Ep.777 - เข้าสู่มิติลาวาเดือด
2/5
Ep.777 - เข้าสู่มิติลาวาเดือด
ชื่อเสียงของฉินเฟิงเริ่มเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง สถานะของเขาเองก็ค่อยๆเปลี่ยนไปจากเดิม
ตอนนี้เขาเป็นนายพลของกลุ่มพันธมิตรมนุษย์ ตราบใดที่ขยับนิ้วสั่ง ฉินเฟิงสามารถจ่ายภารกิจอันตรายไปให้ใครก็ได้ นี่แหละคือสิ่งที่เป็น
ดังนั้น เกรงว่าคนเหล่านี้คงไม่มีใครกล้ายั่วโมโหฉินเฟิงอีก
ฉินเฟิงไม่สนใจความคิดของคนเหล่านี้ หลังจากคุยกับฟูเหวินจูและอีกสองคนสักพัก เขาก็พาไป๋หลีเดินทางเข้าสู่มิติลาวาเดือด
แม้ฉินเฟิงจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานของมิติลาวาเดือด แต่เขาไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ โชคดีก็คือมีคนจำนวนมากได้เข้าไปทำการสำรวจแล้ว ทำให้พอมีแผนที่แบบคร่าวๆให้ดู
ทันทีที่ฉินเฟิงเข้าสู่มิติลาวาเดือด เขาสัมผัสได้ถึงไอร้อนแผดเผา ขนาดฉินเฟิงเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ ยังรู้สึกได้ถึงมัน!
อุณหภูมิของที่นี่ ที่แน่ๆเกินกว่า 40 องศา
ฉินเฟิงมองไปรอบๆ สิ่งที่ดึงดูดสายตาเขาคือท้องฟ้าสีส้ม พื้นดินตลอดเส้นทางเป็นสีดำสนิท และมีเต็นท์หลายใบ ตั้งกระจัดกระจายอยู่รอบๆ มีขยะอยู่ประปราย และยังมีเขตสนามโล่พลังงานที่สร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายกางอยู่ห่างออกไป แต่เป็นแค่การติดตั้งแบบลวกๆเท่านั้น
ทว่านี่ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะมิติลาวาเดือดของฉินเฟิงไม่เหมือนกับเกาะนรก สถานที่แห่งนี้เปิดให้เข้าใช้บริการได้อย่างเต็มที่ และในเมื่อเขาไม่สั่งการให้มีผู้ใช้พลังมาคอยปกป้องที่นี่ ดังนั้นคนอื่นๆที่เข้ามาเลยต้องดูแลตัวเอง
สิ่งที่โชคดีก็คือ ทางเข้าสู่รอยแยกมิติที่ถูกเปิดโดยฉินเฟิงได้รับการดัดแปลงแล้ว ดังนั้นผู้ใช้พลังทุกคนสามารถผ่านไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไป๋หลี สัตว์ร้ายโดยรอบเริ่มถูกกวาดล้างโดยเหล่าผู้ใช้พลัง ทำให้หน้าทางเข้ามิติลาวาเดือดอย่างน้อยก็ปลอดภัยชั่วคราว
ฉินเฟิงยังเห็นผู้คนมากมาย เลือกพักผ่อนกันที่นี่ หรือไม่ก็มีบางทีมกำลังออกไปล่าสัตว์ร้าย
ฉินเฟิงเรียกยานรบออกมา ไป๋หลีก้มตัวลงเข้าไปนั่ง แล้วขับออกไปตามเส้นทางหนึ่งบนแผนที่
คนอื่นๆมองทั้งสองที่นั่งจักรกลจากไปด้วยสีหน้าแปลกๆ
“คนๆนั้นบ้าไปแล้ว ใช้รถล่องเวหาในมิติลาวาเดือดเนี่ยนะ?”
“แต่รูปลักษณ์ของมันแปลกมาก ฉันว่านั่นน่าจะเป็นยานรบรุ่นใหม่ล่าสุดที่กลุ่มเฟิงหลีกำลังพัฒนามากกว่า!”
