเสียกำลังใจอย่างน่าเหลือเชื่อ พวกเขามีความเกลียดชังและความแค้นอยู่ภายใน แต่พวกเขาก็ไม่มีพลังพอที่จะต่อต้านและยังห่างไกลจากการเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย
“ผู้คนในยุคสุดท้ายที่พวกเจ้าเรียกว่าเซียนโบราณน่าจะเป็นบรรพบุรุษของพวกเจ้าใช่ไหม? พวกเขาคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้และต้องการต่อสู้กับเราจนถึงที่สุด อย่างไรก็ตามผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไร? พวกเขาถูกกวาดล้างทั้งหมด! ผู้อมตะที่แท้จริงหรือหรือที่พวกเจ้าเรียกราชาเซียนพวกเขาทั้งหมดไม่ได้นอนตายที่แทบเท้าพวกเราหรือ? ในขณะเดียวกันเจ้าทุกคนในฐานะลูกหลานก็ต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของพวกเขา? ..แม้จะผ่านเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาแล้วพวกเจ้าก็กล้าจริงๆกล้าที่จะท้าทายเรา. พวกเจ้าช่างไม่รู้จักความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย!”
นี่นับเป็นความอัปยศอดสู ยิ่งกว่านั้นก็เป็นข้อเท็จจริงอีกด้วย ข้อความนี้กระจายไปตามที่ต่างๆทั่วสวรรค์พิภพ สะเทือนทะเลทั้ง 4
เมื่อประโยคนี้กล่าวออกมามันทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกนี้ต่างตระหนักถึงความแตกต่างของตัวเองและผู้บุกรุก มันเป็นท่าทีของผู้ที่อยู่ที่สูงมองลงมาจากเบื้องบนไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้
มันเป็นเพียงศัตรูแค่ตัวเดียว แต่มันสามารถทำลายความเชื่อมั่นของทุกคน!
ใช้กำลังเพียงอย่างเดียวเป็นข้อพิสูจน์ว่าสิ่งมีชีวิตอีกฟากฝั่งไม่สามารถหยุดยั้งได้ผู้คนในโลกนี้อ่อนแอเกินไป
พวกเขาควรจะตอบสนองอย่างไร? พวกเขาจะต้านทานได้อย่างไร?
พวกเขาหลายคนพลุ่งพล่านด้วยความเดือดดาลอยากจะแผดเสียงด่าทออีกฝ่าย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ค้นพบว่าทุกอย่างไม่มีความหมาย
เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถลงมือต่อสู้จริง และการพ่นคำด่าออกมาก็ทำให้ตัวเองเป็นแค่ตัวตลกเท่านั้น!
ตอนนี้ความหดหู่ความรู้สึกพ่ายแพ้แพร่กระจาย ความเชื่อมั่นของพวกเขาถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
“ทำใจให้สงบ!”
ราวกับเสียงฟ้าร้องดังสนั่นดังขึ้นในหูของทุกคนทำให้พวกเขากลับมาสู่ความเป็นจริง
ผู้อาวุโสใหญ่มีสีหน้าจริงจัง เขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเสื้อคลุมเต๋าอันกว้างใหญ่กระพือไปมาตามสายลม เขาตะโกนเสียงดัง
“มีอะไรให้รู้สึกหดหู่? เราเพิ่งเริ่มเผชิญหน้ากันยังไม่มีความสูญเสียใดๆ พวกเจ้าทั้งหลายไม่รู้เหรอว่ากำลังสู้อยู่กับตัวอะไร มันเป็นสิ่งมีชีวิตระดับผู้อมตะที่อาศัยอยู่ในยุคเซียนโบราณเคยเข้าสู่สงครามครั้งสุดท้าย!”
