Ep.776 - กลับสู่ความรุ่งโรจน์
1/5
Ep.776 - กลับสู่ความรุ่งโรจน์
“ขอบคุณปรมาจารย์หลง ขอบคุณท่านผู้ใหญ่หลงเยว่ ผมขอตัวลา!”
ฉินเฟิงกล่าวคำอำลากับคนทั้งสอง
หลังจากมอบดาบอสูรฟ้าให้อีกฝ่ายแล้ว ไป๋หลีก็สลายมิติปิดล้อม ช่วงเวลานี้ฉินเฟิงเลือกที่จะจากไปโดยตรง ไม่คิดปิดซ่อนใดๆ เปิดใช้ช่องว่างมิติต่อหน้าสองตระกูลหลง แล้วจากไปทันที
ฉินเฟิงไม่มีแผนที่จะรั้งอยู่ในเมืองหลวงมังกรอีกต่อไป
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เกรงว่าข่าวเรื่องที่ฉินเฟิงแลกเปลี่ยนรายการเลเวล S คงเริ่มแพร่กระจายไปทั่ว!
ฉินเฟิงและไป๋หลีเดินทางกลับมายังเมืองเฟิงหลี
ขณะเดียวกัน ในเมืองหลวงแห่งความมืด ข่าวเรื่องฉินเฟิงถูกส่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ท่านเจ้าเมือง มีรายงานเข้ามาว่าฉินเฟิงอยู่ในเมืองหลวงมังกร และได้ขายดาบอสูรฟ้าไปแล้ว ไม่ทราบข่าวนี้ถูกต้องหรือไม่ เพราะอย่างไรเสีย ดาบอสูรฟ้าเป็นอาวุธเทวะที่สามารถจดจำเจ้าของได้!” ฟีนิกซ์เพลิงแม้ปากกล่าวเช่นนี้ แต่น้ำเสียงทอแววกังวลจนสังเกตได้ชัด
เหอเทียนสิงเงียบ
ถ้าจะให้พูดอย่างเปิดอก ก่อนหน้านี้เหอเทียนสิงยังพอรู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่ออันคลุมเครือระหว่างดาบอสูรฟ้า แต่ไม่สามารถเรียกดาบกลับคืนมาได้ คล้ายมันไปอยู่ในมิติที่ห่างไกลมากๆ แต่เมื่อครู่นี้ เหอเทียนสิงได้สูญเสียการเชื่อมต่อกับดาบอสูรฟ้าไปอย่างสิ้นเชิง
ช่วงเวลานั้น วันคืนแห่งความสุขของเหอเทียนสิงคล้ายมลายหายไป ราวกับว่าเขาได้สูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไปแล้ว
ฉะนั้นตอนนี้ แม้ข่าวจะถูกส่งมาถึง แต่เหอเทียนสิงได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว
“ได้ยินแล้ว เธอลงไปก่อนเถอะ” เหอเทียนสิงกล่าว
ฟีนิกซ์เพลิงเกิดข้อสงสัยอย่างเห็นได้ชัด เธอมองไปยังใบหน้าอันสงบของเหอเทียนสิง พบเห็นเพียงความลึกล้ำอันยากจะคาดเดาของท่านเจ้าเมือง เลยไม่กล้าถามอะไรมากความ ค่อยๆถอยหลังกลับไป
หลังฟีนิกซ์เพลิงจากไป ใบหน้าของเหอเทียนสิงก็กลายเป็นบิดเบี้ยว ปากอ้าก้องคำราม
“ฉินเฟิงงงงง!!!”
เขาจะจดจำชื่อนี้ไว้ในใจ
ทว่าระหว่างที่กำลังโกรธเกรี้ยวนั้นเอง บริเวณหน้าท้องเริ่มรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้ง ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเหอเทียนสิงแข็งค้าง เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากเขา
เหอเทียนสิงฉีกผ้าก๊อซตรงหน้าท้องออก และพบว่าตรงบาดแผล ปรากฏเลือดสีดำไหลซึมออกมา
หุ่นเชิดแห่งความตายเลเวล S มิใช่อะไรที่เรียบง่ายถึงเพียงนั้น มิฉะนั้นคุนซาร์คงไม่สามารถสร้างความน่าหวาดกลัวให้แก่ผู้ใช้พลังเลเวล A มาเป็นระยะเวลานานได้ แม้กระทั่งเลเวล S ยังต้องระวังตัวเขา!
คุนซาร์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านควบคุมศพพิษ ความจริงถ้าเขาไม่ถูกเจ้าสิ่งนี้ เหอเทียนสิงคงไปตามฆ่าฉินเฟิงถึงเมืองเฟิงหลีแล้ว แต่เรื่องจริงช่างน่าเศร้า เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งลึกๆในใจยังหวั่นเกรงตัวตนของไป๋หลีเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เองเขาเลยยังไม่กล้าลงมือ!
“บ้าจริง! หรือฉันต้องไปอ้อนวอนขอรับการรักษาจากตาแก่เทพแห่งแสงคนนั้นจริงๆ?” เหอเทียนสิงกล่าวพลางปิดปากแผลของเขา ยิ่งคิดความโกรธยิ่งลุกโชนในใจ
เมื่อก้าวไปถึงเลเวล S หากได้รับบาดเจ็บ บาดแผลเหล่านั้นมิใช่สิ่งที่ผู้ใช้อบิลิตี้ธรรมดาจะรักษาได้
แต่ต้องไปให้ผู้ใช้พลังเลเวล S เช่นเดียวกันทำการรักษา จากนั้นโอกาสที่จะถูกเอาเปรียบย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มันอาจเป็นแค่การกระทำเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่นลอบตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของร่างกายผู้ให้มารักษา
สำหรับผู้ใช้พลังเลเวล S พวกเขาล้วนมีมิติและทรัพยากรมากมายอยู่ในมือตัวเองอยู่แล้ว มิติเหล่านี้จะถูกใช้ร่วมกันโดยบรรดาเลเวล S แต่ในเรื่องที่ว่าใครจะได้รับอาณาเขตของตัวเองมากแค่ไหน ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง
หากไปขอการรักษา แล้วต้องเปิดเผยข้อมูลของตัวเอง จุดนี้ทำให้เหอเทียนสิงรู้สึกลังเลมาก!
เมื่อเทียบกับเหอเทียนสิง ฉินเฟิงในขณะนี้ มีความสุขสุดๆ!
ไม่เพียงกำจัดมันร้อนอย่างดาบอสูรฟ้าไปได้ แต่ฉินเฟิงยังได้รับทักษะมีดเลเวล S ที่ตนต้องการ ฉินเฟิงบังเกิดความรู้สึกว่า ทริปการเดินทางไปเกาะนรก แม้มันจะไม่เหมือนกับที่เขาวางแผนไว้ก็ตาม กระนั้น ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าดี
หลังจากกลับมาเฟิงหลี ฉินเฟิงก็เริ่มติดต่อคนอื่นๆ เพื่อบอกให้พวกเขารู้ว่าตนกลับมาแล้ว!
“ท่านประธาน ฉันได้ยินมาว่าเมืองหลวงแห่งความมืดเกือบถูกทำลายโดยฝีมือสัตว์เทวะ โชคดีจริงๆที่คุณไม่เป็นอะไร!”
“จะมีเรื่องเกิดขึ้นกับท่านประธานได้ยังไง! สำหรับท่าน พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเลย”
“ถูกต้อง เมื่อมีท่านผู้ใหญ่ไป๋หลีอยู่เคียงข้าง ท่านประธานย่อมไร้ภยันตราย!”
“เป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ท่านผู้ใหญ่ไป๋ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม ระหว่างนั้นฉันหวาดกลัวจริงๆ ว่าพวกท่านผู้ใหญ่เลเวล B คนอื่นๆจะมาสร้างปัญหา!”
“แค่นั้นซะที่ไหนกัน รู้รึเปล่าช่วงนั้นฉันกลัวแทบตายว่าจะมีเลเวล A บุกมาหาพวกเรา!”
ฝูงชนต่างสนทนา แต่ฟังจากคำพูดโดยรวมของพวกเขา สามารถบ่งบอกได้ว่าฉินเฟิงมีความสำคัญต่อพวกเขามากขนาดไหน
เขามีความสำคัญแค่ไหนน่ะหรือ? ฉินเฟิงน่ะคือกระดูกสันหลังของทั้งกลุ่ม!
แน่นอน กลุ่มไหนๆก็เป็นแบบนี้ เมื่อหัวหน้าล้ม เท่ากับว่าทั้งกลุ่มพังพินาศ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่สามารถพุ่งทะยานได้ถึงขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้น เกรงว่าจะมีแค่เฟิงหลีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง สมาชิกคนอื่นๆเลยอดกังวลไม่ได้
ฉินเฟิงเองก็สังเกตเห็นถึงปรากฏการณ์นี้เช่นกัน
--กลุ่มเฟิงหลี ยังใหม่เกินไป!
“หลังจากนี้ ผมจะอยู่ในเมืองลาวาเดือด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พวกคุณสามารถติดต่อหาผมได้ทุกเวลา!” ฉินเฟิงกล่าว
บรรดาฝูงชนตกใจในตอนแรก แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าพอได้ยินประโยคนี้ ทุกคนมีความสุขมาก!
ฉินเฟิงอยู่ที่นี่ กับฉินเฟิงไม่อยู่ สถานการณ์ของสองข้อนี้จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลังจากนั้น ซูซิงฝูถูกฉินเฟิงเรียกตัวมาพบเพียงลำพัง เพื่อโยกย้ายการเก็บเกี่ยวที่ได้จากเกาะนรก
“นี่ … ได้มาทั้งหมดนี่เชียวหรือ?” ซูซิงฝูมองไปยังอุปกรณ์รูนมิติมากมาย สุ่มหยิบออกมาชิ้นหนึ่ง และพบว่าสิ่งของที่อยู่ข้างในมีมูลค่ามหาศาล ไม่เพียงแค่นั้น ในบรรดาอุปกรณ์รูนเหล่านี้ กลับบรรจุเหรียญพลังงานไว้เป็นจำนวนมาก
เนื่องจากเงินเหล่านี้ คือสิ่งที่พวกเขาเตรียมไว้ใช้ประมูลกับคลับมังกรดำ!
ฉินเฟิงเอ่ยปากว่า “ไปหาซ่งเฉียนลี่ คุณสามารถแบ่งขายสมบัติส่วนหนึ่งกับเขาได้ แต่คราวนี้อย่าเพิ่งรีบร้อนขายมัน ดังนั้นคุณสามารถต่อรองกับเขาได้ตามสบาย ยังไงก็ตาม ผมอยากให้เขาจัดหาทรัพยากรเลเวล S ชิ้นหนึ่ง มันคือศิลาตรึงวิญญาณ!”
“ศิลาตรึงวิญญาณ ..?” ซูซิงฝูทวนชื่อสมบัติฟ้าดินชิ้นนี้ แล้วผงกศีรษะรับ กล่าวว่า “เข้าใจแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
ส่วนเรื่องที่จะแบ่งผลประโยชน์กับซ่งเฉียนลี่เท่าไหร่นั้น ซูซิงฝูได้คำนวณไว้ในใจเขาแล้ว ว่าต้องทำอย่างถึงสามารถได้รับผลประโยช์สูงสุด!
ฉินเฟิงพักฟื้นอีกราวๆสองวัน ระหว่างช่วงเวลานั้น แซดไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น แต่เวลาที่เหลือตามสัญญาลดน้อยลงมากแล้ว ใกล้ถึงเวลาที่ฉินเฟิงจะต้องส่งมอบแก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B ซึ่งเป็นหัวใจต้นไม้เพลิงให้ผู้มีพระคุณ(?) ของเขาเสียที
ดังนั้นในวันที่สาม ฉินเฟิงเลยออกเดินทางไปยังเมืองลาวาเดือด มาหยุดอยู่หน้าทางเข้าประตูมิติลาวาเดือด
วันนี้มีผู้คนแวะเวียนเข้ามามากขึ้น มีกระทั่งบางคนสวมชุดคลุมและสวมหน้ากากปรากฏตัวขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าคนเหล่านี้คือคนจากองค์กรมืด
อย่างไรก็ตาม พวกชาวเมืองต่างไม่สนใจ ทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง เดินสวนผ่านไป
อีกอย่าง ที่นี่มีตัวตนทรงพลังคอยปกป้อง ไม่ว่าจะเป็นจินห่าว , ฟูเหวินจู และเหอเล่อหมิง ดังนั้นทุกคนวางใจ ไม่วิตกกังวลมากจนเกินไป
อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ด้วยฝีมือการป้องกันของไป๋หลี ทำให้คนที่คิดร้ายไม่กล้าประมาท แม้ไป๋หลีจะจากไปเป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือนแล้วก็ตาม แต่คนเหล่านี้ก็ยังไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม
เกรงว่าคงต้องรอให้มีข่าวเข้ามาว่าไป๋หลีเสียชีวิตข้างนอกเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาถึงค่อยบังเกิดความกล้าที่จะเข้ายึดประตูมิติแห่งนี้อีกครั้ง
ตอนนี้ เมื่อทั้งสองคนกลับมา ย่อมดึงดูดความสนใจของใครบางคน
“ดูนั่นเร็ว! นังแม่มดผมสีเงินนั่นกลับมาอีกแล้ว!”
“แต่ทำไมคราวนี้ฉันถึงรู้สึกว่ากลิ่นอายของเธอ แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากนัก?”
“ใช่ ดูเธอสิ ตอนนี้ฉันไม่กล้ามองหน้าเธอด้วยซ้ำ ไม่กล้ามองแม้กระทั่งชายกระโปรง อีกทั้งจิตใต้สำนึกของฉันคล้ายบอกใบ้ให้คุกเข่าแก่เธอ ความรู้สึกนี้ ช่างน่ารำคาญจริงๆ”
แม้จะไม่พอใจ แต่คนเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งยังหวาดเกรงไป๋หลีมากกว่าเดิม
นี่แหละคือแรงกดดันของสัตว์เทวะ!
ต่อมา ใบหน้าของฉินเฟิงก็ถูกเผยโฉม ฉากนี้คล้ายเตือนสติของพวกเขาถึงอะไรบางอย่าง ภาพก่อนหน้านี้ที่ฉินเฟิงเคยโค่นศัตรูนับร้อยโดยลำพังได้กลับมาอีกครั้ง
“ประธานเฟิงหลีกลับมาแล้ว!”
“ไม่ผิดแน่ เป็นเขา!”
“พวกนายยังไม่รู้กันใช่ไหม ว่าประธานเฟิงหลีคนนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนได้สร้างเรื่องราวใหญ่โต!”