Ep.760 - โชคของไป๋หลี
4/5
Ep.760 - โชคของไป๋หลี
ประสบการณ์ตลอดเส้นทางการเกิดใหม่ของฉินเฟิง สามารถกล่าวได้ว่าเขาคืออัจฉริยะที่พระเจ้าโปรดปราน
แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเมื่ออยู่ใต้ต้นไม้ปัญญานิรันดร์ เขากลับไม่ได้รับทรัพยากรใดๆ
ฉินเฟิงหยุดการฝึกยุทธของเขา หันไปมองไป๋หลีที่อยู่ข้างๆ
“สลับกัน เธอมาฝึกฝน ฉันจะเป็นคนคอยเฝ้ายามแทนเอง”
ในสถานที่เช่นนี้ คนเราจะสามารถฝึกยุทธอย่างสบายใจได้อย่างไร? ต้องคอยระมัดระวังตัวอยู่เสมอไม่ปล่อยโอกาสให้ผู้อื่นลอบโจมตี!
ด้วยเหตุนี้ ระหว่างฉินเฟิงกำลังฝึกยุทธ ไป๋หลีจึงคอยรับหน้าที่ปกป้องอยู่ข้างๆ
“อืม ตกลง”
ไป๋หลีค่อยๆย่อตัวลง เลียนแบบท่าทางของฉินเฟิง นั่งขัดสมาธิ
อันที่จริงแล้วสำหรับสัตว์ร้าย จะนั่งหรือนอน ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน
วิธีการฝึกฝนของไป๋หลี เธอได้รู้มาจากมรดกทางสายเลือดของตัวเอง นั่นคือการดูดซับพลังงานบริสุทธิ์ของฟ้าดิน หรือแม้แต่ดูดซับพลังงานจากในมิติอื่นๆ
แสงสีเงินจางๆปรากฏขึ้นรอบๆไป๋หลี ยามเฝ้ามอง คล้ายกระทั่งแสงจันทร์ก็ยังถูกดึงดูดลงมา!
พริบตานั้น แสงจันทร์เสมือนสารบางอย่าง ตกลงบนร่างของไป๋หลี
หากเพ่งมองดีๆ จะพบว่านั่นมิใช่แสงจันทร์ แต่มันคือรังสีแสงที่สะท้อนออกมาจากผลแห่งปัญญา
ต้องรู้นะว่า ต้นไม้ปัญญานิรันดร์มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นผลที่เกิดจากมันแม้ลูกดกเนื้อแน่น มีน้ำหนักมาก แต่ก็ใช่ว่าจะยอมตกลงมาง่ายๆ ทว่าการที่รังสีแสงจากมันเกิดการหักเหมากถึงขนาดนี้ นับเป็นครั้งแรกเลยที่คนอื่นๆได้เห็น
ไป๋หลีเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเช่นกัน ลืมตาขึ้นทันใด
วูบบบบ!
ผลไม้ถูกดึงดูดโดยไป๋หลี ก้านของมันสลัดหลุดจากต้น ผลแห่งปัญญากลุ่มใหญ่ร่วงตกลงมา
และปริมาณในครั้งนี้ หากกวาดมองอย่างรีบร้อน จะพบว่ามีมากกว่า 50 ผล!
เป็นจำนวนที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง!
ผลุบ!
ผลไม้ทั้งหมดตกลงในอ้อมแขนของไป๋หลี
ฉากนี้แม้แต่ฉินเฟิงยังตกใจ
ผลไม้สุกสกาวแวววาว แต่ละลูกเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายพลังงาน ชนิดที่ว่าคนที่อยู่ใกล้ๆ เพียงสูดดม ก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย สมองเกิดรอยหยักมากขึ้น
หลิวฮังที่อยู่ใกล้ที่สุด ปัจจุบันกำลังจ้องมองฉากนี้ด้วยความโง่งม
ในขณะที่คนอื่นๆจ้องมาทางไป๋หลีด้วยสายตาอันตราย เต็มไปด้วยความละโมบ พวกเขาแทบอดใจไม่ไหวที่จะพุ่งเข้ามา ฉกชิงมันไป
แม้ไป๋หลีกำลังมีความสุข แต่เกรงว่าเป็นเพราะสายตาของพวกเขาดุร้ายเกินไป รอยยิ้มของเธอจึงค่อยๆหดแคบลง เชิดหน้าขึ้น และในตอนนั้นเอง
วูบบบ!
กลิ่นอายจากกายเธอพลันระเบิดออกมา
แรงกดดันของสัตว์เทวะเลเวล A ทำให้ผู้คนใต้ต้นไม้หายใจไม่ออกในทันที
ไป๋หลีกับฉินเฟิงไม่ได้สวมตราผู้ใช้พลัง แต่เมื่อพวกเขาคิดต่อสู้ ผู้คนโดยรอบจะสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของทั้งสอง แม้ดูยังเด็ก แต่ไม่นึกเลย ว่าความแข็งแกร่งของไป๋หลีจะสูงล้ำถึงขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้น แรงกดดันของสัตว์เทวะน่าหวาดกลัวเกินไป สำหรับบางคน ตลอดชีวิตไม่เคยได้สัมผัสแรงกดดันชนิดนี้มาก่อน ยามกะทันหันไม่ทันคาดคิดว่าไป๋หลีเป็นสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์
มีผลไม้ในอ้อมกอดไป๋หลีมากมาย เธอรีบคว้าพวกมันกำมือหนึ่ง มอบให้ฉินเฟิงทันที ราวกับนี่มิใช่ผลแห่งปัญญาอันแสนล้ำค่า แต่เป็นแค่ถั่วลิสง
ฉินเฟิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“นี่คือของขวัญจากต้นไม้ปัญญานิรันดร์ที่มอบให้แก่เธอ เธอควรเป็นคนกินมันทั้งหมด ไม่ใช่สำหรับฉัน” อันที่จริงแล้วผลของต้นไม้ปัญญา ตราบใดที่พวกมันไม่ได้ถูกช่วงชิงตอนร่วงหล่น แน่นอนว่าสามารถแบ่งปันให้กับผู้อื่นได้
แต่นี่เองที่เป็นสาเหตุให้คนอื่นๆสามารถปล้นมันได้เช่นกัน
“มีเยอะเกินไป แบ่งกันคนละครึ่งแล้วกัน!”
“เธอกินเถอะ ถ้าฉันจะกิน ฉันขอใช้ความสามารถตัวเอง!” ฉินเฟิงกล่าวอย่างหนักแน่น
ไป๋หลีทรงพลังมาก แต่ฉินเฟิงไม่ได้รู้สึกว่าพรสวรรค์ของเขา มันจะด้อยกว่าไป๋หลี
ยิ่งไปกว่านั้น หากไป๋หลีสามารถสร้างปฏิกิริยาเช่นนี้กับต้นไม้ปัญญาได้ หมายความว่าฉินเฟิงก็สามารถทำได้เช่นกัน
เมื่อคิดแบบนี้จิตใจของฉินเฟิงก็ไม่ร้อนรุ่มอีกต่อไป ตรงกันข้าม ยิ่งกลายเป็นหนักแน่นมั่นคง
ไป๋หลีเฝ้ามองฉินเฟิงกลับมาเด็ดเดี่ยวอีกครั้ง ทั้งยังทราบว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นเธอเลยยัดผลแห่งปัญญาส่วนเกินลงในพื้นที่มิติ ตั้งใจเก็บบางส่วนไว้ให้เจ้าคนดื้อรั้นนี่
พืชที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ ผลไม้ที่เกิดจากมัน จะไม่ให้รสชาติที่หอมหวานได้อย่างไร? สองตาไป๋หลีหรี่แคบลง สีหน้าแสดงออกถึงความสนุกสนาน แต่ภาพของมัน ชวนให้คนที่มองดูบังเกิดความริษยาเข้ากระดูกดำ
อย่างไรก็ตาม ผู้คนในที่นี้ ไม่มีใครกล้ายั่วยุไป๋หลีเลยแม้แต่คนเดียว หลังจากไป๋หลีปลดปล่อยแรงกดดันออกมา พวกเขาบังเกิดความรู้สึกว่าไป๋หลีน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าโม่ลี่เสียอีก
แน่นอนไป๋หลีไม่คิดฝึกฝนอีกแล้วในตอนนี้ ส่วนฉินเฟิง เขานั่งขัดสมาธิ และเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง แต่ในคราวนี้ มันมิใช่การฝึกยุทธของวรยุทธโบราณอีกต่อไป
ฉินเฟิงเลือกหยิบอุปกรณ์รูนมิติออกมาจากภายในสุสานเทพสงคราม
จากนั้น ก็เริ่มหยิบหนังสือหนังสัตว์ออกมาจากพื้นที่มิติทีละเล่ม ทีละเล่ม
ขอแค่ตั้งใจสังเกต ก็จะรับรู้ได้ถึงไอน้ำชื้นๆที่ระเหยออกมา และสีของหนังสัตว์บนปกหนังสือ ส่วนใหญ่จะเป็นสีฟ้า
เจ้าของพวกนี้ หลังจากฉินเฟิงได้รับศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งวารี เขาก็ขอให้ซูซิงฝูรวบรวมมา
อาศัยความสัมพันธ์อันกว้างขวางของซูซิงฝูในเวลานี้ หากไม่นับทรัพยากรในส่วนของเลเวล A ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเทคนิคอบิลิตี้หรือกระบวนท่าวรยุทธโบราณเลเวล B ลงไป ขอแค่มีเงิน เขาก็สามารถนำมาให้ได้ทันที
อีกอย่าง ฉินเฟิงในตอนนี้มิได้ขาดแคลนอักษรรูน ดังนั้นที่เขาต้องทำก็มีเพียงการใช้พลังสมาธิจัดเรียงอักษรรูน
“เทคนิคเข้าฌาน!”
ทุกอย่างรอบตัวเขาหายวับไป เหลือเพียงจักรวาลแห่งจิตสำนึกที่ยังคงอยู่ ในมือของฉินเฟิงเริ่มปลดปล่อยอักษรรูนออกมา
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
อักษรรูนน้ำเหล่านี้ ถูกฉินเฟิงกลืนกินไปทีละตัว ทีละตัว อักษรรูนที่ปัจจุบันฉินเฟิงกำลังครอบครองมันมากที่สุด ก็คือเจ้าพวกนี้
บรรดาอักษรรูนไหลเข้าไปในจักรวาลแห่งจิตสำนึกของฉินเฟิง ค่อยๆร้อยเรียงเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ประทับลงบนดาวเคราะห์เพชร
【เทคนิคกำแพงน้ำ!】
【เทคนิคปราการคลื่นสีคราม!】
【เทคนิคน้ำตกยักษ์!】
【เทคนิคสึนามิ】
【เทคนิคมังกรน้ำ】
【เทคนิควารีบรรจบ】
เทคนิคอบิลิตี้เริ่มประทับลงในจักรวาลแห่งจิตสำนึกมากขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วในการเรียนรู้ของฉินเฟิง ทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิควารีบรรจบ นั่นคืออบิลิตี้อันทรงพลังของเลเวล A ต่อให้เลเวล B สามารถเรียนรู้ได้ แต่กว่าจะเชี่ยวชาญ ต้องใช้เวลาศึกษาหลายปี แต่ภายใต้พลังพิเศษดูดกลืนของฉินเฟิง พวกมันได้ถูกหลอมรวมเข้ากับดาวเคราะห์เพชรอย่างสมบูรณ์
เมื่อการดูดกลืนเทคนิคสุดท้ายสิ้นสุดลง ฉินเฟิงก็คล้ายสัมผัสได้ถึงบางอย่าง เขาลืมตาขึ้น
ช่วงเวลานี้ เบื้องหน้าฉินเฟิง ปรากฏผลแห่งปัญญา 3 ผลร่วงตกลงมา
พอฉินเฟิงลืมตาขึ้น ผลแห่งปัญญาก็อยู่ในมือของเขาแล้ว!
แม้เทียบกับ 50 ผลของไป๋หลีจะถือว่าน้อยมาก แต่แค่นี้ฉินเฟิงก็พอใจแล้ว
ในความเป็นจริง ถ้าได้ลองขบคิดอย่างรอบคอบ จะพบว่าการกระจายของขวัญจากต้นไม้ปัญญานิรันดร์ไม่ได้โอเวอร์จนเกินไป ไป๋หลีน่ะเป็นสัตว์ยักษ์มิติ ครอบครองร่างกายมหึมา แต่ฉินเฟิงเป็นเพียงมนุษย์ ดังนั้น 3 ผลแห่งปัญญา ก็นับว่าเพียงพอแล้ว!
และฉินเฟิงก็พอใจมากเช่นกัน
เพราะเมื่อเทียบกับ 4 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงถึงจะไม่พอใจ แต่เขาก็ตระหนักดีว่าตนคงไม่โชคดีไปเสียทุกครั้ง แต่มาถึงจุดนี้ พอได้รับ 3 ผลแห่งปัญญาเขาย่อมรู้สึกมีความสุขเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตาม หลิวฮังที่อยู่ข้างๆไป๋หลีกับฉินเฟิง ตอนนี้รู้สึกอัดอัดใจจนพูดไม่ออก
ทางหนึ่งได้รับผลแห่งปัญญามากถึง 50 ผล อีกทางหนึ่งได้ 3 ผล แม้คนหลังจะได้ไม่มากนัก แต่มันก็มิใช่สิ่งที่คนอื่นๆจะสามารถทำได้ อ๊า ให้ตายเถอะ!
และสองคนที่ทำได้ ดันเป็นสองคนที่หลิวฮังเคยสร้างความขุ่นเคือง!
ใครจะทันฉุกคิดกัน ว่าคนที่ไปกวนโมโหดันร้ายกาจถึงขนาดนี้ หากสองคนนั้นเอาเรื่องขึ้นมา สามารถไล่บดขยี้ตนให้ตกตายได้ทุกเมื่อ
หลิวฮังเดิมต้องการจากไปอย่างเงียบๆ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดฉินเฟิงก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่กล้าหนี!
จะไปก็ไม่ได้ จะอยู่ก็ไม่ดี โชคร้ายชะมัด!
อย่างที่ทุกท่านทราบ ว่าที่ฉินเฟิงแกล้งอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ อันที่จริง เขาไม่ได้สนใจหลิวฮังเลย อีกฝ่ายแค่เป็นประสาทไปเอง!
ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงได้เริ่มกินผลแห่งปัญญาแล้ว!