ตอนที่ 26 พัง
ตอนที่ 26 พัง
อิมพ์จ้องมองไปที่เด็กคนนั้นด้วยความสับสน ซึ่งเด็กกำลังนั่งอยู่เฉยๆเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันดูเหมือนจะกลัวอยู่ครู่หนึ่งเท่านั้น แต่ในไม่ช้ามันก็เปลี่ยนไปและเริ่มยิ้มอีกครั้ง ดังนนั้นอิมพ์จึงเลือกที่จะดันกริชเข้าไปอีกเล็กน้อยและดูเหมือนว่าเด็กจะไม่สนใจแม้แต่น้อยและทำเพียงมองไปข้างหน้า
มันไม่ดี นี่ไม่ดีเลยจริงๆ แต่อิมพ์ก็ไม่สามารถแสดงออกมาให้เด็กเห็นได้ว่าเขากำลังกังวลอยู่ มีบางอย่างผิดปกติแต่อิมพ์ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่อย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจก็คือ เขาทำให้เด็กเจ็บแน่ๆแม้ว่าจะไม่มากก็ตาม
[อาร์ค -10 ความเสียหาย]
“อาร์ค?” อิมพ์ถามอย่างสับสน เพราะสามคนที่อิมพ์ห่าก่อนหน้านี้ต่างก็มีสองชื่อทั้งนั้น แต่เด็กคนนี้กลับมีชื่อเดียวซะอย่างนั้น แต่ก่อนที่อิมพ์จะคิดเรื่องนี้ไปมากกว่านี้เด็กคนนั้นก็หันมาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
"หืม ใช่ มีอะไรงั้นรึ" เด็กคนนั้นถามราวกับว่ามันกำลังพูดกับเพื่อนคนหนึ่งของมันอยู่ ดังนั้นอิมพ์จึงมองไปที่เด็กอย่างงงๆ ชื่อของมันคือ 'อาร์ค' สินะ นี่เป็นเรื่องดีที่ได้รู้ อย่างน้อยที่สุดนี่ก็คือสิ่งที่จะทำให้อิมพ์พูดกับมันได้ง่ายขึ้นหากรู้ชื่อ
แทนที่จะตอบคำถามของอาร์ค อิมพ์เพียงแค่ค่อยๆดึงกริชกลับมาและเลือดก็ไหลออกมาจกาแผลของเด็ก เด็กคนน้้นดูเหมือนจะประหลาดใจไปชั่วขณะอีกครั้ง อย่างน้อยที่เห็นก็คือมันถอนหายใจหนักออกมา แต่ในไม่ช้ามันก็สงบลงและมองไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มต่อ
อิมพ์สับสน แต่ก็รู้สึกทึ่งเช่นกัน เขาทั้งทึ่งและกลัว เด็กคนนี้ไม่รู้สึกเจ็บที่ถูกแทงและถึงแม้ว่าจะไม่ได้แทงลึก แต่อย่างน้อยก็ควรจะเจ็บสักนิดสิ อาร์คนั้นได้รับความเสียหายแน่ๆ แต่กลับดูไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
แม้อิมพ์จะคิดว่าเขาควรลองเล่นแบบนี้อีกสักหน่อยเพื่อดูว่าเด็กคนนี้จะทนความเจ็บปวดได้จริงหรือไม่ แต่เขาก็รู้ว่าไม่ควรทำแบบนั้นเพราะมันอาจจบลงด้วยการที่เขาฆ่าเด็กคนนั้นได้
แต่สิ่งนี้ทำให้อิมพ์สนใจเด็กคนอื่น ๆ มากขึ้น ถ้าเป็นแบบนั้นเด็กคนอื่น ๆ ก็อาจจะเป็นเช่นนั้นรึเปล่า? แม้ว่าเขาจะเล่นกับอาร์คไม่ได้ แต่เขาก็สามารถทำเช่นนั้นกับเด็กคนอื่นได้! อย่างน้อยที่สุดนั่นคือสิ่งที่อิมพ์คิดและเขาต้องการไปหาพวกมัน แต่จู่ๆพวกเขาก็หยุดเคลื่อนไหว ด้วยเหตุผลบางอย่างอาร์คดูเหมือนจะหยุดรถม้าไว้ข้างทาง
“หยุดทำไม” อิมพ์ถามและยื่นกริชออกไปที่คอของอาร์คทันที แต่เด็กคนนั้นก็ชี้ไปที่ม้าสองตัวซึ่งถูกมัดไว้กับรถม้า และก็อีกครั้ง ตอนแรกเขาเพียงสั่นเล็กน้อยเท่านั้นแต่จากนั้นไม่นานเขาก็สงบลงได้
"มันเป็นเวลาสี่ชั่วโมงแล้ว ม้าต้องพักผ่อนสักพักและเราน่าจะลองดูว่าเด็กคนอื่น ๆ กำลังทำอะไรอยู่ด้านหลังใช่มั้ย?" อาร์คพูดแนะนำ แต่อิมพ์กลับรู้สึกไม่ชอบความคิดเห็นนี้เลยจริงๆ
“พักผ่อนทำไม ม้าขี้เกียจ?” เขาถาม แต่เด็กคนนั้นก็ถอนหายใจและส่ายหัว "ขี้เกียจเหรอ ? พวกมันไม่ได้ขี้เกียจ แต่พวกมันนั้นดึงรถม้าที่มีน้ำหนักมากมาเป็นเวลานานแล้ว ! ถ้าเราไม่ปล่อยให้พวกมันพักบ้าง อีกไม่นานพวกมันจะต้องตายแน่และจากนั้นเจ้าก็ต้องเดินด้วยตัวเอง " อาร์คอธิบายพร้อมกับขมวดคิ้ว ดังนั้นอิมพ์จึงเริ่มขบฟันด้วยความโกรธที่อาร์คพูดและพยักหน้ากับเขาเช่นนี้
"ลง " อิมพ์พูดด้วยน้ำเสียงสั่งการและอาร์คก็ทำตามพลางถอนหายใจและกระโดดลงจากรถม้าปล่อยม้าออกจากรถม้าสักครู่ก่อนจะพาพวกมันไปยังแม่น้ำสายเล็กๆ จากนั้นพวกมันก็หยุดอยู่ข้างๆต้นไม้ข้างแม่น้ำ
"เดี๋ยวข้าเอามาคืน ไม่ต้องห่วง" อาร์คบอกกับอิมพ์พร้อมกับถอนหายใจและก้าวขึ้นไปด้านหลังของรถม้าและเริ่มเปิดประตูเพื่อปล่อยเด็กๆออกมา
และทันทีที่เขาทำเช่นนั้นเด็กคนอื่น ๆ ก็ก้าวออกจากประตู พวกเขาสามคนเดินออกมาเอง แต่หนึ่งในนั้นมีเด็กที่มีขนาดเท่ากับเด็กเล็กที่อิมพ์พามาด้วยดังนั้นจึงดูเหมือนว่ามันจะยังไม่สามารถเดินได้
“อาร์ค .. ?” เด็กตัวเตี้ยคนหนึ่งถามขณะที่มันก้าวออกไปพยายามซ่อนตัวจากอิมพ์ทันที ก่อนที่มันจะสังเกตเห็นเลือดที่ไหลลงมาที่ขาของอาร์คและถามออกมาขณะที่มายืนข้างๆ "เกิดอะไรขึ้น?" เด็กถาม แต่อาร์คแค่ขยับขาหนี
“ไม่มีอะไรคลีเมนไทน์ อย่ากังวลไปเลย” อาร์คบอกเธอในขณะที่เขาโน้มตัวเขาหาเธอ แต่คลีเมนไทน์ก็วางมือลงบนบาดแผลอย่างรวดเร็วและก่อนที่อิมพ์จะรู้ตัวเมื่อเธอดึงมือกลับมาอีกครั้งบาดแผลที่ขาของอาร์คก็หายไปแล้ว แต่ตอนนี้เองคลีเมนไทน์ก็เริ่มร้องและจับขาของเธอตรงจุดเดียวกับที่อาร์คเคยเป็นแผล จากนั้นเลือดก็ค่อยๆไหลออกมาจากใต้มือของเธอ อิมพ์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็สับสนและไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขานั้นไม่ต้องการปล่อยให้พวกเขาพ้นสายตาดังนั้นเขาจึงถือกริชไว้ในมือตลอดเวลาพร้อมที่จะใช้มันทันทีเมื่อจำเป็น แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร เด็กอีกคนหนึ่งก็มองมาที่อิมพ์ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันกลัวเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆที่กำลังยืนอยู่ข้างเด็กตัวเตี้ยกับอาร์ค แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างกับอิมพ์
"เจ้าทำอะไรกับ อะ….อาร์ค" มันถามด้วยเสียงตะกุกตะกักและอิมพ์เพียงแค่มองไปที่เด็กและขมวดคิ้ว“ถูกแทง อาร์คไม่เจ็บ ไม่เสียหาย” อิมพ์บอกพวกเขาอย่างชัดเจน เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องโกหกและเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้เด็กคนนี้ตะคอกใส่เขาด้วย
"เจ้าจะเงียบหรืออิมพ์แทงเจ้า" เขาพูดค่อนข้างชัดเจน แต่เด็กอีกคนหนึ่งก็ก้าวไปหาอิมพ์แทนเด็กคนที่อุ้มเด็กเล็กอยู่ จากนั้นก็หันหน้ามาพูดใส่เขา "ถะ - ถ้าเจ้าต้จะแทงแซมมี่ เจ้าก็ต้องผ่านข้าไปก่อน!" มันร้องอุทานออกมาในขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าอิมพ์และนี่ก็ทำให้อิมพ์ขมวดคิ้วทันที การกระทำอันน่ารำคาญของเด็กคนนี้คืออะไรกัน ? นี่เป็นครั้งแรกที่อิมพ์เคยพบเคยเห็น พวกที่ออกมาจากรถม้าเป็นอะไรกัน ? พวกมันควรจะกลัวไม่ใช่รึไง ?
