ตอนที่ 129 จับได้คาหนังคาเขา
ตอนที่ 129 จับได้คาหนังคาเขา
ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบเดินออกไปจากห้องประชุม แต่ในตอนนั้นเองที่ไนเรลเรียกเมสันให้หยุดก่อน
“เมสันคุณรอก่อน ผมมีของจะให้คุณช่วยทำหน่อย”
“ของ...วัตสดุแบบไหน” เมสันจับหนวดด้วยความสนใจ ของที่ไนเรลต้องการให้ช่วยทำนั้นจะต้องไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน
“เป็นโลหะแบบพิเศษ...ชื่อของมันคือโลหะพิภพ แต่ว่าการจะสร้างสิ่งที่ผมต้องการแค่คุณคนเดียวคงไม่พอต้องให้จูเรียช่วยอีกแรง”
“ซีโร่ จูเรียอยู่ไหน” ไนเรลถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่กลับมาเขายังไม่เห็นจูเรียเลย
“ท่านไนเรล คุณจูเรียอยู่ที่ศูนย์วิจัยและเทคโนโลยีชั้นสูง”
“ศูนย์วิจัยและเทคโนโลยีชั้นสูง...” ไนเรลถามด้วยเสียงที่ดูจะงง ๆ
ซีโร่ฉายภาพอาคารจากนั้นก็กล่าวต่อ “ศูนย์วิจัยและเทคโนโลยีชั้นสูงเป็นชื่อที่คุณจูเรียตั้งขึ้น สถานที่ตั้งเป็นโกดังชั้นเดียวขนาดใหญ่สูง 8 เมตร กว้าง 89 เมตร อยู่ห่างจากตึกสมาพันธ์นักล่าไป......”
“ท่านไนเรลต้องการให้ติดต่อท่านจูเรียตอนนี้เลยหรือไม่ครับ”
“ไม่ต้อง...เดี๋ยวฉันไปหาเอง เมสัน...คุณเองก็ตามมาด้วยเลยกัน”
เมสันพยักหน้าเดินตามไนเรลไปด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์นักเนื่องจากไนเรลนั้นรบกวนเวลาของเขาแล้วยังมาลากเขาไปเรื่องไร้สาระอะไรอีก
ขณะที่ไนเรลเดินมาถึงศูนย์วิจัยและเทคโนโลยีชั้นสูง ในตอนนั้นเองเขาก็เห็นก้อนกลม ๆ สีขาวขนาดไม่ใหญ่มากนักกำลังวิ่งคาบถุงที่ใส่หนังสือหนา เดินออกมาจากโกดังด้วยท่าที่ที่มีความสุข หางที่สะบัดไปมาไปมาราวกับว่ากำลังดีใจเป็นอย่างมาก
“มะลิจะไปไหน” ไนเรลตรงไปหาเจ้าแมวน้อยด้วยที่ดูเหมือนจะตกใจกับเสียงของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
‘แย่แล้ว...พี่สาวจูเรียบอกว่าจะให้พี่ชายไนเรลเห็นไม่ได้’ มะลิได้แต่คิดในใจรีบหันหลังวิ่งหนีแต่เพราะขนาดตัวที่ใหญ่กว่ากำปั้นไม่นากนักบวกกับหนังสือในถุงจึงทำให้สะดุดล้มหัวทิ่มกลิ้งไปกับพื้น
หนังสือที่อยู่ในถุงกระเด็นออกมาจากถุง แมวน้อยที่หันคิดจะรีบทำลายหลังฐานวิ่งไปคาบแต่ในจังหวะนั้นก็มีมือยืนมาหยิบหนังสือไปก่อน
“หืม ฉันไม่อยู่แค่สักพักก็หัดหาหนังสือมาอ่านแล้ว....” ไนเรลหยิบหนังสือที่หน้าปกเขียนว่า “การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น สำหรับมือไป”
ดูเหมือนว่าอสูรจะฉลาดอย่างมากจนสามารถเข้าใจความรู้ของมนุษย์ได้ แต่เมื่อไนเรลกำลังจะเปิดดุเนื้อหาด้านใน แมวน้อยก็รีบส่งเสียงร้องห้ามทันที
“แม้ววววว! เมี้ยว มี้ ม้าว มิ้ววว… (อย่าเปิดนะ...ข้าง...ข้างในมัน)” มะลิพยายามร้องห้ามอย่างสุดชีวิตจนกรงเล็บตะปบไปที่หาของไนเรล แต่มันกับไม่สามารถทำอะไรชายหนุ่มได้เลยแม้แต่น้อย
ไนเรลเปิดหนังสือขึ้นมา ใบหน้าของเขาก็กระตุกชาหันไปมองแมวน้อยด้วยสายตาดุดัน
“มะ...ลิ....”
