Ep.772 - หลบภัยในเมืองหลวงมังกร
2/5
Ep.772 - หลบภัยในเมืองหลวงมังกร
ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงกับไป๋หลีได้ปรากฏตัวขึ้นในเขตลานจอดฮอลศึกของเมืองหลวงมังกร ทหารรักษาการณ์ของเมืองหลวง ตระหนักถึงการมาเยือนของทั้งสองคนทันที
แถมผู้มาเยือนทั้งสองยังมีสภาพน่าอนาถไม่น้อย
“โปรดแสดงตราประจำตัวของคุณ!”
ชายคนหนึ่งตะโกน ขณะเดียวกัน ปืนหลายสิบกระบอกก็เล็งมาทางฉินเฟิงกับไป๋หลี
“อย่าทำเขา! เขาเป็นพวกเรา!”
เสียงหนึ่งดังสะท้อนเข้ามา ฉินเฟิงกับไป๋หลีเงยหน้าขึ้น และพบว่าเป็นหนานกงเช่อกับคนอื่นๆ
เพื่อหลีกหนีจากสถานการณ์วุ่นวาย คนเหล่านี้เลยไม่คิดกลับไปยังดินแดนของพวกเขาในทันที แต่เลือกเข้ามาพักพิงในสถานที่ที่มีโอกาสปกป้องพวกเขาได้มากที่สุด มันคือสถานที่ที่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่าองค์กรมืด
เมืองหลวงมังกร!
และอีกอย่าง คนพวกนี้มาก่อนฉินเฟิงแค่ราวๆ 10 นาทีเท่านั้น
“นายพลฉิน ในที่สุดคุณก็กลับมา ฉันหลงนึกว่ามีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นแล้วซะอีก!” หนานกงเช่อกล่าวอย่างมีความสุข
“ดีใจจริงๆที่ไม่เป็นไร ดีใจจริงๆ!”
“ด้วยความแข็งแกร่งของนายพลฉิน จะเกิดเรื่องร้ายกับเขาได้อย่างไร? เขาคงไล่สังหารคนจากกองกำลังมืดอีกสองสามคน เลยกลับมาช้า!”
ทั้งห้าคนห้อมล้อมฉินเฟิงกับไป๋หลี กล่าวสนทนาอย่างอบอุ่น
ณ จุดนี้ เมื่อทหารรักษาการณ์เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็เกิดความลังเลเล็กน้อย แต่ยังไม่วางปืนลง
เพราะนี่คือความรับผิดชอบของพวกเขา
และฉินเฟิงก็ไม่คิดทำให้คนเหล่านั้นลำบากใจ ไป๋หลีหยิบตราผู้ใช้พลังออกมา ติดลงบนหน้าอกของเธอและเขา
ผู้บังคับหมู่กองทหารรักษาการณ์ใช้อุปกรณ์สื่อสารสแกน หลังสามารถระบุตัวตนทั้งสองคนได้ ท่าทีของเขาดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นนายพลฉินแห่งภูมิภาคเหนือ!”
“กับรองผู้การไป๋หลีแห่งรัฐทะเลเหนือ!”
“เก็บอาวุธ”
“พวกคุณผ่านได้”
เหล่าทหารรักษาการณ์เก็บปืน หนานกงเช่อเร่งถามทันที “นายพลฉิน สนใจไปทานอาหารเย็นด้วยกันไหม? ช่างเหมาะเจาะพอดี เมืองหลวงมังกรอยู่ตรงหน้า ทำไมวันนี้พวกเราไม่ไปผ่อนคลายกันสักหน่อยล่ะ ฉันมีอุตสาหกรรมเล็กๆน้อยๆ และที่พักอยู่ในเมืองหลวงพอดี!”
แน่นอน ว่าคนอื่นๆก็ต้องการเชื้อเชิญฉินเฟิงเช่นกัน แต่ด้วยความแข็งแกร่งและสถานะของพวกเขา มันไม่ดีเท่าของหนานกงเช่อ ดังนั้นจึงทำได้เพียงปล่อยให้หนานกงเช่อก้าวไปข้างหน้า
ทว่าตอนนี้ฉินเฟิงยังรู้สึกไม่สบายใจ แต่แม้ผ่านไปสองสามนาทีแล้ว เหอเทียนสิงก็ยังไม่ปรากฏตัว ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะหวาดกลัวเมืองหลวงมังกรจริงๆ
ผลลัพธ์นี้ช่วยให้เส้นประสาทที่ตึงเครียดของฉินเฟิงค่อยคลายลง
ฉินเฟิงขบคิดสักครู่ ก่อนกล่าว “งั้นผมคงต้องรบกวนนายพลเช่อแล้ว!”
หนานกงเช่อแสดงออกชัดว่าพอใจมากกับคำตอบ เร่งกล่าวว่า “รบกวนอะไรกัน? พวกเราต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ เป็นฉันด้วยซ้ำที่ถูกรัศมีของคุณบดบัง!”
พวกเขาทุกคนสามารถบอกได้ว่า ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในปัจจุบัน มันเทียบได้กับเลเวล A และอนาคตของฉินเฟิงไร้ที่สิ้นสุด!
เลยเป็นธรรมดาที่หนานกงเช่อต้องการจะผูกไมตรีกับฉินเฟิง
หลังรับปากกับหนานกงเช่อ ฉินเฟิงก็เรียกยานรบของเขาออกมา ขับตามรถล่องเวหาของหนานกงเช่อเข้าสู่เมืองหลวงมังกร
หลังต่อสู้มาเป็นเวลาสามวัน ทั้งเขาและเธอต่างหมดแรง พอเปิดโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ ทั้งคู่ก็ทิ้งทั้งตัวลงบนเบาะนุ่มๆ ถอนหายใจโล่งอก
ไป๋หลีกล่าวว่า “มันจะไม่เป็นไรหรอ? พวกเราไม่ปกปิดตัวตนเท่าที่ควร แบบี้ในภายหลัง ถ้าเหอเทียนสิงรู้ว่าพวกเราเป็นใคร เขาคงไปแก้แค้นที่รัฐทะเลเหนือ!”
ฉินเฟิงขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายบิดขี้เกียจแล้วปลอบเธอไปว่า “วางใจเถอะ ตอนนี้แซดยังไม่จากไป ยังสามารถใช้เขาเป็นไม้กันหมาได้ ส่วนถ้าเหอเทียนสิงส่งคนอื่นๆมาแก้แค้น นั่นเท่ากับการส่งเนื้อหวานฉ่ำมาเคาะถึงหน้าประตู พวกเราพักผ่อนในเมืองหลวงมังกรอย่างน้อยสักวันเถอะ แล้วค่อยกลับไป”
“ตกลง เอาตามที่คุณว่าเลย”
ฉินเฟิงขบคิดอีกสักพัก สุดท้ายคิ้วที่ขมวดมุ่นก็ค่อยๆคลายลง
“ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เหอเทียนสิงคิดแก้แค้น ฉันเกรงว่าเขาคงต้องใช้เวลาสักพัก เขาได้รับบาดเจ็บจากหุ่นเชิดเลเวล S พวกเราทั้งคู่ได้เห็นมากับตา”
“ก็จริง แต่นั่นไม่ใช่อาการบาดเจ็บร้ายแรง ถ้าอิงตามพื้นฐานมนุษย์ของพวกคุณ ใช้เวลาแค่เดือนกว่าๆอาการก็น่าจะดีขึ้น” ไป๋หลีกล่าว
ฉินเฟิงพยักหน้า “ถ้าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจริงๆ เขาต้องไล่ตามมาสิ! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอปล้นดาบของเขา เหอเทียนสิงย่อมผูกพยาบาท ไล่ล่าฉันแน่นอน เพราะนั่นเป็นดาบเทวะเลเวล S มันคือไพ่ตายในมือเขา อีกอย่างประตูตัวเชื่อมมิติของเมืองหลวงมังกรก็อยู่ข้างนอก ทิ้งระยะห่างจากเมืองหลวงพอสมควร ด้วยศักดิ์ศรีของเลเวล S เขาจะยอมปล่อยมันไปได้อย่างไร?”
“เขาไม่กล้ามาหรอก ฮึ! ถ้าเขามา ฉันจะทุบตีเขาจนตาย!” ไป๋หลีตะคอกเย็นชา น้ำเสียงแสดงออกชัดถึงความทรนง
ฉินเฟิงหัวเราะออกมา พยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสินะ เพราะจิ้งจอกน้อยของฉันเก่งที่สุด!”
บรรยากาศผ่อนคลายลงมาก แต่หนทางยังอีกยาวไกลก่อนจะถึงเมืองหลวงมังกร ในเมื่อตั้งระบบให้ขับตามรถของหนานกงเช่อไว้แล้ว และทั้งสองก็จมอยู่บนเบาะนุ่มนิ่มสะดวกสบาย จึงบังเกิดความง่วงเหงา
ไป๋หลีผล็อยหลับไปจริงๆ ส่วนฉินเฟิงเพียงหลับตา แต่สมองยังคงไม่หยุดนิ่ง
‘ดูเหมือนว่าหุ่นเชิดเลเวล S จะทรงพลังจริงๆ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่มันถูกทำลายลงแบบนั้น’
ฉินเฟิงขบคิดว่า ตนไม่สามารถทำให้การต่อสู้จบลงได้ แถมยังเสียไพ่ตายในมือไปอีก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหุ่นเชิดตัวนั้นไม่ได้ถูกนำออกมาใช้บ่อยๆอยู่แล้ว ดังนั้นแค่สามารถใช้มันในช่วงเวลาสำคัญและรอดชีวิตมาได้ ต่อให้สูญเสียไปก็ถือว่าคุ้มค่า!
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟิงยังได้รับดาบของเหอเทียนสิงมา
ดาบเล่มนี้ ไม่ด้อยไปกว่าหุ่นเชิดเลเวล S เลย
‘ดาบเล่มนี้คงกลายเป็นต้นเหตุของความเกลียดชังระหว่างฉันกับเหอเทียนสิง แต่ในเมื่อเหอเทียนสิงคิดฆ่าฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะทำให้เขาได้รู้ซึ้ง ว่าฉันไม่ใช่คนที่ง่ายจะตอแย ดาบจะไม่มีวันถูกแลกเปลี่ยนกลับสู่มือเจ้าของแน่นอน แต่ฉันจะใช้รูบิควิเศษหลอมมัน!’
อาวุธเทวะชิ้นนี้ ย่อมมีการผูกจิตวิญญาณกับเจ้าของแล้ว นี่เองเป็นสาเหตุที่ต่อให้เหอเทียนสิงโกรธ แต่เขาไม่ถึงกับกังวลมากจนเกินไป
ในมุมมองของเหอเทียนสิง ต่อให้ตอนนี้จะสูญเสียการเชื่อมต่อกับดาบ แต่ตราบใดที่มีคนใช้มัน หรือนำออกมาในที่แจ้ง เขาจะสามารถรู้ได้ทันที จากนั้นฉีกมิติแล้วเรียกมันกลับมา
แต่ฉินเฟิงถูกทำลายหุ่นเชิดเลเวล S ไปแล้ว ดังนั้นไม่ต้องการให้ตนเป็นฝ่ายเดียวที่สูญเสีย
‘งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ฉันจะกระจายข่าวออกไป เพื่อหาว่ามีใครสนใจซื้ออาวุธเทวะชิ้นนี้ไหม ส่วนปัญหาเรื่องผูกจิตระหว่างอาวุธกับเจ้าของ ก็แก้ไขด้วยรูบิควิเศษ!’
ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉินเฟิงก็ยิ่งรู้สึกว่าวิธีนี้มีโอกาสเป็นไปได้
ต่อให้ไม่มีใครซื้อได้ ฉินเฟิงก็ยังสามารถติดต่อกับพันธมิตรมนุษย์ในเมืองหลวงมังกร ทำการขอแลกเปลี่ยนสมบัติได้ แม้ของแลกเปลี่ยนจะด้อยค่ากว่าการดำรงอยู่ของสมบัติชิ้นนี้ก็ตาม แต่ตราบใดที่สิ่งนั้นฉินเฟิงสามารถใช้งานได้ ก็ถือว่าคุ้มค่า
สมบัติที่อยู่ในคลังของเมืองหลวงมังกร ฉินเฟิงไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!
ระหว่างจมอยู่กับความคิด ยานรบของเขาได้เข้ามาถึงในเมืองแล้ว หนานกงเป็นตระกูลที่ครอบครองดินแดนทางใต้ มีแม้กระทั่งการดำรงอยู่ของเลเวล S คอยปกป้อง ดังนั้นอุตสาหกรรมหรือบ้านพักอาศัยในเมืองหลวงมังกรของพวกเขา ย่อมไม่ใช่อะไรที่เรียบง่ายอย่างแน่นอน
รถศึกล่องเวหาวิ่งไปตามถนน มุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นเก้าของเมืองหลวงมังกรโดยตรง!
ที่นี่เกือบจะเป็นจุดเฉียดเมฆ เปี่ยมล้นไปด้วยพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ตลอดทั้งปี หรือเป็นเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่ หลังสามารถปลุกพลัง พวกเขาจะกลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้หรือผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ทรงพลังอย่างแน่นอน
ในที่สุด รถก็แล่นเข้าสู่คฤหาสน์หลังหนึ่ง ชั้นเก้าของเมืองหลวงมังกรมีพื้นที่กว้างขวาง แต่ประชากรเบาบาง หากไม่รู้ว่ามาก่อนว่าที่นี่คือชั้นเก้าของเมืองหลวงมังกร คนที่เคยมาเห็นกับตาครั้งแรกคงคิดว่าที่นี่คือสรวงสวรรค์
พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดออกไป และพบกับผู้ใช้พลังเลเวล A ถึงสี่คน แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตามมา ดูเหมือนว่าที่นี่ จะไม่ใช่ที่สำหรับให้ทุกคนสามารถเดินเหินตามต้องการได้
“นายพลฉิน พวกเรามาถึงแล้ว”
ไป๋หลีสะดุ้งตื่น อ้าปากหาว ขยี้ตาและลงจากรถ