Ep.780 - มิติทับซ้อน
5/5
Ep.780 - มิติทับซ้อน
ต้องรู้นะว่า เมื่อครู่ฉินเฟิงไม่ได้อัดฉีดกำลังภายในลงไปมากมายอะไร มันน้อยยิ่งกว่าท่าพื้นฐานอย่างมีดเปลวเพลิงที่ปะทุรังสีใบมีดลากยาวออกไปสิบเมตรซะอีก
ทว่ากำลังภายในที่อัดฉีดลงไปเพียงเล็กน้อย แท้จริงแล้วกลับสามารถสร้างฉากอันน่าหวาดกลัวเช่นนี้ขึ้นมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น วิญญาณอีกาไฟที่ฉินเฟิงไล่รวบรวม มันได้แค่พันกว่าตัวเท่านั้นเอง หากสามารถรวบรวมได้ทั้ง 5,000 ตัวหรือมากกว่านั้น สิ่งน่าอัศจรรย์ใดจะเกิดขึ้น?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินเฟิงก็ไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป!
“ทักษะหมื่นวิญญาณสะบั้น มันจะกลายเป็นทักษะหลักของฉันที่สามารถใช้ต่อสู้กับเลเวล S ได้จริงๆใช่ไหม?” ฉินเฟิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืด , ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิง , ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งวารี หรือหุ่นเชิดแห่งความตายเลเวล S ทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นสมบัติที่ใช้ต่อกรกับเลเวล S ได้ก็จริง อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้งานแค่ครั้งเดียว ก็จะไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป!
ตอนนี้ ไพ่ในมือที่ฉินเฟิงต้องการเลยไม่ใช่อะไรจำพวกนั้น หากแต่เป็นทักษะที่ใช้ประกาศศักดา!
และทักษะหมื่นวิญญาณสะบั้น ด้วยศักยภาพของมัน ตอบโจทย์ในข้อนี้ได้ดีที่สุด!
“มาเถอะ รีบไปลุยกันต่อ!”
ฉินเฟิงก้าวขึ้นไปบนยานรบ มุ่งหน้าไปยังสถานที่อื่นๆ ในมิติลาวาเดือด ยังมีวิญญาณสัตว์ร้ายอีกจำนวนมากเฝ้ารอเขาอยู่!
หนึ่งเดือนถัดมา ฉินเฟิงไม่ได้ออกจากเมืองลาวาเดือดเลย ขณะเดียวกันกลุ่มเฟิงหลีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เมื่อมีฉินเฟิงคอยพิทักษ์อยู่เคียงข้าง สมาชิกทุกคนล้วนเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ จิตใจฮึกเหิมกล้าหาญขึ้นกว่าช่วงก่อนมาก พวกเขาไม่จำเป็นต้องมาคอยหวาดระแวงอีกต่อไป
ฉินเฟิงมีอิทธิพลต่อรัฐทะเลเหนือโดยสมบูรณ์ แม้แต่รัฐสามเฉิงก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย กลุ่มเฟิงหลียิ่งนานวันยิ่งทรงอิทธิพล ขยับขยายไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเทียบกับตารางงานที่เร่งรีบของฉินเฟิงแล้ว การทดลองของแซด ก็เป็นไปได้อย่างราบรื่นเช่นกัน
ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องที่ฉินเฟิงไม่รู้ก็คือ หลังจากมิติลาวาเดือดปรากฏขึ้น แซดได้ทำการสำรวจมิติลาวาเดือดแล้ว แต่ไม่อาจสัมผัสได้ถึงสมบัติในระดับ S เลย ดังนั้นละความสนใจจากมิตินี้ แล้วปล่อยให้ลูกน้องไปออกล่าแทน
เพียงแต่ว่า ให้ส่งเลเวล A มามันคงจะสิ้นเปลืองเกินไป แต่หากส่งเลเวล B ก็เกรงว่าจะไม่สามารถล่าหัวใจของต้นไม้เพลิงได้
แต่หลังจากที่เขาช่วยเหลือฉินเฟิง เจ้าตัวก็รู้สึกพึงพอใจมากกับลูกหนี้บุญคุณคนนี้มาก ปลีกตัวออกจากเมืองเฟิงหลีทันที เพราะหากระหว่างช่วงที่ฉินเฟิงไปยังเกาะนรก แล้วต้องการใช้แซดเป็นดั่งวลีเขียนเสือให้วัวกลัว ถึงเวลานั้นตนคงเป็นฝ่ายขาดทุนแล้ว
หลังแซดจากไป เขาก็ออกล่าในมิติต่างๆ เสร็จธุระค่อยกลับมายังห้องทดลองของตัวเอง
ห้องปฏิบัติการทดลองของแซด แท้จริงแล้วไม่ได้ตั้งอยู่ในที่ใด แต่มันเป็นเหมือนกับสุสานเทพสงครามที่ตกอยู่ในความควบคุมของฉินเฟิง
--ที่แท้ห้องทดลองก็ถูกสร้างขึ้นในเขตแดนลับเล็กๆแห่งหนึ่งนี่เอง!
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการทดลองที่มีระดับต่ำเกินไป และจำเป็นต้องวิจัยโดยใช้มนุษย์ จำเป็นต้องออกไปตั้งไว้ภายนอก
แซดมองไปยังงานทดลองใหม่ของเขา ถัดไปข้างๆเป็นนักวิจัย ที่กำลังเอ่ยยกยอแซด หน้าตาและท่าทีเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพบูชาอย่างไม่มีสิ้นสุด
“ด็อกเตอร์แซด พวกเราทำสำเร็จ! โอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นอีก 10% , อัตราการปลุกพลังในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 50%แล้ว!”
ตามเส้นทางแห่งโชคชะตาเดิมของฉินเฟิงในช่วงก่อนเกิดใหม่ ผลงานการทดลองของแซด ในชีวิตนี้มันได้เร่งความเร็วขึ้นกว่าเดิม
และผลที่ทำให้เกิดขึ้นนั้น แน่นอนว่าต้องขอบคุณปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีกของฉินเฟิง
หลังจากฉินเฟิงกับแซดทะเลาะกัน แซดได้กลับไปยังรัฐเดิม และค้นพบงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์บางชิ้นที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อนในชีวิตที่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากฉินเฟิงได้นำข้อมูล , สิ่งประดิษฐ์ และเทคโนโลยีล้ำยุคกลับมาจากดินแดนล่มสลายของเผ่าวิญญาณ มันเลยทำให้ความคิดของแซดเปิดกว้างขึ้น งานวิจัยเลยคืบหน้ากว่าเดิม
เรื่องนี้ทำให้แซดรู้สึกพอใจมาก แต่ในใจของเขา กลับอดไม่ได้ที่จะย้อนนึกไปถึงคำพูดของฉินเฟิงก่อนหน้านี้
หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงไม่สนใจเกี่ยวกับโอกาสอีก 50% ที่หายไป แต่ในเวลานั้น ฉินเฟิงปฏิเสธเด็ดขาดมาก มันเลยทำให้แซดยิ่งต้องการได้ฉินเฟิงมาเป็นหนูทดลองของเขา
“แค่นี้ยังไม่เพียงพอ พวกเราต้องวิจัยจนกว่าจะได้อัตราการปลุกพลังแบบ 100%!”
และถ้าทำได้จริงๆ ถึงเวลานั้น ฉินเฟิงคงยอมเป็นหนูทดลองของเขาใช่หรือไม่?
แซดจมอยู่ในความคิดด้วยความตื่นเต้น
นักวิจัยคนอื่นๆเมื่อได้ยินคำพูดของแซด ความกระตือรือร้นก็ค่อยๆชืดชาลง แต่ก็ยังมีคนอื่นๆ ที่ในดวงตาฟุ้งไปด้วยประกายแห่งความโลภและความปิติยินดี
เพราะผลงานวิจัยของแซด ไม่มีอะไรที่เป็นความลับแม้แต่น้อย ต่อให้เป็นคนธรรมดา แต่ขอแค่มีสติปัญญาสูงส่ง หากอยากวิจัย ก็มาเข้าร่วมกับเขาได้ ทำให้ในหลายๆครั้งเลยมีบางคนที่มาเข้าร่วมไม่ใช่เพื่อความรู้!
แต่เพื่อเงิน , อิทธิพล และความแข็งแกร่ง!
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนกองอยู่ตรงหน้าพวกเขา!
งานวิจัยของแซด สามารถสร้างผลประโยชน์มหาศาล ยาทดลองเหล่านี้จะถูกขายให้กับพวกกองกำลังมืด กลายพันธุ์ผ่านการฉีด ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แม้มีโอกาสครึ่งต่อครึ่ง แต่เชื่อว่าย่อมมีคนจำนวนมากต้องการไขว่คว้ามันไว้
โดยเฉพาะคนธรรมดา เมื่อพบว่าตนเองไม่สามารถปลุกพลังได้ตอนอายุ 16 ปี พวกเขาจะยิ่งปรารถนา โหยหาในวิถีชีวิตของผู้ใช้พลังมากเป็นพิเศษ และมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่บรรดาตระกูลมั่งคั่งร่ำรวย จะขอซื้อยากลายพันธุ์ไปสักขวด และเมื่อข่าววงในกระจายออกไป ก็จะกลายเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่ให้ผลประโยชน์มหาศาล!
นี่เองคือเหตุผลว่าทำไมฉินเฟิงในชีวิตก่อน ถึงพบเห็นมนุษย์กลายพันธุ์กระจายตัวไปทั่วทุกหนแห่ง
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! พลันดังขึ้น คนอื่นๆหันไปมองข้อความบนหน้าจอ เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“สัญญาณเตือนดังมาจากฐานทดลองหมายเลข 8 เกิดอะไรขึ้น? มีร่างทดลองอาละวาดรึเปล่า?”
สัญญาณเตือนนี้บ่งบอกได้แค่ไม่กี่อย่าง เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนส่วนใหญ่ที่ถูกจับมาทดลอง มีอยู่หลายครั้งที่มาจากพันธมิตรมนุษย์
“ฐานทดลองหมายเลข 8 ? จำได้ว่าฉันเลี้ยงสัตว์ร้ายจอมเขมือบเอาไว้ในนั้น” จู่ๆแซดก็พูดขึ้น
“อา จริงด้วย ใช่ ใช่!”
“ไม่ผิดแล้ว เซลล์ทั้งหมดอยู่ที่นั่น! แต่ยังไม่ถึงเวลาปลูกถ่ายลงในร่างทดลอง” คนอื่นๆตระหนักได้แล้วว่านี่เป็นเรื่องเร่งด่วน เนื่องจากสมบัติที่อยู่บนตัวสัตว์ร้ายจอมเขมือบ ทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุดิบเลเวล A หรือสูงกว่า นักวิจัยเหล่านี้ หลายคนก็เป็นผู้ใช้พลังเช่นกัน พวกเขารู้ว่ามันมีค่าเพียงใด ต่อให้แซดเป็นถึงเลเวล S ก็ตาม แต่บางสิ่งบางอย่าง หากสูญหายไปแล้วก็คือหายเลย ไม่สามารถหามาได้อีกเป็นครั้งที่สอง!
เพราะสัตว์ร้ายจอมเขมือบ แท้จริงแล้วมันถูกแซดสังเคราะห์ขึ้นมาด้วยเซลล์ของเขมือบฟ้า!
สำหรับสัตว์ร้ายบางประเภท มันไม่สามารถปลูกถ่ายลงในมนุษย์ได้โดยตรง แต่ทิศทางการวิจัยของแซด มักมีสองทางเสมอ หนึ่งคือค้นหามนุษย์ที่มีโอกาสเข้ากับเซลล์สูงมาทดลอง อีกหนึ่งคือใช้ร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์โดยตรง และประเภทหลังนี้มักเป็นเพียงนักสู้ สามารถช่วยแซดบุกไปออกล่าสมบัติในต่างมิติได้เสมอๆ
ส่วนสัตว์ร้ายจอมเขมือบตัวนี้เป็นเซลล์แม่ เซลล์ที่ใช้ใส่มนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆ ทั้งหมดต้องได้รับจากมัน
“ฉันจะไปตรวจดูเอง ดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นกับมัน”
แซดกังวลมาก สิ้นเสียง เขาก็ฉีกมิติโดยตรง มุ่งหน้าสู่ฐานทดลองหมายเลข 8 ทันที
แต่ในระหว่างนั้นเอง แซดกลับบังเกิดความรู้สึกได้ถึงแรงกดดันเชิงมิติแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ในอากาศ อักษรรูนที่มีอยู่รอบๆค่อยๆสลายไป พลังงานแห้งเหือด กระทั่งแซดยังรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขา มันถูกสกัดกั้นและเหือดหายออกไป
ลึกๆในจิตใจเขาบังเกิดความหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก และแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในฐานทดลองหมายเลข 8 จัดการฉีกมิติอีกครั้งทันที
เพียงแต่ว่า การฉีกมิติในครั้งนี้ ช่องว่างที่ปรากฏขึ้นกลับสามารถรองรับร่างกายได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แถมยังค่อยๆหดแคบลงอย่างรวดเร็ว
ทว่าแซดไม่สนใจเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ตัดสินใจมุดเข้าไปในช่องว่างมิติโดยตรง แต่สุดท้ายไม่ทันพ้นทั้งตัว เท้าข้างหนึ่งที่พุ่งตามเข้าไปช้ากว่าตำแหน่งอื่นๆ ถูกตัดขาดทันที ปล่อยทิ้งไว้ทั้งๆอย่างนั้น
ในเวลาเดียวกัน ในเครือข่ายนักสู้ ปรากฏข้อความขอความช่วยเหลือดังออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สัญญาณเตือนจากข้อความเหล่านั้นกลับค่อยๆเลือนหายไป นี่มิใช่ว่ามีคนให้การช่วยเหลือ แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันตรงกันข้าม เกรงว่าจะสายเกินไปแล้ว!
สำหรับดินแดนของพันธมิตรหัวเซี่ย ทุกเมืองใหญ่ล้วนมีอย่างน้อยเลเวล A คนหนึ่งคอยควบคุมดูแล แต่การที่สัญญาณดังขึ้นและขาดหายไป คาดว่าเวลานี้คนๆนั้นคงจบชีวิตลงแล้ว
ณ เมืองฉงโหลว ตั้งอยู่ในภูมิภาคเหนือ ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในสามเมืองยอดนิยม แต่บัดนี้กลับบังเกิดมิติทับซ้อนขึ้นอย่างน่าฉงน
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ที่นี่ ยังเกิดปรากฏการณ์อันน่าสยดสยองขึ้น --ไม่ว่าจะเป็นอบิลิตี้หรือกำลังภายใน ล้วนไม่สามารถใช้งานได้อย่างกะทันหัน!
ภายในเมือง ผู้ใช้พลังไม่สามารถเร่งเร้าพลังใดๆของตัวเองออกมาได้ ขณะเดียวกันเนื่องจากเกิดมิติทับซ้อน ทำให้เมืองนี้ได้กลายเป็นสวรรค์ของสัตว์ร้ายและพืชกลายพันธุ์
ในขณะที่ชาวเมือง ไม่สามารถหนีรอดออกมาได้!
…
ภายในเมืองลาวาเดือด นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ไป๋หลีได้รับการติดต่อจากซางฮันโดยตรง
“รองผู้การไป๋หลี ตอนนี้ฉันในฐานะจ้าวพรมแดนแห่งภูมิภาคเหนือ ขอมอบภารกิจพิเศษแก่คุณ--”
“--ได้โปรดเดินทางไปยังเมืองฉงโหลวด้วย!”