“แต่เลือกใช้จักรกลในการเดินทาง มันก็เท่ากับกำลังมองหาความตายอยู่ดี อย่าบอกนะว่าพวกเขายังไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของอีกาไฟ?”
ในมิติลาวาเดือด แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ปีศาจโทรลลาวาเดือดกับต้นไม้เพลิงเท่านั้น สิ่งมีชีวิตอื่นๆก็อาศัยอยู่เช่นกัน
หลายคนเฝ้ามองยานรบด้วยความเป็นห่วง เพราะสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในมิตินี้มิใช่ปีศาจโทรล แต่เป็นอีกหนึ่งกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เรียกกันว่าอีกาไฟ!
อีกาไฟที่ว่าเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเลเวล C เท่านั้น แต่พวกมันมักอยู่รวมกันเป็นฝูงมากกว่า 1,000 ตัว ด้วยเหตุนี้ ต่อให้มีตัวตนทรงพลังเลเวล B เป็นผู้นำทีมก็ตาม แต่สุดท้ายจุดจบคงไม่พ้นถูกกลบฝังอยู่ใต้ทะเลเพลิง
กล่าวได้ว่าบนท้องฟ้าคือเส้นทางที่อันตรายที่สุดในมิตินี้
ทว่าอันตรายดังกล่าว สำหรับฉินเฟิงกับไป๋หลีแล้ว มันไม่นับเป็นสิ่งใด!
พวกฉินเฟิงออกไปได้ไม่ไกล เสียงเครื่องจักรก็ดึงดูดอีกาไฟฝูงหนึ่งเข้ามา
ฝูงอีกาไฟเห็นยานรบบินอยู่บนท้องฟ้าเพียงลำพัง ก็หลงคิดว่าคงสามารถรังแกกันได้โดยง่าย พวกมันอ้าปาก บังเกิดสะเก็ดไฟเล็ดลอดออกมา คล้ายสั่งการให้ทำลายยานรบ
--ผู้ที่สามารถครอบครองอาณาเขตบนผืนฟ้าได้ ต้องเป็นพวกมันเท่านั้น!
อีกาไฟบินโฉบลงมา ฉากนี้เสมือนดั่งทะเลเพลิงกำลังท่วมทับลงจากผืนฟ้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกมันใกล้เข้ามาในระยะร้อยเมตร ไป๋หลีเพียงเงยหน้าขึ้น ปลดปล่อยกลิ่นอายให้รั่วไหลออกมาเล็กน้อย
“แกว๊กกกก!”
จ่าฝูงอีกาไฟ ตื่นตกใจในคราเดียว มันกระพือปีกพั่บๆ บินหนีจากไปอีกทางด้วยความตื่นตระหนก ขณะเดียวกัน อีกาตนอื่นๆในฝูงก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของไป๋หลีเช่นกัน
สัตว์เทวะเลเวล A !!
ในบรรดาสัตว์ร้าย ระบบชนชั้นฝังรากลึก พวกมันไม่กล้าล่วงเกินตัวตนที่มีระดับมากกว่า
กลิ่นอายของสัตว์เทวะทรงพลังเกินไป อาศัยแค่มัน ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้วิญญาณของพวกอีกาไฟแตกสลาย!
บังเกิดความผวาอันลึกล้ำในจิตใจ แล้วแบบนี้อีกาไฟจะกล้าเข้ามารุมล้อมพวกเขาอีกได้อย่างไร? พวกมันกระทั่งคิดฝันอยากให้มีปีกงอกเพิ่มออกมาอีกคู่หนึ่ง เพื่อจะได้หนีจากสัตว์เทวะตรงหน้าไปให้เร็วที่สุด
ฝูงอีกาที่เดิมโบยบินเป็นระเบียบเรียบร้อย บัดนี้กลายเป็นยุ่งเหยิง หายลับขึ้นไปบนฟากฟ้า ไม่มีตัวไหนกล้าขวางทางยานรบของฉินเฟิงอีก
แต่แทบจะในทันที ยานรบของฉินเฟิงก็บินเข้าเผชิญหน้ากับกลุ่มอีกาไฟอีกฝูงหนึ่ง
แต่สุดท้ายก็เป็นแบบเดิม พวกมันแตกฮือหลบหนีไป ทำให้การเดินทางของฉินเฟิงเป็นไปอย่างราบรื่น เขาไม่ได้ใช้อบิลิตี้มืดซ่อนตัวด้วยซ้ำ สัตว์ร้ายพวกนี้ก็ยอมแพ้ หลบหนีไปไกลลิบ
เวลานี้ ทั้งสองเดินทางมาไกลจนถึงสุดขอบพื้นที่ที่ถูกสำรวจโดยผู้ใช้พลังเลเวล B แล้ว
กระนั้น ก็ยังมีผู้ใช้พลังที่กล้าหาญและแข็งแกร่งบางคน เคยเข้ามายังพื้นที่ยังไม่ได้รับการสำรวจนี้ และบังเอิญพบเจอกันสถานที่อันตราย เลยแจกจ่ายข้อมูลออกไป ทำให้ยังพอมีภาพอยู่บ้าง
สามชั่วโมงต่อมา ในที่สุดฉินเฟิงก็เห็นเป้าหมายที่พวกตนต้องจัดการ
ในระยะไกลออกไป ปรากฏต้นไม้ใหญ่ที่สามารถปกคลุมผืนฟ้า บดบังแสงอาทิตย์ พุ่มใหญ่บนยอดมันไม่ต่างจากพลุไฟที่กำลังเบ่งบาน
นอกจากนี้ ช่วงล่างของต้นไม้เพลิง ยังมีรากโผล่ออกมา ชอนไชเกาะติดกับก้อนหินบางอย่างที่มีสีแดงเข้ม
และสภาพแวดล้อมโดยรอบสถานที่แห่งนี้ บนพื้นดินทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นแอ่งลาวาขนาดน้อยใหญ่ และในแอ่งลาวาแต่ละแห่ง ไม่มีใครรู้ ว่ามีปีศาจโทรลลาวาเดือดอยู่ในนั้นกี่ตัว
“ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของต้นไม้เพลิงต้นนี้ จะขึ้นไปถึงระดับจักรพรรดิ เลเวล B5 แล้ว”
เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้เพลิงที่เคยตกลงไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองลาวาเดือดก่อนหน้านี้ หากไม่ได้รับการป้อนสารอาหารอย่างผู้ใช้พลังเลเวล B ไปมากมาย มันคงไม่มีทางเติบโตได้เร็วเช่นนี้
ถึงมิติของฉินเฟิง จะเปี่ยมไปด้วยทรัพยากรมากมาย เลยทำให้ต้นไม้เพลิงที่เพิ่งบุกเข้ามา สามารถก้าวขึ้นไปแข็งแกร่งถึงระดับจักรพรรดิเลเวล B ก็ตาม แต่ต้นไม้เพลิงที่อยู่เบื้องหน้าเขา ความแข็งแกร่งของมันแตกต่างจากต้นก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ไม้ต้นนี้สูงมากถึง 6,600 - 6,700 เมตร สิ่งสำคัญกว่าก็คือ บนรากของต้นไม้ มันได้กลายเป็นสีแดงเข้ม
บ่งบอกว่า แม้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพวกลูกๆ ต้นไม้เพลิงต้นนี้ ก็ยังสามารถชักนำตนเองไปอยู่ในจุดสูงสุดได้
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในปัจจุบัน มันไม่เหมือนกับในคราวก่อนแล้ว
“พวกเราจะปะทะกับมันตรงๆ!” ฉินเฟิงกล่าว
เขาเปิดประตูยานรบ ก้าวไปหยุดยืนในอากาศ ปีกนกยูงเพลิงฟ้างอกขึ้นบนแผ่นหลังเขา
ไป๋หลีก็ทำเช่นเดียวกัน ก้าวเท้าไปเหยียบย่างในความว่างเปล่า
ฉินเฟิงเก็บยานรบลงในอุปกรณ์รูนมิติ สองตาของเขาตรึงลงบนต้นไม้เพลิงเบื้องหน้า ขับเคลื่อนพลังสมาธิ
ทันใดนั้นเอง รอบตัวเขา ค่อยๆปรากฏร่องรอยของคลื่นน้ำ
คลื่นน้ำเหล่านี้ค่อยรวมตัวกัน ทวีปริมาณมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดปีกนกยูงเพลิงฟ้าบนแผ่นหลังเขาก็ไม่อาจทานทนต่ออำนาจนี้ได้ ค่อยๆมอดดับลง ฉินเฟิงเลยรีบเปลี่ยนอบิลิตี้ของเขาไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง
เวลานี้ ใต้ฝ่าเท้าเขา ปรากฏกลุ่มเมฆ ช่วยเป็นที่หยั่งให้เขายืนในอากาศ
อักษรรูนน้ำได้รับการสนับสนุนจากศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งวารีในจิตสำนึกของฉินเฟิง ระเบิดอบิลิตี้อันทรงพลังออกมา
ราวกับเขื่อนระบายน้ำที่ถูกเปิดออก กระแสน้ำมหาศาลร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า ทะลักลงสู่เบื้องล่าง
น้ำตกแห่งนี้ กินระยะความกว้างนับร้อยเมตร ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากทางช้างเผือกที่ลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า ทะลักเข้าท่วมต้นไม้เพลิงขนาดใหญ่ทันที
น้ำตกยักษ์ทะลักลงมาจากท้องฟ้า ยิ่งมันลงมาได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลกระทบมากขึ้นเท่านั้น
ตูม ตูมมม!
เกิดเสียงกระแทกดังสนั่น ต้นไม้เพลิงขนาดใหญ่ถูกซัดสาด แกว่งไปแกว่งมา ถูกผลักดันอย่างหนัก จนเกือบจนล้มคว่ำลงกับพื้น
ฟู่ ฟู่ ฟู่ …
เปลวเพลิงของมันเริ่มมอดดับลง ไอร้อนระเหยออกไป ขณะเดียวกันธารน้ำตกที่ท่วมลงมา ถูกต้มจนเดือดทันที
นี่ไม่ใช่แค่การปะทะกันระหว่างน้ำกับไฟ แต่มันคือการห้ำหั่นกันระหว่างสองรูนธาตุ!
“ฮู้ม ฮู้ม ฮู้มมม”
ลำต้นของต้นไม้เพลิงปริแยก อ้าปากใหญ่สองสามปาก เสียงกรีดร้องน่าสังเวชหวีดออกมา
ต้นไม้เพลิงที่แต่เดิมไม่คิดเคลื่อนไหว บัดนี้เริ่มฟาดกิ่งก้านไปมา ทว่าผลลัพธ์กลับทำให้มันยิ่งจมลง ฉากนี้ไม่ต่างจากปีศาจร้ายกำลังร่ายระบำ
ในเวลาเดียวกัน ปีศาจโทรลลาวาเดือดที่อยู่ใกล้ต้นไม้ ได้ยินถึงเสียงร้องโวยวายของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพวกมัน รีบคืบคลานออกมาจากลาวา แต่ไม่ช้ากก็ถูกกระแสคลื่นน้ำขนาดใหญ่พัดพาไป
ปีศาจโทรลลาวาเดือดพวกนี้ ไม่มีทางคุกคามฉินเฟิงได้
ในเวลานี้ คลื่นมหึมาเริ่มกัดเซาะ รากต้นไม้ที่ตอนแรกคอยรัดพัดหินสีแดงเข้ม พลันทะลวงขึ้นจากผิวน้ำ แทงเข้าใส่ฉินเฟิง!