Ep.765 - โอกาสร่ำรวยชั่วข้ามคืน
4/4
Ep.765 - โอกาสร่ำรวยชั่วข้ามคืน
สามารถกล่าวได้ว่า ก่อนหน้านี้เป็นเพราะการยั่วยุของกวนจินฮ่าว ทำให้โม่ลี่บังเกิดความโกรธ แต่หลังจากต่อสู้มายาวนานถึงสามชั่วโมง ความโกรธก็ได้สลายไปเกือบหมดสิ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม เพราะศักดิ์ศรีมันแน่นอยู่เต็มอก โม่ลี่เลยตั้งใจจะโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ไม่มีความคิดจะต่อสู้อีกแล้ว
ทว่าตอนนี้ โม่ลี่รู้สึกโกรธจริงๆ!
กล้าทำร้ายรากฐานของมัน ทำลายอักษรรูนที่ต้องใช้เวลาสั่งสมนานนับร้อยปี นี่ถือเป็นการเพาะสร้างความเกลียดชังครั้งใหญ่!
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ความโกรธของฉินเฟิงลุกฮือไปถึงสรวงสวรรค์ เขาโคตรไม่พอใจกับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตนเอง รู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องไป๋หลี และต่อสู้กับโม่ลี่ได้
จู่ๆเขาก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าจิ้งจอกน้อยพูดถูก การสังหารโม่ลี่ก็น่าสนใจเหมือนกัน หากสำเร็จ เขาจะได้รับทรัพยากรในการยกระดับขึ้นเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ระดับเทวะเลเวล A และมันอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น!
เส้นทางของฉินเฟิง โชคชะตากำหนดให้ท่วมไปด้วยเลือด ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็ขอใช้สัตว์เทวะตัวนี้ เป็นเครื่องสังเวย ชะโลมเลือดให้เลอะยิ่งกว่าเดิมเลยก็แล้วกัน!
ฉินเฟิงเรียกศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งวารีกลับมา ชักมีดกษัตริย์คราม อัดฉีดพลังงานลงไป กระโจนเข้าปะทะโดยตรง!
ฆ่า!
ต้องฆ่าโม่ลี่ให้จงได้!
เจตนาฆ่าแพร่กระจายออกมาจากในร่างของฉินเฟิง ข่มผู้คนจนขวัญกระเจิง
โม่ลี่เมื่อพบว่าไม่มีศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งวารีอยู่ในจักรวาลแห่งจิตสำนึกอีกแล้ว อีกทั้งรูนที่แทรกแซงเข้ามาก็หายไปจนหมดสิ้น แต่ความโกรธของมันไม่จางหายไป ระเบิดเจตนาฆ่าที่ไม่ด้อยไปกว่าของฉินเฟิง
หนึ่งมนุษย์หนึ่งสัตว์ร้าย เข้าห้ำหั่นกันอีกครั้ง
โดยไม่สน ไม่คำนึงถึงสิ่งใด ฉินเฟิง ไป๋หลี และโม่ลี่ ระเบิดทุกประเภทของการโจมตีเข้าใส่กัน สู้ทั้งวันคืนไม่มีหยุดพัก
การต่อสู้ดำเนินต่อไปราวกับไม่มีวันสิ้นสุด
หนึ่งวันผ่านไป
สองวัน!
ย่างสู่วันที่สาม!!
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนาน แม้ออกห่างจากป้อมปราการมาไกลแล้ว แต่ฉินเฟิงเชื่อว่า ยังมีหลายคนกำลังใช้การรับรู้ รับชมการต่อสู้ของพวกเขา
ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงไม่สนใจ!
ช่วงเวลานี้ เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของตนกำลังเปลี่ยนไปเช่นกัน แต่เปลี่ยนที่ว่าไม่ใช่การยกระดับทางกายภาพ แต่เป็นในด้านการปลดปล่อยทักษะต่อสู้ เขาพบว่ามันละเอียดมากขึ้น ว่องไวมากขึ้น ดังเชั่นปลาที่อยู่ในน้ำ!
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ย่อมเป็นฉินเฟิงที่รับภาระหนักสุด เพราะท้ายที่สุดแล้วเขามีความแข็งแกร่งแค่ในระดับเลเวล B3 เท่านั้น
ฉินเฟิงใช้พลังสมาธิจนเหือดแห้ง จากนั้นหันมาใช้กำลังภายในเข้าต่อสู้แทน และเมื่อกำลังภายในของเขาหมดลง ก็ใช้พละกำลังเข้าสู้ต่อ หากถึงสภาวะบีบคั้นไม่มีทางเลือก ฉินเฟิงก็จะเรียกศิลาศักดิ์สิทธิ์ออกมา ระเบิดอานุภาพทำลายล้างครั้งใหญ่
ท่ามกลางพื้นที่ในอุปกรณ์รูนมิติ ไม่ว่าจะสมุนไพรวิญญาณ , เนื้อสัตว์ร้าย หรือแก่นสัตว์ร้าย ทั้งหมดล้วนถูกเรียกออกมา เพื่อสูบพลังงานไปใช้ในการต่อสู้
ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ของฉินเฟิงเสียหายร้ายแรง จนใกล้เกือบถึงจุดที่กำลังจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
วูซซซ!
โม่ลี่ฉวยจังหวะ สามารถคว้าร่างของฉินเฟิงได้อีกครั้ง แต่วินาทีนั้นฉินเฟิงระเบิดวิชาตัวเบาทักษะหมื่นภูติ ร่างเงาฉินเฟิงกระจายเป็นสิบคนในพริบตา กระจัดกระจายไปคนละทิศทาง
แน่นอน ว่าวิ่งไปได้แค่ไม่ไกล ทั้งหมดก็ถูกอบิลิตี้เพลิงของโมลี่เป่าหายไม่มีหลงเหลืออยู่ดี
ร่างที่แท้จริงของฉินเฟิงถูกเผยโฉมอีกครั้ง ในการปะทะเมื่อครู่ บนแขนเขาถูกกรงเล็บแหลม กรีดลึกเป็นแผลเหวอะจนมองเห็นกระดูก
น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง!
เกราะแขนของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ เวลานี้แหลกเป็นเสี่ยงๆ!
ในตอนนั้นเอง ไป๋หลีโฉบกายมาเคียงคู่ฉินเฟิง ระเบิดออกด้วยรังสีแสงสีเงิน ก่อนทั้งคู่หายวับไปจากจุดเดียวกัน
โม่ลี่ยื่นมือออกไป แหวกมีติที่เพิ่งปิดลง วิธีนี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับสัตว์เทวะเลเวล A
เพราะพวกมันคือการดำรงอยู่ที่ใกล้เคียงกับผู้ใช้พลังเลเวล S ที่สุดแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น ระหว่างโม่ลี่กำลังต่อสู้กับฉินเฟิงและไป๋หลี ฉากประมาณนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มันต้องเร่งควานหาฉินเฟิงให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นมนุษย์ที่ฆ่าไม่ตายสักทีผู้นี้ จะหาวิธีฟื้นฟูร่างกายตนเองอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ว่า เมื่อมันมาถึง ก็พบว่าฉินเฟิงสามารถล่าและสังหารนายพลสัตว์ร้ายเลเวล B3 ลงได้แล้ว!
พลังงานจากนายพลสัตว์ร้ายไหลออกมา ถูกฉินเฟิงดูดซับอย่างรวดเร็ว ฟื้นฟูพลังงานแก่เขา ไม่เพียงแค่นั้น แต่เลือดที่ไหลจากนายพลสัตว์ร้ายยังเหือดแห้ง กลายมาเป็นพลังในการช่วยรักษาบาดแผลบนแขนของฉินเฟิง มันสมานเข้าหากันอย่างรวดเร็วด้วยความไวที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
เมื่อเห็นโม่ลี่ปรากฏกายขึ้น ฉินเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจใดๆ เขาย่อตัวและพุ่งเข้าต่อสู้อีกครั้ง
กายมนุษย์ของฉินเฟิงไม่ทรงพลังเท่าโม่ลี่ หากให้ห้ำหั่นกันในระยะยาวเขาไม่สามารถสู้โม่ลี่ได้
อย่างไรก็ตาม มีดกษัตริย์ครามในมือฉินเฟิง ทำให้โม่ลี่ไม่กล้าทุ่มลงมือขั้นเด็ดขาด
เพราะมีอยู่หลายครั้ง ที่มีดเล่มนี้สามารถตัดผ่านผิวหนังของโม่ลี่ได้ ส่งผลให้เลือดมังกรแสนล้ำค่าของมันหลั่งรินสู่พื้นดิน
แต่โม่ลี่เป็นมังกรยักษ์ ดังนั้นความสามารถในการฟื้นตัวของมัน เทียบเท่ากับพลังพิเศษในการกลืนกินสัตว์ร้ายของฉินเฟิง น่าหวาดกลัวยิ่ง
แม้กระนั้น สภาพของโม่ลี่ในเวลานี้ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉินเฟิงมากนัก
ตามร่างของโม่ลี่ถูกย้อมไปด้วยสีดำและแดงไม่สามารถมองเห็นความสดใส และสีแดงอันเร่าร้อนของเกล็ดมังกรดั่งเช่นตอนแรกได้อีก เวลานี้มันถูกปกคลุมไปด้วยเลือดที่แข็งตัว และร่องรอยของโคลนดิน!
สามารถกล่าวได้ว่า การต่อสู้ในครั้งนี้ ฝ่ายใดจะแพ้หรือชนะ ยังไม่อาจเอ่ยได้เต็มปาก ทั้งสองฝ่ายต่างระเบิดพลังงานในตัวออกมา ผลัดการตีผลัดกันถอย เรามาดูกันว่าใครจะสามารถต่อสู้ได้ถึงที่สุด
ในเวลานั้นเอง จู่ๆโม่ลี่ก็คำรามออกมาอีกครั้ง
เจตนาฆ่าถูกแทนที่ด้วยความโกรธ แต่ฉินเฟิงสามารถระบุได้อย่างชัดเจน ว่าความโกรธนี้ไม่ได้เป็นเพราะเขา แต่เกิดจากสาเหตุอื่น
วินาทีต่อมา โม่ลี่ใช้กรงเล็บแหลมแหวกเปิดมิติ มุดเข้าไปข้างใน!
“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันคิดหนีฉันอย่างงั้นหรอ?” ฉินเฟิงกล่าวพลางขมวดคิ้ว
แต่ในหัวใจของเขา ตระหนักได้อย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
เพราะการเลือกที่จะหลบหนีต่อหน้าสัตว์ยักษ์มิติ นี่มิใช่เรื่องงี่เง่าหรอกหรือ?
“คุณอยากตามไปดูไหม?” ไป๋หลีกล่าวด้วยความเหนื่อยล้า ตั้งแต่ถือกำเนิดมา เธอไม่เคยต่อสู้หนักขนาดนี้มาก่อนเลย
แน่นอน เพราะการต่อสู้ในครั้งนี้ ทำให้ตามร่างไป๋หลี ติดตรึงไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันอันรุนแรง คล้ายกับว่าทวีแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
นี่แหละคือสิ่งที่มักเรียกกันว่าการถือกำเนิดใหม่หลังต่อสู้!
“ไปดูกันเถอะ”
ฉินเฟิงยังไม่แน่ใจว่าจะฆ่าโม่ลี่ได้หรือไม่ แต่เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
โม่ลี่สามารถติดตามฉินเฟิงกับไป๋หลีผ่านช่องว่างมิติได้ ดังนั้นหากไป๋หลีคิดทำแบบเดียวกัน ย่อมง่ายยิ่งกว่า!