......
ไม่นานหลังจากนั้นภายในศูนย์วิจัยและเทคโนโลยีชั้นสูง ไนเรลกำลังยืนอยู่ที่โซฟาด้วยสีหน้าที่ดุดันมองไปสองคน ไม่สิหนึ่งอสูรและหนึ่งคนที่ตอนนี้กำลังนั่งหน้าจ๋อย
“หึ เธอก็เหลือเกินสอนอะไรให้มะลิกัน ถ้าเทียบกับมนุษย์แล้วมะลิก็แค่เด็กสาวไม่กี่ขวบเท่านั้น”
“เมี้ยวๆๆๆ (ไม่ใช่...)”
“เงียบเลยไม่งั้นจะโดนกักบริเวณ” ไนเรลดุแมวน้อย
แมวน้อยถึงกับตกใจรีบทำสายตาน่าสงสารน้ำตาคลอเบ้า ส่งสายตามาให้ไนเรลราวกับบอกว่าสำนึกผิดแล้ว
“เห้อ ช่างเถอะครั้งนี้เรื่องมันแล้วก็ให้แล้วกัน แต่จำเอาไว้นะเรื่องพวกนี้มันเป็นของผู้ใหญ่ที่เขาโต ๆ กันแล้วถึงจะอ่านได้ ดังนั้นต้องรอให้โตก่อนถึงจะอ่านของพวกนี้ได้เธอเข้าใจไหม” ไนเรลรลูปหัวมะลิด้วยความเอ็นดูพร้อมกับส่ายหน้า
ถึงแมวน้อยเวลาจะทำอะไรมักจะต่อรองและดูฉลาดเป็นอย่างมาก สามารถต่อรองได้โดยไม่เสียเปรียบ แต่อย่างไรแมวน้อยก็ยังเป็นอสูรเด็กจึงโดนจูเรียชักจูงเข้าสู่ด้านเรื่องแบบนี้ได้ง่าย ๆ
ไนเรลพูดสั่งสอนไปอีกเล็กน้อย เมื่อเห็นทั้งจูเรียและมะลิที่สำนึกผิดแล้วเขาก็พยักหน้าด้วยความพอใจ
จึงเปลี่ยนหัวข้อพูดกับจูเรียต่อ
“จูเรีย...”
“อะไร ฉันก็สำนึกผิดเรื่องแมวน้อยแล้วนะ” จูเรียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทีเก้ ๆ กัง ๆ ขณะที่มือจับไปที่ล้อรถเข็นเพื่อพร้อมจะเข็นตัวเองถอยหนี
ไนเรลมองไปที่สาวแว่นขอบตาดำแต่งตัวซกมกอยู่ด้านหน้าของเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ใช่เรื่องนั้น เอาละที่ฉันมาหาเธอก็เพราะมีเรื่องจะพูดด้วย”
“เรื่องอะไร?” จูเรียถามด้วยความสงสัยขณะที่มองไปที่ไนเรลและเมสันชายแกที่นั่งอยู่ที่โซฟาด้วยท่าทีหงุดหงิด
“ฉันต้องการให้เธอช่วยเมสันสร้างของสิ่งหนึ่ง โดยอาศัยพิมพ์เขียวสิ่งนี้ในการอ้างอิง” ไนเรลหยิบพิมพ์เขียวปืนใหญ่พลังงานออกมาให้กับจูเรียและเมสันดูเมื่อเมสันเห็นก็ดูจะตกใจและสนใจมันเป็นอย่างมาก
“พิมพ์เขียวปืนใหญ่พลังงาน...น่าเสียดายที่มันเป็นแค่ต้นแบบ แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่มี” เมสันมองดูแค่ครั้งเดียวก็รู้ว่ามันเป็นแค่ต้นแบบ แต่ความตื่นเต้นของเขาก็ไม่ได้ลดลง
จูเรียเองก็ดูจะสนใจรีบสั่งให้ซีโร่วิเคราะห์มัน
“และสิ่งที่ฉันจะให้สร้างก็คือ ปืนพกเรียวกัน อาศัยพลังงานแม่เหล็กยิงกระสุน ซึ่งสามารถใช้พิมพ์เขียวปืนใหญ่พลังงานดัดแปลงผสานไปได้....” ไนเรลเล่าถึงแนวคิดการสร้างปืน อันที่จริงปืนนี้เป็นอีกเทคโนโลยี ซึ่งมันก็ไม่ได้ล้ำหน้าไปกว่าปืนใหญ่พลังงานนัก เพียงแต่มันมีขนาดที่เล็กและพกพา ข้อเสียก็คงจะเรื่องของการใช้พลังงานและกระสุนปืน
ซึ่งพลังงานนั้นก็แก้ไขได้โดยใช้วิธีเดียวกับปืนใหญ่พลังงานคือแก่นพลังงาน ส่วนเรื่องกระสุนมันต้องเป็นวัสดุที่ทนทานมาก
จากที่รู้มาในชาติที่แล้วกระสุนที่ใช้กับปืนเรียวกันนั้นต้องเป็นวัสดุระดับ 4 ขึ้นไป
ยิงกระสุนที่สร้างจากวัสดุคุณภาพดีมากเท่าไหร่ ก็สามารถยิงได้รุนแรงมากเท่านั้นและนี้ก็คือข้อแตกต่างระหว่างปืนใหญ่พลังงานที่ยิงพลังงานออกมาโดยตรง กับปืนเรียวกันที่อาศัยพลังงานสร้างสนามแม่เหล็กยิงกระสุนออกมา
เมื่อจูเรียและเมสันได้ฟังแนวคิดของไนเรล ทั้งสองก็อ้าปากค้าง แต่เมสันดูจะตื่นเต้นมาก เมื่อก่อนเมสันถือเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุธ จนจัดว่าเป็นบุคคลอันตราย
เขาเคยคิดถึงการสร้างปืนเรียลกันมาก่อนอย่างแน่นอน ไม่สิต้องบอกว่ามันคือแนวคิดที่กองทัพหลาย ๆ ประเทศยากจะสร้างให้สำเร็จรองจากอาวุธพลังงานเลยก็ว่าได้
ตอนนี้โอกาสของเมสันมาถึงแล้ว อีกทั้งไนเรลยังอธิบายหลาย ๆ อย่างที่เมสันไม่เคยคิดถึงมาก่อนให้เขาได้เข้าใจ
เมื่อไนเรลเห็นสายตาของเมสัน เขาก็รู้สึกอายเล็กน้อยกับการแอบอ้างเอาข้อมูลพวกนี้มา อันที่จริงแล้วปืนพกเรียวกันนั้นถูกสร้างขึ้นมาในชีวิตก่อน โดยกลุ่มที่ซื้อขายอาวุธกัน และได้มีคนอธิบายถึงหลักการทำงานและโครงสร้างภายในไว้ในอินเทอร์เน็ตมากมาย
ซึ่งไนเรลก็เคยดูมันในตอนที่ว่าง เพราะอย่างน้อยก็ต้องศึกษามันไว้เนื่องจากไนเรลเก็บเงินจะซื้อมันเป็นเครื่องป้องกันตัวเอง
แต่ตอนนี้เขานึกไปแล้วก็ต้องขอบคุณตัวเองที่เป็นคนใส่ใจในรายละเอียดที่ศึกษามันอย่างละเอียดก่อนจะซื้ออะไร จึงทำให้ไนเรลสามารถอธิบายหลักการทำงานและโครงสร้างของปืนให้ทั้งสองฟังได้อย่างเข้าใจ
แต่แน่นอนว่านั้นไม่ใช่เขาอธิบายไปแล้วทั้งคู่สามารถโปรแกรมและสร้างปืนได้เลย มันยังมีอีกหลายส่วนที่ทั้งสองต้องไปหาทางออกกันเอง
หลังจากนั้นไนเรลก็นำวัสดุที่เขาปล้นมาจากยักษ์เถื่อนและของจำนวนมากออกมานั้นรวมถึงกางเขนมนุษย์ที่เป็นโลหะพิภพทั้งดุ้นออกมาให้เมสันนำไปใช้ในการสร้างปืนเรียวกันได้หลายพันกระบอก
และยังคงเหลือที่จะสร้างดาบให้กับไนเรลได้สองขนาดทั้งขนาดที่มนุษย์ใช้และยักษ์เถื่อนใช้
ของที่ไนเรลนำออกมาก็ทำให้เมสันถึงกับหุบปากไม่ลง หลาย ๆ ยังคงเปิดโลกทัศน์ให้กับเมสัน เมื่อชายแก่ได้ของที่ต้องการแล้วก็ไม่สนใจไนเรลถีบหัวส่งเขาออกไปทันที
หลังจากโยนงานทั้งหมดให้ทั้งสองแล้ว ไนเรลก็กลับไปที่พักของตนอย่างจำใจ
หลังจากไนเรลจากไปแล้วจูเรียก็แอบไปเรียกมะลิมาทั้งสองเหมือนจะพูดคุยกันอย่างถูกคอก่อนกลับจูเรียก็หยิบหนังสือเคมีเล่มใหม่ให้กับมะลิไป เพราะเล่มเก่าโดนไนเรลยึดไปแล้ว ทั้งคู่ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กันก่อนแยกย้ายกันไป
ไนเรลกลับมาที่พักก็เรียกดามินเข้าพบซึ่งเขาต้องการให้ดามินเอาแก่นพลังงานระดับ 4 ขึ้นไปมาให้เขาทั้งหมด
เมื่อดามินออกไปแล้ว เอวาก็เข้ามาทั้งสองพุดคุยกันอยู่สักถามเรื่องต่าง ๆ ในช่วงที่ไม่ได้เจอกัน แต่แน่นอนว่าไนเรลยังคงรักษาระยะห่างอยู่เล็กน้อยกับเอวา บางที่ไนเรลอาจจะรู้สึกผิดเรื่องโอลีเวีย(ราชินีนิมฟ์)ก็เป็นไปได้
ส่วนเรื่องน้องสาวของเขา นิเรีย เธอเดินทางไปที่เมืองหลวงใหม่ เพื่อรับพ่อกับแม่มาที่นี่ ซึ่งดูเหมือนเธอจะยื่นเรื่องออกจากกองทัพแล้ว
ไนเรลรู้เรื่องก็เคารพการตัดสินใจของเธอ และเขาก็คิดว่าถึงนิเรียจะไม่ออกจากกองทัพและหน่วยโล่ ไนเรลก็จะพูดกับเธอเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะการต่อสู้หลังจากนี้เขาต้องการพลังของน้องสาว และพ่อกับแม่มาอยู่ที่สมาพันธ์นักล่าก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง ซึ่งนั้นสามารถรับประกันความปลอดภัยได้มากขึ้น
ตกเย็นไนเรลเดินทางไปที่ส่วนต้องห้ามที่ซึ่งมีต้นไม้คริสตัลวิวัฒนาการและต้นมันโลหิตอยู่
ไนเรลใช้ความสามารถเร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้คริสตัลวิวัฒนาการจนมันออกผลคริสตัลวิวัฒนาการจำนวนมาก ซึ่งไนเรลก็ให้พวกเขามาเก็บมันไป
ก่อนกลับไปไนเรลพยักหน้าให้กับเจ้าคาปิบาร่าที่เดินกินใบของต้นคริสตัลวิวัฒนาการอยู่โดยไม่สนใจอะไรก่อรที่จะกลับออกมา
เช้าวันต่อมาดามินก็เข้ามาหาไนเรลพร้อมกับกล่องที่บรรจุแก่นพลังงานจำนวนมาก มีแก่นพลังงานระดับ 4 มากถึง 1007 ชิ้นและ แก่นพลังงานระดับ 5 อีก 4 ชิ้น
ไนเรลได้เห็นก็ตกใจ ดูเหมือนดามินจะใช้ทุกช่องทางในการหาแก่นพลังงานจำนวนมากขนาดนี้
เมื่อสอบถามก็รู้ว่าดามินใช้ข้อตกลงต่าง ๆ ซื้อแก่นพลังงานพวกนี้มาไม่ว่าจะเป็นกองทัพ รัฐบาลหรือกองกำลังอื่น ๆ
ถึงแก่นพลังงานระดับ 5 จะมีน้อยเพราะการฆ่าสัตว์ระดับ 5 ได้นั้นฆ่าได้ยาก แต่ก็ได้ระดับ 4 มาชดเชยแล้ว
ไนเรลกล่าวชมดามินไปเล็กน้อยและหยิบแก่นพลังงานออกมาอย่างสนใจ ดามินที่เห็นดังนั้นก็รู้ว่าตัวเองควรกลับได้แล้วจึงขอตัวกลับ ไนเรลก็พยักหน้าตอบจากนั้นก็ชายหนุ่มก็เก็บตัวเงียบไปอีกหลายวัน