ตอนที่แล้วตอนที่ 15 ทำอาหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 หายสาบสูญ

ตอนที่ 16 ซาราก๊อน


ตอนที่ 16 ซาราก๊อน

“ในที่สุดเราก็มาถึงที่นี่ซะที!” เอวาลินอุทานด้วยสีหน้าโล่งใจ ก่อนจะหันหน้าไปทางอิมพ์ด้วยความขมขื่นจากนั้นก็จับมือของอิมพ์แล้วพาเขาไปยังบล็อกหินตรงหน้า

“อะไรน่ะ?” จากนั้นอิมพ์ก็ถามและชี้ไปที่บล็อก เอวาลินก็ยิ้มและตอบว่า "นั่นเรียกว่าเมือง สถานที่ที่ผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ด้วยกัน "เธออธิบายกับอิมพ์ที่ค่อยๆเอียงศีรษะไปด้านข้าง"  แล้วเกาะนั่นไม่ใช่เมืองเหรอ "เขาถามด้วยความสับสน อิมพ์นั้นคิดว่าสถานที่ที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้ซึ่งถูกไหม้ด้วยทะเลเพลิงไปแล้วเป็นเมืองซะอีก แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ เพราะสถานที่ทั้งสองนั้นดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง !

ในการตอบคำถามนั้นเอวาลินถึงกลับกลืนน้ำลายจากปากของเธออย่างเห็นได้ชัด "มัน - มันก็ใช่ แต่แค่ที่นี่มีกำแพงใหญ่เพื่อไว้ป้องกันอสูร" เธออธิบายดังนั้นอิมพ์จึงค่อยๆพยักหน้าด้วยความเข้าใจแม้ว่าเขาจะยังไม่แน่ใจว่าทำไมที่นี่ถึงดูแตกต่างจากเมืองที่พวกเขาเคยอยู่มาก่อน แต่สุดท้ายแล้วอิมพ์ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

แต่เขากลับมองไปที่หนังสือของเขา จริงๆแล้วเขานั้นเริ่มเข้าใจความหมายของมันแล้ว เมื่ออ่านคำศัพท์เหล่านั้นไปเรื่อยๆก็ดูเหมือนจะผ่านบทแรกที่เรียกว่า '1 ถ้วย' มันดูน่าสนใจทีเดียวและอิมพ์ก็ชอบอ่านมันมากแม้ว่าเขาจะต้องอ่านมันสักสองสามครั้งเพื่อที่จะเข้าใจว่าเรื่องราวว่าเกี่ยวกับอะไรก็ตาม

จากสิ่งที่อิมพ์สามารถบอกได้มันเกี่ยวกับเด็กผู้ชายที่เติบโตใน 'เมือง'  เอวาลินบอกว่าเรื่องนี้จะกล่าวถึงชีวิตของเด็กที่มักจะซ่อนตัวจากคนอื่นเมื่อมีโอกาส

และไม่กี่ครั้งที่เขาปรากฏตัวขึ้นเขาก็จะขโมยของจากคนอื่นโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว หลังจากนั้นไม่นานเด็กชายก็โตขึ้นและยังคงขโมยต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีคนในเมืองถูกเขาขโมยกันมากขึ้นจนเด็กชายกลายเป็นที่รู้จักในนาม  'ราชาแห่งหัวขโมย'

ต่อมามีการวางกับดักไว้สำหรับเขามากมายและเด็กชายถูกจับขังไว้ในคุกใต้ดินลึก เป็นเวลาหลายปีที่เด็กชายถูกกักขังไว้ที่นั่นเกือบจะอดตาย ทุก ๆวันเขาจะได้รับเพียงแต่อาหารเน่าเสียและน้ำสกปรกเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอดต่อไปเท่านั้น

แต่แล้วก็มีใครบางคนก็ไม่รู้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา เขาสวมชุดสูทสีสดใส และแนะนำตัวเองว่าเป็น ผู้แลกเปลี่ยนเร้นลับ' โดยถือไพ่หนึ่งสำรับอยู่ตรงหน้าเขาและบอกให้เด็กหนุ่มดึงไพ่ใบใดก็ได้ ออกจากสำรับและการ์ดที่เขาดึงได้ก็คือ 'Ace of Cups' หรือ 1 ถ้วย นั่นเอง

หลังจากนั้นไม่นานร่างนั้นก็หายไปและการ์ดที่เด็กชายดึงออกมาจากสำรับก็กลายเป็นถ้วยสีทองที่มีของเหลวสีดำสนิทข้างใน

ด้วยความอยากอาหารทุกประเภทจากความอดอยากและกระหายอย่างแท้จริง เด็กชายจึงเลือกที่จะดื่มของเหลวที่อยู่ในถ้วย จากนั้นโลกรอบตัวของเด็กชายกลายเป็นเรื่องแปลกประหลาดและแปลกไป เด็กชายทิ้งถ้วยลงกับพื้นจนดึงดูดทหารยามที่ยืนอยู่รอบห้องขังของเขาตลอดเวลา

แต่เมื่อพวกเขาบุกเข้าไปในห้องขัง สิ่งที่พวกเขาพบคือถ้วยที่วางอยู่บนพื้นขณะที่เด็กชายดูเหมือนจะหายตัวไป อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วคือพวกเขาไม่สามารถมองเห็นเด็กชายได้อย่างสมบูรณ์แม้กระทั่งลืมไปด้วยว่าพวกเขาเฝ้าใครอยู่

เช่นเดียวกัน เด็กคนนั้นก็หนีออกจากคุกได้โดยไม่มีใครเห็นอีกเลย

อิมพ์ไม่เข้าใจจริงๆว่าคำเหล่านี้หมายถึงอะไร แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็พอจะเข้าใจและคิดได้ว่า '1 ถ้วน' เป็นอะไรที่น่าทึ่งจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจจริงๆว่ามันทำอะไรได้ แต่มันก็ดูน่าทึ่งอย่างที่สุด!

และเมื่ออิมพ์เงยหน้าขึ้นมองจากหนังสือในครั้งต่อไปเขาก็จ้องไปที่การแจ้งเตือนบางอย่างอย่างรวดเร็วแล้วมองไปรอบ ๆ ตัวเองโดยสังเกตว่าเขาไม่ได้อยู่นอกก้อนหินอีกต่อไป แต่อยู่ภายในเมืองที่เหมือนกับที่อยู่บนเกาะลอยก่อนหน้านี้ !

"เอาล่ะอันดับแรกเราต้องไปที่กิลด์ก่อนแล้วจึงไปที่ซาราก๊อนเพื่อดูว่าจะขายอิมพ์ยังไงดี  " โทมัสบอกคนอื่น ๆ ด้วยการถอนหายใจแม้ว่าอิมพ์จะไม่เข้าใจจริงๆว่า  'ขายอิมพ์' นั้นหมายถึงอะไร  เขารู้จักแต่คำว่า อิมพ์ แต่ไม่รู้ว่า  'ขาย' หมายความว่าอย่างไร?

ในขณะที่พยายามค้นหาความหมายของมัน อิมพ์ก็ยังคงเดินตามเอวาลิน โทมัสและเจมส์ไปยังอาคารหลังใหญ่ ซึ่งนี่ใช้เวลานานจนน่าตกใจและระหว่างนั้นอิมพ์ก็ใช้เวลากับไปการกินเนื้อปรุงสุกที่เขาเก็บไว้ในกระเป๋าพร้อมกับมองผู้คนรอบตัวเขาที่แตกต่างกัน

และในที่สุดเมื่อพวกเขาไปถึงอาคาร ทั้งสี่คนก็รีบเข้าไปข้างในแม้ว่าตรงนั้นจะค่อนข้างวุ่นวายและมีผู้คนมากมายวิ่งไปมารอบๆพร้อมกับตะโกนใส่กัน “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้เรื่องเดอะซันแล้วสินะ…” เอวาลินถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่เจมส์จะพยักหน้าและกอดอก

“ดีแล้ว นั่นก็แปลว่าจากนี้เราจะได้พักกันแล้วใช่ไหม?” เขาถามด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยวและโทมัสก็พยักหน้าเช่นกัน "ข้าก็หวังว่าอย่างนั้น! ถ้าอย่างนั้นไปที่ซาราก๊อนเพื่อขายอิมพ์กันเถอะ " โทมัสพูดด้วยรอยยิ้มดูเหมือนว่าในที่สุดก็สามารถผ่อนคลายได้หลังจากที่พวกเขาหนีออกจากเมืองก่อนหน้านี้ แม้ว่าเอวาลินจะยังรู้สึกตึงเครียดอยู่มากก็ตาม เธอนั้นดูเงียบไปราวกับมีสิ่งที่รบกวนจิตใจเธออยู่

ดังนั้นพวกเขาทั้งสี่จึงเริ่มเดินอีกครั้งเพื่อไปยังอีกส่วนหนึ่งของเมืองซึ่งไกลกว่าอาคารที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้ บริเวณนั้นอึดอัดเล็กน้อยสำหรับอิมพ์ และเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ก็มีใครบางคนจ้องมองพวกเขาตลอดเวลาและมีผู้คนในชุดคลุมหลายคนเดินไปมาและที่สำคัญที่สุดคือมีสัตว์ตัวเล็กๆอยู่ที่นี่มากกว่าในป่าที่พวกเขาผ่านมาเสียอีก

และในขณะที่อิมพ์ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งเขาก็เริ่มรู้สึก  ... ไม่ดี

แต่แล้วในที่สุดทั้งสี่ก็มาถึงประตูเล็ก ๆ มันถูกตั้งไว้อย่างแปลกประหลาดตรงเข้ากับกำแพงในตรอกซอยเพราะมันดูสะอาดเป็นอย่างมากในขณะที่ทั้งตรอกนั้นมืดมิดและสกปรก ประตูนี้มีสีขาวสนิทโดยไม่มีสีอื่นปนเปื้อนแม้แต่จุดเดียว

"อ๊า! โชคดีที่มาถึงก่อน!" เจมส์อุทานด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาและโทมัสก็พยักหน้าเช่นกัน "ใช่ มีคนบอกว่าซาราก๊อนจะเสนอข้อเสนอที่ดีให้หากเราพบกับประตูที่อยู่ใกล้กับค้างคาว  " โทมัสตอบกลับและก้าวไปที่ประตูอย่างรวดเร็วโดยใช้นิ้วเคาะสองสามครั้งเพื่อเคาะและไม่กี่อึดใจประตูก็ค่อยๆเปิดออกจนเผยให้เห็นห้องสีขาวบริสุทธิ์ที่สว่างไสว

ดังนั้นทั้งสี่คนจึงก้าวเข้าไปในห้องนั้นก่อนที่ประตูจะปิดลงในทันทีและเอวาลินก็เดินไปหาอิมพ์และเอาของทั้งหมดมาจากเขาอย่างช้าๆ  ! เสื้อคลุม กระเป๋าเนื้อ หนังสือและแม้แต่กริชไม้ของเขาก็ถูกเอากลับไป! ตอนนี้เขาถูกปล่อยให้เปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์!

แต่เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เขาเป็นมาตั้งแต่แรกเขาจึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าคนอื่นๆเองก็ถอดชุดเกราะกับอาวุธของพวกเขาวางไว้ในตระกร้าสีขาวขนาดเล็ก แม้กระทั่งรองเท้าก็ยังต้องถอด

"นี่มันจำเป็นต้องทำทุกครั้งเลยรึไง" เจมส์ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและเอวาลินก็ยักไหล่อย่างเงียบ ๆ ขณะที่เธอเริ่มเทน้ำลงบนเท้าของอิมพ์ก่อนจะทำแบบเดียวกันกับเธอเอง "กฎของซาราก๊อนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ " เธอพูดและเจมส์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพยักหน้า

"ถูกต้อง ... ข้ารู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องวางของทั้งหมดของข้าไว้ตรงทางเข้าร้านค้าที่คนในเมืองทุกคนเดินผ่านก็มองเห็นได้" เจมส์พูดพร้อมกับขมวดคิ้ว แต่โทมัสแค่หัวเราะเบา ๆ ขณะที่ส่ายหัว “เจ้ากรู้ว่าไม่มีใครมาที่นี่ได้ในขณะที่เราอยู่ไม่ใช่รึไง ?” เขาถาม แต่เจมส์ก็แค่เอียงหัวไปด้านข้างเล็กน้อยอย่างงง ๆ

“นี่เจ้าไม่รู้เรอะ?” โทมัสกล่าวเสริมด้วยความประหลาดใจว่า "ข้าคิดว่านั้นเป็นสิ่งที่คนทั่วๆไปรู้เกี่ยวกับซาราก๊อนเสียอีก  "

"ข้าจะรู้ได้ยังไง ? ข้าไม่เคยมาเมืองหลวง ครั้งแรกที่ข้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือตอนที่เจอเจ้าครั้งแรกหน่ะแหละ  ... " เจมส์ตอบดังนั้นโทมัสจึงหัวเราะเบา ๆ อีกครั้งและก้าวไปที่ประตูถัดไปที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้องและเคาะอีกครั้ง

ประตูเปิดออกอย่างช้าๆและเอวาลินก็จับมืออิมพ์ไว้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอกลับบีบอย่างแรงในทันที นั่นทำให้อิมพ์เจ็บแต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไร

จากนั้นเมื่ออิมพ์ก้าวเข้ามาในห้องแล้วเขาก็พบกับห้องสีขาวบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิมแต่ทว่ามีบางสิ่งปรากฏอยู่ท่ามกลางสีขาวบริสุทธิ์อยู่

มีสิ่งของจัดวางอย่างเป็นระเบียบชิดกับผนังและตั้งอยู่บนแท่นตรงกลางห้องและที่ด้านข้างของห้องตรงข้ามกับประตูก็มีชายร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ซึ่งเขาเองก็สวมชุดสีขาวสนิท   แม้แต่ผิวของเขาก็เกือบจะเป็นสีขาวดังนั้นเขาจึงดูไม่ต่างจากห้องนี้เลย เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีใครสังเกตเห็นจนกระทั่งชายคนนั้นค่อยๆลืมตาขึ้นซึ่งเผยให้เห็นดวงตาสีดำกลมเล็กๆของเขาที่มีวงแหวนสีขาวเรืองแสงอยู่กลางนัยน์ตา

จากการมองตาของชายคนนั้นอิมพ์ก็เริ่มตัวสั่นแม้ว่ามันจะทำให้เขารู้สึกแย่ลงไปอีกเมื่อชายคนนั้นเริ่มพูด

ยินดีต้อนรับยินดีท่านลูกค้าผู้เป็นที่รัก ในวันนี้ที่งดงามเช่นนี้ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรให้ข้าช่วยงั้นหรือ   "เขาถามด้วยเสียงทุ้มและชัดเจน จนทำให้อิมพ์อยากจะกรีดร้องออกมาเพียงแค่ได้ยินเขาพูด ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ทำไมแต่เขารู้สึกเช่นนั้น

" เราต้องการขาย .” โทมัสอุทานด้วยเสียงที่ชัดเจนและรวดเร็ว ชายผิวขาวบริสุทธิ์เริ่มยิ้มกว้างขณะที่เขาหายตัวไปในหมอกสีดำก่อนที่จะปรากฏตัวตรงหน้าอิมพ์โดยตรง

และในขณะที่หมอกสีดำยังคงออกมาจากร่างของเขา ชายคนนั้นวางมือข้างหนึ่งที่สวมถุงมือของเขาไว้บนไหล่ขวาของอิมพ์ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็จับคางของเขาไว้ในขณะที่ข้างที่สามดึงใบหน้าจากซ้ายไปขวา จากนั้นข้างที่สี่ก็จับไปที่มือของอิมพ์และสุดท้ายเลื่อนไปเบิกตาของอิมพ์และรูดลงไปที่ปาก

แม้ว่าอิมพ์จะไม่ชอบสิ่งนี้เลย แต่แรงที่ออกมาจากมือข้างเดียวซึ่งวางอยู่บนไหล่ของเขานั้นกลับทำให้เขาขยับไม่ได้แม้แต่น้อย

"โอ๊ะ! อิมพ์ตัวนี้ผิดปกติ ข้าเห็นทักษะบางอย่างที่น่าสนใจจากมัน  แต่ที่สำคัญที่สุดคือทักษะการเข้าใจภาษาขั้นฝึกหัดใช่ไหม?" ชายคนนั้นถามด้วยเสียงทุ้มและ เอวาลินก็ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ

"ใช่ ... ตอนที่เราพบเขา เขาพูดชื่อของข้าได้หลังจากได้ยินมันเพียงไม่กี่ครั้ง ... จากนั้นข้าสอนวิธีการอ่านและเขียนให้กับเขา แล้วก็ ... "

"กระตุ้นทักษะการเข้าใจภาษาด้วยใช่หรือไม่  ?" ซาราก๊อนถามดังนั้น เอวาลินจึงพยักหน้าอีกครั้ง

"น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ การที่อิมพ์ป่าทำได้ขนาดนี้ข้าต้องยอมรับเลยว่าน่าประทับใจนัก   " ชายคนนั้นพูดและวางแขนทั้งสี่ไว้ด้านหลังของเขา แต่โทมัสเจมส์และเอวาลินกลับมองเขาอย่างสับสน

"ป่ารึ ? ไม่ ไม่ เอวาลินใส่ปลอกคอเจ้านาย-" เจมส์อุทาน แต่เขาก็หยุดทันทีเมื่อโดนแสงจ้าของซารากอน

"ข้าบอกให้เจ้าพูดรึไง" ซาราก๊อนถาม แต่เจมส์ก็ส่ายหัว ดังนั้นซาราก๊อนจึงหันกลับไปหาเอวาลินอย่างรวดเร็ว

“มันเป็นความจริงหรือที่เจ้าควบคุมมันในฐานะเจ้านาย ? แล้วเช่นนั้นอิมพ์ตนนี้หลุดออกจากการควบคุมได้ยังไง ” ซาราก๊อนชี้ให้เอวาลินดูในขณะที่รอคำตอบ ดังนั้นเอวาลินจึงมองลงไปที่อิมพ์พร้อมกับขมวดคิ้ว   “แต่ข้าใส่ปลอกคอให้เขาแล้วนะและมันก็ทำงานได้โดยไม่มีปัญหาด้วย …” เธอตอบอย่างรวดเร็ว ซาราก๊อนเริ่มยิ้มและเผยให้เห็นฟันอันแหลมคมของเขาในขณะที่เขาพูดต่อ

"เจ้าทำเช่นนั้นจริง แต่นี่ไม่ใช่ไอเทมที่มีไว้เพื่อควบคุมอสูร เจ้าก็รู้ว่ามันใช้งานได้เฉพาะกับสิ่งมีชีวิตระดับเล็ก และด้วยลักษณะที่ผิดปกติของมัน มันจึงสามารถต้านทานผลกระทบได้อย่างช้าๆและดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ทำให้การควบคุมอ่อนแอลงอย่างมาก แต่กระนั้นข้าก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร   " ซาราก๊อน ชี้ให้เห็นและอธิบายในทันที

“ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ไม่สำคัญ เจ้าบอกว่าอิมพ์ตัวนี้อ่านได้ จริงรึ  ?” ซาราก๊อน ถามอย่างสงสัยและเอวาลินก็พยักหน้าทันที "ใช่เขาทำได้ เอิ่ม...เขาได้อ่าน 'เทพนิยายทั่วไป' ไปมากตั้งแต่เมื่อวาน ... " เธออธิบายดังนั้น ซาราก๊อนจึงค่อยๆยิ้มกว้างขึ้นอีกครั้ง

"อย่างนั้นเหรอ" งั้นอสูรน้อย เจ้าข่วยบอกข้าได้ไหมว่าเจ้าอ่านอะไรในหนังสือเล่มนั้น   " ซาราก๊อนถามและอิมพ์ก็รู้สึกเหมือนกับถูกบังคับให้ต้องทำตามคำพูดของชายคนนั้นและเขาก็พยายามอ่านสิ่งที่จำได้อย่างช้าๆ

“หนึ่งถ้วย …” อิมพ์ตอบ และรอยยิ้มประหลาดใจก็ปรากฏบนใบหน้าของซาราก๊อน พร้อมกับที่เขาขมวดคิ้ว "ดูเหมือนข้าจะบังเอิญได้พบบางอย่างเมื่อไม่นานมานี้พอดี" เขาอธิบายด้วยเสียงหัวเราะก่อนจะหันกลับไปและโบกมือข้างหนึ่งตรงหน้าตัวเองและจากนั้นสิ่งของและเสาต่างๆในห้องก็หายไปทันทีและถูกแทนที่ด้วยเสาต้นหนึ่ง

มันเป็นเสาสูงประมาณเอวของชายคนนั้นโดยมีสิ่งของชิ้นเล็กชิ้นเดียววางอยู่ด้านบน มันคือการ์ดใบเล็กที่มีถ้วยสีทองประดับอยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด