ตอนที่แล้วWS บทที่ 22 คาถาลูกไฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 24 อุบัติการณ์ PART 2

WS บทที่ 23 อุบัติการณ์ PART 1


*บูม!!!!*

ลูกไฟกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ห้องใต้ดินได้สั่นสะเทือน เมอร์ลินได้ล้มลงบนพื้น

“แค่ก แค่ก”

ฝุ่นได้ตลบอบอวล ตัวเขาเปื้อนไปด้วยฝุ่น เขาหันไปมองที่ ๆ ลูกไฟได้กระทบกับพื้น ที่ตรงนั้นได้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ราว ๆ ครึ่งเมตร มันแสดงให้เห็นว่าพลังของมันน่ากลัวมากแค่ไหน

เมอร์ลินได้กลับไปตรวจสอบจิตใต้สำนึกของเขาอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่าขอบของโครงสร้างเวทมนต์กลับกลายเป็นสีเทาอีกครั้ง ส่วนโครงสร้างเวทมนต์ยังเหมือนเดิม ยกเว้นแค่พลังเวทย์ที่อยู่ภายในนั้นไม่เหลือแล้ว

เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันต้องเกี่ยวข้องกับขอบสีเทาแน่นอน

หลังจากนั้นเมอร์ลินได้กลับไปตรวจสอบโครงสร้างเวทมนต์อย่างละเอียด ทำให้เขาได้พบว่า หลังจากที่เมอร์ลินร่ายคถาลูกไฟไป 3ครั้ง จะทำให้ขอบเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีแดง หากเขาในพลังจิตไปกระตุ้นมัน เขาจะสามารถปลดปล่อยพลังลูกไฟขนาดมหึมาออกมา มันจะรุนแรงกว่าลูกไฟปกติถึงสามเท่า

เมอร์ลินไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงเกิดขอบพวกนี้ขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพราะเดอะเมทริกซได้ออกแบบโครงสร้างเวทมนต์แบบใหม่หรือเป็นเพราะเขาได้ข้ามโลกมา

แม้เขาจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่มันก็เป็นประโยชน์ต่อเขา เขาสามารถเก็บมันไว้ใช้เป็นไพ่ลับได้ ดังนั้นเมอร์ลินจึงชื่อคาถาลูกไฟที่ถูกกระตุ้นด้วยขอบสีแดงว่า ลูกไฟยักษ์ ซึ่งมันง่ายและตรงตัวดี

หลังจากที่ทุกอย่างสงบลงแล้ว เมอร์ลินก็ยังฝึกฝนคาถาลูกไฟต่อในห้องใต้ดิน

เวลาได้ล่วงเลยไปจนถึงกลางคืน เมอร์ลินไปออกมาจากห้องใต้ดินและกลับมาในห้อง

ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้และกำลังพลิกตำราเวทมนต์บนโต๊ะเขียนหนังสืออย่างระมัดระวัง

โดยตำราเวทมนต์ของชายชราอีธานมีทั้งหมดสามส่วน โดยส่วนแรกพูดถึงบทนำ เรื่องราวที่มาที่ไปของพ่อมดและประสบการณ์ในการร่ายเวทย์

ส่วนที่สองเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับโครงสร้างเวทมนต์ที่ชายชราอีธานใช้เวลาหลายสิบปีในการเพียรพยายามสร้างมันขึ้นมา

เมอร์ลินได้อ่านสองส่วนแรกเสร็จแล้วและได้สร้างโครงสร้างเวทมนต์ของเขาขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เขาฝึกฝนคาถาลูกไฟอยู่ห้องใต้ดินนั้น เขาได้พบจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่เขามีในตอนนี้

‘ตอนนี้พลังจิตของฉันมันน้อยเอามาก ๆ’

หากสร้างโครงสร้างเวทมนต์ได้ คน ๆ นั้นก็จะกลายเป็นพ่อมด แต่การที่จะบ่งบอกว่าใครเป็นพ่อมดที่แข็งแกร่งได้นั้น มันอยู่ที่พลังจิต ยิ่งพ่อมดมีพลังจิตกล้าแกร่งมากเพียงใด คน ๆ นั้นก็จะสามารถใช้เวทมนต์อย่างมีประสิทธิภาพได้

ซึ่งวิถีเพิ่มพลังจิตมีอยู่ทางเดียวก็คือการทำสมาธิ

ด้วยพลังจิตที่เมอร์ลินมีในตอนนี้ มันแทบจะควบคุมโครงสร้างเวทมนต์ไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะสร้างคาถาอันที่สองในตอนนี้ แต่ถึงอย่างนั้น เขายังเชื่อว่าชายชราอีธานคงจะทิ้งวิธีการทำสมาธิไว้ในตำราเวทมนต์

เมอร์ลินได้ค่อยพลิกหน้ากระดาษของตำราไปยังส่วนที่สาม เขาก็พบวิธีทำสมาธิเพียงไม่กี่วิธี ดูเหมือนมันจะเป็นเพียงการทำสมาธิสำหรับผู้เริ่มต้นเท่านั้น ทำให้ผลลัพธ์ของมันค่อนข้างจำกัด

โดยวิธีการทำสมาธิล้วนมีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ของตัว บางอันก็มีผลการฟื้นฟูพลังจิต หากพลังจิตหมดมันจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนเมอร์ลินสนใจ อันที่เพิ่มพลังจิต ให้จำนวนพลังจิตที่มีเพิ่มมากขึ้น

เมื่อเลือกวิธีได้แล้ว เขาก็เริ่มทำตาม โดยเขาหลับตาและพยายามทำให้พลังจิตอยู่ในสภาวะที่สงบ

การทำสมาธินั้นต้องมีการฝึกฝนเป็นเวลานานและสม่ำเสมอเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลง

หลังจากที่เมอร์ลินพอจะเข้าใจวิธีการแล้ว เขาก็ได้ลืมตาและลึกขึ้นยืน เขาไม่ได้ตรวจสอบสถานะของพลังจิต เนื่องจากเขาไม่คาดหวังวิธีการนี้จะมีผลในทันที

*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*

“คุณชายเมอร์ลินคะ” เป็นลูเซียที่ก๊อกประตู

“เข้ามา”

ลูเซียเปิดประตูพร้อมกับโน้มศีรษะลง “คุณชายเมอร์ลิน พ่อบ้านได้สั่งให้ฉันมาวัดร่างกายของคุณชายเพื่อตัดชุดใหม่ให้คุณชายค่ะ”

เมอร์ลินก้มลงไปมองร่างกายของเขา เขารู้สึกรูปร่างของเขาเปลี่ยนไปทำให้เสื้อผ้าดูเล็กลงเล็กน้อย คงเป็นเพราะกล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้นในช่วงที่ผ่านมาไม่กี่เดือนจึงทำให้เสื้อผ้าที่เขาใส่มันคับ เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวก

“เอาสิ ได้เลย”

เมอร์ลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อโค้ทออก เหลือบางเสื้อเชิ้ตตัวบางที่อยู่ท่านบนเท่านั้น เขาได้กางแขนออกและส่งสัญญาณให้ลูเซียมาวัดตัวเขา

ลูเซียเข้ามาอย่างรีบร้อน เธอเริ่มวัดความสูงของเมอร์ลินด้วยเทปวัดร่างกาย

ด้วยความที่เมอร์ลินสูงขึ้นมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จนทำให้ลูเซียเอื้อไม่ถึงศีรษะของเขา เธอได้ยืนเขย่งบนปลายเท้าและร่างกายของเธอใกล้ชิดกับเขา

ลูเซียได้เงยหน้าขึ้นขณะวัด เธอสวมชุดแม่บ้านสีอ่อนและคอเสื้อค่อนข้างกว้าง

เมอร์ลินได้เห็นผิวขาวเนียนในขณะที่ก้มหน้าลงมาเล็กน้อย

ลูเซียนั้นเป็นผู้หญิงที่สวย แม้เธอจะมีผ้ากระบนใบหน้าแต่มันก็ไม่ส่งผลต่อความสวยของเธอ กลับกันมันทำให้เธอมีสเน่ห์น่าดึงดูด

เมอร์ลินได้จ้องมองไปยังเรือนร่างของลูเซีย

แม้ว่าภายนอกปราสาทจะหนาวเหน็บ แต่เมอร์ลินกลับรู้สึกรุ่มร้อนในกายาของเขา

“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณชายเมอร์ลิน”

ดูเหมือนลูเซียจะรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องของเมอร์ลิน มันทำให้เธอรู้สึกประหม่า เธอได้ถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัส เธฮไม่กล้าสบตาเมอร์ลิน

“โอเค งั้นเธอออกไปได้แล้ว”

เมอร์ลินได้โบกมือไล่ลูเซียออกไป จากนั้นเขาเดินไปหน้ากระจกและจ้อมมองไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่ม เขายิ้มเล็กน้อยและพึมพำออกมา “ดูเหมือนว่าฉันจะห่างจากเรื่องพวกนี้มานานเกินไป...”

ตั้งแต่ที่เขาข้ามโลกมา เขาก็ระแวดระวังตลอดเวลาจึงทำให้ก่อนที่จะทำอะไรเขาจะพิจารณาอย่างรอบคอบ

จากนั้นเขาก็ได้พบกับเวทมนต์ ทำให้เขาได้หมกมุ่นอยู่กับมัน

แต่ยังไงร่างกายนี้ก็ยังมีอายุเพียง 16ปี ซึ่งอยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ แม้ว่าเขาจะไม่คิดอะไรแต่ร่างกายก็ตอบสนองโดยที่เขาไม่รู้ตัว

เมอร์ลินได้หยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวมและลงไปที่ชั้นล่าง เขามองไปรออบ ๆ แต่ไม่พบเมซี่ส์เลย

“พ่อบ้าน เมซี่ส์อยู่ไหน”

“คุณหนูเมซี่ส์ออกไปฝึกที่โบสถ์แล้วครับ”

เมอร์ลินพยักหน้า เนื่องจากในช่วงนี้เขาได้ฝึกฝนคาถาลูกไฟมากตลอด บางครั้งก็ไม่ได้เห็นเมซี่ส์เลย เธอฝึกฝนหนักแทบทุกวัน ดูเหมือนว่าเธอจะพบอุปสรรคทำให้ยังไม่สามารถเป็นนักดาบธาตุได้ซะที

เขามีข้อมูลเรื่องนักดาบธาตุน้อยมากแต่เขาพอจะรู้มาว่าสิ่งสำคัญของนักดาบธาตุก็คือการสะสมพลังงานธาตุ

ดังนั้นเมซี่ส์ที่มีปฏิสัมพันธ์พลังธาตุไฟและโครงสร้างเวทมนต์ของเขาก็สามารถดูดซับธาตุให้ได้ เขารู้สึกว่าทั้งสองอย่างนี้มีความเกี่ยวข้องกัน

“อืม...ไว้เมซี่ส์กลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะลองดูว่าฉันจะสามารถช่วยเธอให้เป็นนักดาบธาตุได้มั้ย”

หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เขาได้หยิบผ้าพันคอสีเทามาสวมและมุ่งตรงออกจากปราสาท

“คุณชายครับ คุณชายกำลังจะออกไปไหนครับ” พ่อบ้านถามด้วยความประหลาดใจ

“ฉันจะออกไปเดินเล่น”

“คุณชายรอก่อนครับ เดี๋ยวผมจะตามมอสส์มาให้”

เมอร์ลินส่ายหัว “ไม่ต้อง ฉันอยากออกไปเดินเล่นคนเดียว”

หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าเดินออกไปนอกปราสาท โดยทิ้งให้พ่อบ้านที่ลำบากใจไว้ข้างหลัง

เมอร์ลินได้เดินเท้าอยู่พักใหญ่ ไปถึงบ้านไม้ของชายชราอีธาน เขามองดูเบื้องหน้าด้วยสายตาที่สับสน

บ้านไม้แห่งนี้ถูกทิ้งร้างอย่างโดดเดี่ยว เนื่องจากที่นี่เป็นที่อยู่ของพวกนอกรีตอันชั่วร้าย

เมอร์ลินได้เอามือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและมองไปรอบ ๆ หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ เขาได้ผลักรั้วเหล็กขึ้นสนิมและเข้าไปข้างใน

เขาถอดหมวกออกและปัดหิมะออกเบา ๆ ในขณะที่เขากำลังจะก้าวเข้าไป ทันใดนั้นเขาได้รู้สึกถึงบางอย่างอยู่ข้างใน เขาหรี่ตามองอย่างสงสัย

‘นั่นเสียงฝีเท้าใครนี่’

เขาสังเกตเห็นรอยเท้าที่ชัดเจนบนบันไดที่มันเต็มไปด้วยฝุ่น มันยังใหม่ ๆ อยู่เลย แสดงว่ามีใครบางคนอยู่ในบ้านไม้ในตอนนี้

เมอร์ลินมองขึ้นไปอย่างไม่ระมัดระวัง เขาได้ตัดสินใจเดินขึ้นอย่างเบา ๆ และให้เงียบที่สุด

*กึก กึก*

เสียงข้างบนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เขาได้มาถึงหน้าประตูบานหนึ่ง ตรงลูกบิดแทบไม่มีฝุ่นจับเลยราวกับว่าเพิ่งจะมีคนเปิดเมื่อไม่นานมานี้

‘นั่นใครน่ะ’

เขาไม่รีบเข้าไปข้างในทันที เขาได้มองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นรอยเท้าที่อยู่บนพื้นมันค่อนข้างเล็ก ราวกับรองเท้าของผู้หญิง

‘หรือว่าจะเป็นของคุณคาริซ’

หลังจากที่ชายชราได้ถูกเปิดโปงว่าเป็นพวกนอกรีต คนในเมืองแบล็กวอเตอร์แทบจะไม่กล้าเฉียดที่นี่เลย ดังนั้นคนที่น่าจะมาที่นี่นอกจากเขาแล้วก็มีแค่คาริซ

*ตึง ตึง ตึง*

ในจังหวะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา โดยส่งมุ่งหน้าตรงมาที่ประตูซึ่งเป็นที่ ๆ เขาอยู่

*ปัง*

เมอร์ลินรีบเข้าไปซ่อนทางซ้ายอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาจับจ้องไปที่ประตูบานใหญ่ที่ตอนนี้ได้ถูกกระแทกเปิดออกมาอย่างรุนแรง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด