บทที่ 212 การเล่นตลกของเอลฟ์สาว [2]
ไม่เหมือนกับมนุษย์ เอลฟ์ป่าเป็นที่รักของธรรมชาติ พวกเขาสามารถวิ่งบนต้นไม้ได้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม แม้ว่าเอลฟ์ป่าจะอาศัยอยู่ที่นี่มานาน ในส่วนลึกของป่าทริเนียก็ยังคงมีลักษณะเป็นป่าอันอุดมสมบูรณ์ มันไม่มีแม้แต่ทางเดินเท้าให้เหยียบย่ำ มีเพียงเส้นทางธรรมชาติบางเส้น ที่สัตว์ป่าขนาดใหญ่หรือสัตว์ประหลาดเหยียบย่ำ
แน่นอนว่ามันทำให้การเดินป่าเป็นเรื่องยากสำหรับมาร์นี่ เขามอมแมมไปทั้งตัวก่อนจะได้ไปไกลจากเมืองหลวงเอลฟ์
“ไร้ประโยชน์จริง ๆ เจ้าไม่สามารถเคลื่อนไหวในป่าได้ตามปกติ มนุษย์อ่อนแอขนาดนี้เลยหรือ?” เซลีนที่กำลังนั่งอยู่บนกิ่งไม้ข้างหน้ามาร์นี่ แกว่งขาไปมาอย่างเบื่อหน่าย
“มนุษย์เราไม่สามารถกระโดดไปรอบ ๆ ต้นไม้เหมือนลิงได้หรอกนะ” มาร์นี่ตอบด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเขาไม่โกรธเลย
“อ่า ไอ้เหี้ย!” เซลีนเหวี่ยงลูกพลับเน่าไปทางมาร์นี่ เส้นเลือดตรงขมับของเธอปูดด้วยความโกรธ
“มันไม่ดีที่จะทำร้ายร่างกายคน ๆ หนึ่งเพียงเพราะเจ้าแพ้การปะทะคารม” มาร์นี่หลบมันได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากผู้เล่นทุกคนมักจะปล่อยทักษะอย่างมั่วซั่วโดยไม่สนใจว่าใครจะโดนลูกหลง แม้กระทั่งในสงคราม ทำให้ผู้เล่นต้องคอยระวังรอบตัวอยู่เสมอ กะอีกแค่ผลไม้เน่าลูกเดียว มันไม่ทางโดนเขาได้หรอก!
“ข้าขอโทษ เมื่อกี้ข้าเห็นตัวเหี้ยอยู่ตรงนั้นจริง ๆ” เอลฟ์สาวพูดอย่างไม่ปรานี
มาร์นี่แค่ยักไหล่ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับเธออีก เขาเดินหน้าต่อไปยังอาคานัมที่เซลีนพูดถึง
“ที่จริงข้ามีความสุขมาก” บางทีมาร์นี่อาจพบว่าการเดินทางเงียบเกินไป จึงพยายามเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะพาข้าไปที่อาคานัม…ข้าเข้าใจเจ้าผิดมาตลอด ว่าเจ้าเกลียดมนุษย์”
เซลีนบ่นในใจขณะที่เธอเดินไปข้างหน้า
'ไม่ เจ้าไม่ได้เข้าใจผิด ข้าเกลียดมนุษย์จริง ๆ'
"ดูเหมือนการพยายามเข้าใกล้เจ้านั้นจะได้ผลดีมาก มันทำให้ข้าเข้าใจว่าเอลฟ์ป่าไม่ได้เข้าใจยากเหมือนในข่าวลือ" มาร์นี่กล่าวเสริม
เซลีนที่กระโดดบนต้นไม้ หยุดแล้วหันไปมองมาร์นี่ที่กำลังทะเลาะกับพุ่มไม้ก่อนจะพูดว่า “เจ้าเข้าหาเราเพราะอะไร? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ ว่ามนุษย์อย่างพวกเจ้าเหมาวมพวกเราเป็นพวกเดียวกับสัตว์ประหลาด และเป็นสายพันธุ์ที่อันตรายที่สุดด้วย! เจ้ามีความปรารถนาในงานฝีมือหรือของวิเศษอื่น ๆ ของเราหรือไม่? หรือเจ้าพยายามจะจับเราไปเป็นทาส เพื่อเสนอเราให้ขุนนางที่เจ้าต้องการประจบ?”
“นั่นเป็นการกล่าวหาที่หยาบคายมาก” มาร์นี่ส่ายหัว “ข้าศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม ข้าเชื่อว่าเหตุผลที่เขาสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับเทพธิดาจันทร์สีเงิน ต้องเป็นเพราะมนุษย์และเอลฟ์ป่าสามารถเข้าใจกันได้ ท้ายที่สุดตำนานก็ได้กล่าวว่า ในช่วงสงครามแห่งเทพปีศาจ มนุษย์และไฮเอลฟ์เป็นพันธมิตรกัน”
'และงานฝีมือของเอลฟ์ก็เป็นเพียงโบนัสเท่านั้นแหละ!' มาร์นี่เสริมในใจ
"ไม่มีทาง เอลฟ์ป่าและมนุษย์ไม่มีทางเข้าใจกัน มีสงครามมากมายระหว่างเราในช่วงพันปีที่ผ่านมา เจ้าก็รู้! และนั่นคือความจริง!”
ด้วยเหตุนี้เซลีนจึงหันกลับไปมองข้างหน้าอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะก้มหัวลงอย่างไม่มีความสุขก็ตาม
“เจ้าจะรู้ได้ยังไงถ้าเจ้ายังไม่ได้ลอง? อย่างน้อยในตอนนี้มนุษย์กับเอลฟ์ป่า ก็กำลังสนทนากันอย่างเป็นกันเองระหว่างเดินทางไปด้วยกันไม่ใช่หรือ” มาร์นี่ยิ้ม
“หมายความว่ายังไง เราเป็นมิตรกันตอนไหน…” เอลฟ์สาวพึมพำ “แล้วเจ้าก็ยังไม่ได้ตอบเลยว่าทำไมเจ้าถึงเข้าหาเรา เห็นได้ชัดว่ามันอันตรายมาก…บางทีเจ้าอาจเสียชีวิต”
“ถ้าให้ข้าพูด บางทีอาจเป็นเพราะเทพเจ้าแห่งเกมได้มอบพรพิเศษให้กับผู้เล่น เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา เพื่อที่เราจะได้ไม่กลัวความล้มเหลว และไขว้คว้าโอกาสทั้งหมดที่เข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว” มาร์นี่ยิ้มกว้าง “แน่นอนเราไม่ควรทำให้เขาผิดหวัง”
“เจ้ามันคนแปลก…” เซลีนบ่นอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รู้ว่ามาร์นี่กำลังพูดถึงความสามารถในการฟื้นคืนชีพของผู้เล่น
จากนั้นเธอก็กระโดดลงจากต้นไม้ และลงจอดตรงหน้ามาร์นี่
"มีอะไรเหรอ?" มาร์นี่
"ข้าเบื่อแล้ว ข้าไม่อยากไปที่นั่น กลับทริเนียกันเถอะ”
“เจ้าเอาแต่ใจจริง ๆ…” มาร์นี่พึมพำ เขาลูบขมับอย่างปวดหัว “ข้ารู้ว่าข้าควรรอเจมี่”
เซลีนจ้องมองมาร์นี่อย่างไม่สบอารมณ์สักครู่ จากนั้นก่อนที่มาร์นี่จะทันได้ถามอะไร เธอก็หันกลับไปอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ “ไปก็ไป แต่ข้าต้องเตือนเจ้าก่อน ว่าอย่ากลัวจนฉี่ราดกางเกงล่ะ!”