ไม่นาน ทิวทัศน์รอบกายทั้งสองก็เปลี่ยนไป สภาพแวดล้อมอื่นปรากฏออกมา ไร้ซึ่งเมฆขาวบนท้องฟ้า แต่ปรากฏโพรงใหญ่ที่ดูพร่ามัว และบางสิ่งที่คอยให้แสงสว่างเป็นสีแดง
สายตาของฉินเฟิงเริ่มปรับให้เข้ากับทุกสิ่งรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่ารังสีแดงเหล่านี้เป็นแร่ธาตุไฟชนิดหนึ่ง เป็นศิลาที่มักกำเนิดขึ้นในที่พักของสัตว์ธาตุไฟอันทรงพลัง ที่อาศัยอยู่มาเป็นเวลานาน
และที่นี่ แม้ฉินเฟิงไม่เคยมา แต่ก็ทราบได้ทันทีว่าคือที่ใด!
--ถ้ำของโม่ลี่!
ที่นี่คือปล่องของภูเขาไฟที่ดับแล้ว มันกว้างใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ ยามแหงนมองขึ้นไป ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากกบในก้นบ่อ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ที่อยู่ใจกลางปล่องภูเขาไฟนี้ กลับเป็นเสียงกรีดร้องของผู้คน
“โม่ลี่ มันคือสัตว์เทวะโม่ลี่!”
“บ้าชิบ มันกลับมาแล้ว!”
“รีบหนีเอาตัวรอดเร็ว!”
ผู้ใช้พลังเหล่านี้ ล้วนเป็นคนที่ฉินเฟิงเคยพบเจอมาก่อน
ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าเจ้าพวกนี้ ทุกคนล้วนเป็นคนที่เดินทางเข้าสู่เกาะนรก พวกเขาลอบเข้ามาในที่ซ่อนของโม่ลี่ ฉินเฟิงใช้เวลาขบคิดเพียงครู่ ก็คาดเดาได้ถึงเรื่องราวทั้งหมด!
เนื่องจากเขากับโม่ลี่ต่อสู้กันเป็นเวลายาวนานกว่าสามวัน ฉะนั้นคนพวกนี้ยังมีอะไรให้กังวลอีกหรือ?
กวนจินฮ่าวเคยทำไปคนนึงแล้ว ดังนั้นแน่นอนว่าย่อมมีกลุ่มคนอื่นๆที่คิดกระทำการแบบเดียวกับกวนจินฮ่าว
พวกเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฉินเฟิงจะสามารถสังหารโม่ลี่ได้หรือไม่ แต่วันนี้ ไหนๆก็เป็นวันสุดท้ายที่กำลังจะจากไปแล้ว งั้นทำไมไม่ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ซะเลยเล่า?
ตรงมายังถ้ำของโม่ลี่ แล้วฉกชิงสมบัติก่อนออกเดินทาง เป็นอย่างไร แค่ฟังก็น่าสนใจแล้วใช่ไหม!?
สมบัติเหล่านี้ มากพอที่จะทำให้ร่ำรวยในชั่วข้ามคืน!
เพียงแต่ว่า ขนาดกวนจินฮ่าวที่ฉกาจในการลอบเร้นยังถูกโม่ลี่จับได้ นับไม่ประสาอะไรกับคนเหล่านี้?
น่ากลัวว่าต่อให้คนพวกนี้หยิบยืมความกล้าของกวนจินฮ่าวไปสักแปดส่วน พวกเขายังไม่กล้าแตะต้องสมบัติของโม่ลี่ในยามที่อีกฝ่ายอยู่ในถ้ำ
กระนั้น แม้จะลอบเข้ามาในตอนโม่ลี่ไม่อยู่ แต่ที่นี่มีกลิ่นอายของโม่ลี่ ดังนั้น หากมีคนอื่นๆบุกเข้ามา โม่ลี่จะสามารถรู้ได้ในทันที
และปัจจุบัน หัวขโมยเหล่านั้นได้ถูกพบตัวแล้ว!