ตอนที่ 15 ชุมนุมผู้แข็งแกร็ง
ชุมนุมผู้แข็งแกร็ง
เขาของมังกรที่แท้จริงถูกสร้างให้เป็นแตรเดี่ยวเสียงที่ดังก้องไปทั่วทุกยุคทุกสมัยกระตุ้นความกล้าหาญและจิตวิญญาณการต่อสู้ของทุกคน ทุกคนรู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านราวกับว่าพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น!
“ไม่มีอะไรต้องกลัวเลวร้ายที่สุดก็ตายเท่านั้น เป็นไปได้ไหมที่สิ่งมีชีวิตของอีกฝ่ายจะไม่ตาย? เราจะใช้ชีวิตแลกชีวิตให้ถึงที่สุด!”
“รังแกพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่าพวกมันคิดว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่หรือ? บุกรุกอย่างไม่ลดละเข่นฆ่าทุกคนใต้ฟ้าหรือพวกมันคิดว่าเราเป็นสุกรจริงๆ? เราจะเดิมพันกับพวกมันทั้งหมดสู้ตาย!”
...
เสียงคำรามดังขึ้นหลายครั้งบางคนกำหมัดแน่นผมบนศีรษะปลิวไปมาหางตามีน้ำซึม
“ผู้อาวุโสใหญ่โปรดบอกเราให้ชัดเจนด้วยเถอะว่าโลกของเรามีพลังอะไรที่สามารถบังคับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวของอีกฝั่งกลับไปได้ พวกมันทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อบวกกับสิ่งมีชีวิตขั้นผู้อมตะ ในขณะที่ผู้อมตะที่แท้จริงของฝั่งนี้ถูกฆ่าตายในสนามรบหมดแล้ว!”
มีคนที่ยังสงสัยอยู่และขอให้ผู้อาวุโสใหญ่พูดถึงความลับในอดีต
ในความเป็นจริงนี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้ ในตอนนั้นแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในโลกนี้ได้แม้แต่มดเขาสวรรค์อันทรงพลังของสิบอสูร มังกรที่แท้จริงคุนเผิงและคนอื่นๆก็พ่ายแพ้ตกตายหมดสิ้น ราชาอมตะก็ยังพบจุดจบไม่ต่างกันและทายาทของเขาผู้เป็นราชาอมตะอีกคนก็ยังสละชีวิตในสงคราม
สิ่งที่น่าสังเวชในตอนนั้นเป็นอย่างไร? กลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดถูกฆ่าตายในสนามรบทำให้เลือดย้อมพื้นที่ชายแดน
อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดสิ่งมีชีวิตในอีกฝั่งก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เป็นเวลานาน หลังจากอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาหนึ่งด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเขาก็ล่าถอยย่างเงียบ ๆ
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนสับสนมานานไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มันยังคงเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันตั้งแต่อดีต
ผู้อาวุโสใหญ่มองทุกคนสะบัดแขนเสื้อกล่าว “โลกเป็นหนึ่งในความสมดุล ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่ได้รับมาย่อมต้องมีเงื่อนไข ผู้คนของอีกฝั่งก็เช่นกันท้ายที่สุดพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้กลับไป สำหรับผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เข้าร่วมสงครามจะได้รู้ความลับในภายหลัง ทุกคนไม่ต้องกังวล!”
“สิ่งมีชีวิตของอีกฝั่งจะพ่ายแพ้ในที่สุด!” ผู้อาวุโสของสำนักปราชญ์ตะโกนออกมาออกมา
จากนั้นทุกคนได้รับกำลังใจที่สูญเสียกลับมา ทุกคนตะโกนออกมาความตั้งใจในการต่อสู้พลุ่งพล่านอย่างเห็นได้ชัด
สือฮ่าวหดตัวลงเล็กน้อยเขารู้จักผู้อาวุโสใหญ่ดีจึงคิดว่านี่เป็นเพียงคำปลอบใจเท่านั้นแต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้คำพูดที่ติดอยู่ในปากของเขาจึงไม่สามารถพูดออกไปได้
สือฮ่าวรู้สึกหวั่นไหวภายใน เขานิ่งเงียบเป็นเวลานานรู้สึกหายใจไม่ออกราวกับว่ามีแรงกดดันมหาศาล
เขาต้องการรู้ว่าในช่วงสุดท้ายของสงครามเซียนโบราณเกิดอะไรขึ้นกันแน่แม้ว่าบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ถูกสังหารจนหมดสิ้นในสนามรบ แต่โลกนี้ก็ยังไม่ถูกทำลายทั้งทั้งที่ไม่มีใครสามารถขัดขวางสิ่งมีชีวิตของอีกฝั่ง
หรือพวกเขาไม่ต้องการให้มีคนรู้ถึงการดำรงอยู่ของพวกเขา จะรอให้ทุกคนตกตายหมดค่อยปรากฏตัว
ถึงตอนนั้นจะเหลือความหมายอะไร โลกถูกปกคลุมไปด้วยซากโครงกระดูก ทุกคนในโลกนี้ถูกฆ่าตายไม่เหลือใครสักคน มันเทียบเท่ากับการกวาดล้างโลก!
ความจริงมันโหดร้ายแค่ไหนกันแน่? อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่มีความสามารถในการแทรกแซงได้ทำไมพวกเขาถึงไม่ทำให้เร็วกว่านี้?
มีความลับที่ซ่อนอยู่แน่นอนความจริงอาจจะเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก นั่นคือเหตุผลที่ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนเกินไป
“ยุคมืดที่สุดในประวัติศาสตร์!” บรรทัดนี้ปรากฏขึ้นในจิตใจขอสือฮ่าวนี่เป็นการคาดคะเนเช่นกันแต่ก็เป็นการพูดถึงสถานการณ์ที่ครอบคลุมมากที่สุด
ในอนาคตอาจมีบางสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าโศกนาฏกรรมของยุคเซียนโบราณ กระดูกที่กองเป็นภูเขาเลือดที่ไหลหลั่งในแม่น้ำจะมีฉากที่น่ากลัวแบบไหน?
สือฮ่าวคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่าง สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่สามารถแทรกแซงการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้ได้พวกเขาเป็นพันธมิตรหรือเป็นศัตรูกัน? มันยากที่จะพูด!
หากพวกเขาเป็นศัตรูนั้นก็คือเรื่องน่ากลัวถึงขีดสุด น่ากลัวกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้
เป็นไปได้ไหมว่ายุคมืดที่สุดในประวัติศาสตร์จะถูกเรียกเพราะเหตุนี้? เรื่องนี้คิดแล้วปวดหัวมากเกินไป
พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหนกันแน่? สือฮ่าวมีความสงสัยไม่มากก็น้อยเพราะเมื่อสามปีก่อนเมื่อเขาได้รับรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ของตัวเขาอีกคนหนึ่งมันทำให้เขาได้รู้แจ้งบางอย่าง
อู๋…
เสียงหวีดหวิวดังจากด้านบน เรือรบกระดูกสีขาวที่มีขนาดใหญ่ใหญ่โตมโหฬารก็มาถึงสำนักเทพสวรรค์อย่างรวดเร็ว
"เป็นผู้ใดมาถึงแล้ว?"
“ประมุขหุบเขาโครงกระดูก ได้นำผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลทั้งหมดมาที่นี่ตามเสียงเรียกหาของแตรมังกรบรรพบุรุษ!” มีคนตอบกลับมาเสียงดังก้องมาก
กลุ่มมหาอำนาจกลุ่มแรกมาถึงแล้ว ภูเขาโครงกระดูกเป็นดินแดนลับยากที่คนภายนอกจะเข้าไปถึง กระดูกสีขาวปกคลุมสถานที่นั้นมีคนบอกว่าสิ่งมีชีวิตที่นั่นล้วนสร้างขึ้นจากวิญญาณกระดูก
จิ!
ทันใดนั้นอุกกาบาตพุ่งมาจากนอกโลก หางยาวถูกลากไปข้างหลังหลายล้านลี้ ดวงดาวที่ตกลงมามีพลังที่น่าตกใจ ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าปรากฏอยู่เหนือสำนักนเทพสวรรค์
นี่คือเรือรบที่ได้รับการแปรสภาพจากดวงดาว เมื่อมันทรงตัวมันดูเรียบง่ายและเข้มขลังตัวหินสีเทาด้านนอกทนทานและแข็งแกร่ง
“ผู้แข็งแกร่งของป่ากล้วยไม้วิเวกมาถึงแล้ว!” เสียงดังออกมาจากดาวหาง
ฮื่อ… เสียงลมคำราม เรือสีม่วงลำใหญ่เคลื่อนตัวผ่านกำแพงอาณาจักร ขนาดของมันใหญ่โตมากกว่าเรือดาวหางก่อนหน้านี้ซะอีก
“นั่นคือ…คนของตระกูลซูแห่งราชสำนักอมตะก็มาแล้ว!” มีคนพูดด้วยเสียงต่ำ นี่คือตระกูลขององค์หญิงเหยาเยว่! ขอบเรือเต็มไปด้วยผู้อาวุโสที่แต่งกายด้วยชุดสีเดียวกันหลายพันคนปราณโลหิตของพวกเขาทุกคนเอ่อล้นออกมามีอานุภาพรุนแรงถึงขีดสุด
“ผู้อาวุโสทั้งหมดออกมากันแล้ว?!” องค์หญิงเหยาเยว่ร้องด้วยความตกใจ
จากนั้นสิ่งประดิษฐ์เวทย์มนตร์ประเภทบินก็ปรากฏขึ้นทีละตระกูลตระกูลอมตะทั้งหลายมาที่นี่จนเกือบหมดสิ้น นี่เป็นการเตรียมความพร้อมระดับสูงสุด
ด้วยภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้กองทัพทั้งหมดจึงเตรียมเคลื่อนกำลังออกไปทั้งหมด เป็นเพราะถ้าสวรรค์สีชาดถูกทำลายตระกูลใดจะรอดพ้นจากหายนะได้?
หลังจากนั้นไม่นานเรือรบก็เต็มท้องฟ้า มีเพียงตระกูลที่ทรงพลังที่สุดเท่านั้นที่มาถึงก่อนเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงแตรมังกรบรรพบุรุษพวกเขาทั้งหมดก็สั่นสะท้านหยุดทุกอย่างและรวบรวมผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
“เราจะรีบไปที่สวรรค์สีชาดทันทีไม่มีเวลาให้เสียแล้ว ให้ผู้ที่มาหลังจากนี้ ตรงไปที่ สวรรค์สีชาดเลยพวกเราจะออกเดินทางก่อน!” ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกน
สถานการณ์กดดันเกินไป เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในสวรรค์สีชาดตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าที่นั่นอย่างไร บางที…มันอาจตกไปอยู่ในมือศัตรูแล้ว!
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกคนต้องรีบไป หากพวกเขาต้องเผชิญกับสงครามครั้งใหญ่พวกเขาก็จะไม่หลีกเลี่ยง พวกเขาต้องเสริมความแข็งแกร่งให้ชายแดนและตั้งแนวป้องกันใหม่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
“ผู้อาวุโส ใหญ่ข้าก็อยากไปด้วยเช่นกัน!”สือฮ่าวกล่าว เขาอยากไปดูที่นั่นด้วยตาของตัวเอง
“เด็กอย่างเจ้าจะไปทำอะไรที่นั่นได้? จงอยู่ที่แนวหลังและฝึกฝนตัวเองให้สำเร็จ!” ผู้อาวุโสจากสำนักเซียนตำหนิ
“มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่แนวหลัง? ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะเติบโตแล้ว? ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของประวัติศาสตร์พวกท่านจะให้ข้าอยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝน?”สือฮ่าวกล่าวอย่างฉุนเฉียว
เขารู้สึกหมดหนทางอย่างมาก การต่อสู้ครั้งนี้มาเร็วเกินไปทำให้เขาไม่มีเวลาเติบโต
ตอนนี้เหล่าคนหนุ่มสาวที่อายุยังน้อยรู้สึกเสียใจมากๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาลอยชายมากเกินไปในที่สุดเหตุการณ์นี้ก็มาถึงทำให้พวกเขาไม่พร้อมรับมือ
“พวกเจ้าทุกคนควรกลับไปบ่มเพาะอย่างเชื่อฟังดีกว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงตาพวกเจ้า สงครามครั้งใหญ่อาจกินเวลาหลายปี เมื่อเราทุกคนตกตายในสนามรบ มันจะน่าเสียใจมากหากพวกเจ้าไม่สามารถพัฒนาขึ้นมากกว่านี้!” ผู้อาวุโสจากสำนักปราชญ์คำราม
เด็กหนุ่มสาวทุกคนต่างสะเทือนใจ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกไร้พลัง เกลียดความจริงที่ว่าพวกเขาเกิดมาช้าเกินไปทำให้พวกเขายังไปไม่ถึงจุดสูงสุดของชีวิต!
“เราเป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะแต่กลับไม่สามารถทำประโยชน์อะไรเลยในสถานการณ์เช่นนี้!” ชายหนุ่มคนหนึ่งถอนหายใจยาว ช่วงเวลานั้นเลวร้ายเกินไป พวกเขายังไม่ได้ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของโลกนี้
“พวกเจ้ากำลังเร่งรีบอะไรกันอยู่? เมื่อถึงเวลาเจ้าจะได้ต่อสู้อย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสใหญ่พูดเขามองไปที่เด็กหนุ่มสาวทุกคนและพูดว่า“พวกเจ้าคิดว่าพวกเราเหล่าผู้อาวุโสกำลังมอบความหวังทั้งหมดไว้ที่พวกเจ้าเหรอ? ขอบอกไว้ก่อนเหล่าผู้อาวุโสที่ชุมนุมกันอยู่ตรงนี้! ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะในรุ่นของตัวเองทั้งนั้นบางคนยังเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตด้วยซ้ำ พวกเจ้าาทุกคนไม่ต้องกังวลควรเก็บตัวฝึกฝนรอเวลาของตัวเองจะดีกว่า!”
ผู้อาวุโสใหญ่ปล่อยข้อมูลที่น่าตกใจอย่างมากออกมาเพื่อไม่ให้พวกเขาตื่นตระหนก!
อัจฉริยะผงาดขึ้นจากทุกรุ่นเหนือกาลเวลาหลายแสนปี!
นี่คือภาพของการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งการบ่มเพาะในอาณาจักรนี้ มีอัจฉริยะหลายคนที่ปรากฏตัวบางคนกลับไปใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาบางคนแก่ชราบางคนไม่ทราบที่อยู่
หลังจากได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ทุกคนก็ตกใจ อัจฉริยะเหล่านั้นก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอจากอดีตที่เป็นเพียงคนตัวเล็กๆที่สุดเติบโตขึ้น ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่คนเหล่านี้จะต้องออกเดินทาง
ข้อมูลประเภทนี้เพียงพอที่จะทำให้หลายคนผ่อนคลายลง!
“รอให้พวกเราชนะกลับมาพวกเจ้าจะได้สบายใจสักที!”
ในเวลานี้บนเรือรบยักษ์สองลำมีสิ่งมีผู้แข็งแกร่ง 3 คนปรากฏขึ้นตั้งแต่วัยกลางคนไปจนถึงผู้อาวุโสวัยชรา!
“ตอนนี้ดูเราจัดการผู้แข็งแกร่งจากฝั่งนั้นไปก่อน ทุกคนควรมุ่งเน้นไปที่การทะลวงขั้นอย่าคิดถึงสิ่งอื่นใด!” คนเหล่านี้โห่ร้องเสียงดังสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน
ดวงตาของเด็กหนุ่มสองสามคนเห่อร้อนมีน้ำตาก็ไหลออกมา
ทั้งหมดนี้คือผู้แข็งแกร่งของสวรรค์ไร้ขอบเขต! พวกเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและต้องการมีส่วนร่วมในสงคราม ในขณะเดียวกันการแยกจากกันในนี้อาจเป็นนิรันดร์ พวกเขาอาจถูกสังหารในการต่อสู้ที่สวรรค์สีชาด!
“เราต้องการมองการต่อสู้ที่นั่นสักครั้ง!” ในเวลานี้หลานเซียน, องหญิงเหยาเยว่ และคนอื่น ๆพูดขึ้น นี่คือกลุ่มหญิงสาวอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ตอนนี้ดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยน้ำตา
ผู้หญิงมักจะอ่อนโยนกว่าผู้ชายเล็กน้อย พวกนางรู้ดีว่าเมื่อผู้อาวุโสเหล่านี้จากไปเลือดของพวกเขาส่วนใหญ่จะถูกนำไปย้อมสนามรบไม่สามารถกลับมาอีก
“ไม่เป็นไรให้พวกเขาดูว่าสิ่งมีชีวิตจากอีกฝั่งเป็นอย่างไร การต่อสู้ครั้งนี้จะโหดร้ายเพียงใด พวกเขาจะได้เห็นว่าผู้อาวุโสของพวกเขาต่อสู้กันอย่างไร แล้วจะได้แก้แค้นให้พวกเราในอนาคต!”
ในเวลานี้ผู้อาวุโสจากสำนักเซียนพยักหน้าเห็นด้วย แต่เขาต้องการการเตรียมการที่สมบูรณ์เพื่อให้พวกเขาสามารถเปิดค่ายกลที่ยิ่งใหญ่เพื่อส่งเด็กหนุ่มสาวกลับได้ตลอดเวลา
“ออกเดินทาง!” ผู้อาวุโสใหญ่คำราม
ภายใต้เสียงของแตรมังกรบรรพบุรุษ เรือรบลำใหญ่เคลื่อนตัวออกไปทีละลำ