“อาร์คานัมอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ” แทนที่จะกลัวมาร์นี่กลับเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เซลีนไม่ตอบ แต่ทำหน้านิ่งขณะที่นำทางไปต่อ
ไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงทางเข้าถ้ำแปลก ๆ
บริเวณปากถ้ำเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม มาร์นี่คงจะเดินผ่านมันไปโดยไม่ทันสังเกตเห็นมัน หากเซลีนไม่พาเขามาที่นี่
"ถึงแล้ว แต่ข้าขอเตือนว่า หากเจ้าเดินหน้าต่อไป ถ้ำจะส่งเสียงดังน่ากลัว และคลื่นอัดอากาศจะทำให้เจ้าปลิว“เอลฟ์สาวพยายามเตือนมาร์นี่ที่กำลังเดินไปข้างหน้า”เอลฟ์โบราณที่รอดชีวิตจากสงครามเทพปีศาจ ได้ผนึกปีศาจที่บุกเข้ามาในทริเนียไว้ที่นี่ แม้ว่าเจ้าฝ่าคลื่นอัดอากาศได้ เจ้าก็จะกลายเป็นอาหารของปีศาจอยู่ดี”
“มาถึงนี่แล้ว มันไม่มีความหมายถ้าเราจะไม่เข้าไป…” มาร์นี่เกาหัว เขาสงสัยว่าเขาควรเรียกผู้เล่นคนอื่นมาสู้กับบอสดีหรือไม่
ไม่…เพื่อผลกำไรระยะยาว จะดีกว่าไหมถ้าเขาตั้งแผงขายตั๋วไว้ข้างนอกถ้ำ และเรียกเก็บเงินจากผู้เล่นที่ต้องการเข้าไปเล่น?
จากนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ “แล้วทำไมเจ้าถึงพาข้ามาที่นี่”
“ข้าแค่อยากจะให้เจ้ากลัว…” เอลฟ์สาวเดินไปที่ทางเข้าถ้ำ ก่อนจะหันมาจ้องมาร์นี่ “เพราะมนุษย์อย่างเจ้าเอาแต่วางมาดอยู่ตรงหน้าข้า! มันน่ารำคาญมาก!”
“เจ้าสบายดีไหมที่ยืนอยู่ตรงนั้น? เจ้าไม่ได้พูดว่ามีปีศาจ…”
"ทุกอย่างปกติดี ถ้ำถูกปิดผนึก ดังนั้นแม้แต่ปลายนิ้วปีศาจก็ออกมาไม่ได้ มันสามารถทำได้เพียงส่งเสียงคำรามเท่านั้น เมื่อสัมผัสได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างเข้ามาใกล้“เซลีนกางมือออกขณะพูด”ข้าแค่พยายามทำให้เจ้าตกใจ ไม่ใช่ฆ่าเจ้า”
“โอ้…”
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรสีหน้าของมาร์นี่ก็เปลี่ยนไปทันที เขาพุ่งเข้าหาเอลฟ์สาวอย่างรวดเร็ว
เซลีนผงะ เธอรวบรวมพลังเวทอย่างลับ ๆ และเชื่อว่าในที่สุดมนุษย์คนนี้ก็ปลดปล่อยสัญชาตญาณดุร้ายออกมา แต่ก็ถูกอีกฝ่ายผลักออกไปก่อน
ในเสี้ยววินาทีถัดมา มือขนาดใหญ่ที่เกือบจะเท่าปากถ้ำก็ได้พุ่งออกมาจับมาร์นี่ ที่ยืนอยู่ในจุดเดียวกับที่เซลีนเคยอยู่เมื่อครู่นี้!
“นะ นี่มัน…” เอลฟ์สาวตกใจจนเสียงขาดหาย
“อย่ายืนนิ่ง…หนีไป!” มาร์นี่เค้นเสียงพูด เขาอาเจียนเป็นเลือดภายใต้แรงบีบของมือขนาดมหึมา “รีบไปขอความช่วยเหลือ…”
“เจ้าพยายามช่วยข้า…” เอลฟ์สาวดูเหมือนกำลังจะร้องไห้
“ข้าไม่เป็นไร…ไป! มัน…กำลังจะออกมา!”
มาร์นี่ยิ้มให้เซลีนอย่างเศร้า ๆ “ตราบใด ที่…เจ้าไม่เป็นไร”
ในวินาทีถัดมา เขาก็ถูกฝ่ามือมหึมานั่นบดขยี้ จนเลือดและเนื้อกระจายไปทั่วฟ้าต่อหน้าต่อตาเซลีน
--------------------------------------------
เพจ FC-Translate