แต่เห็นได้ชัดว่ามันแข็งแกร่งกว่าที่อิมพ์คิดไว้มาก
[รูดี้ -0 ความเสียหาย]
อิมพ์สับสนและตกใจมองไปที่การแจ้งเตือนนั้นและพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ครั้งเดียวที่อิมพ์เห็น '-0 ความเสียหาย' ก็คือตอนที่เขาพยายามโจมตีซาราก๊อน ... นั่นหมายความว่าเด็กคนนี้แข็งแกร่งพอ ๆ อสูรตัวนั้นงั้นหรอ?
แต่นั่นก็ดูเหมือนเขาจะคิดผิดเช่นกัน เมื่อเห็นอิมพ์ตกใจและเห็นว่าอิมพ์ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเขาได้ เด็กชายตัวกลมจึงเหวี่ยงหมัดเข้ามาที่อิมพ์ ตอนแรกอิมพ์คิดว่าเป็นจุดจบของตัวเองและตายไปแล้ว แต่ถว่าการแจ้งเตือนที่ปรากฏขึ้นหลังจากสัมผัสกับหมัดเล็กๆนั้นกลับทำให้เขาคิดอย่างอื่นทันที
[-0 พลังชีวิต]
จากนั้นการโจมตีครั้งต่อไปก็มาถึง
[-0 พลังชีวิต]
และยังคงเข้ามาต่อ
[-0 พลังชีวิต]
จากนั้นหมัดก็เข้ามาอีกสองสามครั้งจนกระทั่งเด็กน้อยหมดแรงที่จะชกต่อ นี่เป็นสิ่งที่อิมพ์ไม่เคยสัมผัสมาก่อนและมันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าความสับสน เขาดูก็รู้ว่าเด็กตรงหน้าเขานั้นพยายามโจมตีเข้ามาด้วยแรงทั้งหมดที่มีแล้ว แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามแค่ไหนอิมพ์ก็ยังไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว มันรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนมาถูหัวของเขาแรงๆเท่านั้นและมันก็ไม่ได้เจ็บเลยแม้แต่น้อย
"อ๊ะ ทักษะบ้านี่!" รูดี้ร้องอุทานออกมาหลังจากที่หยุดพยายาม 'โจมตี' อิมพ์ ในที่สุดเขาก็เอามือออกไปจากหัวของอิมพ์ในขณะที่เขาทำเช่นนั้น อารค์ก็เดินออกมาจากเด็กสาวคลีเมนไทน์เพื่อไปหาเด็กชายที่ชื่อรูดี้และให้กำลังใจเขา
"ไม่ต้องกังวลรูดี้! เราจะต้องหาใครบางคนที่ทำร้ายเจ้าได้แน่ๆและเมื่อเราทำเช่นนั้นได้เราก็จะปิดผนึกทักษะอันเลวร้ายของเจ้าได้ จากนั้นเจ้าก็จะได้เป็นนักรบอมตะ ! พวกเราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้วใช่ไหมละ?” อาร์คถามเด็กชายอีกคนซึ่งค่อยๆปาดน้ำตาออกจากดวงตาของเขาก่อนจะพยักหน้า
"ใช่ เจ้าพูดถูก ข้าจะ - ข้าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน! แล้วข้าก็จะปกป้องพวกเจ้าทุกคนเอง!" รูดี้กล่าวออกมา ตอนนี้เขาเริ่มร้องไห้ออกมาจริงๆแล้ว ส่วนอิมพ์ก็กำลังมองไปที่เด็กๆด้วยสีหน้าสับสน มีบางสิ่งที่เขาไม่เข้าใจและเป็นบางสิ่งที่เขาพอรู้จัก
'ทักษะ' มันต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้อิมพ์ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเด็กที่ชื่อรูดี้ได้แน่นอน แต่ทำไมรูดี้ถึงทำร้ายอิมพ์ไม่ได้เหมือนกันหละ? ทักษะที่อิมพ์มีในตอนนี้ดูเหมือนจะมีประโยชน์เป็นอย่างมากก็จริงแต่เขาก็ยังงุนงง แต่ในขณะเดียวกันนี้ อย่างน้อยที่สุดอิมพ์ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกฆ่าเด็กผู้ชายคนนี้ฆ่า
ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง …. เด็กหญิงคลีเมนไทน์ทำอะไรกับบาดแผลของอาร์คกัน มันหายไปได้ไง? เขาเห็นอะไรบางอย่างที่คล้ายกันมาก่อนตอนที่เอวาลินดื่มของเหลวสีแดงหลังจากที่อสูรตัวนั้นโจมตีเธออย่างรุนแรงและมันก็เป็นตอนที่อิมพ์เลเวลเพิ่มครั้งแรก
“ตอนนี้ข้าคิดว่าเราทุกคนควรจะลองไปกับเขาไม่ดีกว่าหรอ” อาร์คแนะนำด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแล้วหันไปหาคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้มที่สดใสกว่าเดิม แต่พวกเขาทั้งหมดกลับมองมาที่อาร์คอย่างสับสน เด็กหนุ่มเริ่มอธิบายต่อทันที "มาเถอะ เขาเป็นคนที่จัดการคนพวกนั้นได้ ดังนั้นในทางเทคนิคแล้วเขาย่อมช่วยเราได้ อีกทั้งเขายังมาพร้อมกับเด็กน้อยน่ารักและยังตัดเสื้อผ้าของตัวเองเพื่อทำผ้าอ้อมให้เด็กคนนั้นอีกด้วย นั่นแปลว่าเขาเองก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนักใช่ไหมหละ ?” อาร์คถามในขณะที่เขาก้าวเข้าไปใกล้อิมพ์ด้วยรอยยิ้มอย่างต่อเนื่อง แต่แน่นอนว่าอสูรตัวนี้ยังคงสับสนอยู่ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นการแสดงออกของเด็กคนอื่นๆเขาก็เข้าใจว่าสถานการณ์น่าจะดี
"อิมพ์ไม่ได้ช่วยเจ้า" อิมพ์อุทานออกมาและพยายามจะเคลียร์เรื่องนี้ก่อน นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นและอิมพ์ก็ไม่ต้องการให้เด็กโง่พวกนี้คิดแบบนั้น แต่ก่อนที่เขาจะรู้ตัวอาร์คก็มองมาที่อิมพ์ด้วยแก้มที่ยกสูงขึ้นจนดวงตากรีดเป็นแนวนอน หรือก็คือยิ้มนั่นเอง….
"แน่นอนว่าเจ้าทำ หากไม่ใช่เพราะเจ้าฆ่าพวกเขาทั้งสามหละก็ พวกเราคงถูกนำไปใช้ในทางที่โหดร้ายสุดๆแน่ " อาร์คพูดและค่อยๆก้าวออกจากอิมพ์ไปหาเด็กคนอื่น ๆ คลีเมนไทน์ยังคงร้องออกมาและจับขาของเธอขณะที่แซมมี่กำลังปลอบเธอพร้อมกับอุ้มเด็กตัวเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขน ส่วนรูดี้เองก็ก้าวขึ้นมาหาพวกเขาด้วยสีหน้าเศร้า ๆ จากนั้นเมื่ออาร์คไปยืนยืนอยู่ข้างเด็ก ๆเหล่านั้นแล้วเขาก็หันมายิ้มให้กับอิมพ์
“สุดท้ายแล้ว...ยังไงพวกเราก็เป็นของที่พังแล้วอยู่ดี ”