ตอนที่ 292 วิชาที่สาม
ตอนที่ 292 วิชาที่สาม
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
หานยู่ฟางที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้วก่อนที่จะถามกลับไป "แม่นาง ทำไมท่านต้องพูดแบบนั้นกันด้วยล่ะ? "
หญิงสาวในชุดขาวยังคงไม่ตอบอะไรกลับมา ในตอนนั้นเองมีเพียงพลังลมปราณที่พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของนางแทน
ซู่เหวินยังคงยิ้มและพูดออกไปเช่นเดิม "อย่าบอกนะว่าแม่นางคิดที่จะจับพวกเราน่ะ? ข้าจะบอกความจริงให้ฟังเรื่องหนึ่ง พวกข้าน่ะเพิ่งจะหนีมาจากมือธนูขั้นเทพของศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างฮั๊วยู่จิงมาได้ แม้แต่ศาลาปีศาจลอยฟ้าเองก็ยังไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้"
"น่าเสียดายที่พวกเรากลับได้รับบาดเจ็บมา"
แม้ว่าหนูขโมยทั้งห้าจะเอาตัวรอดมาจากศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ แต่ถึงแบบนั้นทุกๆ คนต่างก็ได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน นั่นคือสาเหตุที่ทำให้หนูขโมยทุกคนต้องพักฟื้นตัวเองใกล้ๆ กับภูเขาทองเช่นนี้ พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมาพบกับหญิงสาวที่มีท่าทีที่แปลกประหลาดคนนี้
หญิงสาวในชุดขาวได้พูดออกมาอย่างเฉยเมย "เกะกะซะจริง..."
"หืม? "
ในตอนนั้นเองมีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นที่มือขวาของนาง
นางได้โยนร่มสีขาวขึ้นบนอากาศอย่างนุ่มนวลก่อนที่จะเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง หญิงสาวในชุดขาวกำลังพุ่งตรงมาหาพวกหนูขโมยทั้งห้านั่นเอง
หานยู่ฟางที่เห็นแบบนั้นรีบตะโกนออกมา "แบบนี้แย่แน่ๆ! หนีเร็ว! "
หญิงสาวชุดขาวได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับภูตผีปีศาจ อะไรบางอย่างที่ดูคล้ายๆ กับจานร่อนได้พุ่งออกมาจากหญิงสาวคนนั้น
หนูขโมยทั้งห้าที่เห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันที จากประสบการณ์ที่ได้ท่องยุทธภพมานางคนนี้มีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่ นอกจากนี้นางยังมีอาวุธระดับสรวงสวรรค์อีกด้วย
"หนีเร็ว! "
"หนีเอาชีวิตรอดเร็ว! " หนูขโมยทั้งห้าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการหลบหนีดี ทันทีที่ได้รับสัญญาณทุกๆ คนก็รีบแยกย้ายกันออกไป ด้วยการกระจายตัวหนีมันจะได้ผลดีกว่ารวมกลุ่มกันหนี
แต่น่าเสียดาย แม้ว่าจะกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทางแต่อาวุธที่หญิงสาวชุดขาวคนนั้นใช้กลับรวดเร็วจนน่าสะพรึงกลัว
อาวุธที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้แยกร่างออกมาถึงสี่ชิ้นด้วยกัน
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
หลิวหยุนไป่ถูกจัดการ!
ซู่เหวินเองขาหักก่อนที่จะตกลงจากต้นไม้ เจียงถังตายทันทีหลังจากที่ถูกโจมตีไป ร่างของเขาล้มลงไปกับพื้น
หานยู่ฟางมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป หานยู่ฟางไม่ได้คิดหนีอีกต่อไป เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหญิงสาวชุดขาวคนนี้จะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ไม่มีใครสามารถตอบโต้พลังการโจมตีนี้ได้เลย ตัวเขาได้ถอนหายใจอย่างสิ้นหวังก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง "จะ...เจ้าเป็นใครกันแน่? หนูขโมยทั้งห้าไม่เคยมีความแค้นกับเจ้าซะหน่อย! " หานยู่ฟางต้องการที่จะสู้ในโอกาสสุดท้ายของชีวิต
"ข้ายี่เทียนซินแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า" หญิงสาวคนนั้นได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชา
คำพูดของนางได้บดขยี้ความหวังสุดท้ายที่หานยู่ฟางมี สีหน้าของเขาซีดเซียว เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าหญิงสาวชุดขาวคนนี้จะเป็นศิษย์คนที่หกของศาลาปีศาจลอยฟ้า
หานยู่ฟางได้ถอนหายใจออกมา ตัวเขากำลังจะอ้าปากเพื่อที่จะพูดต่อไป...
ฉึบ!
อาวุธที่ดูคล้ายจานร่อนได้เฉือนไปที่คอของเขาก่อนที่ได้จะพูด ดวงตาของหานยู่ฟางเบิกกว้างก่อนที่จะล้มลงไปบนพื้น หนูขโมยทั้งห้าถูกสังหารไปหมดแล้ว
ร่มสีขาวที่ลอยอยู่บนฟ้าได้ตกลงมาสู่มือของยี่เทียนซินอีกครั้งหนึ่ง ชะตาของหนูขโมยทั้งห้าเป็นอย่างที่นางพูดเอาไว้ทุกอย่าง ไม่มีความหมายอะไรที่จะบอกเรื่องราวให้กับคนตาย หลังจากที่จัดการหนูขโมยทั้งห้าไปได้ ยี่เทียนซินก็ได้หันกลับไปก่อนที่จะเดินไปยังเมืองถังซีอย่างช้าๆ
ไม่นานต่อมากลุ่มคนธรรมดาที่ออกเดินทางมาจากเมืองถังซีก็ได้พบเข้ากับศพของหนูขโมยทั้งห้าที่นอนเกลื่อนพื้นอยู่
คนเหล่านั้นได้ยืนจ้องมองศพของหนูขโมยทั้งห้าอยู่นานก่อนที่จะมีใครบางคนพูดออกมา "นางบอกให้ส่งศพพวกนี้ไปที่ภูเขาทอง...ถ้าหากเราไปที่นั่นแล้วปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าฆ่าเราขึ้นมาล่ะ? "
ชายคนหนึ่งที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ "อย่าได้คิดแบบนั้นเลย...การจะหาเงินได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก ยังไงซะก็มีผู้ฝึกยุทธตายอยู่ในยุทธภพในทุกๆ วันอยู่แล้ว..."
"หยุดยืนเฉยๆ แล้วไปทำงานได้แล้ว"
ทางศาลาตะวันออกของศาลาปีศาจลอยฟ้า
สิ่งแรกที่ลู่โจวทำในตอนที่กลับมาถึงนั่นก็คือการกลับไปเฝ้ามองรูปภาพอันเก่าแก่ที่ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ
เป็นไปอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ภาพวาดอันเก่าแก่ที่อยู่บนโต๊ะหมายถึงสถานที่อย่างเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ สุสานแห่งดาบ และยังมีอีกสถานที่นั่นก็คือศาลาปีศาจลอยฟ้าเอง ดูเหมือนว่าสถานที่ทั้งหมดจะเป็นสถานที่ที่เก็บชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์เอาไว้
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะเฝ้ามองดูภาพวาด "เศษชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ถูกหาพบจนหมดแล้ว ภาพวาดนี้ก็คงจะไม่มีค่าอะไรอีกแล้วสินะ? "
ภาพวาดเก่าแก่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ มันไม่ได้ถูกย้ายไปไหน ถ้าหากเป็นแบบนี้แล้วภาพวาดจะสามารถใช้งานอย่างอื่นได้อีกไหม?
ลู่โจวเองคิดหาหนทางมาเป็นเวลานาน แต่ถึงแบบนั้นตัวเขากลับคิดอะไรไม่ได้ "ช่างมันก่อนก็แล้วกัน"
ท้ายที่สุดตัวเขาก็ได้หยิบชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ทั้งหมดขึ้นมาไว้บนมือ ในตอนนั้นเองพลังอันแข็งแกร่งก็ได้ไหลออกมาจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ก่อนที่จะควบแน่นขึ้น
ตู๊ม!
ชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์แตกเป็นเสี่ยงๆ
"ติ้ง! ได้รับเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์"
ชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ได้สลายหายไปเหลือแต่เพียงแสงที่ค่อยๆ เลือนรางเท่านั้น ในตอนนี้มันได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วนั่นเอง
ลู่โจวกำลังจะนั่งสมาธิ แต่ในตอนนั้นตัวเขาก็ได้คิดอะไรขึ้นมาได้ 'แล้วราคาการ์ดล่ะ? ถ้าหากได้เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์มาแล้วราคาของมันจะเพิ่มขึ้นไหมนะ? '
ลู่โจวได้ตรวจสอบราคาการ์ดที่ขายอยู่ในร้านค้า
การ์ดป้องกันไร้ที่ติ: 1,500
การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาต: 1,800
การ์ดรักษาฉุกเฉิน: 1,000
การ์ดคลื่นสายฟ้า: 800
การ์ดกรงผนึกกักขัง: 1,000
สีหน้าของลู่โจวมีแต่ความมืดมน ราคาที่เพิ่งจะได้เห็นนี้เป็นราคาที่สุดจะไม่สมเหตุสมผล การ์ดส่วนมากขึ้นราคามาอย่างน่าตกใจ แม้ว่าพลังวรยุทธของลู่โจวจะไม่ได้เพิ่มขึ้นก็ตามที แต่ถึงแบบนั้นราคาของการ์ดพิเศษก็ยังแพงขึ้นอย่างมหาศาลแบบนี้ ลู่โจวเริ่มคิดสงสัยชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ที่ตัวเขาได้มา มีเพียงแค่ของสิ่งนี้เท่านั้นที่พอจะเป็นสาเหตุได้ ทั้งพลังวรยุทธที่มี, จำนวนการซื้อ, จำนวนการใช้ต่างก็ไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นอะไรมาก
ลู่โจวมองไปที่ของที่เหลือและแต้มบุญที่มี
แต้มบุญ: 3,350
ของที่มี: การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาต 2, การ์ดป้องกันไร้ที่ติ 2, การ์ดประกันชีวิต 12, การ์ดกรงผนึกกักขัง 4, เครื่องรางขัดเกลา 1, การ์ดระเบิดจุดสุดยอด 1, วิซซาร์ด, บี่เอี๊ยน, การ์ดรักษาฉุกเฉิน 3, การรักษาฉุกเฉินโฉมใหม่ 3, การ์ดคลื่นสายฟ้า 2, การ์ดพลังชีวิต 3
อาวุธ: อาวุธนิรนาม, กระบี่ตัดชีวา, ถุงมือนักสู้, มีดล่องนภา, แส้หยกหางม้า, ลูกประคำอธิษฐาน
โชคดีที่ราคาของการ์ดพลังชีวิตยังไม่เปลี่ยนแปลงไป
ราคาของอวตารร่างใหม่มีราคาแพงถึง 30,000 แต้มบุญ มันเป็นราคาที่ดูแพงจนไม่สมเหตุสมผล เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ลู่โจวคงจะไม่สามารถหาแต้มบุญมาจากการสังหารคนได้อีก ด้วยราคาการ์ดที่เพิ่มสูงขึ้น การใช้การ์ดจัดการกับผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา หนำซ้ำตัวเขายังจะขาดทุนอีกด้วย