คำพูดของผู้อาวุโสใหญ่เป็นเหมือนคลื่นลูกใหญ่ที่พัดไปทั่วโลกปลุกทุกคนออกจากความหดหู่ ถูกต้องแล้วสิ่งมีชีวิตตัวนี้คือผู้ที่เหลือรอดมาจากสงครามเซียนอมตะ การต่อสู้กับพวกมันย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ในเมื่อมันแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เหตุไฉนจึงไม่อาจข้ามมา ทั้งที่สวรรค์สีชาดก็ถูกทำลายมาหลายวันแล้ว เมื่อผู้คนตระหนักถึงเรื่องนี้กำลังใจที่สูญเสียไปก็กลับคืนมา
“มันเพิ่งเริ่มต้น แต่สิ่งมีชีวิตระดับผู้อมตะนี้พยายามเกลี้ยกล่อมให้เรายอมแพ้หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าพวกเขาขาดความมั่นใจที่จะเอาชนะเรานั่นคือสาเหตุที่พวกเขาทำเช่นนี้!” ผู้อาวุโสใหญ่คำราม
ผู้อาวุโสสำนักปราชญ์สำนักเซียนและตระกูลอมตะต่างออกมาสนับสนุนเหตุผลนี้
“หากพวกมันมีความสามารถทำให้กำแพงสวรรค์สีชาดพังลงอย่างง่ายดาย มีเหตุผลอะไรที่พวกมันจะปล่อยให้พวกเรามีลมหายใจมาจนถึงตอนนี้หากพวกมันข้ามมาได้ง่ายๆพวกมันคงทำนานแล้ว”
"ถูกต้อง. ในตอนนี้พวกเราได้ร่วมมือกันต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ที่เหลือรอดมาจากสงครามเซียนโบราณ ในการโจมตีแรกถึงกับสู้เสมอได้แล้วมีอะไรที่ทำให้พวกเราต้องหมดกำลังใจ!”
ผู้อาวุโสหลายคนส่งเสียงดัง
ทุกคนตกตะลึงจากนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้
“เจ้าพวกมดปลวกพยายามเพิ่มกำลังใจตัวเองอย่างนั้นเหรอ? ค่อนข้างน่าขบขัน” เสียงอันเยือกเย็นดังมาจากเหวด้านล่างซากปรักหักพัง
“พวกเจ้าขาดความมั่นใจจริงๆ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคงไม่ส่งผู้แข็งแกร่งที่สุดมาตั้งแต่แรกเริ่มสงครามเพื่อข่มขู่พวกเรา” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าข้ามมาได้แค่บางส่วนเพราะว่าร่างกายของเจ้ายังคงถูกปฏิเสธและถูกยับยั้งโดยกฎธรรมชาติของโลกนี้ เมื่อเวลาผ่านไปผลกระทบที่เจ้าจะได้รับจะค่อยๆมากขึ้นซึ่งเป็นเหตุผลว่าแม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้อมตะที่แท้จริงแต่ก็ไม่สามารถกวาดล้างโลกใบนี้ได้!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวสำทับอีกครั้ง
“ช่างเป็นเรื่องตลก หากเจ้าเชื่อเช่นนั้นงั้นก็เริ่มจากเจ้าก่อน! ตาย!” เสียงในก้นบึ้งของซากปรักหักพังนั้นเย็นชายิ่งขึ้น ทันใดนั้นมีบางอย่างปะทุขึ้นด้วยพลังความโกลาหลขนาดยักษ์ที่กระเพื่อมออกไปด้านนอก สวรรค์และโลกถูกเขย่าทำให้เรือรบทั้งหมดสั่นสะเทือนกำลังจะระเบิด
มือสีดำขนาดใหญ่นั้นเอื้อมออกมาอีกครั้งตรงไปยังผู้อาวุโสใหญ่ที่ยืนอยู่บนท้องฟ้า
“ทุกคนจงมองให้ดี ข้าจะแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้อมตะก็เป็นแค่บุคคลที่มีอายุยืนกว่าคนอื่นเท่านั้น!” ผู้อาวุโสใหญ่คำรามเขาไม่ได้หลบหลีกมือยักษ์นั่น เขาใช้ตัวเองเป็นตัวอย่างเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับทุกคน!