Chapter 23: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลย - 4 (ส่วนที่ 1)
**
ฉันหยิบเป้จากพาลาดินที่โยนมาทางฉัน
กระเป๋าหนังใบใหญ่เต็มไปด้วยอาหารและน้ำ รวมทั้งยังมีถุงนอนและพลั่ว อีกทั้งยังมีหน้ากากที่หน้าตาดูแปลกประหลาดและมีชุดที่เหมือนเป็นชุดทางการแพทย์ด้วย
นี่มัน….น่าจะเป็นอุปกรณ์ทั่วไปของทหาร ซึ่งมันขาดปืนไปอย่างหนึ่ง
ฉันเหลือบไปมองทางอื่น
นี่มันเป็นวันที่หนาวเสียจริง
‘ปราสาทแห่งการเสียสละ’ โรเนียค่อยๆจะจมไปกับหิมะสีขาวและนักโทษต่างยุ่งกับการขุดหิมะ ฉันมองเห็นทหารต่างยุ่งกับการบ่นและพูดออกมา ในขณะที่วิ่งจ๊อกกิ่งกันไปเป็นกลุ่ม
ไม่ห่างไกลออกไปสักเท่าไหร่ ฉันเห็นกลุ่มนักโทษต่างได้รับอุปกรณ์กัน รวมทั้งหอกด้วย ในเวลาเดียวกันพวกเขาต่างกำลังถูกฝังกฏเข้าไปในหัวของพวกเขา
..ไม่ต้องสงสัยเลย มันคือกองทัพที่แปลกประหลาดมาก
ถูกแล้ว มันเป็นฐานกองทัพอย่างแท้จริง แม่งเอ้ย ทำไมฉันถึงคิดไปค่ายทหารนนซานกัน?! (ค่ายทหารที่พระเอกเคยฝึกตอนอยู่ที่เกาหลี)
แม่งเอ้ย! โอ้ เทพีไกอา ทำไมเธอถึงโยนให้ฉันมาจมสู่ความทรมานเช่นนี้กัน? ฉันพึ่งจะหลุดออกมาจากชะตาชีวิตที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก เพื่อมาทำงานหนักแบบนี้ในชีวิตที่สองนี่นะ? และเธอยังโยนฉันให้เข้ามาในกองทัพอีกครั้งเนี่ยนะ? เธอแค้นฉันอะไรหรือเปล่าเนี่ย เจ้าเทพีขี้งก!
“แม่งเอ้ย ถ้าเธอทำให้ฉันตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เพราะฉันด่าเธอไปรอบหนึ่ง ถ้างั้นฉันจะด่าเธอไปตลอดทั้งชีวิตเลย”
แน่นอนว่าฉันทำได้เพียงแต่พูดออกมาในหัว
ถ้าเทพีมีจริงและได้ยินเสียงที่ฉันบ่นออกไป มันคงจะเกิดเรื่องที่เลวร้ายขึ้นกว่านี้ก็ได้
เหมือนกับนักเวทย์ที่จำเป็นต้องร่ายเวทย์ นักบวชจำเป็นต้องอวยพรหรือไม่ก็ภาวนาต่อเทพที่ตนเชื่อถือ เมื่อทำแบบนั้นแล้วพวกเขาจะสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้แล้ว คุณก็บอกได้เลยว่ามันมีเทพเจ้าอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ
“มันเป็นของคุณครับ ได้โปรดสวมชุมเหล่านี้และไปเข้าร่วมกับนักบวชคนอื่นด้วยครับ ฝ่าบาท”
ฉันรู้สึกเซงกับคำพูดของพาลาดิน
แน่นอนละอำนาจและฐานะของฉันอาจจะถูกเอาไป แต่เขายังกล้าที่จะโยนถุงผ้าใส่เจ้าชายอีกงั้นเหรอ?
ไอ้บ้านี่มันอะไรกันเนี่ย?!
ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นรองกัปตันที่มีชื่อเสียงอยู่ระดับหนึ่งของกองกำลังพาลาดินจากจักรวรรดิ
ฉันไม่มั่นใจถึงความแตกต่างระหว่างโลกนี้กับกองกำลังจากประเทศเกาหลี แต่เขาคนนี้คงไม่ได้สูงไปกว่านาโวโทที่หวาดกลัว หรืออาจะเป็นพันเอก ยังไงก็ตาม เมื่อเห็นเขาจ้องมาที่ฉัน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเจ้าหน้าที่ยังไงยังงั้น
“หน้าที่ของท่านเริ่มตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงเก้าโมง ก่อสร้างปราสาท คอยดูแลสุสานและชำระล้างศพ รวมทั้ง....”
สายตาของฉันที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจถูกเมินเฉยไปโดยเขา เมื่อเขาพูดถึงกำหนดการของฉัน เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
มันมีคนแบบนี้อยู่ในงานทุกประเภทเลยสินะ
มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณเป็นลูกของใคร คุณก็ต้องทำงานอยู่ดี
......คุณสามารถที่จะพบกับคนที่มีแนวคิดแบบนี้ได้ทั่วทุกแห่ง
ใครบางคนที่ไม่ได้สนใจว่าคุณจะมีหน้าตาดีมากเท่าใด หรือจะมีอำนาจมากพอที่จะทำให้พวกเขาเลื่อนตำแหน่งได้ก็ตาม พวกเขาก็จะสนใจเพียงแค่ความเชื่อของพวกเขาเองเท่านั้น!
พระเจ้า ฉันที่มีคนที่ทรงอำนาจอยู่เบื้องหลัง แต่กลับต้องมาเผชิญชีวิตในกองทัพเนี่ยนะ?
นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย? เฮ้ จักรวรรดิ? ทำไมพวกเจ้าไม่คอรัปชั่นกันให้มากกว่านี้ ได้โปรด ทำการปฏิวัติกันสักหน่อยเถอะ!
“เฮ้อ ช่างมันเถอะ”
ฉันถอนหายใจยาวออกมาและหยิบถุงไป
แต่ว่านะ....หื้ม?
ฉันหันไปมองที่ที่ไกลออกไป ใจกลางเมืองโรเนีย ด้วยเหตุผลบางอย่างแล้ว ฉันสามารถที่จะรู้สึกได้กลิ่นเหม็นเน่าออกมาจากที่แห่งนั้น
“....มันมีอันเดทอยู่ในเมืองด้วยงั้นเหรอ?”
การพึมพำเงียบๆของฉันมันทำให้พาลาดินหันหัวมา “ท่านหมายความว่าอะไรครับ ฝ่าบาท?”
“ถึงมันจะเจือจางก็เถอะ แต่มันยังเหม็นเน่าอยู่ดี และ….”
ทันใดนั้นเอง ขบวนรถก็ออกมาจากในเมือง และมันเต็มไปด้วยกองศพ
“....”
ฉันจ้องไปที่ศพอย่างพูดไม่ออกและทำสัญญาณให้พาลาดินพูดก่อน “ในทุกครั้งทุกครา มันจะมีผู้คนที่ตายเพราะไม่สามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นเพราะการฝึกฝนที่หนักหน่วงหรือจะเป็นการทำงานเกินกำลังครับ ฝ่าบาท”
ฉันได้ยินมาว่า ในความเป็นจริงแล้ว มันมีจำนวนคนที่ตายจากการทำงานหนักเกินกำลังมากกว่าตายจากคลื่นแห่งความตาย ถึง 2เท่า
มันเป็นแหล่งรวมนักโทษที่ไม่มีสิทธิมนุษยชน ซึ่งที่แห่งนั้นก็คือโรเนีย มันเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการจัดการกับพวกก่อปัญหา
“ยังไงก็ตาม ฉันก็บ่นไม่ได้หรอกถึงบรรยากาศของมัน อืมม หวังว่าในเมืองจะไม่มีซอมบี้ตัวอยู่นะ” ฉันพูด
พาลาดินพยักหน้าอย่างมั่นใจให้กับฉัน “เรื่องแบบนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นครับ ได้โปรดวางใจได้เลย มันอาจจะเป็นเพราะมีนักโทษตายจากการทำงานเกินกำลัง แต่พวกเขายังคงได้รับการทำพิธีศพอย่างดีอยู่ครับ”
ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย
ฉันยังรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่สบายใจจากใจกลางเมือง แต่มันเจือจางมาก มันอาจจะเป็นเพราะบรรยากาศหรืออะไรอย่างอื่นก็เป็นได้
“ทำไมเจ้าถึงไม่เพิ่มคนไปดูแลความเรียบร้อยของเมืองกันละ? ฉันถาม
“....
“คนที่ดูแลความเรียบร้อยของเมือง?” พาลาดินเอียงคอ เขาดูท่าทางมึนงง ก่อนที่จะพยักหน้าครับ “เข้าใจแล้วครับ มันมีช่วงเวลาที่ศพจะไม่ได้รับการชำระล้างและจะถูกปล่อยเน่าไว้ ถ้ามันมีบางส่วนของมันเปลี่ยนไปเป็นซอมบี้ มันอาจจะแพร่ความไม่สบายใจให้กับประชาชนในเมืองได้”
โอ้ ฉันก็นึกไปว่าเจ้ามันเป็นพวกโง่ แต่พวกเจ้ายังคงรับฟังความคิดเห็นจากคนอื่นอยู่สินะ
“ถ้าท่านไม่มีคำถามอื่นอีกแล้ว ได้โปรดไปทำงานด้วยครับ ฝ่าบาท”
ทันทีที่ฉันชมเขา มันกลับทำให้ฉันแทบอยากจะเอาคำชมนั้นคืนมาเลย
เอาเถอะ ฉันควรทำสิ่งที่ฉันโดนบอกให้ทำ อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องไปทำงานที่หนักมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่ฉันเป็นนักบวช รวมทั้งหลานของจักรพรรดิ หน้าที่ของฉันคงจะน้อยกว่าคนอื่น
หลังจากที่เปิดถุงหนังออก ฉันหยิบหน้ากากและเสื้อโค้ทออกมา มันน่าตลกที่ฉันจำหน้ากากได้ในทันที “เฮ้ มันเป็นหน้ากากนกนี่”
พร้อมกับลายอักษรสีขาว มันมีรูสองข้างตรงตาและมีจงอยนก – มันเป็นหน้ากากที่มีอยู่จริงบนโลก ในช่วงยุคกลางและมันยังเป็นไอเทมที่เห็นในเกมแฟนตาซีได้บ่อยครั้งอีกด้วย
ฉันได้ยินมาว่าคนในยุคมืดต่างเชื่อว่าพวกเขาจะไม่ติดกาฬโรค ตราบเท่าที่สวมหน้ากากนี้ แน่นอนว่าพวกเขาส่วนใหญ่ยังคงโดนอยู่ดี ตั้งแต่ที่การติดมันไม่ได้มาจากหน้ากาก
ในขณะที่ฉันมองไปที่หน้ากาก ฉันรู้สีกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นโรคไหนก็ตาม ความคิดของคนก็ยังคงปฏิบัติกันในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน
ไม่ใช่ว่ามันน่าจะมีอุปกรณ์ที่ดีกว่า แทนที่จะใช้ของเล่นแบบนี้งั้นเหรอ? “เฮ้ เจ้าสิ่งนี้มันมีความสามารถพิเศษอะไรอีกไหม?
“มันบรรจุไปด้วยเวทย์ชำระล้างครับ รวมทั้งหินถ่ายและทราย รวมกับของอย่างอื่น มันสามารถที่จะชำระล้างพิษได้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพิษส่วนนั้นจะเป็นพิษที่ถูกปล่อยออกมาโดยอันเดท หรือยังคอยป้องกันโรคระบาดจากการติดเชื้อได้อีกครับ ฝ่าบาท”
หื้อ ดังนั้นมันเป็นหน้ากากกันแก๊สของโลกใบนี้งั้นสินะ?
แน่นอนว่าการปฏิบัติกับนักบวชมันอยู่เหนือการพวกเหล่านักโทษเหล่านั้น แม้แต่อุปกรณ์ของพวกเราก็ยังได้รับการดูแลด้วยเช่นกัน
ฉันหยิบหน้ากากและผ้าคลุมหนังออกมา หลังจากที่มองไปรอบๆ ฉันก็เห็นนักบวชคนอื่นผ่านหน้ากากที่มีมุมมองที่แคบของฉัน
ทุกคนต่างสวมชุดแบบเดียวกัน
ฉันอดที่จะนึกถึงกองทัพขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ ถ้าคุณยืนอยู่ในแถว ในขณะที่ผมของคุณถูกตัดเกรียนไปแล้ว คุณก็ไม่สามารถที่จะแยกออกได้เลยว่าใครเป็นใคร และมันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกันกับที่ฉันรู้สึกตอนนี้
“ได้โปรดไปทำงานประเภทเดียวกันกับสหายของท่านด้วย ฝ่าบาท” พาลาดินพูด
“หน้าที่เดียวกัน?”
พาลาดินพยักหน้า “ปัจจุบัน พวกเรามีคนตายไปหลายคนแล้ว จากการติดโรคระบาด รวมทั้งการทำงานหนักเกินกำลัง”
อะไรนะ? มีคนตายจากการทำงานหนักเกินกำลัง?
ฉันถอนหายใจยาวออกมา
พาลาดินที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้หันหลังเตรียมที่จะเดินจากไป หลังจากที่ออกคำสั่งกับพวกนักโทษ ขอบคุณมากที่เขาไม่ได้คอยจับตาดูฉันตลอด 24 ชั่วโมง
นี่คือวิธีที่เขาแสดงความเห็นใจให้กับฉันงั้นเหรอ? ฉันอดสงสัยออกมาไม่ได้
ฉันยังคงมองไปรอบๆและเห็นชาวบ้านที่หน้าตาคุ้นเคย มันมีคนจำนวนมากที่รวมตัวกันที่นี่ และมันยังมีคนที่อพยพมาจากหมู่บ้านอื่น นอกจากคนที่มาจากโบสถ์ของฉันอีกด้วย
มันคงมีคนหลายพันคนที่ถูกจัดให้ทำหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป ไม่เหมือนกับพวกเหล่านักโทษ ชาวบ้านเหล่านี้ต่างเป็นคนที่ปฏิบัติตามกฏของจักรวรรดิ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการแบ่งปันชุดกันหนาวดีๆ