ตอนที่ 13 หลุดพ้น
ตอนที่ 13 หลุดพ้น
อิมพ์สับสน แต่ก็ทำเพียงแค่จ้องไปที่เอวาลินในขณะที่เขาสวมเสื้อคลุมและตอนนี้มือของเจ้าตัวสีแดงก็กดลงบนหัวของเขา
"เจ้าต้องสวมสิ่งนี้เพื่อซ่อนเรื่องที่เป็นอสูรไว้จากคนอื่น มันจะเป็นเรื่องยุ่งยากได้หากใครรู้เข้า " เอวาลินอธิบายและอิมพ์ก็เหมือนจะเข้าใจ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนความจริงที่ว่า ‘คน’ กับอสูรนั้นไม่ถูกกัน ครั้งแรกที่อิมพ์เจอพวกมัน พวกมันก็ได้ฆ่าพี่น้องของเขาและจะฆ่าเขาด้วยเช่นกัน
“คนอื่น…เดี๋ยว… …คน?” อิมพ์พูดซ้ำด้วยความสับสนและเอวาลินพยักหน้าขณะที่เธอมองไปรอบ ๆ “ใช่…คน…เจ้ารู้จักมนุษย์ เอลฟ์ หรือคนแคระไหม ? …” เธออธิบายแล้วมองไปที่อิมพ์ด้วยรอยยิ้มเบี้ยว
"เดี๋ยวก่อน… นี่เจ้าไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรตั้งแต่ต้นเลยรึ ?" เอวาลินถามเขาและอิมพ์ก็พยักหน้าช้าๆ "พระเจ้าช่วย ! อืม ... โทมัสกับข้าเป็นเป็นมนุษย์ส่วนเจมส์เป็นเอลฟ์แห่งแสง หรือที่ผู้คนเรียกว่าครึ่งเอล์ฟครึ่งดาร์กเอลฟ์นั่นแหละ " เธออธิบายให้อิมพ์ฟัง แต่เขาก็ทำแค่เอียงศีรษะไปด้านข้างไม่สามารถประติดประต่อได้ว่าคืออะไร
"ฮะ ... อืม เอาเป็นว่าข้าจะพยายามแสดงให้เจ้าเห็นเองตอนเราไปถึงเมือง ... " เจ้าตัวสีแดง ... ไม่ใช่สิมนุษย์สีแดงพึมพำกับตัวเองและอิมพ์ก็พยักหน้าช้าๆและเพียงแค่ยักไหล่ไม่ได้สนใจเรื่องทั้งที่กล่าวมา แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี
สำหรับตอนนี้อิมพ์พยายามทำความคุ้นเคยกับเจ้าสิ่งที่เรียกว่า 'เสื้อคลุม' อยู่ เขารู้สึกไม่ชอบเอาซะเลย แต่ตามที่เอวาลินบอกมันนั้นสำคัญดังนั้นเขาจึงคิดว่าควรใส่มันต่อไป เอวาลินนั้นฉลาดกว่าอิมพ์ดังนั้นสิ่งที่เธอพูดย่อมถูกต้อง
และไม่กี่นาทีต่อมาในขณะที่อิมพ์เดินไป เขามองดูการแจ้งเตือนที่ยังไม่หายไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขากำลังพยายามคิดว่าไอ่ตัวเลขที่นับถอยหลังนั้นกำลังอะไรอยู่ และตอนนนี้เองโทมัสและเจมส์ก็เดินออกมาจากอาคาร พวกเขาพูดบางอย่างกับเอวาลินและกลุ่มของอิมพ์ก็เดินทางต่อไปยังสะพานขนาดใหญ่ที่มีจุดละอองรอยอยู่ซึ่งอยู่ไกลออกไปข้างหน้า
มันเริ่มยากขึ้นเล็กน้อยเมื่อพวกเขาเข้าใกล้สะพานนั้นมากขึ้น เพราะอิมพ์เริ่มรู้สึกกลัวอีกครั้ง แต่ด้วยความช่วยเหลือของเอวาลินเขาจึงสามารถต่อสู้ผ่านมันไปได้ จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เข้าก็สู่สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่และกว้างขวาง จากนั้นก็เริ่มเดินต่อไปตามเส้นทางที่ยาวไกลออกไป จากมุมนี้ดูเหมือนว่าจะยาวออกไปไม่มีสิ้นสุด แต่อิมพ์นั้นรู้ว่าไม่ใช่เช่นนั้นเพราะเขาสามารถมองเห็นเกาะได้ตั้งแต่ไกล
สะพานนี้สวยงามเป็นอย่างมากและเพราะเขาไม่มีอะไรทำ อิมพ์จึงทำเพียงแค่หยิบเนื้อบางส่วนที่เหลือในกระเป๋ากินในขณะที่จ้องหน้าหนังสือต่อไปและในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึง บริเวณนี้กว้างใหญ่กว่าส่วนอื่นๆของสะพานและมีผู้คนอยู่มากมายที่มาจากอีกฝั่ง ดูเหมือนพวกเขาจะมารวมตัวกันที่นี่
“ในที่สุดก็ถึงจุดพักเสียที…การเดินบนทางที่ลาดเล็กน้อยเป็นเวลานานช่างเหนื่อยจริงๆ…” เจมส์บ่นในขณะที่เดินเข้าไปใกล้บริเวณที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะนั่งลงได้ จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่อิมพ์ที่ยังคงเดินอยู่
“แล้วทำไมไอ้นั่นมันยังไม่เหนื่อยอีก ?” เจมส์ถามอย่างรำคาญและเอวาลินก็ยิ้มอย่างบิดเบี้ยว “เขามีทักษะต้านทานความอ่อนเพลียดังนั้นข้าเดาว่านั่นเป็นเหตุผลที่เขายังไม่เหนื่อย แม้เจ้าจะหวังให้เขาบ่นเขาก็ไม่บ่นหรอกนะ …อีกทั้งเขายังมีทักศะสมาธิเช่นกันดังนั้นเขาจึงจ้องมองหนังสือได้ตลอดเวลา…เป็นยังไงหละ?”เอวาลินพูดชมและโทมัสก็ยักไหล่ขณะที่เขานั่งลงบนม้านั่งตัวหนึ่งแล้วดึงกระเป๋ามาตรงหน้าเขา
"อีกอย่าง แม้ว่ามันจะมีค่าสเตตัสและร่างกายที่ต่ำ แต่มันก็ยังเป็นอสูรดังนั้นความแข็งแกร่งพื้นที่ฐานของมันนจึงสูงพอดูอยู่" เขาตอบก่อนจะขมวดคิ้วและตัดอาหาร "ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงให้หนังสือของเจ้ากับมันกัน ? มันคือหนังสือเทพนิยายสำหรับเด็กทั่วไปเล่มนึงเองไม่ใช่รึ ?"
"อืม ตอนที่ข้าเพิ่งตื่นเมื่อเช้านี้ ... ทีแรกที่ข้าเห็นข้าก็ดึงคืนมาจากเขา แต่หลังจากนั้นข้าก็สังเกตเห็นว่าเขาพูดได้เก่งขึ้นกว่าเดิมและความเข้าใจภาษาก็เพิ่มมากขึ้น ... มันเพิ่มสูงขึ้นถึง 20 ระดับเลยทีเดียวเพียงแค่ผ่านมาหนึ่งคืน …ดังนั้นข้าจึงคิดว่าควรปล่อยให้เขาอ่านต่อไปสักพัก …เขานั้นปฏิบัติกับข้าเป็นอย่างดี…แล้วมีเหตุผลอะไรกันที่ข้าจะไม่ให้เขากัน?” เอวาลินตอบกลับอย่างกังวลดูเหมือนเธอจะพยายามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
"อืม ก็ตามใจ ... " โทมัสพูดพร้อมกับถอนหายใจและอีกสักพักพวกเขาก็กินต่อ ในขณะที่อิมพ์จ้องลงไปที่หนังสืออีกครั้ง อย่างน้อยจนกระทั่งเขารู้สึกวูบในหัวของเขา เขาวูบไปชั่วครู่หนึ่งแต่แล้วก็หายเป็นปกติ
และเมื่อเขามองขึ้นไปเขาก็เห็นการแจ้งเตือนอีกอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
[ระดับความเข้าใจภาษาทั่วไประดับเริ่มต้น เพิ่มขึ้น!]
[ความเข้าใจภาษาทั่วไประดับเริ่มต้นถึงระดับ 100 แล้ว ดังนั้นท่านจึงกลายเป็น ผู้เข้าใจภาษาทั่วไปขั้นฝึกหัด ]
อิมพ์จ้องไปที่การแจ้งเตือยด้วยความสับสนก่อนจะยักไหล่เล็กน้อยและกลับไปอ่านหนังสือต่อ เขานั้นไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แตกต่างออกไป เขาจำคำศัพท์บางคำได้ง่ายขึ้นและเขาก็สามารถจินตนาการออกว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นคืออะไร แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้ว่าความหมายของพวกเขา เขาเพียงรู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกันเท่านั้นและอย่างน้อยเขาก็สามารถเขียนคำบางคำที่ได้ยินลงไปได้แล้วด้วย !
ถึงกระนั้นอิมพ์ก็ต้องพยายามเช่นนี้ต่อไปและในไม่ช้าความรู้ทั้งหมดที่หนังสือเล่มนี้ซ่อนอยู่ก็จะถูกเปิดเผย เมื่อเขารู้ความลับในการฆ่าเจ้าการแจ้งเตือนแล้วหละก็เขาจะฆ่ามันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ! แต่ในขณะที่อิมพ์กำลังคิดเช่นนั้นอยู่การแจ้งเตือนที่น่ารำคาญก็ปรากฏขึ้น
[ท่านได้หลุดออกจากการควบคุมของปลอกคอเจ้านายแล้ว ]
[ท่านไม่ได้อยู่ภายใต้คำสั่งของ เอวาลิน สไตนฮาท อีกต่อไปแล้ว ]
อิมพ์เริ่มรู้สึกแปลก ๆเล็กน้อยในทันที มันคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้ แต่ว่าตอนนั้นเขาไม่สามารถพูดออกไปตรงๆได้ว่าไม่ชอบโทมัสกับเจมส์ แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไปเล็กน้อย เขาเป็นอิสระมากขึ้น ! และมีอีกอย่างหนึ่งที่อิมพ์คิดออก
เขาจำชื่อของเอวาลินได้อย่างรวดเร็ว แต่เขารู้สึกสับสนเกี่ยวกับคำที่อยู่ข้างหลัง มันดูไม่เหมือนกับคำอื่นๆที่เขาเคยเจอ ดังนั้นเขาจึงหันไปหาเอวาลินและพูดคำที่ปรากฏขึ้นมา “…เอวาลิน” อิมพ์พูดด้วยการออกเสียงที่ชัดเจนที่สุดซึ่งนี่ทำให้เธอหันมาหาเขาด้วยความประหลาดใจทันที จากนั้นเธอก็ยิ้มแม้ว่าจะยังเขี้ยวอาหารในปากก็ตาม
“หืม?” เธอถามออกไปเมื่อเห็นอิมพ์มองมา จากนั้นเขาก็เอียงหัวไปด้านข้าง “สไตฮาท… คืออะไร?” เขาถามเธอ ทันใดนั้นเอวาลินก็ลืมตาขึ้นและเริ่มสำลักอาหาร
อิมพ์รู้สึกกังวลเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่กี่อึดใจต่อมาดูเหมือนว่าเอวาลินจะไม่เป็นไรอีกครั้ง “ว่าแต่…เมื่อกี้เจ้าพูดว่า 'สไตฮาท' หรือเปล่า?” เธอถามด้วยความสับสนดังนั้นอิมพ์จึงพยักหน้าก่อนที่อวาลินจะมองไปที่โทมัสและเจมส์
"เจ้าเอ่ยนามสกุลของข้ากับเขางั้นรึ" ด้วยสีหน้าสับสน ทั้งสองคนก็ส่ายหัวก่อนที่โทมัสจะตอบ "ทำไมเราต้องไปทำเช่นนั้นกัน เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่านามสกุลเจ้าคือ 'สไตฮาท' เรารู้แค่ว่าเจ้าคือเอวาลิน ... และการลงชื่อเข้าพักที่โรงเตี๊ยมเองก็ไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อจริง มีเพียง ID นักผจญภัยของเราเท่านั้นที่มีชื่อเต็มอยู่" โทมัสชี้ให้เอวาลินหันกลับไปทางอิมพ์
“เอิ่ม…เจ้าไปได้ยินชื่อนั้นมาจากไหน?” เอวาลินถามเขา แต่อิมพ์เริ่มขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว "ไม่ได้ยิน ….. อ่าน" อิมพ์พูดขณะที่เขาชี้ไปยังการแจ้งเตือนตรงหน้าเขาก่อนเอวาลินจะมองเข้าด้วยความประหลาดใน "มีคำๆนี้อยู่ในการแจ้งเตือนของเจ้างั้นรึ"
อย่างช้า ๆ อิมพ์หันกลับไปที่การแจ้งเตือนและขมวดคิ้วพยายามดูว่ามันคืออะไรและดูเหมือนว่าจะจำคำอื่น ๆ ได้
"ความเป็นเจ้านาย" อิมพ์ก็พูดออกมา จากนั้นเอวาลินก็ถอนหายใจโล่งอก “อ๋ออ…ข้าเดาว่ามันคงเป็นแค่ข้อมูลของผู้ที่เป็นเจ้าของนั่นแหละ …” เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะโน้มตัวไปหาอิมพ์อย่างสับสน
"ตอนนี้เจ้าสามารถอ่านมันได้แล้วรึ ?"เอวาลินถามและ อิมพ์ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่พอใจ “อิมพ์ทำได้!” เขาอุทานและเอวาลินก็หันไปหาคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้ม "หึหึ ดูเหมือนว่าความเข้าใจภาษาของเขาจะยกระดับขึ้นแล้วสินะ" เธอบอกพวกเขาจากนั้นโทมัส เจมส์และเอวาลินก็เริ่มพูดเกี่ยวกับบางสิ่งซึ่งอิมพ์ก็ไม่ได้สนใจ เขาเพียงแค่อยากจะกลับไปอ่านหนังสือต่อในตอนนี้เพื่อที่จะได้รู้ว่าจริงๆแล้วพวกเขาพูดอะไรกัน อีกไม่นานเขาจะต้องเข้าใจคำพูดพวกนั้นแน่นอน!
จากนั้นสักพัก กลุ่มเล็กๆของพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินต่อไปยังเกาะในขณะเดียวกันอิมพ์ก็ยังคงพยายามอ่านและได้รับการแจ้งเตือนตลอดเวลา นี่ทำให้เขารู้สึกรำคาญจริงๆ แต่ในที่สุดอิมพ์ก็สามารถทนพวกมันได้เนื่องจากเขากำลังมีความสุขจากการที่เข้าใจคำศัพท์มากขึ้น แม้ว่าเขาจะเจอคำยากๆเขาก็จะอ่านมันอย่างช้าๆซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเขา
หลังจากนั้นไม่นานนักอิมพ์ก็หยุดพร้อมกับเอวาลิน และเมื่อเขามองไปรอบๆเขาก็เห็นว่าตัวเองนั้นได้กลับมาอยู๋บนพื้นดินทั่วๆไปแล้วแทนที่จะเป็นสะพานไม้
“เก๊ะ?” อิมพ์ถามอย่างสับสนและเอียงศีรษะไปด้านข้าง จากนั้นเอวาลินก็ยิ้มให้เขาบางๆ
“เมื่อเรามาถึงที่นี่แล้วเจ้าต้องระวังตัวให้มากขึ้น หยุดอ่านและระวังรอบๆให้ดี ”เธอบอกเขาเช่นนั้น ทันทีอิมพ์ก็หยักหน้าปิดหนังสือราวกับทำตามที่สั่ง จากนั้นก็กดหนังวือไว้ที่หน้าอกตัวเอง
มีคนจำนวนไม่น้อยอยู่ที่นี่ด้วย! บางคนผอม ตัวเตี้ย บางคนก็สูงและตัวใหญ่เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีบางตัวที่ดูเหมือนกับอสูรซึ่งมีขนปกคลุมทั่วตัว ดังนั้นตามที่เอวาลินเคยสัญญาไว้กับอิมพ์ เธอก็เริ่มบอกว่าคนเหล่านี้คืออะไร มาจากไหน เผ่าพันธ์อะไรและมีอะไรแตกต่างกัน และหลังจากพยายามอยู่ไม่กี่ครั้งเขาก็สามารถจดจำเผ่าพันพ์ของคนเหล่านี้ได้
แต่แล้วคนเสียงดังบางคนก็พูดขัดจังหวะบทเรียนที่น่าสนใจของเขาขึ้นมา "ใครก็ตามที่สามารถต่อสู้ได้ให้ลงมาที่สะพานทางใต้เดี๋ยวนี้! มีฝูงอสูรอยู่ที่นั่น!" ใครคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาทันที จากนั้นเอวาลิน โทมัสและเจมส์ก็มองหน้ากันอย่างสับสน
"ฝูงอสูร? จากทิศใต้รึ?" โทมัสถามด้วยความประหลาดใจและต่อไปเจมส์ก็พูดขึ้น “มันเป็นข่าวปลอมรึเปล่า?” เจมส์กล่าวเสริม แต่เอวาลินส่ายหัวทันที “ข้าเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ว่า…” เธอพูดพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างสับสนก่อนที่โทมัสจะเกาหลังคอของเขา
"เมืองนี้มีนักผจญภัยอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาน่าจะสามารถป้องกันมันไว้ได้ ดังนั้นเราจะยังคงทำตามแผนเดิมของเรา " ในขณะที่เกาหลังคออยู่โทมัสก็บอกเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ ก่อนที่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีดวงอาทิตย์อยู่ "ถ้าเราไม่รีบหละก็ แผนที่เราวางไว้จะต้องล่มแน่ ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่สามารถกลับลงไปที่สะพานทางใต้ได้เด็ดดาด " เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่งการและคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าช้าๆแม้ว่าเอวาลินจะดูไม่เต็มใจก็ตาม
“ไม่ต้องกังวล…เราไปกันเถอะ”