'เดี๋ยวก่อนนะ...ฉันจะใช้แต้มบุญที่เหลือไปกับการซื้อการ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตกับจับฉลากนำโชค'
ลู่โจวไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังไปซะทีเดียว ตัวเขามีค่าความโชคดีถึง 41 แต้มแล้วนั่นเอง
ลู่โจวได้ส่ายหัวก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ภวังค์แห่งสมาธิไป
เป็นอย่างที่ลู่โจวได้คาดการณ์เอาไว้ ทันทีที่เข้าสู่ภวังค์แห่งสมาธิ ตัวหนังสือของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ก็ได้ลอยอยู่ภายในใจของตัวเขา ตัวอักษรดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเมื่อก่อน สิ่งนี้ทำให้จิตใจของลู่โจวรู้สึกดีขึ้นเป็นอย่างมาก
ตัวอักษรได้เปล่งประกายแสงสีทองออกมา ตัวอักษรได้ลอยไปตามท่วงทำนองอยู่ภายในจิตใจของลู่โจว ตัวเขายังไม่เข้าใจความหมายของตัวอักษรพวกนี้ แต่ถึงแบบนั้นการที่มีตัวอักษรลอยไปลอยมาภายในใจก็ทำให้ลู่โจวรู้สึกสงบและรู้สึกสบายตัวมากขึ้น ตัวเขาเลิกคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดก่อนที่จะใช้ความคิดไปกับตัวอักษร ลู่โจวตกอยู่ในภวังค์ไปแล้วนั่นเอง
"วิชาที่จะได้จากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์วิชาที่สามคืออะไรกันแน่? "
ที่ด้านนอกศาลาปีศาจลอยฟ้า
ฮั๊ววู่เด๋าและฮั๊วยู่จิงกำลังคอยอยู่ที่ด้านนอกศาลาทางตะวันออก
หยวนเอ๋อและต้วนมู่เฉิงเองรีบวิ่งมาทันทีที่ได้ข่าว "ผู้อาวุโสฮั๊ว เกิดอะไรขึ้นกัน? " ต้วนมู่เฉิงได้ตะโกนถามทันทีที่เดินเข้ามาใกล้
ฮั๊วยู่จิงได้คารวะก่อนที่จะพูดออกมา "พวกเราพบศพของหนูขโมยทั้งห้าถูกทิ้งอยู่ที่เชิงเขาภูเขาทอง พวกเราไม่รู้ว่าใครกันที่เป็นผู้สังหารพวกเขา"
ต้วนมู่เฉิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "หนูขโมยทั้งห้าแสนจะเจ้าเล่ห์...เจ้าพวกนั้นถูกจัดการไปได้ยังไง? "
ฮั๊ววู่เด๋าพยักหน้า "ต้องมีใครบางคนคอยจับตาดูพวกมันอยู่แน่ เมื่อหนูขโมยทั้งห้าจากไป พวกมันต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากข้าและยู่จิง แม้ว่าพวกมันจะเก่งกาจในเรื่องของการหนีก็ตามที แต่ถ้าหากได้พบกันใกล้ตัวมากพอการที่จะฆ่าเจ้าพวกนั้นได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร"
ปัญหามีเพียงอย่างเดียว ไม่มีใครรู้ว่ายอดฝีมือผู้ที่ลงมือสังหารหนูขโมยทั้งห้าเป็นใคร
"หรือว่าจะเป็นศิษย์น้องสี่กัน? " ต้วนมู่เฉิงได้พูดออกมาอย่างไม่มั่นใจ
"เป็นไปไม่ได้...หมิงซี่หยินคงจะอยู่แถวเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องทิ้งศพอยู่ที่เชิงเขาอีกด้วย" ฮั๊วยู่เด๋าได้พูดแย้งไป
คนอื่นๆ เองก็สับสนเช่นกัน
หยวนเอ๋อเองก็ได้พึมพำออกมา "เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคนคนนั้น..."
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย