ตอนที่ 17 หายสาบสูญ
ตอนที่ 17 หายสาบสูญ
“เดี๋ยวก่อนนั่นมัน…” โทมัสพึมพำเบา ๆ และด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา ซาราก๊อนก็พยักหน้าและขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม
“แน่นอนว่าของชิ้นนี้ที่ข้านำออกมานั้นคือของแท้ มันคือ ไพ่หนึ่งถ้วย เพียงหนึ่งเดียวที่มีอยู๋ ตอนนี้เรามาทำธุรกิจกันดีกว่าไหมครับ ?”ซาราก๊อนพูดทันทีหลังจากนั้นก็ก้าวขึ้นไปที่การ์ดบนแท่น
" เพื่อแลกกับอิมพ์ ข้าขอเสนอ ไ้หนึ่งถ้วย เพียงหนึ่งเดียวให้หรือไม่ก็ เหรียญทอง 30 เหรียญ "ชายคนนั้นอธิบายด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขาในขณะที่ เอวาลิน โทมัสและเจมส์มองหน้ากันทันที
“เลือกระหว่าง การ์ดหนึ่งถ้วย …หรือ 30 เหรียญทองสินะ…”เจมส์พูดย้ำอย่างเงียบ ๆ “ถ้าเราเลือกการ์ดหนึ่งถ้วย เราจะไปได้ไกลกว่านี้ แต่ถ้าเราได้30เหรียญทองมา เราก็จะจัดการุทกอย่างได้ลงตัว ?” เอลฟ์แห่งแสงร่างดำก็พูดขึ้นและเอวาลินก็มองเขาพร้อมกับขมวดคิ้ว" 'ทุกอย่าง'ของเจ้าคืออะไร แล้วนี่ เจ้ากำลังจะบอกให้เราขโมยของจากคนอื่นโดยใช้ ไพ่หนึ่งถ้วย งั้นรึ ? " เธอถามพร้อมกับขมวดคิ้วเบา ๆ เจมส์เริ่มมองลงมาอย่างประหม่าไม่แน่ใจว่านั่นคือสิ่งที่เขาพูดเป็นนัยหรือไม่
"และแม้ว่าเราจะควรทำเช่นนั้น แต่ข้าก็ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมท่านซาราก๊อนถึงได้ใช้ไพ่หนึ่งถ้วยเพื้อแลกเปลี่ยนกับเราพร้อมกับยังยื่นข้อเสนอ 30 เหรียญทองมาพร้อมกัน อีก ... อะไรกันที่ทำให้เขาถึงกับเสนอของล้ำค่าพวกนี้ให้กับเรา.. ? " เอวาลินถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ข้าเองก็มีเหตุผลของตัวเอง” ซาราก๊อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่นั่นทำให้เอวาลินยิ่งสงสัย “ข้าคิดว่าการเลือกไพ่หนึ่งถ้วยไม่ใช่เรื่องดีนัก…เราควรเลือกทองดีกว่า มันคือทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด ” เอวาลินพูดและมองไปที่อิมพ์ด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น "หรือไม่ก็ ... เราควรจากไปกันเลย ? บางทีเราไม่จำเป็นต้องขายเขาก็ได้ เขาอาจจะมีประโยชน์ในการต่อสู้กับเราหากเราฝึกเขาอย่างถูกต้อง ใช่ไหม แล้วยัง.. ?" เอวาลินแนะนำ แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบเจมส์ก็กัดฟันตอบ
"เจ้าพูดบ้าอะไรเอวาลิน! นี่คือข้อตกลงตั้งแต่แรกของเราไม่ใช่รึไงยัยบ้า! เราจะขายมันที่นี่แหละ!" เจมส์อุทานแล้วมองตรงไปที่โทมัส "เลือก ไพ่หนึ่งถ้วยกันเถอะ" จากนั้นเขาบอกเพื่อนมนุษย์ของเขา
“ใช่…เราควรเลือกมัน มันคือไพ่หนึ่งถ้วยเลยนะ มันสามารถใช้เพื่อปล้นหรือลอบสังหารครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้เลยเชียวนะ ! เจ้าสามารถขโมยอะไรก็ได้และฆ่าใครก็ได้โดยที่ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเป็นฝีมือของเจ้า ! ถ้าเจ้าไม่คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ทำให้เราประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิต เจ้าก็เชิญออกไปได้เลยเอวาลิน ” โทมัสร้องอุทานและเมื่อถึงจุดนั้นอิมพ์ก็เริ่มมีสมาธิเพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่โทมัสเพิ่งพูด
ขโมยอะไร? ฆ่าใคร? สิ่งนี้ทำให้อิมพ์นึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เขาได้ระงับไว้ตลอดเวลาซึ่งเป็นงานที่เขาได้รับครั้งแรกเมื่อกำเนิดขึ้นมา มันเป็นตอนที่เขาเดินทางมาพร้อมกับฝูงอสูรและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนั้น
แล้วเจ้าไพ่หนึ่งถ้วยนั่นมันมีจริงงั้นรึ?
เมื่อคำถามนั้นเข้ามาในใจของเขาการแจ้งเตือนก็กะพริบขึ้นมา แต่มันกลับดูประหลาดเป็นอย่างมาก มันราวกับว่าอยู่ตรงนั้นมาตลอดแต่อิมพ์ไม่ได้สังเกตเห็นมัน
[คำสั่ง - นำตัว [ผู้โง่เขลา]กลับมา]
[นำตัวผู้ที่จะกลายเป็นอาวุธอันยิ่งใหญ่ที่สุดต่อราชากลับมาแม้ต้องแลกด้วยชีวิตของเจ้าก็ตาม]
การได้เห็นการแจ้งเตือนนี้ทำให้เกิดความรู้สึกที่อิมพ์รู้สึกก่อนหน้านี้ไม่กี่ครั้ง มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนบังคับให้เขาทำบางอย่างที่ไกลเกินเอื้อมและแข็งแกร่งเกินกว่าจะจินตนาการได้ ...มันคืออะไร
มันทำให้…เขาหายใจไม่ออก เพียงแค่จินตนาการถึงความคิดที่จะพยายามต่อต้านคำสั่งนี้มันก็ทำให้อิมพ์แทบตะล้มลงและตายตรงนั้น มันคือความเจ็บปวดที่เขารู้สึกนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความตายใดๆ
"หืม มีอะไรผิดปกติงั้นรึ?" ซาราก๊อนถามพร้อมกับขมวดคิ้วขณะที่เขาเอนเข้าหาอิมพ์ที่กำลังพยายามต่อสู้กับความเจ็บปวดอยู่บนพื้น
“โอ้ มันคงเหนื่อยมากแล้วสินะ” โทมัสพูดด้วยรอยยิ้มเบี้ยวและวิ่งไปหาอิมพ์ทันทีพยายามดึงเขาให้ลึกขึ้นยืน "มาเถอะ เจ้าตัวน้อ..."
จากนั้นอิมพ์ก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาหล่นลงมาที่พื้นในขณะที่ทุกอย่างเงียบสนิท แต่เพียงไม่กี่นาทีต่อมาความเงียบก็หายไปท่ามกลางพายุแห่งหายนะที่เกิดขึ้นในขณะเดียวกัน อิมพ์ได้ยินเสียงเจมส์ชักกระตุกและถูกเหวี่ยงออกไปในขณะที่ขาของเอวาลินล้มลง
ในที่สุดอิมพ์ดูเหมือนจะลืมตาได้และเห็นแขนของโทมัสอย่างรวดเร็ว มันยังคงจับที่อิมพ์อยู่ แม้ว่าบางอย่างจะดูเหมือนไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่อิมพ์เห็นก็คือแขนที่เหลืออยู๋ข้างเดียวของโทมัสส่วนร่างกายของเขานั้นหายไป ... อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่ในไม่ช้าอิมพ์ก็สามารถมองเห็นขาคู่หนึ่งซึ่งมีกลิ่นเหมือนเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกอย่างโอชะส่งควันลอยออกมาเล็กน้อย
แต่ที่น่าแปลกก็คือดูเหมือนว่าเรื่องประหลาดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับโทมัสเท่านั้น แต่ยังรวมถึงซาราก๊อนที่ยืนอยู่ข้างๆโทมัสด้วย ตอนนี้ร่างกายของซาราก๊อนดูเหมือนจะกลายเป็นก้อนเนื้อสีขาวบริสุทธิ์ขยับไปมาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นอิมพ์ก็สังเกตเห็นอย่างอื่น มันคือเปลวไฟสีน้ำเงินขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป เขามองเห็นมันผ่านรูขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ไปครึ่งห้องโดยเริ่มจากด้านหลังเสาที่มีไพ่หนึ่งถ้วยอยู่
อย่างช้าๆ จากนั้นอิมพ์ก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ไพ่ซึ่งดึงดูดความสนใจของเขาเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เองความเจ็บปวดมหาศาลก็ปรากฏขึ้น ถว่าเขาก็ยังคงปีนขึ้นไปบนเสาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเขาก็สามารถคว้าไพ่ได้อย่างง่ายดายและทันทีที่นิ้วของเขาแตะการ์ด มือของเอวาลินก็คว้ามาที่อิมพ์และดึงเขาออกไปทางประตูที่อยู่ด้านหลังพวกเขาซึ่งเป็นทางเดียวกับที่พวกเขาเข้ามาในห้อง พวกเขามุ่งหน้าไปยังห้องที่วางของทั้งหมดไว้
เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอวาลินก็สวมชุดเกราะและรองเท้าของเธอกลับไปและจากนั้นก็ยื่นตระกร้าที่มีของอยู่ให้กับอิมพ์ ดังนั้นเขาจึงสวมเสื้อคลุมอีกครั้งอย่างมีความสุขและวางกระเป๋าไว้บนไหล่พร้อมกับเก็บการ์ดที่ได้มาไว้ในหนังสือ เขาสอดมันไว้ระหว่างหน้าหนังสือเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทำมันหาย
"เร็ว - เราต้องรีบแล้ว ... " เอวาลินพึมพำกับตัวเองเงียบ ๆในขณะที่ทั้งร่างสั่นสะท้านไปหมด เธอพยายามผลักประตูให้เปิดทันทีเพื่อก้าวออกไปข้างนอก แต่…กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ประตูไม่ขยับแม้แต่น้อย แต่ในทางกลับกันประตูอีกบานในห้องเล็ก ๆ นี้ดันเปิดขึ้นอีกครั้งและ ซาราก๊อน ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงชุดท่อนร่างในสภาพไหม้เกรียมก็ก้าวผ่านประตูเข้ามาด้วยท่าทีที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตกราวกับว่าเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ และตอนนี้ ในขณะที่เขาไม่ได้สวมเสื้ออยู่ฟันแหลมคมที่คล้ายกับใบมีดบนร่างกายส่วนบนของเขาจึงเผยออกมา และที่แย่กว่านั้นคือการแสดงออกที่น่ากลัวของซาราก๊อน เขาดูบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความโกรธกับความบ้าคลั่ง
“ข้าอนุญาติ…ให้เจ้าออกไปแล้วรึไง ..” ซาราก๊อนถามด้วยความโกรธ แต่เอวาลินก็ล้มลงพื้นอีกครั้งข้างๆอิมพ์พร้อมกับกริชของเธอ เธอดูเหมือนจะหวาดกลัวสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างมาก
“เจ้าก็รู้…ว่า…จะได้รับผลเช่นไร…” ซาราก๊อนพูดพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา จากนั้นรอยแตกบนร่างกายส่วนบนของเขาก็เปิดเล็กน้อยและอิมพ์ก็รู้ดีว่าปากนั้นกำลังทำอะไร เพราะสิ่งที่เขาถนัดคือการกิน …ดังนั้นเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายกำลังจะกินพวกเขา …
แต่อิมพ์ไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ เอวาลินนั้นใจดีกับเขาเสมอในขณะที่อีกสองคนปฏิบัติกับเขาอย่างตรงกันข้าม เธอพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อดูแลเขา แม้กระทั่งตอนนี้เธอควรจะช่วยเจมส์ด้วยซ้ำ แต่เอวาลินกลับคว้าอิมพ์ที่อยู่ไกลกว่าเจมส์มาด้วยแทน เธอนั้นพยายามช่วยเขา ดังนั้นตอนนี้อิมพ์ก็ต้องช่วยเธอ!
เขารู้ว่ากริชไม้ขนาดเล็กไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก แต่มีอาวุธชิ้นหนึ่งที่ต่างออกไปและมันก็สามารถทำได้ แม้ว่าจะประหม่าและเต็มความกลัวที่ปกคลุมไปทั่วร่าง แต่อิมพ์ก็คว้าไปยังกริชที่ตกลงมาจากเอวาลินและจับมันไว้แน่น
ตอนนี้ซาราก๊อนก็ดูบ้าคลั่งเป็นอย่างมากเมื่อเขากำลังเข้ามาใกล้กับเอวาลิน ดังนั้นอิมพ์จึงใช้โอกาสอันสมบูรณ์แบบนี้ก้าวไปข้างหลังสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ตรงหน้าเขาและโจมตีออกไป ซึ่งนี่เป็นกลยุทธ์ที่อิมพ์ได้เรียนรู้จากการเฝ้าดูทั้งสามคนต่อสู้
เขารู้ว่ามันจะได้ผล! เขาจะช่วยเอวาลินและพวกเขาทั้งสองก็จะกลับเข้าไปในป่าเพื่อหนีจากเรื่องทั้งหมดนี้ ! เอวาลินจะสอนเขาอ่านคำอีกมากมายและมอบของอร่อยให้เขากินเยอะๆ พวกเขาจะได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกัน !
ด้วยความคิดเช่นนั้นอิมพ์จึงจับกริชด้วยมือทั้งสองข้างของเขาและแทงเข้าที่กลางคอของซาราก๊อน! ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้และจะต้องตายจากการโจมตีอย่างแน่นอน !
แน่นอน จากนั้นอิมพ์ก็จะ... -
[ซาราก๊อน -0 ความเสียหาย]
ทันทีที่อิมพ์เห็นการแจ้งเตือนและตัวเลขที่น้อยที่สุดที่แนบมาพร้อมกับความเสียหายที่เขาได้ จิตใจของเขาก็เริ่มตื่นตระหนก แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ซาราก๊อนก็หันกลับมาพร้อมกับใบหน้าบิดเบี้ยวที่เต็มไปด้วยความโกรธมากมาย
“ไม่ต้องห่วง…ข้าจะจัดการเจ้า…ที่หลัง ..” เขาพูดพร้อมกับแผยให้ฟันอันแหลมคมในปากของเขา ในขณะที่เขาทำเช่นนั้นดวงตาสีเข้มของเขาก็มองทะลุร่างของอิมพ์
และตอนนี้เองอสูรตัวน้อยก็ถึงกับกระโดดถอยหลังกระแทกเข้ากับพื้นทันทีโดยที่ไม่เหลืออะไรเลยนอกจากความหวาดกลัวที่แทรกซึมเข้าไปในเส้นใยทุกส่วนในร่างกายของเขา เขาทำได้เพียงมองดูปากบนร่างของซาราก๊อนที่อ้าออกและกลืนเอวาลินที่อยู่ใกล้ๆเข้าไป จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
ตอนนี้เองเสียงกระดูกแตกที่ถูกบดขยี้ก็ดังขึ้นภายในร่างของซาราก๊อน ในขณะเดียวกันชายคนนี้ก็ใช้แขนทั้งสี่ข้างของเขาแยกร่างของเอวาลินออกจากกัน จากนั้นก็ดันชิ้นส่วนร่างกายบางส่วนของเธอข้าไปในปากของตัวเองต่อหน้าเขา ตอนนี้ห้องสีขาวบริสุทธิ์กลายเป็นสีแดงทันทีในขณะที่มนุษษ์ผู้ได้ชื่อว่า เอวาลิน สไตนฮาต หายไปอย่างช้าๆในความว่างเปล่า
เมื่อมีบางสิ่งบางอย่างตายไป มันก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง อิมพ์รู้เรื่องนั้นดี แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นจริง
อิมพ์ไม่รู้ว่าเขานั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน แต่ตอนนี้เขากำลังจ้องไปข้างหน้าและดูสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่ ทว่ามันไม่ใช่เพราะเขาต้องการ แต่เป็นเพราะร่างกายของเขานั้นมันดันนิ่งเหมือนหินและเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
อิมพ์ต้องการที่จะหายตัวไปในทันทีและหนีจากสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวตนนี้ที่เพิ่งกัดกินสิ่งมีชีวิตที่อิมพ์คิดว่าใจดีและห่วงใยเขาที่สุดไป
และด้วยความคิดนั้นดวงตาของอิมพ์ก็ค่อยๆหันไปทางหนังสือที่วางอยู่ข้างๆเขาในขณะที่เขาค่อยๆขยับมือที่สั่นเทาไปทางมันเพื่อดึงไพ่ออกมา
เขาต้องการใช้ไพ่ใบนี้ในแบบที่ตั้งใจไว้ เขาอยากจะหายไป เขาต้องการทำเหมือนราชาแห่งหัวขโมยที่หนีออกจากคุกได้ อิมพ์ก็แค่อยากจะ ... หายไป
และในขณะที่อิมพ์จับไปที่ไพ่ ซาราก๊อนก็หันกลับมาพร้อมกับสีหน้าพอใจขณะที่รอยแตกบนร่างกายของเขาหายไปและชุดอันสมบูรณ์แบบก็กลับมาปรากฏบนร่างเขาอีกครั้ง แต่ทว่าตอนนี้เองเขาก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อจ้องไปยังจุดที่อิมพ์เคยอยู่
แต่ความรู้สึกประหลาดใจนั้นก็ได้หายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับการหายตัวไปอย่างกะทันหันของอิมพ์….