ตอนที่ 7 หนูหิว
ตอนที่ 7 หนูหิว
“กลับไปที่รอยัลออร์คิดวิลล่า!”
"ครับผม"
รอยัลออร์คิดวิลล่าเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนทำเลทอง และเป็นบ้านพักตากอากาศที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นที่บ้านพักส่วนตัวของฮัวซุ่ยเฉิง และเขาไม่เคยพาใครกลับมาที่นี่เลย
จากนั้นครึ่งชั่วโมงต่อมารถยนต์คันหรูได้มาจอดที่บริเวณประตูของรอยัลออร์คิดวิลล่า
เมื่อลงจากรถแล้ว ฮัวซุ่ยเฉิงได้พาบุตรสาวของตนเองเข้าไปในอาคารด้วยการโอบร่างของเด็กทารกน้อยเอาไว้ด้วยมือเดียว
ขณะที่พนักงานต้อนรับรีบเปิดประตูให้เขาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับกดปุ่มลิฟต์และยืนรอให้ลิฟต์มาถึง ขณะที่เธอเห็นเด็กทารกที่ฮัวซุ่ยเฉิงกำลังอุ้มอยู่ในอ้อมแขน
เด็กคนนี้น่ารักมาก!
เด็กทารกคนนี้มีผิวขาวเนียนใส และมีดวงตาสีเข้มที่มีประกายสว่างไสวอยู่บนใบหน้าอวบอ้วนจนใคร ๆ ก็อยากจะหยิก เเต่ภาพนี้ทำให้เธอมีอาการสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ
เธอเป็นพนักงานที่ทำงานให้กับคุณฮัวมานาน และทุกครั้งที่คุณฮัวกลับมาที่รอยัลออร์คิดวิลล่าเขาจะได้รับการดูแลจากเธอ ซึ่งแน่นอนว่าเธอจะได้ใกล้ชิดกับเขาทุกสัปดาห์
ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยเห็นว่ามีผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้ตัวคุณฮัวกำลังตั้งครรภ์
นอกจากนี้เธอยังไม่เคยเห็นคุณฮัวพาใครกลับมาที่นี่เช่นกัน
แล้ว… เด็กคนนี้เป็นอะไรกับคุณฮัว?
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเด็กทารกคนนี้ถูกห่อด้วยเสื้อผ้าของคุณฮัว ซึ่งเธอไม่เคยเห็นคุณฮัวปฏิบัติเช่นนี้กับเด็กคนไหนมาก่อนเลย ทำให้ในตอนที่เธอกำลังครุ่นคิดว่าทารกคนนี้เป็นลูกของใคร? แต่ทันใดนั้นลิฟต์ก็มาถึงพอดี
เมื่อเธอกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด เขายื่นมือออกไปเพื่อกดปุ่มปิดประตูลิฟต์แล้วโบกมือให้หญิงสาวออกไปจากตรงนั้น เธอจึงโค้งคำนับและเดินออกไปอย่างเชื่อฟัง
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในห้อง ฮัวซุยเฉิงเดินผ่านห้องนั่งเล่นโดยอุ้มเด็กทารกน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนใหญ่ของตนเองสักพักก่อนจะหันไปทางห้องนอนอีกห้องและวางร่างอันบอบบางของฮัวลี่ลี่ลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา
ขณะนี้ฮัวลี่ลี่เฝ้ามองดูบิดาวางร่างของตนลงบนเตียงอย่างอ่อนโยนและเขาเดินออกไปจากห้อง มันทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวังเพราะคิดว่าเขาคงไม่ปรารถนาที่จะดูแลตนเอง เด็กน้อยจึงยื่นมือออกไปราวกับว่าต้องการจะเรียกให้บิดากลับมา
คุณฮัว!
คุณฮัว!
คุณฮัว!
พ่อ!
อย่าเพิ่งไป!
อย่าทิ้งหนูไว้ที่นี่คนเดียว!
นี่เราเป็นตัวปัญหาสำหรับเขาเหรอ? เขาถึงทิ้งเด็กทารกน้อยไว้ที่นี่เพียงลำพัง…
แต่ตอนนี้ฉันอึดอัดมาก.. ใครก็ได้ช่วยเอาชุดที่พันรอบตัวฉันออกไปที!
จากนั้นเธอเหยียดขาตรงและพยายามผลักดันชุดที่คลุมตัวเองออก
แต่เหตุผลที่ฮัวซุยเฉิงนำเสื้อสูทมาห่อร่างเธอเอาไว้นั้นก็เป็นเพราะเขารู้สึกเป็นห่วงเด็กทารกน้อยจากใจจริง เนื่องจากเขากลัวว่าบุตรสาวตัวน้อยของตนเองจะป่วยเพราะโดนลมแรง เขาจึงใช้มันห่อหุ้มร่างเธอไว้และใช้แขนเสื้อผูกปมอย่างแน่นหนา
เมื่อฮัวลี่ลี่พยายามขยับน่องอย่างรุนแรงแต่เธอก็ไม่สามารถถอดชุดที่คลุมร่างของตนเองได้ ทำให้ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้และนอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยอาการเหนื่อยหอบ
ขณะที่รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากและรู้สึกว่าชุดที่คลุมตัวเธออยู่นั้นช่างเหมือนกับชุดประดาน้ำ ซึ่งมันทำให้เธอดูเหมือนปลาเค็มที่ไม่สามารถพลิกตัวกลับได้
เด็กคนอื่น ๆ คงจะได้รับความอบอุ่นและความเอาใจใส่จากบิดามารดาในขณะที่เธอรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีใครอยู่เคียงข้างเลย
หิวอะ!
...ทำไมถึงหิวมากอย่างนี้นะ! ฮัวลี่ลี่นึกสงสัยขณะที่ยกมือขึ้นมาแตะท้องที่กำลังส่งเสียงร้องดังขึ้น!
ระยะทางจากโรงพยาบาลไปยังชานเมืองแล้วกลับมาที่นี่ถึงแม้จะผ่านไปเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงแต่เธอกลับหิวมากและจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองไม่รู้สึกหิวเลย แต่ทำไมตอนนี้เธอจึงหิวจนไส้แทบจะขาด!
นอกจากนี้ความคิดที่ว่ามีแต่ฮัวซุยเฉิงเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่นี้ มันยิ่งทำให้ฮัวลี่ลี่เกิดอาการสิ้นหวังขณะที่หลับตาลง
เนื่องจากคิดว่าผู้ชายที่ไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนอาจจะไม่รู้ถึงวิธีการให้นมเด็กทารกอย่างเธอ ซึ่งแน่นอนว่าเขาคงไม่ทราบว่าจะต้องป้อนนมเธอทุก ๆ สองชั่วโมง
จากนั้นฮัวลี่ลี่จึงพยายามรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อยกศีรษะตนเองขึ้น และใช้มือที่สั่นเทาผลักดันที่นอนเพื่อพลิกตัว แต่กลับทำไม่สำเร็จ…
ตอนนี้การช่วยชีวิตคนร้ายคงไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะเธอกำลังจะอดตายแล้ว...
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการใช้ทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์ เพราะวิญญาณที่แข็งแกร่งกำลังถูกกักขังอยู่ในร่างของทารกน้อยผู้อ่อนแอและกำลังถูกทอดทิ้งให้หิวตายในที่สุด
ไม่มีทาง! เธอจะไม่มีวันปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน และเพื่อไม่ให้อดตายเธอจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อความอยู่รอด
เราต้องหาทางช่วยตัวเองไม่ให้หิวตาย!
เธอมองไปรอบ ๆ และพบว่าในห้องนี้มีหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน โต๊ะทำงาน เตียงที่มีขนาดใหญ่และตู้เสื้อผ้า โดยเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดนี้มีความสะอาดสะอ้านและไม่มีร่องรอยการใช้งานเลย ทว่าตอนนี้ประตูถูกแง้มเอาไว้ทำให้สามารถได้ยินเสียงจากภายนอกที่ดังเข้ามาอย่างชัดเจน
และเพื่อไม่ให้อดตายฮัวลี่ลี่จึงใช้พลังเฮือกสุดท้ายของตนเองร้องไห้ออกมาให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่บริเวณนอกห้องแม้แต่น้อย
มันจึงทำให้เธอรู้สึกหมดหวัง!
ฮัวซุ่ยเฉิงจะไม่ทิ้งเธอไว้ที่นี่เพียงลำพังใช่มั้ย?
ฮัวลี่ลี่หดตัวอยู่บนเตียงอย่างเศร้าใจพลางจ้องมองไปยังเพดานด้วยความหวัง และไม่มีแรงที่จะร้องไห้อีกต่อไป ขณะที่ในสายตาของเธอมองเห็นทุกอย่างภายในห้องเป็นอาหาร และแม้แต่มือของเธอเองยังดูคล้ายกับขาหมู ทำให้เธออยากจะกัดกินมันเสียเหลือเกิน
เมื่อมองไปยังมือน้อยอันอวบอ้วนของตนเองแล้ว ฮัวลี่ลี่ก็เริ่มน้ำลายไหลและย้อยหยดลงมา เธอจึงเอานิ้วหัวแม่มือยัดเข้าไปในปากของตนเองแล้วร้องออกมาอย่างพึงพอใจ
คนที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่โตและเพียบพร้อมขนาดนี้จะปล่อยให้เธออดตายจริง ๆ เหรอ?
ขณะที่ฮัวลี่ลี่รู้สึกสิ้นหวัง ทันใดนั้นประตูได้ถูกผลักให้เปิดกว้างออก เธอจึงเหลือบมองไปยังบริเวณดังกล่าวด้วยความประหลาดใจและเห็นว่าฮัวซุ่ยเฉิงกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับถือขวดนมอยู่ในมือ
เขาเดินมาทางฮัวลี่ลี่ที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตาอ้อนวอน จากนั้นฮัวซุ่ยเฉิงยัดขวดนมเข้าไปในปากของเธอด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยและไร้อารมณ์ทำให้ไม่สามารถตรวจจับความรู้สึกของเขาได้ในขณะนั้น
‘ที่... ดื่มอยู่นี่คือนมผงใช่หรือเปล่า?’
“???” เพราะเราเป็นเด็กทารกใช่มั๊ยถึงต้องดื่มนมผง?
พ่อ!
หนูเป็นลูกสาวของพ่อนะ!
หนูเป็นสายเลือดของพ่อนะ!
เลือดข้นกว่าน้ำนะพ่อ!!
พ่อจะทำแบบนี้กับหนูไม่ได้!
จะให้หนูดื่มนมผงกับน้ำต้มสุกอย่างนั้นเหรอ?
หนูอยากกินของที่อร่อยกว่านี้ ???
*******