บทที่ 58 ความรู้สึกและความทรงจำเก่าๆ
มุมมองของเทสเซียเอราลิธ:
ฉันจูบเขา ... ฉันจูบเขาแล้ว!
ในขณะที่ฉันวิ่งออกจากห้องฉันก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิที่ใบหน้าของฉันนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นมันจูบแรกของฉันเลยนะ! ฉันสงสัยว่าเขาจะชอบมันมั้ย? ฉันทำถูกแล้วหรือเปล่า? ใบหน้าของฉันไม่ได้ดูแปลกๆ เมื่อฉันจูบเขาใช่มั้ย?
ฉันหยุดอยู่ในห้องโถงและมองไปที่เงาสะท้อนของตัวเองในหน้าต่าง ฉันยืนอยู่ตรงหน้ากระจกแล้วทำท่าเดียวกันกับที่จูบอาร์ตอีกครั้งเพื่อดูว่าฉันมีหน้าตาเป็นยังไง
“เอิ๊ก! ม่ายยยย !!” ฉันโขกกับหน้าต่างด้วยความลำบากใจ ฉันได้แต่คร่ำครวญเมื่อคิดว่าฉันคงจะทำหน้าตาตลกแค่ไหน ขณะที่ฉันมองออกไปข้างนอกหน้าต่างโดยที่หน้าผากของฉันยังติดอยู่ ฉันเอานิ้วแตะริมฝีปาก
ริมฝีปากของเขานุ่มนวลดีจัง แม้ว่ามันแตกเล็กน้อยเพราะเขากำลังบาดเจ็บมาก แต่มันก็รู้สึกดีมาก
"ฮิฮิ…"
ฉันสังเกตเห็นว่าใบหน้าของฉันในเงาสะท้อนแสดงรอยยิ้มที่เหมือนกับคนโรคจิต
โอ้พระเจ้าฉันกลายเป็นคนโรคจิตไปแล้วหรือเปล่า ฉันสงสัยว่าฉันรุกรุนแรงเกินไปหรือเปล่า? ถ้าเขาไม่ชอบล่ะ? จะเป็นอย่างไรถ้าเขาคิดว่าตอนนี้ฉันเป็นพวกโรคจิตไปแล้ว?
“อึก!” ฉันทรุดตัวลงคุกเข่าขณะที่หน้าผากค่อยๆเลื่อนลงกับหน้าต่าง
เดี๋ยวแล้วตอนนี้ฉันจะเผชิญหน้ากับเขายังไงดี? ทุกอย่างกำลังดีขึ้นอยู่แล้วเชียว! ฉันทำมันพังหรือเปล่า? ถ้าเขาไม่สนใจฉันเมื่อเขาเห็นฉันละ?
ฉันมีอาการปวดตุบๆที่หน้าอกของฉันขณะที่น้ำตาเริ่มเอ่อคลอที่มุมตาของฉัน ฉันคงจะทนไม่ได้แน่ถ้าหากอาร์ตไม่สนใจฉันแบบนั้น
ฉันควรกลับไปที่ห้องของเขาและแกล้งทำเป็นว่ามันเป็นแค่มุขตลกแหงๆดีมั้ย? ฉันนึกภาพตัวเองระเบิดเสียงหัวเราะในห้องและชี้ไปที่เขา “หนึ่งดอก! ฮ่าฮ่าฮ่า! นายถูกหลอกแล้วละ!”
คิดโง่ๆ ฉันคร่ำครวญอีกครั้งกับความโง่เขลาของตัวเอง
ไม่! เธอทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วละเทส! ทุกอย่างจะไม่มีการคืบหน้าแน่ถ้าหากเธอปล่อยให้อาร์ตเป็นคนเริ่ม! เขายังคงปฏิบัติกับเธอเหมือนเด็กๆ ทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกัน นั้นก็เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอเองนะ!
"ใช่!" ฉันกำหมัดสูบลมเพื่อให้กำลังใจตัวเอง แต่ฉันก็ยังถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อคิดว่าเขาอาจจะไม่ชอบฉัน
“เชอะ!” ใครสนกันละย่ะ?! ถ้าตาอาร์ตทื่มนั่นเลือกที่จะไม่สนใจฉัน ฉันก็จะหาคนที่ดีกว่าเขา! เขาไม่ได้ดีเยี่ยมขนาดนั้นอยู่แล้ว! เขาเป็นแค่เด็กวัยรุ้นที่หน้าตาดีกว่าคนทั่วไปนิดหน่อย เขาเก่งเรื่องเวทย์มนตร์กว่าเด็กรุ้นๆเดียวกันด้วยก็แค่นั้น?
เฮ้อ ฉันกำลังหลอกใครกัน? ฉันนึกภาพตัวเองไม่ออกว่าตัวฉันจะชอบใครได้นอกจากอาเธอร์ แน่นอนว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีขุนนางที่พยายามทำให้ฉันประทับใจและพยายามเข้าใกล้ แต่พวกเขาเทียบไม่ได้กับอาเธอร์เลย
ตาอาร์ตงี่เง่า! ไอ้เสือผู้หญิง! “ ‘อย่าขมวดคิ้วสิเทส ใบหน้าของเธอจะดูน่าเกลียดเอานะ ’
” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยที่เลียนแบบเขา
เชอะ! มาทำให้หัวใจของฉันเต้นรัวอย่างไม่มีเหตุผล! เจ้าเสือผู้หญิงคนนั้น!
“โอ้! จะสนไปทำไมถ้าเขาจะไม่ชอบเธอ เทส! เขาจะเสียดายมันเองแหละ! เธอมีอะไรพกพร่องบ้างละ? เธอเป็นนักเวทย์ที่มีความสามารถ! เธอค่อนข้างฉลาดและเป็นที่นิยมในหมู่หนุ่มๆด้วยใช่ไหม? ไม่อยากจะโม้ แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่หน้าตาไม่ดีใช่มั้ย? อาเธอร์เป็นคนที่พลาดเองถ้าหากเขาไม่เลือกเธอ!” ฉันชี้ไปที่ภาพสะท้อนของฉันราวกับว่าเธอเป็นคนละคน
ฉันสงสัยว่าจะมีข้อแก้ตัวอะไรที่จะคุยกับอาเธอร์ได้ จริงๆก็มีข้อแก้ตัวมากมาย! แม่ของเขาขอให้ฉันดูแลเขาเป็นการส่วนตัว ใช่! ไหนจะการดูดซึมแกนสัตว์มานา! ฉันสามารถขอให้เขาช่วยฉันได้เพราะเขาเป็นคนที่ให้แกนสัตว์มานานั้นแก่ฉัน! มันถูกต้องแล้วที่เขาต้องรับผิดชอบใช่มั้ย?
เฮ้อ…
ฉันมองย้อนกลับไปครั้งสุดท้ายว่าห้องของอาเธอร์อยู่ตรงไหนก่อนที่ฉันจะเดินกะเผลกกลับหอพัก
มุมมองของอาเธอร์เลีย์วิน:
ฉันจูบเทส...
ฉันจูบเทสเซียเอราลิธเด็กสาวอายุสิบสามปี นี่มันพรากผู้เยาว์ชัดๆ ฉันกลายเป็นอาชญากรไปแล้วหรือเปล่านี้? ไม่...ฉันต้องใจเย็นๆ ฉันอยู่ในร่างของเด็กชายอายุสิบสองปีอยู่นะ แค่ทำไมตอนนั้นฉันถึงรู้สึกผิดจังเลย ฉันไม่ควรรู้สึกผิดใช่มั้ย?
เธอเป็นคนที่จูบฉันเองนะ! ฉันตกเป็นเหยื่อต่างหาก! เธอจู่โจมฉันในขณะที่ฉันอยู่ในสภาพที่เปราะบางนี้…เออ...ฉลาดๆจริงๆนะเทส ในขณะที่ฉันจ้องมองอย่างเหม่อลอยไปที่ประตูที่ว่างเปล่าที่เธอเดินผ่านไปในที่สุดมือที่สั่นเทาของฉันก็เอื้อมมาที่ริมฝีปากของฉันและฉันก็นอนอยู่ตรงนั้นด้วยความตะลึง ฉันสัมผัสปากของฉันจนความทรงจำที่รั้งไว้ไม่อยู่ได้นึกถึงสัมผัสที่นุ่มและชื้นของริมฝีปาก
นี่เป็นสิ่งที่ผิดแน่นอน ใช่...ฉันอายุแค่สิบสองปีก็จริงในทางเทคนิค แต่ด้วยอายุทางจิตใจของชาติที่แล้วและชาตินี้รวมกันฉันน่าจะอายุเกือบๆ50ปีเข้าไปแล้ว! แม้ว่าฉันจะมีลูกตอนแก่หน่อยแต่เทสก็น่าจอายุร่าวๆลูกสาวของฉันถ้าหากฉันมีสักคน
ไอ้บ้าเอ้ย! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะร่างกายที่ถูกสาปนี้! มันเป็นเพราะฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านในร่างกายของฉันตอนนี้! เหตุผลที่ฉันรู้สึกผิดมากก็เพราะว่าฉันชอบมันจริงๆ มันรู้สึกดีมากๆตอนที่เทสจูบฉัน ฉันไม่ควรที่จะรู้สึกดีและฉันไม่ควรชอบการถูกจูบจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ฉันกลับชอบมัน
ฉันคร่ำครวญครึ่งหนึ่งจากความเจ็บปวดและอีกครึ่งหนึ่งจากการคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างเทสกับฉัน โดยที่ฉันรู้จักเธอดีเธออาจจะคิดมากเกินไปในตอนนี้และเธอคงจะรู้สึกอึดอัดหากอยู่ใกล้ๆตัวฉันอีกครั้ง
ฉันเกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อคิดว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเทสในตอนที่เห็นเธออยู่กับฉัน ถ้ามีใครที่ไม่รู้จักพวกเราดีพอพวกเขาอาจจะคิดว่าเธอน่าจะเกลียดฉันเพราะเธอเป็นคนประเภทที่แกล้งทำตัวเย็นชาเมื่อเธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
มีบางอย่างบอกฉันว่าถ้าฉันไม่ไปเคลียร์เรื่้องนี้กับเธอมันจะมีแต่เรื่องเข้าใจผิดกันมากขึ้น
ฉันจะเคลียร์มันได้ยังไง? มันไม่ใช่ว่าเธอได้สารภาพหรืออะไร เราควรออกเดทกันไหม? ไม่ไม่ไม่ เด็กๆในวัยของเรารู้หรือไม่ว่าการออกเดทคืออะไร? (Editor note : สำหรับต่างชาติออกเดทคือคบกัน)
ฉันมองย้อนกลับไปและนึกถึงช่วงเวลาที่ฉันอายุสิบสองขวบในชีวิตที่ผ่านมา เมื่อฉันอายุสิบสองขวบชีวิตของฉันเต็มไปด้วยการฝึกฝนเท่านั้น การได้รับการเลี้ยงดูในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและถูกส่งไปยังสถาบันที่อุทิศตนเพื่อเป็นนักสู้ ฉันไม่สามารถพูดได้ว่าฉันมีประสบการณ์ในการออกเดทจริงๆ
เรายังเด็กเกินไปใช่มั้ย? ในทางเทคนิคฉันอายุเพียงสิบสองปีเท่านั้นในร่างกายนี้! ร่างกายนี้สามารถผสมพันธุ์ได้แล้วหรือยังนะ? โอ้พระเจ้าตอนนี้นายกำลังคิดมากจนเกินไปแล้วนะอาเธอร์
ฮ่าฮ่า…มันไม่ใช่ว่าฉันเกลียดเทสเลยนะ จริงๆแล้วฉันค่อนข้างชอบเธอ เพียงแต่เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ฉันก็ไม่ควรปล่อยให้มันเป็นข้อแก้ตัวใช่ไหม?
“เธอคิดว่าไงบ้างละซิลวี” ฉันสะกิดพันธนาการที่หลับใหลขณะที่ร่างกายของเธอค่อยๆขยับขึ้นลงพร้อมกับลมหายใจของเธอ ฉันแปลกใจที่เธอไม่ตื่นตอนที่เทสจูบฉัน
ขณะที่ฉันเล่นกับหูและอุ้งเท้าของซิลวีลมหายใจของฉันก็เริ่มประสานกับของเธอและฉันก็หลับไปในไม่ช้า
_________________________________________
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนไม่น้อยมาเยี่ยมฉันในขณะที่ร่างกายของฉันกำลังฟื้นตัว เคอร์ติสเข้ามาและถามว่าฉันโอเคขึ้นไหม ฉันแค่ยิ้มและบอกว่าท่าไม้ตายของเขาค่อนข้างรุนแรงจนทำให้เขาหัวเราะ แคลร์เบลดฮาร์ทยังแวะมาเพื่อตรวจสอบฉันและคอยรายงานการประชุมของคณะกรรมการให้อยู่เสมอดังนั้นฉันจะได้ไม่ตกข่าวเมื่อฉันกลับไป
ด้วยความประหลาดใจของฉันแคธลีนมาคนเดียวแทนที่จะมากับพี่ชายของเธอ เธอถามว่าฉันโอเคไหมและฉันสาบานได้เลยว่าเธอกำลังมีสีหน้ากังวล ฉันประหลาดใจกับสิ่งนั้นมากกว่าสิ่งอื่นใด ฉันบอกได้เลยว่าทุกคนมีคำถามมากมาย เคอร์ติสดูเหมือนว่าเขาอยากจะถามอะไรฉันสักสองสามอย่าง แต่เขาก็อดกลั้นไว้เพราะด้วยสภาพของฉัน แม้แต่ศาสตราจารย์กลอรี่ก็มาเยี่ยมพร้อมกับตะกร้าผลไม้ในมือ
“ฉันอยากจะบอกคุณว่าลูคัสอารมณ์ร้อนขึ้นมากในชั้นเรียน ฉันไม่ตำหนิเขาหรอก สำหรับเขาแล้วมันต้องรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังนำหน้าคุณอยู่ทุกครั้ง แต่จู่ๆคุณก็หายตัวไปและปรากฏตัวห่างออกไปหลายร้อยเมตรในทันที” เธอหยุดชั่วคราวก่อนที่จะดำเนินต่อ “คุณทำได้ยังไง? ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน คุณควรรู้ว่าแม้แต่ผู้ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ก็ยังไม่สามารถทำในสิ่งที่คุณทำได้ การเทเลพอร์ตในทันทีถูกคิดว่าเป็นเวทย์มนต์ในตำนานอยู่เสมอ แต่นี่คุณที่อายุสิบสองปี…”
มาถึงตอนนี้ฉันสามารถลุกขึ้นนั่งได้โดยที่มันไม่เจ็บมากนักดังนั้นฉันจึงยกตัวขึ้นพอที่จะอยู่ในระดับสายตาของศาสตราจารย์กลอรี่ที่นั่งอยู่
“การเติบโตไม่ได้หยุดลงด้วยการขาดความสามารถหรือโชคที่ไม่ดี การเติบโตจะหยุดลงต่อเมื่อบุคคลนั้นจำกัดความสามารถในการเติบโตของตนเอง ด้วยคำพูดนั้นผมเชื่อว่าทุกคนก็มีความลับหนึ่งหรือสองอย่างที่ต้องการจะเก็บไว้กับตัวเอง” ฉันทรุดตัวลงนอนบนเตียงและปล่อยให้ศาสตราจารย์กลอรี่สับสนจนไร้หนทางที่จะตอบสนอง
ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้มาเยี่ยมฉันครั้งหนึ่ง ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับชั้นเรียนที่ฉันควรจะสอนและเธอก็บอกว่าตอนนี้ศาสตราจารย์กลอรี่อาสาที่จะสอนแทนฉันจนกว่าฉันจะดีขึ้น ผู้อำนวยการไม่ได้อยู่นานและส่วนใหญ่มาเพื่ออัปเดตให้ฉันทราบว่าเทสเป็นอย่างไรบ้าง
“เมื่อการดูดซึมของเธอดำเนินไปเรื่อยๆ เธอก็มีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ สองสามวันที่ผ่านมานี้เธอดีขึ้นมาก” เธอกล่าว
“ขอบคุณที่ดูแลเธอนะครับผู้อำนวยการ” ฉันยิ้มให้เธอ
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกอาเธอร์ เธอเป็นศิษย์ที่มีค่าของฉัน อ่านั่นทำให้ฉันนึกขึ้นได้ ฉันจะไม่อยู่ในสถาบันประมานสองสามวันเพื่อทำธุระบางอย่าง เนื่องจากวิริออนกลับไปแล้วฉันต้องการให้คุณช่วยเทสเซียดูดกลืนเจตจำนงจนกว่าฉันจะกลับมา คุณช่วยทำเพื่อฉันหน่อยจะได้ไหม?” เธอกล่าวโดยไม่รอคำตอบก่อนจะเดินออกไปทางประตูราวกับว่าคำถามนั้นเป็นเพียงพิธีการ
“เอ่อครับ แน่นอนผมทำได้” ฉันส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ฉันไม่แน่ใจว่าผู้อำนวยการกู๊ดสกี้มีธุระจริงๆหรือเปล่า แต่เธอก็ให้ข้ออ้างที่ฉันจะสามารถพบกับเทสได้
อัตราการฟื้นตัวของร่างกายของฉันเร็วขึ้นมากเเพราะเจตจำนงแห่งมังกรของซิลวีได้ผสานเข้าสู่กล้ามเนื้อและกระดูกของฉัน ฉันยังใช้เวลาในขณะพักฟื้นในการทำสมาธิและพัฒนาแกนมานาของฉัน ฉันอยู่ในขั้นที่ใกล้จะหลุดออกจากแกนสีเหลืองเข้ม แต่ต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยกว่าจะถึงสีเหลืองคงทืบ ฉันยังคงรู้สึกอ่อนแออยู่บ้าง แต่โชคดีที่ฉันวางแผนที่จะออกจากห้องโรงพยาบาลและกลับมาใช้ชีวิตในโรงเรียนตามปกติโดยเริ่มในวันพรุ่งนี้ ร่างกายของฉันจะรู้สึกแข็งทื่อจากการอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันจึงบอก“เข้ามาได้” ฉันหันหน้าและเห็นซิลวีกระโดดลงจากเตียงเพื่อไปที่ประตู
“พ่อมาเยี่ยมลูกนะ!” พ่อของฉันยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขาทันทีที่เขาสังเกตเห็นว่าฉันดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแค่ไหน
“เฮ้พ่อ” ฉันยิ้มตอบขณะที่ซิลวี "คยู" ทักทายก่อนที่จะกระโดดกลับมานั่งข้างๆฉัน
พ่อของฉันนั่งลงและเล่าให้ฉันฟังว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านบ้าง เราพูดคุยกันเป็นเวลาพอสมควรและฉันก็รู้ว่าการคุยกับพ่อของฉันมันสบายใจแค่ไหน ครอบครัวนั้นแตกต่างจากคนอื่นๆ ความจริงที่ว่าพวกเขาไม่มีแรงจูงใจแอบแฝงไม่มีแผนไม่มีความลับแต่นั้นก็ทำให้ฉันสบายใจมากแค่ไหน พวกเขาแค่ต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ฉัน
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ฉันก็ถามเขาถึงสิ่งที่รบกวนจิตใจฉัน “เฮ้พ่อ ทำไมแม่ไม่ยอมใช้เวทมนตร์ของเธอเลย? ผมหมายถึงเธอรักษาบาดแผลเล็กๆ ให้ผมตอนที่ผมยังเด็ก แต่เรื่องนี้ผมจำได้ว่าพ่อเคยบอกผมว่าแม่เป็นอิมิตเตอร์สายฮิวที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน”
เมื่อมองไปที่พ่อของฉัน ฉันก็รู้สึกประหลาดใจที่ใบหน้าที่สดใสตามปกติของเขาเปลี่ยนเป็นเศร้าเล็กน้อย
“แม่ของลูก…เธอมีเรื่องที่หนักใจมากในหัวใจของเธอ” เขาถอนหายใจลึกๆ แล้วพูดต่อ
“พ่อรู้ว่าตอนนี้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรู้เรื่องนี้ แต่พ่ออยากให้ลูกอดทน เธอจะบอกลูกเมื่อเธอพร้อมดังนั้นพ่ออยากให้ลูกรอวันที่เธออยากจะบอกลูกโดยตรง” เขาโวยวายก่อนที่เราจะเปลี่ยนหัวข้อ
“ทุกคนที่บ้านเป็นอย่างไรกันบ้าง?” เวลาก็ไม่ได้ผ่านไปนานขนาดนั้น แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนว่าเวลาได้ผ่านไปสักพักหลังจากที่ฉันได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว
“โอ้วแม่ของลูกกำลังยุ่งอยู่กับการสังสรรค์กับเพื่อนๆของเธอ ส่วนน้องสาวของลูกหรือ? เธอกำลังมึนเลยละ” เขาหัวเราะกับตัวเอง
“บางทีลูกอาจจะเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายเกินไป แต่บางครั้งพ่อก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีกับเอลลี” พ่อเกาหัวของเขาและฉันสังเกตเห็นริ้วรอยบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“พ่อก็แค่ให้อิสระกับเธอบ้าง เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจเอง” ฉันตบแขนของพ่ออย่างอ่อนแรง ฉันปรับตำแหน่งตัวเองใหม่เมื่อรู้สึกว่าร่างกายของฉันโดนตะคริวกิน
“พ่อควรปล่อยให้ลูกพักผ่อนได้แล้วละ” เขาบีบจมูกฉันเบาๆ และเดินออกจากประตูไปอย่างเงียบๆ มันทำให้ฉันสงสัยว่าอาจเกิดอะไรขึ้นกับแม่จนเธอบอบช้ำเกินกว่าจะใช้พลังของเธอได้
“คยู?” ซิลวี ถามฉันว่าฉันคิดอะไรอยู่และฉันก็ส่ายหัว “มันไม่มีอะไรหรอกซิลวี ฉันหวังว่าจะไม่มี”