ตอนที่ 19: ไก่กังเปา
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
ด้วยพลังของเงินพวกเชฟก็ให้ความร่วมมือด้วยทันที.ไม่ว่าพวกเขาจะไม่เห็นด้วยแค่ไหน พวกเขาก็ปฏิเสธเงินไม่ได้.
ดังนั้นพวกเขาจึงเต็มใจที่จะแสดงฝีมือการทำอาหารให้ดู.
เตาในครัวเริ่มร้อนขึ้นพวกพ่อครัวก็พากันง่วนอยู่กับการทำอาหารจานพิเศษของตัวเอง. ผ่านไปแป๊บเดียวกลิ่นหอมก็โชยไปทั่วกลบกลิ่นของเต้าหู้เหม็นไปหมด. กลิ่นนั้นยั่วน้ำลายมาก.
พ่อครัวทุกคนค่อนข้างมีความสามารถอยู่ แต่ละคนก็ทำอาหารเก่งทั้งนั้น. พอชิมอาหารเสร็จแล้วชิยูก็พยักหน้า แล้วก็ชิมจานต่อไป. จากนั้นเธอก็ตั้งกฏขึ้นมาใหม่ ถ้าพ่อครัวคนไหนมีอาหารจานพิเศษของตัวเอง1เมนู พวกเขาจะได้เงิน10ตำลึงต่อเดือน ถ้าคนไหนมีจานพิเศษ2เมนู จะได้เงิน20ตำลึง แล้วก็เพิ่มเรื่อยๆ.
พวกพ่อครัวดีใจมากๆแต่ก็กังวลด้วยเช่นกันเลยหันไปปรึกษากัน “เดือนนี้รายได้เราน่าจะได้อย่างน้อยก็ เงิน100ตำลึงกว่าๆเธอจ่ายเราได้จริงๆหรอ? ธุรกิจมันจะรุ่งแบบนี้ไปตลอดรึไง?”
“ใครสนวะ? เราได้เงินก็พอแล้ว ถ้าเธอจ่ายเราไม่ไหวเราก็แค่ลาออกพอ”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนเห็นด้วย.
ชิยูเดาไว้แล้วว่าพวกเขากำลังคิดอะไรกัน. พวกเขาพยายามจะทำงานแบบไม่คุ้มค่าจ้าง! เพื่อให้พวกเขาทำงานอย่างสุดความสามารถเธอจึงตั้งกฏเพิ่มอีก ถ้าอาหารของพ่อครัวคนไหนถูกลูกค้าส่งกลับเกิน5ครั้งคนคนนั้นจะถูกไล่ออก. นี่ก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พวกเขาลักไก่.
พอพวกเขาลงชื่อในสัญญาเสร็จ ชิยูก็ตัดสินใจทำ “ไก่กังเปา” ให้พวกเขาดู. พวกเขาจะได้ยอมรับว่าเธอเป็นหัวหน้าพ่อครัวซักที.
“เสี่ยววู ดูให้ดีนะ” ชิยูเองก็ไม่ลืมที่จะสอนเสี่ยววูด้วย.เธออยากจะชี้ทางให้เขา. เสี่ยววูยังเด็กอยู่(เว้นซะแต่เขาจะเป็นร่างเกิดใหม่ของเหมาล่ะนะ*) เขาคงทำจานนี้ไม่ได้ในทันทีหรอก. ดังนั้นเธอจึงพยายามสอนเขาทุกครั้งที่มีโอกาส.
พวกพ่อครัวเองก็คอยดูอยู่ด้านหลัง. พอเห็นชิยูใช้อกไก่พวกเขาก็พากันส่ายหัวทันที.
ทุกๆคนรู้ดีว่านอกจากหัวไก่กับตูดไก่แล้ว ส่วนที่ไม่เป็นที่นิยมที่สุดก็คืออกของมัน. เนื้อส่วนนั้นมันลุ่ยและไม่ค่อยมีรสชาติเลย. ติดฟันก็ง่าย. ถ้าเทียบกับน่องและปีกแล้ว ส่วนนี้เป็นที่นิยมน้อยกว่ามากๆ.
ดังนั้นพอพวกเขาเห็นเธอใช้ส่วนนี้ ก็หมดความสนใจกันไปเลย. ตอนแรกพวกเขาก็คิดอยู่ว่าทำไมเธอถึงมั่นใจนักนึกว่าจะมีไพ่ตายซ่อนไว้ซะอีก. แต่พอเห็นการใช้วัตถุดิบแล้วก็ผิดหวังไปตามๆกัน.
“ให้ตายสิ พวกแกดูต่อไปเหอะ. ชั้นจะไปข้างนอกสูดอากาศซักหน่อย” เชฟ2คนเดินออกไปจากครัวส่วนพวกที่เหลือก็กำลังคิดอยู่ว่าจะตามไปหรืออยู่ดูต่อดี.
ชิยูวางอกไก่ลงบนเขียงแล้วใช้มีดทุบมัน.
พอเห็นแบบนั้นทุกๆคนก็หัวเราะ. พวกเขาไม่เข้าใจว่าชิยูพยายามจะทำอะไร. เธอพยายามจะทุบความอร่อยลงไปในเนื้อเหรอ?
พอเธอดูว่าอกไก่พร้อมหรือยังเสร็จแล้ว เธอก็หั่นมันเป็นลูกเต๋าเล็กๆ. จากนั้นก็เอาไปใส่ในชามก้นลึก. เธอใส่น้ำมันงา เกลือ แป้งและเหล้าจีนลงไป. จากนั้นก็ใส่พริกเผา พอคลุกกันดีแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ให้หมัก.
พวกพ่อครัวเห็นว่าวิธีนี้ดูแปลกใหม่ดีเลยเริ่มสนใจกันหน่อยๆ.
แม้ไก่หั่นเต๋าจะเป็นวัตถุดิบหลักอยู่แล้ว แต่วัตถุดิบหลักนั้นก็มีอยู่อีกอย่างนึง. นั่นก็คือถั่วลิสงธรรมดาๆที่เห็นกันได้ทั่วไป.
“เล่าเอ๋อ ถั่วลิสงที่เราแกะเปลือกไว้ล่ะ? เอามาให้พี่หน่อยสิ”
ทันใดนั้นถ้วยที่เต็มไปด้วยถั่วลิสงขาวๆก็มาถึงมือเธออย่างรวดเร็ว. ชิยูใส่น้ำมันลงไปกระทะแล้วรอให้มันร้อน จากนั้นก็เอาถั่วลงไปทอดซักพักพอสีเริ่มเหลืองขึ้นแล้วชิยูก็ตักมันออกมา.
“ไอ่หย๋า! รีบเอาถั่วออกไปรึป่าว มันยังไม่สุกเลยนะ!” มีเสียงคนคนหนึ่งดังออกมา. เขากำลังสงสัยว่าชิยูทำอาหารเป็นรึป่าว เธอจะเอาถั่วกึ่งสุกกึ่งดิบไปให้คนกินได้ยังไง.
ชิยูจ้องไปทางเขาแล้วเอาถ้วยถั่วไปวางไว้ด้านหน้า “ลองกินก่อนสิแล้วค่อยบ่น”
พ่อครัวคนนั้นกระอั่กกระอ่วมใจแต่ชิยูก็เป็นเจ้านายเธอ. เขาควรจะไว้หน้าเธอซักหน่อยเลยหยิบถั่วเข้าปาก.
“กรุ่บ” ทุกๆคนได้ยินเสียงกรุบของถั่วชัดเจนแล้วก็พากันตกใจ. พ่อครัวคนนั้นตาถ่างด้วยความตกใจ “ทำไม…..ทำไมมันถึงกรอบ?”
ชิยูยิ้ม “สงสัยล่ะสิว่าทำไมมันกรอบ? ตอนที่ชั้นตักมันออกจากกระทะมามันยังไม่สุกหรอก น่าจะนิ่มด้วยซ้ำ. แต่ถั่วพวกนี้มันมีขนาดเล็กและความร้อนก็ยังอยู่ด้านในด้วย มันจึงค่อยๆสุกอย่างช้าๆ. ถ้าพวกคุณรอให้ถั่วเปลี่ยนสีก่อนจะตักออกกระทะพอผ่านไปไม่นานมันก็จะเกรียม”
“อ๋ออย่างงี้เองหรอ” พวกพ่อครัวพยักหน้าแล้วหยิบอีกเม็ดมากิน.
ชิยูเอาถั่วพักไว้จากนั้นก็ไปหั่นหอมกับพริกแห้ง.เธอผสมน้ำส้มสายชู,น้ำตาลแล้วก็เหล้าจีนลงในถ้วยเล็กจากนั้นก็บีบน้ำขิงลงไปพร้อมกับเนื้อขิงหนึ่งช้อนโต๊ะ.
ไก่น่าจะหมักได้ที่แล้วตอนนี้. ชิยูจึงใส่น้ำมันลงไปในกระทะแล้วรอให้มันร้อนจากนั้นก็ใส่เนื้อไก่ลงไปผัด. เนื้อไก่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวจากนั้นเธอก็ใส่พริกแห้งกับหอมลงไป กลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมา.
พวกพ่อครัวถูกกลิ่นหอมยั่วจึงเข้ามาดูกระทะกัน. พวกเขาตกใจที่เนื้ออกไก่ “ลุ่ย” นั้นดูนุ่มและดูน่ากิน. พอชิยูใส่น้ำที่ผสมไว้ก่อนหน้าลงไปในกระทะ ไก่ก็ดูมีสีสันน่ากินขึ้นมา.
เธอเทไก่ลงไปในจานแล้วก็โรยถั่วลงไป. ไก่กังเปาพร้อมแล้ว!
ชิยูไม่ต้องเอ่ยปากเรียกเลย พวกพ่อครัวก็พากันหยิบตะเกียบแล้วกรูเข้ามากินอาหาร.
ทันทีที่พวกเขากินไก่เข้าไป ก็พากันมองตากันด้วยความประหลาดใจ.
รสชาตินี้…..มันใช่อกไก่แน่หรอ?
ไก่หั่นเต๋าที่นุ่มและชุ่มช่ำพอกินพร้อมกับถั่วแล้วความเผ็ดมันก็เบาลง. กินกับข้าวก็อร่อยมากๆ.
เสี่ยววูกับเสี่ยวฉีรอมาตั้งนานแล้ว แต่ตัวเล็กกว่าพวกผู้ใหญ่เลยเบียดเข้าไปไม่ได้. พอพวกผู้ใหญ่อึ้งกันอยู่จึงคว้าจานมาแทน. วุ่นวายกันไปหมดจริงๆ.
พอไก่ชิ้นสุดท้ายหายไปแล้วชิยูก็ยิ้ม “เป็นไงล่ะ? ดีพอจะเป็นอาหารจานพิเศษของร้านเรามั้ย?”
“แน่นอน!” พวกพ่อครัวเห็นด้วยกันหมด.
“จานนี้อร่อยมากๆ ชั้นมั่นใจว่าทั่วทั้งเมืองชิงฉานคงไม่เคยมีใครทำจานนี้ได้แน่!”
“ถ้าชั้นได้กินอาหารจานนี้ทุกวันล่ะก็ ชั้นยอมรับเงินเดือนน้อยลงก็ได้” พ่อครัวคนหนึ่งพูดขึ้นมา.
ชิยูสะบัดมือบอกให้พวกเขาเงียบๆกัน “ยอกันเก่งเลยนะ ชั้นมีอีกเหตุผลที่มาทำให้พวกนายดู. ใครที่ทำอาหารจานนี้ให้ออกมามีรสชาติคล้ายคลึงกับของชั้นได้ จะเพิ่มเงินเดือนให้เป็น 100ตำลึงเงิน”
*เหมาในประโยคนี้ก็มาจากเรื่อง หลิวเหมาซิงในตำนานแหละครับ คิดถึงอยากดูอีก.