เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 210 บ่นไปไม่มีประโยชน์
大姐大 บทที่ 210 บ่นไปไม่มีประโยชน์
ชูชาพูดกับโม่ชืออวิ้นถึงข่าวที่เธอได้รับมาว่า “ฉันได้ยินว่าวันที่รับรางวัลชนะเลิศ ผู้จัดงานจะพบปะกับพวกเขาเป็นการส่วนตัว เห็นได้ชัดว่าทำไมตระกูลเจี่ยนถึงต้องช่วยเจี่ยนอีหลิงทำอะไรแบบนี้ จริงแล้วเป็นการปูทางให้ลูกสาวตัวเองนี่เอง”
ลองคิดดู นั่นเป็นคนใหญ่คนโตจากเป่ยจิง เขามาพบเป็นการส่วนตัว นี่ไม่ใช่แค่เกียรติยศเล็กน้อย
ต่อให้เป็นตระกูลเจี่ยนเองก็ตามก็นับว่ายังด้อยกว่าตระกูลชั้นสูงจากเป่ยจิงอยู่มาก
โม่ชืออวิ้นรู้สึกว่าเป็นการยากที่จะทำหน้าให้ยิ้มออกมาได้ “ทั้งหมดมันจบลงไปแล้ว พวกเรายังต้องเตรียมตัวที่จะสอบเข้าวิทยาลัย”
คำบางคำต่อให้เป็นคำพูดจากปากของชูชาเองก็ตามมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร จะเป็นการดีกว่าที่จะไม่พูด
โม่ชืออวิ้นรู้มานานแล้วว่าการบ่นไปก็ไม่มีประโยชน์ และเธอก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้
โชคชะตาสอนให้เธอรู้จักว่าเมื่อไหร่ที่จะต้องทน
“ชืออวิ้น เธอเป็นคนที่มีจิตใจดีงามจริงๆ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงโกรธกับเรื่องนี้ไปอีกนาน เธอลองคิดดูสิว่าถ้าไม่ใช่ตระกูลของเจี่ยนอีหลิงทำเรื่องพวกนี้ เธอก็จะเป็นคนที่ได้รับรางวัลในอีกสองวันข้างหน้าและได้พบกับคนใหญ่คนโตจากเป่ยจิง”
“ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว” โม่ชืออวิ้นเปลี่ยนเรื่องอย่างไม่มีที่มาที่ไป
โม่ชืออวิ้นรู้ว่าต่อให้เธอกับชูชาพูดไปอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ไม่พูดเสียยังจะดีกว่า
ชูชาส่ายหน้าให้กับโม่ชืออวิ้น
ในเวลาเดียวกัน โพสต์อีกหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของเจี่ยนอีหลิงก็ได้รับการประกาศออกมาเช่นกัน
มันเป็นบัญชีของคนสร้างข่าวลือก่อนหน้านั้น
ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้ผู้คนนั้นไม่อยากจะเชื่อ
เพราะว่าเจ้าของที่แท้จริงของบัญชีนี้ได้ตายไปอย่างไม่คาดคิด
อีกนัยหนึ่งนั่นหมายความว่ามีคนขโมยบัญชีนี้และจงใจที่จะโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเจี่ยนอีหลิงในฟอรั่มของโรงเรียน
เห็นได้ชัดเจนว่ามีคนที่ต้องการที่จะใส่ร้ายเจี่ยนอีหลิงใช่ไหม
ไม่เช่นนั้นจะมีคนฉลาดแกมโกงใช้บัญชีของคนตายสร้างโพสต์ไปทำไม
ความจริงที่นองเลือดแบบนั้นถูกวางอยู่ต่อหน้าทุกผู้คน และพวกเขาก็ปฏิเสธที่จะไม่เชื่อไม่ได้
ชิวหยีเจนมองไปยังโพสต์ทั้งสองที่ปักหมุดไว้ที่ด้านบนสุดของฟอรั่ม นั่นทำให้เธอยิ่งมองก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น
“เจี่ยนอีหลิงไปทำบ้าอะไรก่อนหน้านี้ ทำไมถึงมีแต่ข่าวที่ช่วยเหลือเธอออกมาไม่มีหยุดหย่อน” ชิวหยีเจนพึมพัมด้วยความหงุดหงิด
“พี่หญิงชิว อย่าโกรธ อย่างแย่ที่สุดเราก็กลับไปเป็นแบบเดิม”
“ใช่ ถึงเธอจะไม่ได้ผลักเจี่ยนหยุ่นน่าว แต่เจี่ยนอีหลิงก็จองหอง ไม่เห็นหัวใคร”
สองลูกสมุนของชิวหยีเจนพยายามปลอบโยนเธอ
“พวกแกพูดมีเหตุผล” ชิวหยีเจนก็นึกขึ้นได้เช่นเดียวกัน
“นอกจากนี้มันก็ยังเป็นสิ่งดีในระดับหนึ่ง แม้ว่าเจี่ยนอีหลิงจะน่ารังเกียจ แต่เธอก็ยังเป็นน้องสาวของเจี่ยนหยุ่นน่าว ซึ่งนั่นก็จะทำให้เจี่ยนหยุ่นน่าวเสียใจมากเช่นเดียวกัน”
สมุนของชิวหยีเจนรู้ว่าเธอเป็นแฟนตัวยงของเจี่ยนหยุ่นน่าว จากการวิเคราะห์แล้วถ้าพวกเธอพูดจากมุมมองของเจี่ยนหยุ่นน่าวแล้ว ชิวหยีเจนจะต้องรับฟัง
เป็นดังคาด ชิวหยีเจนรู้สึกดีขึ้นมาเป็นอันมากเมื่อเธอได้ยินคำพูดของลูกน้อง
“ใช่ พี่หญิงชิว ถ้าพี่ยังโกรธอยู่จริงๆ ต้องการแก้แค้นให้กับเจี่ยนหยุ่นน่าว ฉันก็มีความคิดบางอย่าง”
“พูดมา” ชิวหยีเจนรู้สีกเหนื่อยหน่าย
“เราทำอะไรเจี่ยนอีหลิงไม่ได้ง่ายๆ แต่ว่าโต๊ะข้างๆเธอนั้นเราสามารถที่จะทำได้ ฉันคิดว่าเจี่ยนอีหลิงกับเพื่อนร่วมโต๊ะคนนั้นจะสนิทสนมกันในช่วงนี้”
สิ่งนี้ช่วยเตือนชิวหยีเจน เธอจึงครุ่นคิดอย่างรอบคอบ
“เพื่อนร่วมโต๊ะของเธอเป็นคนร่ำรวยประเภทไหนเหรอ”
“ใช่ เมื่อปีก่อนๆ พวกเขาได้รื้อถอนอาคารจำนวนมากและได้ย้ายผู้อยู่อาศัยของบ้านเหล่านั้นออกไป พวกเขาได้เงินเป็นจำนวนมากและทรัพย์สินมากมาย พวกเขามีบ้านเป็นจำนวนมากและเงินทองมากมาย แต่พวกเขาก็มีแต่เงินทองแต่ไม่มีคนหนุนหลัง ไม่ได้ยากเหมือนตระกูลเจี่ยน”