ตอนที่ 16 - สวรรค์สีชาด
ตอนที่ 16 - สวรรค์สีชาด
เรือรบเป็นเหมือนเมฆปกคลุมท้องฟ้า!
มีเรือขนาดใหญ่หลายพันถึงหลายหมื่นลำครอบคลุมท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์จนแสงอาทิตย์ไม่อาจรอดผ่านราวกับว่าค่ำคืนอันมืดมิดได้เคลื่อนลงมา
ภายใต้เสียงของแตรมังกรบรรพบุรุษเรือทั้งหมดเคลื่อนตัวออกไปพร้อมกันบนท้องฟ้าราวกับกองทัพสวรรค์ทำให้ดวงตะวันจันทราแม่น้ำและภูเขาสั่นไหวทั้งโลกสั่นสะท้าน!
ในส่วนลึกของสำนักเทพสวรรค์มีแท่นหินขนาดยักษ์ที่มีสัญลักษณ์เซียนสลักอยู่บนนั้น แสงสุกใสถูกปลดปล่อยออกมาจากมัน อุโมงมิติขนาดยักษ์ถูกเปิดออกราวกับว่ามันเป็นทางผ่านที่นำไปสู่จักรวาลอันกว้างใหญ่
หือ ...
ลมพัดโหมเรือรบหลายลำคำรามโดยพุ่งไปที่อุโมงค์กว้างนั้นพร้อมกันมุ่งหน้าไปยัง สวรรค์สีชาด
นี่ไม่ใช่ประตูมิติที่ถูกสร้างขึ้นตามปกติอยู่แล้วเพราะมันกว้างใหญ่เกินไปราวหลุมดำในใจกลางดาวฤกษ์ เป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
เพื่อมุ่งหน้าสู่สวรรค์สีชาดพวกเขาต้องข้ามกำแพงอาณาจักร สำนักเทพสวรรค์มีแท่นบูชาประเภทนี้ซึ่งสามารถเปิด 'เส้นทางสวรรค์ ทำให้พวกเขาเคลื่อนที่ไปมาระหว่างเก้าสวรรค์สิบพิภพได้อย่างราบรื่น
มิฉะนั้นหากใครต้องการมุ่งหน้าไปยังสวรรค์สีชาดโดยอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองก็คงมีไม่กี่คนในโลกที่สามารถทำได้ แล้วต้องใช้ระยะเวลานานมาก
"สังหารสัตว์ร้ายของอีกฝั่ง!”
มีคนตะโกนออกมาไอสังหารปะทุขึ้น จากนั้นเรือโบราณก็เรืองแสงออกมา
"ฆ่า! หยุดการรุกคืบของศัตรูปกป้องดินแดนของเราปกป้องภรรยาลูก ๆ และผู้อาวุโสของเรา!”
เรือรบพุ่งขึ้นทีละลำปล่อยแสงพราวพุ่งเข้าสู่ทางเดิน
สือฮ่าวและคนอื่นๆเงียบและเฝ้าดูทุกอย่างอย่างสงบ มีหญิงสาวสองสามคนที่ดวงตาเปียกชื้นขึ้นไปบนเรือลำนี้ด้วยความปรารถนาที่จะเห็นผู้อาวุโสของพวกนางสังหารศัตรู
ทุกคนรู้ดีว่าหากพวกเขาได้พบกับสิ่งมีชีวิตอีกฝั่งผู้คนจำนวนมากจะต้องตาย พวกเขาจะต้องจ่ายในราคาที่น่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อ
"ออกเดินทางเถอะ!" ผู้อาวุโสของสำนักปราชญ์กระโจนตรงเข้าไปในทางที่ไร้ขอบเขตนั้นไม่ได้เคลื่อนที่ไปพร้อมกับเรือรบแต่เดินทางด้วยเท้าของเขาเอง
เรือรบทุกลำเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาผ่านอุโมงนี้ก็หมายความว่าก็หมายความว่าพวกเขามาถึงสวรรค์สีชาดแล้ว การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ของโลกกำลังปะทุขึ้น
เรือของสือฮ่าวนั้นมีความทนทานเป็นอย่างมากระยิบระยับด้วยแสงหลากสี เป็นเพราะมีสมบัติระดับสูงอย่างทองคำเซียนผสมอยู่ภายในซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวัสดุขั้นเซียนอมตะ
แม้จะเป็นเรือลำค่าของตระกูลอมตะก็ไม่มีทางเทียบได้ แต่มันก็ยังเทียบไม่ได้กับเรือรบขนาดใหญ่ที่สามารถเดินทางข้ามจักรวาล แต่ก็แข็งแกร่งทนทานเพียงพอสำหรับบรรทุกคนหลายพันคน นอกเหนือจากผู้อาวุโสสองสามคนที่มีความแข็งแกร่งเหลือล้นถูกมอบหมายให้มาดูแลเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์
ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามถึงมูลค่าของเรือลำนี้ มันสามารถฉีกผ่านจักรวาลอันยิ่งใหญ่เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วและยิ่งไปกว่านั้นยังถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำเซียนเพื่อป้องกันการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนอมตะ
นี่เป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่ค่อยมีใครเห็นในโลกนี้!
การใช้งานนี้มีไว้เพื่อปกป้องอัจฉริยะรุ่นเยาว์อนุญาตให้พวกเขาเฝ้าดูสนามรบจากระยะไกล เมื่อจำเป็นก็สามารถนำพวกเขาออกจากสถานการณ์อันตรายได้ทุกเมื่อ
เรือรบลำนี้ริบหรี่ด้วยแสงสีแดงสดเป็นลำสุดท้ายที่เข้าไปในเส้นทางมิติ ทั้งหมดนี้เพื่อความปลอดภัยของคนรุ่นหลัง
ฮ่อง!
ในที่สุดเรือรบทั้งหมดก็เคลื่อนตัวผ่านเส้นทางมิติเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง แก่นแท้ไอวิญญาณหนาแน่นพุ่งขึ้นทันทีกลืนเรือทั้งหมด
สวรรค์สีชาด!
พวกเขามาถึงแล้ว! ทุกคนเข้ามาในดินแดนโบราณแห่งนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งในเก้าสวรรค์!
มีตำนานมากมายที่เชื่อมโยงกับสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความลึกลับ
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่สำคัญอีกต่อไป ในตอนนี้สิ่งที่กดดันยิ่งกว่าคือการรุกรานจากสิ่งมีชีวิตต่างมิติ สิ่งนี้เชื่อมโยงกับความปลอดภัยและชะตากรรมของทุกชีวิตมันอาจส่งผลให้เกิดการทำลายล้างทั้งโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย
“โลกดึกดำบรรพ์เคยถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เก้าสวรรค์สิบพิภพทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนโบราณในอดีต ต่อมาการต่อสู้ระยะสุดท้ายของสงครามเซียนโบราณได้แยกมันออกจากกันอาณาจักรโบราณบางส่วนหายไปตลอดกาลเหลือเพียงบางส่วนของ 9สวรรค์10 พิภพเท่านั้น” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
จากนั้นเขาก็เปล่งเสียงเขย่าเรือรบทั้งหมด “ ก่อนหน้านี้สวรรค์สีชาดถูกเรียกว่าแดนสวรรค์แห่งความคับแค้น ดังนั้นไม่จำเป็นต้องอธิบายพวกเจ้าก็คงเข้าใจดีว่าสถานที่แห่งนี้มีความเสียใจชั่วนิรันดร์มากมายเพียงใด
ทุกคนต่างหวั่นไหวเป็นเช่นนั้นจริงๆผู้คนในยุคเซียนโบราณรุ่นสุดท้ายถูกฆ่าล้างจนโลหิตไหลนองเป็นแม่น้ำ ซากศพกองเป็นภูเขาความแค้นครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินไปยากที่จะแก้ไขกลับกลาย
“สวรรค์สีชาดหรือที่เรียกว่าสวรรค์แห่งความคับแค้นนี่คือสิ่งที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์สมัยโบราณ เป็นเพราะผู้อมตะที่แท้จริงสิ้นชีพด้วยความคับแค้นใจ โครงกระดูกของพวกเขากองรวมกัน ความเกลียดชังและความเสียใจหนักหนาเกินกว่าจะสลาย คนรุ่นหลังได้รวบรวมกระดูกของพวกเขาสร้างเป็นประตูที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องอาณาจักรนี้ปิดกั้นรอยแยกของโลกที่ยิ่งใหญ่นั้น”ผู้อาวุโสจากสำนักปราชญ์กล่าวขึ้น
สวรรค์สีชาดนั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เมื่อพวกเขาเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ทุกคนก็เห็นภูเขาและแม่น้ำเรียงรายไม่มีที่สิ้นสุด ความเร็วของพวกเขาเร็วเกินไปตรงเข้าสู่ดินแดนโบราณที่มีพรมแดนติดกันทันที
“ผู้อมตะที่แท้จริงถูกฆ่าตายในสนามรบกลุ่มคนที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดรุ่นสุดท้ายในยุคเซียนโบราณถูกสังหารจนหมดสิ้น นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้แม้แต่เมืองที่สร้างจากกระดูกของพวกเขาก็ยังพังทลาย! นี่คือความอัปยศอดสูเป็นความเกลียดชังที่ยิ่งใหญ่ในโลกของเรา เราต้องขับไล่พวกมันกลับไป!” ผู้อาวุโสของสำนักเซียนคำราม
ผู้ที่ออกเดินทางมาที่นี่คือผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลกในยุคปัจจุบัน ทั้งหมดเดินทางด้วยเรือรบที่ทรงพลังมีความเร็วที่รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อเคลื่อนที่ราวกับภาพลวงตา
พรมแดนนั้นไกลมาก แต่ภายใต้ความเร็วของเรือรบศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้พวกเขายังคงข้ามผ่ามมาถึงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ทุกคนรู้สึกประหม่าเพราะพวกเขากำลังเข้าใกล้สนามรบ
"ทั้งหมดจง. ระวัง!"
“เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ เรือรบทั้งหมดเริ่มโจมตีครั้งใหญ่!”
เรือรบโบราณส่องแสงทีละลำ พลังศักดิ์สิทธิ์พุ่งพล่านวงเวทย์เซียนทุกประเภทเริ่มทำงานแสดงถึงความพร้อมที่จะต่อสู้ขั้นเด็ดขาด
พรมแดนของสวรรค์สีชาดอยู่ตรงหน้าพวกเขา
นี่คือดินแดนโบราณที่ลึกลับ ดวงดาวลอยอยู่บนท้องฟ้าทีละดวงใกล้มากราวกับว่าพวกมันอยู่เหนือหัวนี่เอง พลังแห่งความโกลาหลล้อมรอบพวกเขา
อาจกล่าวได้ว่านี่คือจุดจบของโลกสุดขอบของอาณาจักรนี้
ต่อมาพวกเขาเห็นดวงดาวสองสามดวงอยู่ในเส้นทางเคลื่อนทัพ มีดวงดาวสองสามดวงตกลงมาบนแผ่นดินใหญ่
อ่าา?
หลายคนร้องด้วยความตกใจเพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่มาที่นี่เป็นครั้งแรก พวกเขาไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้มาก่อนในชีวิต
ด้านล่างมีภูเขายักษ์สามลูกที่ตั้งตระหง่านอยู่ในกลุ่มเมฆ พื้นผิวที่เป็นภูเขาของพวกมันยังมีดวงดาวอีกสองสามดวงที่ไม่ใหญ่เกินตกกระแทกลงมา
ยอดเขาโบราณขนาดใหญ่สองสามแห่งถูกล้อมรอบไปด้วยพลังแห่งความโกลาหลดวงอาทิตย์กำลังระส่ำระสายอยู่ด้านบน
สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนข่าวลือ มีดวงดาวทุกประเภทบางดวงลอยอยู่ฟ้า บางดวงก็เติบโตบนพื้นดินโดยตรง
นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาดวงดาวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าถูกสร้างขึ้นมาจากภูเขาทั้ง 3 ลูกนี้อย่างแท้จริง พวกมันดูดซับพลังแก่นแท้แห่งความโกลาหลเมื่อพื้นดินถูกแยกออกดวงดาวพวกนี้ก็จะลอยออกจากรอยแยกนั้น
“ถ้ำมังกรที่แท้จริง!” ใครบางคนร้องออกมา
มีป้ายหินอยู่หน้าภูเขายักษ์ตรงนั้นเป็นถ้ำโบราณขนาดใหญ่ อักขระโบราณถ้ำมังกรที่แท้จริง ถูกแกะสลักอยู่บนนั้นพลังปราณที่รุนแรงแผ่ซ่านออกไปด้านนอก
“ก่อนหน้านี้มีมังกรที่แท้จริงอาศัยอยู่ที่นี่ สร้างรังจากแกนดวงดาวเพื่อใช้ออกไข่ ด้วยพลังแห่งความโกลาหลที่หนาแน่นเท่านั้นลูกมังกรจึงมีโอกาสฟักจากไข่ได้ แต่ตอนนี้มันถูกทิ้งร้างไปนานแล้วพลังแห่งความโกลาหลเบาบางลงมากจนในที่สุดมังกรก็ย้ายรังออกไป” มีคนอธิบาย
จากนั้นทุกคนก็เห็นศพอีกาทองคำขนาดยักษ์ที่ยังคงส่องแสง ความร้อนที่ปล่อยออกมาทำให้พื้นที่ภูเขากลายเป็นทะเลเพลิงและแม่น้ำหินหนืดกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด
นี่คือพื้นที่ชายแดนของสวรรค์สีชาด มีซากโบราณแปลกๆทุกประเภทที่นี่ เราสามารถเห็นได้ว่าสถานที่แห่งนี้เคยรุ่งโรจน์แค่ไหน
ที่นี่เป็นพรมแดนของอาณาจักรซึ่งอยู่ติดกับดินแดนแห่งความโกลาหลที่สิ่งมีชีวิตอีกฝั่งอาศัยอยู่ ไม่เพียงแต่มีซากสิ่งมีชีวิตจากดินแดนฝั่งนี้เท่านั้น แต่ยังมีซากของสิ่งมีชีวิตจากอีกฝั่งเต็มไปหมด
ในอดีตสถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งบ่มเพาะ แต่ก็ยังถูกทำลายลงคุณค่าในด้านนี้ของมันไม่ยิ่งใหญ่เหมือนก่อน
“เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม!” ผู้อาวุโสใหญ่คำราม
เป็นเพราะตอนนี้พวกเขามาถึงจุดหมายปลายทางอย่างแท้จริง
ดินแดนโบราณข้างหน้ามีเทือกขนาดใหญ่และที่ราบกว้างขวางไร้ขอบเขต ทุกอย่างรวมกันก่อตัวเป็นพรมแดนแห่งนี้
พวกเขารู้สึกถึงลางร้าย เพิ่งเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้ แต่พวกเขาก็ได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง มันน่าตกใจเกินไป!
เมื่อมองไปข้างหน้าพวกเขาเห็นซากปรักหักพังของเมืองทีละแห่ง กำแพงแตกละเอียดซากอาคารมีอยู่ทุกที่ไม่มีศพที่มีสภาพสมบูรณ์ให้เห็น เลือดที่ทาพื้นอยู่กลายเป็นสีดำแล้ว
มันน่าเศร้าที่ต้องเห็นพวกเดียวกันเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ต้องเข้าใจว่ามีคนธรรมดาจำนวนไม่น้อยอาศัยอยู่ที่นี่เป็นคนธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะ
ชายแดนเป็นที่ที่สิ่งมีชีวิตจำนวนมากอาศัยอยู่สถานที่แห่งนี้ยังคงพัฒนาต่อไปจนกระทั่งมีประชากรจำนวนมากในปัจจุบัน
“มีคนอยู่ที่นี่กี่คน? อย่างน้อยสิบล้าน แต่พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตอย่างอนาถไม่เหลือสักคนเดียว!” ใครบางคนถอนหายใจอย่างโศกเศร้า
เมื่อเรือรบพุ่งไปด้านหน้าขึ้นก็จะเห็นซากปรักหักพังของเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ มันถูกทำลายด้วยกรงเล็บขนาดใหญ่ทุกอย่างพังทลายในวันเดียว
แน่นอนว่ายิ่งเมืองนี้ถูกลมพัดทำลายมากเท่าไรก็คร่าชีวิตของผู้บ่มเพาะและคนธรรมดาไปมากมายเท่านั้น
ระหว่างทางจากจำนวนเมืองและที่อยู่อาศัยพวกเขาสงสัยที่นี่อาจมีประชากรรวมกันเป็นร้อยล้าน!
นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าขนาดไหน!
ไม่มีผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว เหตุผลเดียวที่พวกเขาได้ยินเสียงโหยหวนบางครั้งเป็นเพราะวิญญาณอาฆาตที่ตายไปด้วยความคับแค้นกำลังกรีดร้องออกมา
มีซากศพอยู่ทุกหนแห่งวิญญาณอาฆาตล่องลอยอยู่ทุกพื้นที่ สถานที่แห่งนี้เหมือนนรกบนดิน!
ที่ด้านหน้าสุดปราณสีดำพุ่งออกมากระจายเต็มท้องฟ้าสวรรค์ปลดปล่อยความผันผวนที่น่ากลัว ทางผ่านที่แข็งแกร่งของสวรรค์สีชาดอยู่ตรงนั้นซากปรักหักพังของเมืองที่ทำจากกระดูกผู้อมตะตั้งอยู่ข้างหน้านี่เอง
พลังงานที่น่ากลัวเลือดและความชั่วร้ายทั้งหมดชี้ไปที่นั่น มันเป็นที่มาของการทำลายล้าง
สิ่งมีชีวิตจากต่างถิ่นออกมาจากตรงนั้น นี่คือเส้นทางที่พวกมันใช้ผ่านเข้ามา
ที่ราบภูเขา หุบเหว ภูมิประเทศทั้งหมดสั่นไหวเพราะมีเสียงคำรามต่ำดังออกมาจากบริเวณนั้นมันไม่ได้ดังมากนัก แต่สามารถสะเทือนโลกราวกับอยากจะทำให้โลกทั้งใบพังทลาย
“ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อย พวกเจ้ามาถึงแล้วหรือ? อีกไม่นานโลกนี้จะกลับคืนสู่อ้อมกอดของราชาผู้ไม่ดับสูญ!” เสียงที่ดังมาจากทิศทางนั้นช่างน่าเกรงขามอย่างหาที่เปรียบมิได้
"ฆ่า!" ผู้อาวุโสของสำนักปราชญ์คำราม
ดวงตาของทุกคนเป็นสีแดง พวกเขาพบเห็นความตายมากเกินไปที่นี่สิ่งมีชีวิตจำนวนมากถูกกวาดล้าง ถึงเวลาแก้แค้นให้พวกเขาแล้ว