ตอนที่ 8 ความงามที่มนุษย์สร้างขึ้น
ตอนที่ 8 ความงามที่มนุษย์สร้างขึ้น
อีกครั้งหนึ่งที่อิมพ์วางก้อนเนื้อไว้ในปากของมันอย่างระมัดระวังและเริ่มเคี้ยวมันในลักษณะเดียวกับที่มันเคยทำช่วงสองสามครั้งที่ผ่านมาหลังจากที่เขียน 'อักษร' ตัวหนึ่งเสร็จ ซึ่งอิมพ์พบว่ามันมีคำที่ใช้เสียงสั้นด้วยๆ และ 'อักษร' แต่ละตัวก็มักจะมีสองเวอร์ชันสำหรับตัวใหญ่และตัวเล็ก
ดูเหมือนว่าอิมพ์จะยังเขียนได้ไม่ถึงครึ่งของจำนวนอักษรที่มีทั้งหมดเลย เอวาลินคว้าหนังสือและยืนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้ของเธอ “เอาล่ะ ไปกันเถอะ ตอนนี้เราต้องเดินทางกันต่อแล้ว เอาไว้ตอนมืดเราค่อยมาเรียนกันต่อ ?” เอวาลินบอกอิมพ์ที่พยักหน้าช้าๆ
มันไม่เข้าใจจริงๆว่าเอวาลินพูดอะไร แต่มันรู้เพียงว่าเมื่อเธอพยายามถามคำถามมันส่วนใหญ่มักจะเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นมังจึงพยักหน้าและตอบว่า 'ใช่' แม้ว่าคำนี้จะใช้ไม่ได้เสมอไป แต่สี่ในห้าก็ล้วนแต่ใช้ได้ ! และนั่นก็ดีพอสำหรับอิมพ์แล้วจริงๆ
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม สำหรับตอนนี้อิมพ์ก็เริ่มติดตามทั้งสามไปอีกครั้งตามเส้นทางในป่าแห่งนี้ และในขณะที่มันกำลังเดินอยู๋นั้นอิมพ์ก็ตัดสินใจจ้องไปยังการแจ้งเตือนที่ปรากฏขึ้น เพราะข้างในการแจ้งเดือนนั้นเต็มไปด้วยอักษรมากมาย! ดูเหมือนว่าพวกมันทั้งหมดจะเป็นคล้ายกันและพวกมันก็อยู่ในบรรทัดเดียวกัน
อิมพ์ยังสังเกตเห็นว่าช่วงนี้ดูเหมือนจะไม่มีการแจ้งเตือนอื่น ๆปรากฏขึ้นมามากมายอีกแล้วไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ตาม มีไม่กี่ครั้งที่เด้งขึ้นมา แต่ก็น้อยครั้งเป็นอย่างมาก ! แน่นอนว่าอิมพ์มีความรู้สึกที่หลากหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้
ประการหนึ่งนี่หมายความว่ามันเกือบจะได้รับชัยชนะเหนือศัตรูที่เก่าแก่ที่สุดของมันตนนี้แล้ว แต่มันก็รู้สึกว่ากำลังพลาดสิ่งใหม่ๆที่พวกมันสามารถมอบให้เขาได้ มันรู้สึกฉลาดขึ้น แข็งแกร่งขึ้นและเร็วขึ้นทุกๆครั้งที่พวกมันปรากฏตัว แต่ตอนนี้พวกมันกลับหยุดปรากฏตัวออกมาและนั่นทำให้มันไม่ได้รับสิ่งต่างๆเหล่านั้นอีก
แต่ก็มีการแจ้งเตือนใหม่อีกอย่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นสองสามครั้งนับตั้งแต่ที่อิมพ์เริ่มเขียนตัวอักษร และหนึ่งในนั้นก็ปรากฏขึ้นในขณะที่อิมพ์กำลังเขียนอักษรสองสามคำสุดท้าย!
[นิ้วของคุณท่านขยับได้เร็วขึ้น ความคล่องแคล่ว +1]
และเมื่อใดก็ตามที่สิ่งนี้ปรากฏขึ้นมือของอิมพ์ก็เริ่มรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมและมันก็สามารถเขียนตัวอักษรใหม่ได้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นนี่จะต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน !
และด้วยรอยยิ้มที่พอใจบนใบหน้าของอิมพ์ มันจึงยังคงเดินตามหลังทั้งสามไปแม้ว่าในอีกไม่นานนี้มันจะเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายจนไม่อาจจินตนาการได้ก็ตาม แต่ไม่นานก็มีอสูรสองสามตัวปรากฏขึ้น ! อิมพ์หวังว่ามันจะได้รับอนุญาตให้ช่วยต่อสู้อีกครั้งในครั้งนี้ แต่ทั้งสามกลับกำจัดอสูรเหล่านั้นทันทีแม้ว่าหนึ่งในนั้นจะถือสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากอยู่ก็ตาม สิ่งนั้นดูเหมือนจะกินไม่ได้
มันสั้นและแข็งและวัสดุของมันก็เหมือนกับต้นไม้ทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ เอวาลินเห็นดังนั้นขึงย่อลงตรงหน้าอิมพ์และหยิบของเล็กๆนี้มาจากเขา “อืม กริชของเล่นไม้งั้นรึ” เธอถามอย่างสับสนแล้วมองไปที่อิมพ์ด้วยแววตา
“เจ้าจะเก็บสิ่งนี้ไว้ก็ได้นะ” เธอบอกมัน แต่เจ้าตัวสีดำชั่วร้ายดูเหมือนจะมีบางอย่างในใจและมันก็เริ่มบ่นออกมาอีกครั้ง
“มาเร็ว เจ้ามัวทำบ้าอะไรอยู่ตลอดเวลาเนี่ย” เจมส์ถามด้วยสีหน้าหงุดหงิดแต่เอวาลินก็ยืนกอดอกและพูดกลับ “เจ้าหมายความว่าไง? ข้าก็แค่จะให้ของเล่นอิมพ์เท่านั้น ของเล่นจะจะช่วยพัฒนาสติปัญญาของเด็กได้ถูกไหมหละ?” เธอถามด้วยการขมวดคิ้วและดูเหมือนเจมส์อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถอนหายใจออกมาอย่างโกรธเคืองและส่ายหัวก่อนจะหันกลับมา “งั้นก็บอกให้มันเลิกกัดได้แล้ว” เจมส์บอกเธออย่างรำคาญว่า“มันจะอยากกินอะไรขนาดนั้นกัน?” เขาถาม แต่เอวาลินเพียงแค่ยักไหล่และยิ้มให้กับอิมพ์ที่ยังคงพยายามกัดกริชไม้ให้แตกออกจากกัน
“อืม…นั่นหมายความว่าอย่างน้อยเจ้าก็มีสุขภาพที่ดีใช่ไหมละ” เจ้าตัวสีแดงก็พูดแล้วย่อตัวลงตรงหน้าอิมพ์อีกครั้ง “ห้ามกัดมันนะ นั่นคือกริซที่ข้ามอบให้ เจ้าเองก็เคยใช้ของแบบเดียวกันก่อนหน้านี้ จำได้ไหม ?” เธอยืดตัวออกและอิมพ์ก็ค่อยๆพยักหน้าและมองไปยังสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นมันก็สังเกตเห็นถึงควมคล้ายคลึงกันระหว่างทั้งสองสิ่งแม้ว่าจะไม่เหมือนกันมากนักก็ตาม
กริชของอวาลินนั้นแวววาวและสวยมาก แต่อันนี้สกปรกและไม่แหลมเลย! และดูเหมือนจะมีคนงี่เง่าบางคนเอาน้ำลายมาป้ายใส่ด้วยซ้ำ! “คี้ …” อิมพ์ฮึดฮัดด้วยรอยยิ้มเบี้ยวขณะที่วางกริชลงด้านข้างก่อนจะโน้มตัวไปหาอสูรที่กองอยู่ตรงหน้าเพื่อกินมันแทนที่จะคิดว่าทำยังไงกับกริชไม้ดี
แต่ในขณะที่มันกำลังพยายามจะกัดลงไป อิมพ์ก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างที่รู้สึกไม่ดี มันไม่ใช่ความรู้สึกที่รุนแรงนักและมันก็ไม่เหมือนกับสิ่งที่เขารู้สึกกับเจ้าตัวประหลาดทั้งสาม มันเป็นความรู้สึก…ผิด
อิมพ์ที่กำลังสับสนก็นั่งลงและพยายามคิดว่าความรู้สึก 'ผิด' นั้นเกี่ยวกับอะไรกัน จากนั้นมันก็เปลี่ยนไปใช้กรงเล็บทื่อของมันหนิบชิ้นเนื้อเล็ก ๆ ออกจากศพอสูรก่อนที่จะวางลงบนปากของมัน
ดูเหมือนว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง เอวาลินกลับดูมีความสุขเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นสิ่งนี้และเธอก็เริ่มทำอะไรบางอย่างกับอสูรตัวอื่นในขณะที่อิมพ์ยังคงกินตัวแรกอยู่
หลังจากนั้นไม่นานเมื่ออิมพ์กินอสูรไปเรื่อยๆจนเว้นชิ้นส่วนเล็กๆที่อยู่ตรงกลางก้อนเนื้อไว้ มันเป็นส่วนที่จะยากจะฉีกออกด้วยมือของอิมพ์ ดังนั้นมันจึงลุกขึ้นยืนและหันไปกินตัวอื่นต่อ แต่ด้วยเหตุผลบางประการร่างของอสูรที่เหลือกลับเหลือแต่ส่วนแข็งๆแล้ว หรือว่ามันจะลืมว่ากินพวกนั้นไปแล้ว ?
อย่างน้อยที่สุดนั่นคือความคิดแรกของอิมพ์แม้ว่าในความเป็นจริงมันจะค่อนข้างแตกต่างก็ตาม ไม่นานเอวาลินก็ก้าวเข้ามาหาอิมพ์พร้อมกับถือถุงที่มีกลิ่นหอมน่ารับประทานในมือ “เอาเลย เท่านี้เจ้าก็กินต่อได้ในขณะที่เดินทางอยู่แล้ว !” เธออุทานจากนั้นก็เปิดถุงขึ้นเพื่อเผยให้เห็นว่ามีเนื้ออยู่ข้างในจำนวนมาก แม้ว่ามันจะดูไม่น่าอร่อยเหมือนกับที่อิมพ์กินคืนก่อนก็ตาม
“นั่นเป็นความคิดที่ดีเลยหนิ…” เจ้าตัวสีน้ำเงินที่ชื่อโทมัสก็มองมา จากนั้นเอวาลินก็หัวเราะเบาๆอย่างมีความสุขในขณะที่เธอมัดถึงไว้กับหลังของอิมพ์เหมือนกับเป็นกระเป๋า ตอนนี้มันสามารถดึงกระเป๋ามาที่ด้านหน้าของร่างกายเพื่อกินอาหารได้ตลอดเวลาแล้ว ถึงแม้กระเป๋าจะหนักเป็นอย่างมากก็ตาม แต่อิมพ์ก็ยังชอบเพราะตอนนี้มันมีของกินอร่อยๆติดตัวอยู่ตลอดเวลาแล้ว!
“มันก็แน่อยู่แล้ว! ตอนนี้เราไปกันเถอะ ถ้าเรารีบหน่อยเราอาจจะข้ามสะพานไปถึงเอแรนได้ก่อนค่ำนะ” เอวาลินชี้ออกไป แต่โทมัสก็ส่ายหัวไปมา
"ข้าขอค้านเรื่องนี้ . เราใช้เวลาเดินทางกันมาทั้งวันแล้ว จำได้ไหม? เราควรไปที่โรงเตี๊ยมก่อน มันอยู่ห่างจากเราไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เราไปพักที่นั่นกันก่อนเถอะ " เขาพูดขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าเจมส์จะมีปัญหากับคำแนะนำนี้
“แต่นั่นจะทำให้เราเสียเวลาไปครึ่งวันเลยนะ…หรือคราวนี้เราจะลองอ้อมทะเลสาบดู” เจมส์ถาม แต่โทมัสกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่และส่ายหัวอีกครั้ง
“นั่นจะใช้เวลานานกว่ารุ่งเช้าของสองวันเลยนะ และลองคิดดูว่ามีโจรกี่คนกันที่อยู่รอบๆทะเลสาบโลก …มันจะลำบากเอานะ เชื่อข้าสิ” โทมัสอธิบายก่อนจะหมุนตัวและเริ่มออกเดินอีกครั้ง
“เราจะเดินทางกันต่อ ยิ่งเราไปถึงโรงเตี๊ยมเร็วเท่าไหร่ข้าก็จะได้รับการฝึกฝนเร็วขึ้นเท่านั้น” เจ้าตัวสีน้ำเงินพูดด้วยสีหน้าค่อนข้างรำคาญ ดังนั้นเอวาลินกับเจมส์จึงหยักหน้าอย่างช้าๆก่อนจะเดินตามไป อิมก็ทำแบบเดียวกันในขณะที่มันกำลังยัดหน้าลงถุงเนื้อและกินเนื้อบางส่วนในถึง
แม้ว่าตอนนี้มันจะสามารถพกติดตัวไปได้ตลอดเวลา แต่มันก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีนักที่จะกินมันทั้งหมดในครั้งเดียว จนถึงตอนนี้มันนั้นกินอยู่ตลอดเวลาและเมื่อมันกินอสูรมากเกินไปมันก็รู้สึกจุกเล็กน้อย แต่มันทำเช่นนั้นก็เพื่อหยุดความหิวอันบ้าคลั่งของมัน
แต่ถ้ามันสามารถกินได้ตลอดเวลาแล้วหละก็ มันก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น ! “กรี้!” อิมพ์บ่นกับตัวเองด้วย ด้วยสติปัญญาของมัน มันก็ยัดเนื้ออีกชิ้นเข้าไปในปาก
และหลังจากนั้นไม่นานมันก็คิดที่จะหันกระเป๋าไปสะพายไว้ข้างหลังอีกครั้งเพื่อที่จะได้ไม่ต้องกินหมดในครั้งเดียว จากนั้นการแจ้งเตือนเล็กๆที่น่ายินดีก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของมัน
[ท่านต่อต้านความอยากพื้นฐาน จิตตานุภาพ +1]
ด้วยประหลาดใจที่จู่ๆมันก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้อิมพ์จึงรีบตีมันด้วยกริชไม้อันใหม่เพื่อให้การแจ้งเตือนหายไป จากนั้นมันก็เดินตามคนอื่นๆที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อยๆ
มันไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้รับกริชไม้ แต่สิ่งนี้ทำให้มันสนุกไม่น้อยดังนั้นมันจึงไม่ได้มีปัญหาอะไรและด้วยเหตุผลบางประการเมื่ออิมพ์ถือมันไว้อิมพ์จะรู้สึกสบายใจ
และพร้อมกับความคิดเช่นนี้อิมพ์ก็ได้ตามหลังทั้งสามไปอย่างต่อเนื่องอีกสองสามชั่วโมง จนกระทั่งมันเริ่มได้บินบางอย่างจากระยะไกล เสียงนี้ฟังดูค่อนข้างดังสำหรับอิมพ์ดังนั้นมันจึงไม่แน่ใจว่าเสียงดังนี้เกิดจากอะไร และมันก็ทำให้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
อิมพ์และเจ้าตัวประหลาดทั้งสามกำลังเดินขึ้นไปบนทางลาดชัน มันชันถึงขนาดที่อิมพ์มันต้องใช้กริชไม้ช่วยพยุงถึงสองหรือสามครั้งเลยทีเดียว แต่ยิ่งเดินไปไกลเท่าไหร่เสียงก็ยิ่งดังขึ้น จากนั้นดวงตาของอิมพ์ก็ถูกปกคลุมด้วยแสงเจิดจ้าในทันทีราวกับเป็นแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา
และเมื่อสายตาของมันชินกับแสงนั้นอิมพ์ก็มองเห็นสถานที่ที่เสียงดัง มีสิ่งมีชีวิตนับร้อยที่เหมือนกับเจ้าตัวประหลาดทั้งสามตรงหน้าอิมพ์ พวกมันอยู่ภายในสถานที่ตรงนั้นและมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งอยู่ ที่นั่นมีกล่องไม้หลายแบบที่เคลื่อนไหวไปมาได้โดยมีสัตว์ลากพวกมันอยู่
แต่สิ่งที่ดูน่าประทับใจที่สุดสำหรับอิมพ์นั้นไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ แต่เป็นสิ่งก่อสร้างที่อยู่เบื้องหลังต่างหาก
มีถนนสีเทาขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนยาวไม่สิ้นสุดทอดยาวไกลออกไป ซึ่งอิมพ์สามารถมองเห็นจุดละอองเล็กๆบางชนิดลอยอยู่บนพื้นนี้ได้อย่างชัดเจน
ด้วยดวงอาทิตย์อยู่ด้านหลังจุดละอองเหล่านั้น อิมพ์ถึงกับอึ้งและไม่รู้ว่าควรคิดเช่นไร นี่เป็นสิ่งที่มันไม่เคยรู้สึกมาก่อน
นี่เป็นครั้งแรกที่อิมพ์ได้เผชิญหน้ากับความงามที่มนุษย์สร้างขึ้นมา