บทที่ 57 การรวมตัวของครอบครัว
มุมมองของศาสตราจารย์กลอรี่:
ฉันช้าเกินไปแล้ว! เหี้ยเอ้ย! เกิดอะไรขึ้นกับเธอ? ทำไมจู่ๆเธอถึงทรุดตัวลง? มีอะไรผิดปกติกับแกนมานาของเธอหรือ? ทำไมต้องตอนนี้ด้วย?
ฉันมองดูด้วยความสยดสยองขณะที่การโจมตีของเจ้าชายเคอร์ติสพุ่งเข้ามาหาเจ้าหญิงเทสเซียโดยที่เธอไม่มีการป้องกันใดๆ เธอจะมีชีวิตรอดมั้ย? ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอจะสามารถเป็นนักเวทย์ต่อไปได้มั้ย? ลืมที่จะเป็นนักเวทย์ไปได้เลย - เธออาจต้องอยู่อย่างพิการไปตลอดชีวิต!
ฉันรู้สึกน้ำตาซึมในดวงตาขณะที่พยายามวิ่งเข้าหาพวกเขาอย่างหมดหวังทั้งๆที่ฉันรู้ว่ามันไม่ทัน ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร? ฉันจะรู้สึกพอใจมากถ้าหากมันจบลงด้วยการที่ฉันถูกไล่ออก ฉันกังวลว่านี่จะทำให้เกิดสงครามกลางเมืองได้ ในช่วงเวลาสำคัญของทวีปฉันอาจเป็นสาเหตุของการแบ่งแยกระหว่างสามเผ่าพันธุ์
ขณะที่เวิร์ลเฮาของเคอร์ติสกำลังจะกลืนเจ้าหญิงฉันก็กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเจ้าชายเกลย์เดอร์ตกใจเมื่อเขาตระหนักหลังจากที่เขาปล่อยการโจมตีของเขาว่าเทสเซียนั้นหมดสติไปแล้ว ไม่มีทางเลยมันไม่มีทางหยุดการโจมตีนั้นได้ทันเวลา
หลังจากที่ฉันรู้สึกเหมือนเวลาได้ผ่านไปหลายชั่วโมงลำแสงก็ค่อยๆสลายไปและสิ่งที่ฉันเห็นก็ทำให้ฉันตกใจยิ่งกว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ฉันจะจินตนาการได้
ด้วยความไม่น่าเชื่อฉันพูดอย่างตะกุกตะกัก “อะอะ...อาเธอร์เลย์วิน?”
เขาไปอยู่ตรงนั่นได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับลูคัสในอินเฟอร์โนเคจ เขาเทเลพอร์ตได้ในทันที? มันเป็นไปได้ด้วยหรือ?
ไม่…ไม่ไม่…ไม่…มันเป็นไปไม่ได้
ฉันกระโดดลงจากทอร์ชทันทีที่เข้าใกล้มากพอและรีบวิ่งไปหาอาเธอร์และเจ้าหญิงเทสเซีย อาเธอร์มีอาการที่ไม่ดีนัก เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเขาขาดกระจุยมีเพียงชุดเครื่องแบบขาดๆ และมีผ้าพันแผลแปลกๆ อยู่ที่แขนซ้ายของเขา เขาเลือดไหลไปทั่วและฉันสามารถเห็นแผลลึกที่อยู่ข้างๆกระดูกซี่โครงของเขา ร่างกายของเขาโอบรอบเจ้าหญิงและจากสิ่งที่เห็นฉันสามารถบอกได้เลยว่าเขาได้ใช้มานาแทบจะทั้งหมดเพื่อปกป้องเธอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงแทบไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
นักเรียนที่เหลือทั้งหมดรีบออกจากเวทีและเข้ามาที่นี่ โชคดีที่เจ้าหญิงไม่เป็นไร แต่อาเธอร์ต้องการความช่วยเหลือในทันที แต่ทันทีที่ฉันเข้าใกล้และพยายามที่จะช่วยเหลือเขา สัตว์ผูกพันตัวเล็กๆ ของอาเธอร์ก็ทำให้ฉันหยุดชะงัก
“กรอดดด …” โดยปกติแล้วฉันจะพบว่าสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวเล็กที่ขี่อยู่บนหัวของอาเธอร์นั้นน่ารัก แต่ตอนนี้จิตสังหารของมันบอกฉันว่ามันสามารถฆ่าได้ทุกคน ปริมาณของภัยคุกคามที่แผ่ออกมาจากจิ้งจอกตัวน้อยนั้นไม่ใช่เรื่องตลก ดูเหมือนว่ามันพยายามที่จะปกป้องเจ้านายของมันและเจ้าหญิงเทสเซีย
“ไม่เป็นไรนะเจ้าเพื่อนตัวน้อยฉันแค่พยายามที่จะช่วย” ฉันค่อยๆผ่อนเข้าไปใกล้ๆ แต่มันกลับคำรามดังขึ้นเท่านั้น ทอร์ชซึ่งปกติไม่เคยกลัวแม้จะอยู่ในการต่อสู้ที่ดุเดือดได้รั้งฉันไว้ด้วยจงอยปากของเธอจับมาที่ด้านหลังเสื้อของฉัน
“ศาสตราจารย์ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมหมายความว่าฉันไม่คิดว่าเจ้าหญิงเทสเซียจะเป็นลมในทันใด” เคอร์ติสวิ่งมาหาฉันใบหน้าของเขาซีดลงด้วยความตกใจ
“ไม่เป็นไรฉันรู้ ฉันไม่รู้ว่าเขาทำได้ยังไงแต่อาเธอร์สามารถปกป้องเจ้าหญิงได้ ความผูกพันของเขาไม่ปล่อยให้ฉันเข้าใกล้พวกเขาเลย” ฉันกำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด อาเธอร์ต้องการความช่วยเหลือในทันที เหตุใดความผูกพันของเขาจึงเสี่ยงชีวิตของเจ้านายด้วยการทำเช่นนี้ มันพยายามปกป้องอะไรกันแน่?
เคอร์ติสพยายามเข้าไปหาอาเธอร์และเทสเซียแต่ก็ล้มเหลวเช่นกันดังนั้นเราจึงยืนอยู่รอบๆ ทั้งสองคน ทุกความพยายามที่จะเข้าใกล้อาเธอร์และเทสเซียมากขึ้นอีกก้าวส่งผลให้ความผูกพันของเขาพุ่งเข้าใส่เรามันที “ใครก็ได้ได้เรียกผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ด่วน!” ฉันตะคอกออกไป นักเรียนบางคนฟื้นคืนสติได้แต่เมื่อพวกเขากำลังจะไปเสียงกรีดร้องก็ดังไปทั่วอากาศ
จากด้านบนนกเค้าแมวสีเขียวทะยานลงมาและร่อนลงต่อหน้าพันธนาการของอาเธอร์
“คยู!”
“ฮู ~”
“คยูคยู ~”
“โห่!”
“พวกเขากำลังสื่อสารกันอยู่หรือเปล่า?” เจ้าชายเกลย์เดอร์อดไม่ได้ที่จะพูดตะกุกตะกักด้วยความสับสน
“ฉันคิดว่าอย่างนั้น” ฉันเกาหัวของฉันในจุดๆนี้ มานาสัตว์ต่างสายพันธุ์สามารถสื่อสารกันได้ด้วยหรือ?
ขณะที่เราทุกคนยืนอยู่ที่นั่นและดูสุนัขจิ้งจอกสีขาวกับนกเค้าแมวสีเขียว "พูดคุย" สองสามนาทีต่อมาผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ก็มาถึงด้วยท่าทางที่ค่อนข้างลุกลน
"โอ้วไม่นะ" เธอคุกเข่าต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคนแต่คราวนี้สายสัมพันธ์ของอาเธอร์ไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดเธอ
“ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้…” ก่อนที่ฉันจะมีโอกาสบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้นเธอได้หยุดฉัน
"ได้โปรด ฉันจะได้ขอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง การพาสองคนนี้ไปที่โรงพยาบาลเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ฉันจะพาพวกเขาไปเอง ไปติดต่อกิลด์ฮอลล์และให้พวกเขาส่งนักเวทย์สายรักษาระดับสูงของพวกเขามาด่วน” เธอกล่าวขณะที่ใช่เวยท์ทำให้อาเธอร์และเจ้าหญิงลอย
ฉันพยักหน้าให้เธอก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนทอร์ช
มุมมองของอาเธอร์เลีย์วิน:
"แค๊กๆ! แค๊กๆ! อ๊ากกก…”
ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่แผดเผาไปทั่วด้านข้างของฉันทำให้ฉันมีอาการไอ ร่างกายของฉันรู้สึกจมอยู่ในการผสมผสานของความเจ็บปวดประเภทต่างๆตั้งแต่ความเจ็บปวดจากการถูกแทงไปจนถึงความเจ็บปวดจากการเผาไหม้ไปจนถึงความเจ็บปวดทุกๆครั้งที่เคลื่อนไหวและความเจ็บปวดที่เหมือนกำลังถูกฉีกขาดออกจากกันเป็นครั้งคราวแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของฉัน
ไม่มีแรงแม้แต่จะกรีดร้อง ฉันถูกทิ้งให้กัดฟันขณะที่ฉันกำไปที่ข้างเตียงที่ฉันนอนอยู่
พวกเขาจำเป็นต้องรีบคิดค้นยาระงับประสาท
ไม่กี่นาทีต่อมาเมื่อฉันรู้สึกชินกับความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับมากขึ้นเรือยๆ ฉันก็หันหน้าไปมองซิลวีที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆฉัน
“คุณรู้สึกยังไงบ้างอาเธอร์?” เสียงที่คุ้นเคยของผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของเตียง
โดยที่ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะหันศีรษะฉันก็คร่ำครวญ “ไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้เลย คุณถามเพื่ออะไร?”
“ถ้าคุณมีความตั้งใจที่จะตอบแบบประชดประชันฉันก็แน่ใจได้เลยว่าคุณสบายดีแล้ว” เธอหัวเราะเบาๆ
ถ้าฉันมีแรงที่จะกลอกตาไปที่เธอฉันคงทำไปแล้ว
“เทสเซียเป็นยังไงบ้าง?” ฉันถามด้วยเสียงแหบๆของฉัน
“ข่าวดีก็คือเทสเซียอยู่ในสถานะที่ดีกว่าคุณมาก” เธอถอนหายใจ
“…ร่างกายของเธอไม่สามารถจัดการกับเจตจำนงของสัตว์มานาได้ใช่ไหมครับ?”
"คุณรู้ได้อย่างไร?" ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้เข้ามาใกล้ๆเพื่อที่เธอจะได้เห็นหน้าฉันอย่างสมบูรณ์
“เพราะผมเป็นคนที่มอบเจตจำนงของสัตว์มานานั้นให้กับเธอ” ฉันพยายามลุกขึ้นนั่งแต่ความเจ็บปวดจากร่างกายทำให้ฉันหยุดแทบจะในทันที
ฉันพูดต่อไปเรื่อยๆและกัดฟันทนกับความเจ็บปวด “ขอร้องอย่าให้ใครรู้ว่าเทสเซียมีเจตจำนงของสัตว์มานา อย่างน้อยก็ในตอนนี้ผมจะช่วยเทสเซียด้วยการดูดซึมด้วยตัวเองถ้าหากผมทำได้ แต่ตอนนี้ผมขอฝากเธอไว้กับคุณหน่อย” ฉันบอกได้เลยว่าเธออยากจะถามคำถามมากกว่านี้ แต่เธอก็อดกลั้นไว้เพราะเห็นแก่ฉัน
“เมื่อฉันได้พาพวกคุณทั้งสองกลับเข้ามาในโรงพยาบาลแล้วฉันก็ไม่ได้ให้ใครเยี่ยมพบพวกคุณทั้งสองคนนอกจากหมอ ฉันติดต่อราชวงศ์แล้วก็ครอบครัวของคุณด้วย พวกเขาน่าจะมาถึงในเร็วๆนี้ ฉันนึกว่าเธอได้รับสัตว์มานามาจากวิริออนแต่กลับกลายว่ามันมาจากคุณ…พักผ่อนซะหน่อยนะอาเธอร์ แม้ว่าร่างกายของคุณจะแข็งแรงผิดปกติและฉันไม่คิดว่าจะมีผลข้างเคียงใดๆ แต่ก็ปลอดภัยไว้ก่อนนะ” เธอมุ่งหน้าไปที่ประตูและหันหลังกลับก่อนที่เธอจะออกไป “ขอบคุณนะที่ช่วยชีวิตของเทสเซีย”
ฉันยิ้มให้เธออย่างอ่อนแรงขณะที่ฉันกลับไปนอน
_______________________
คนที่ปลุกฉันตื่นคือซิลวี่เลียที่กำลังเลียแก้มของฉัน ‘ปาป๊าตอนนี้ปาป๊ารู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง?’
ฉันต้องฝันร้ายแน่ๆ เพราะฉันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
"ที่รัก! อาร์ตตื่นแล้ว!” ฉันได้ยินเสียงแม่ของฉันอยู่ทางซ้ายของฉัน
การหันศีรษะของฉันนั้นง่ายมากถ้าหากฉันเพิกเฉยต่อความเจ็บปวด
“เฮ้แม่ พ่อกับแม่มาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฉันมอบรอยยิ้มที่ดีที่สุดให้กับเธอเท่าที่ฉันรวบรวมได้
“ลูกสบายดีไหม? ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ไม่ได้บอกเราว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกได้รับบาดเจ็บสาหัสในวันแรกของการเรียนได้ยังไง!” ฉันบอกได้เลยว่าเธออยากจะกอดฉันมาก แต่เธอก็รั้งตัวเองไว้หลังจากที่รู้ว่าฉันอาจจะไม่ได้อยู่ในสถานะที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งนั้น
น้องสาวของฉันรีบวิ่งไปที่อีกด้านของเตียงและโน้มตัวไปข้างหน้า “พี่ค่ะ !! ตอนนี้พี่ดีขึ้นหรือยัง? ยังเจ็บอยู่ไหม?” ดวงตาของฉันเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวเมื่อฉันสังเกตเห็นว่าเธอกำลังจะวางมือของเธอบนร่างกายของฉันเพื่อตรวจสอบฉัน แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำแม่ก็เป็นคนที่เข้ามาหยุดเธอได้ทัน
“เข้าเรียนวันแรกก็จัดหนักเลยหรือเจ้าลูกชายตัวแสบ?” พ่อของฉันยิ้มเยาะ
“พ่อน่าจะได้เห็นว่าสภาพของอีกฝ่ายเป็นยังไง” ฉันยิ้มกลับและทำให้เขาหัวเราะ
แม่ของฉันอ้าปากค้างและเริ่มจินตนาการว่าอีกฝ่ายจะมีสภาพเป็นอย่างไร
“เขาล้อเล่นไปงั้นเองค่ะคุณนายเลย์วิน” ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้เข้ามาทางประตูกับทั้งครอบครัวเอราลิธรวมถึงเทสซึ่งเธอมีอาการที่ดูดีขึ้นมาก
“นี่…” พ่อของฉันถอยหลังไปด้วยความประหลาดใจขณะที่แม่ของฉันอ้าปากค้างและปิดปากของเธอ
“ในที่สุดก็ก็ได้พบกันสักทีนะครับคุณเลย์วินและคุณนายเลย์วิน” อัลดูอินเอราลิธพ่อของเทสเซียและอดีตราชาแห่งเอเลนนัวร์จับมือพ่อที่ตกตะลึงของฉันแล้วก็เขย่า
“เราอยากพบกับพ่อแม่ของอาเธอร์มาโดยตลอด เป็นความยินดีมากที่ได้พบคุณเป็นการส่วนตัว” เมเรียลอดีตราชินีแห่งเอเลนนัวร์และแม่ของเทสเซีย เมเรียลเอราลิธกอดแม่ของฉันซึ่งเธอยังคงเอามือปิดปากด้วยความไม่เชื่อ
จากนั้นเมเรียลก็เข้าไปหาเอลลีและตบหัวเธอเบาๆ “เธอต้องเป็นน้องสาวคนเล็กของอาเธอร์แน่ๆ น่ารักมากเลยนะนี้!”
“ฉัน - ฉันเห็นพวกคุณในงานประกาศเมื่อสองสามเดือนก่อน…” ทักษะการพูดของพ่อของฉันดูเหมือนจะลดลงอย่างมากต่อหน้าพวกเขาซึ่งฉันพบว่าน่าแปลกใจเพราะพวกเขาไม่ได้ทำตัวแบบนี้ต่อกษัตริย์และราชินีแห่งเซปินมากนัก
"ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อวิริออนเอราลิธและฉันเป็นอดีตอาจารย์ของลูกชายของคุณ” เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะที่จับมือพ่อของฉัน
โดยไม่มีแรงแม้แต่จะโต้กลับฉันแค่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่สายตาของพ่อและแม่สลับไปมาระหว่างครอบครัวเอราลิธกับฉัน
“สะ..สะสวัสดีค่ะ! หนูชื่อเทสเซียเอราลิธ ยินดีที่ได้พะ..พบพวกคุณ! ได้โปรดดูแลหนูด้วย! หนูเป็นพะ-พะเพื่อนในวัยเด็กของอาเธอร์และหนูก็ไม่แน่ใจว่าเขาเคยพูดถึงหนูบ้างหรือเปล่า แต่หนูเป็นเพื่อนสนิดของเขาจริงๆนะค่ะ!” เทสเซียโค้งคำนับเพื่อให้ร่างกายของเธอทำมุมเก้าสิบองศา เสียงของเธอมีส่วนผสมของความเคารพและความตื่นตระหนก เธอรีบกลับมายื่นตรงโดยผมของเธอพาดไว้อยู่บนใบหน้าเกือบทั้งหมดและในขณะที่เธอพยายามแก้ทรงผมของเธอฉันก็เห็นว่าใบหน้าของเธอแดงมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนี้เองพ่อแม่ของฉันก็รู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเล็กน้อย แต่แม่ของฉันมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มที่น่าอายซึ่งบ่งบอกว่าเธอกำลังทำอะไรบางอย่างและคุกเข่าต่อหน้าเทส
"ฉันเข้าใจละ หนูนี่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย ได้โปรดดูแลลูกชายของฉันด้วยนะ อย่างที่หนูเองก็ทราบ เขาเป็นคนที่ชอบสร้างปัญหามากดังนั้นมันจะช่วยฉันได้มากถ้าฉันรู้ว่าเขามีคนแบบหนูอยู่ข้างๆเขาทั้งในตอนนี้และในอนาคต” แม่ของฉันขยิบตาให้เธอขณะที่ลูบผมของเทสไปด้วย
ฉันไม่แน่ใจจริงๆว่าเทสได้ยินกันแน่แต่เธอคงคิดไปไกลมากแน่ๆ ดวงตาเบิกกว้างและใบหน้าที่แดงของเธอเปลี่ยนเป็นสีสว่างมากขึ้น เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่สูงกว่าปกติ “คร้าาา !!!” เธอยิ้มในขณะที่พยักหน้าอย่างแรง
พ่อของฉันยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ฉันทำได้แค่คร่ำครวญอยู่ภายใน ทำให้แม่ของฉันได้ปลูกฝังความคิดที่ผิดๆ แบบนี้กับเด็กสาวที่อายุสิบสามขวบ
หลังจากลุกขึ้นมาทั้งแม่และเมเรียลก็หัวเราะคิกคักในขณะที่น้องสาวของฉันเริ่มหน้ามุ่ยน่าจะเป็นเพราะแม่ของเราบอกว่าเทสเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เธอเคยพบ
“รู้สึกยังไงบ้างละเจ้าเด็กน้อย?” วิริออนนั่งลงบนขอบเตียงขณะที่เขาตบเบาๆ ให้ซิลวีที่กลับไปนอน เทสฟื้นสติของเธอแล้วก็เดินมาหาฉันด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
“เฮ้…ตอนนี้ผมเอาชนะคุณได้แน่ๆปู่” ฉันพยายามกลั้นการไอที่กำลังจะออกมาแต่ก็ทำไม่ได้
“ขอโทษด้วยนะอาร์ต ถ้าไม่ใช่เพราะฉันนายก็คงไม่เป็น…” ฉันหยุดเธอกลางคันและใช้นิ้วจิ้มไปที่ระหว่างคิ้วของเธอเบาๆ
“อย่าขมวดคิ้วสิเทส ใบหน้าของเธอจะดูน่าเกลียด” เมื่อแรงจากแขนของฉันหมดลงฉันก็ทรุดตัวลงและหายใจเข้าลึกๆ
“ปู่คุณลองดูมานาคอร์ของเทสแล้วหรือยัง? เธอเป็นยังไงบ้าง?” ฉันอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะฉันรู้ดีว่าเธอกำลังเจอกับอะไร
เขายิ้มอ่อนๆ ให้ฉัน “โชคดีที่ร่างกายของเธอดูเหมือนจะเข้ากันได้กับแกนของสัตว์มานา อย่างน้อยก็ดีกว่าร่างกายของเจ้าในตอนแรก ยังไงก็ตาม…เจ้าได้เจตจำนงของผู้พิทักษ์เอลเดอร์วู้ดมายังไง?” เขาโน้มตัวไปข้างหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“แน่นอนโดยการจัดการกับมันยังไงละ” ฉันยิ้มให้เขาอย่างอ่อนแรง
“ล้อเล่นน่า…ไม่นะ…เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม? เจ้ากำลังจะบอกฉันว่าเจ้าจัดการสัตว์มานาระดับ S ได้??” โดยปกติใบหน้าที่ดุร้ายของคุณปู่วิริออนเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาเข้ามาใกล้มากขึ้นใบหน้าของเราก็แทบจะสัมผัสกัน
“ใกล้เกินไปแล้วปู่ ใกล้จนผมได้กลิ่นของอาหารมื้อสุดท้ายของปู่เลยนะ…เดี๋ยวก่อน ผมสลบไปนานแค่ไหนแล้ว?” ฉันเดาไม่ได้เลยว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว
“จากที่ซินเธียบอกฉันมันเป็นเวลามากกว่าหนึ่งวันแล้วที่เจ้าสลบไป เจ้าพลาดชั้นเรียนวันที่สองแล้วละ” เขาถอนหายใจ
“โอ้ไม่นะ…ผมพลาดไปเลย ผมกะจะเข้าเรียนโดยไม่โดดเลยแม้แต่ครั้งเดียว…” ฉันเอาศอกสะกิดเบาๆไปที่แขนของเขาทำให้เขาหัวเราะเบาๆ
เทสเซียหัวเราะคิกคักขณะที่เธอนั่งอยู่บนเตียงด้วย
"ฉันกำลังบอกแล้วไง! ฉันเป็นเพื่อนสนิทของอาเธอร์เลย์วิน! เราเป็นเหมือนพี่น้องกัน! ถ้าฉันไปเยี่ยมเขาไม่ได้แล้วใครจะทำได้ล่ะ? ฉันบอกแล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง !!” ฉันได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังก้องอยู่ในระยะไกลและฉันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับการกระทำของเพื่อนตัวแสบของฉัน
ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้เองก็ได้ยินเช่นกันและเธอได้ส่งสัญญาณไปยังหน่วยรักษาความปลอดภัยเพื่อให้เขาผ่านเข้ามา
“อาร์เธอร์! นายโอเคไหม?” เขาพุ่งเข้าหาฉันโดยไม่สนใจคนอื่นๆ ในห้อง
"คุณมาช้าไปหน่อยนะแถมนายก็ไม่ได้เอาของกินติดตัวมาด้วยหรือ?” ฉันทำท่าผิดหวังและส่ายหัวเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่า…ฉันคิดว่านายคงจะหายดีแล้วถ้าหากนายสามารถพูดอะไรแบบนั้นได้” อาไลจาห์ถอนหายใจออกมาขณะที่ใบหน้าของเขาดูโล่งใจ
ฉันเริ่มยิ้มเมื่อเขาหันศีรษะของเขาขึ้นมาและกำลังนึกว่าคนอื่นๆ ในห้องเป็นใคร ใบหน้าของเพื่อนของฉันเปลี่ยนไปจากความโล่งใจไปสู่ความหวาดกลัวในขณะที่เขาตระหนักว่านอกจากครอบครัวของฉันแล้วผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาและราชวงศ์ของอาณาจักรเอเลนนัวร์ก็อยู่ในห้องนี้ด้วยเช่นกัน
“เอ่อ…โอ้ผม…” กรามที่หย่อนของเขาไม่สามารถสร้างคำพูดได้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…โอ๊ย…ฮ่าฮ่า!” ท้องของฉันรู้สึกเหมือนถูกปั่นป่วนเพราะฉันไม่สามารถหยุดหัวเราะได้
“ปู่ คุณและคุณนายเอราลิธ ผมอยากให้พวกคุณได้พบกับอาไลจาห์เพื่อนสนิทของผมเอง”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ! ผมต้องขอโทษที่เสียมารยาทก่อนหน้านี้!” อาไลจาห์โค้งคำนับทันทีจนเกือบจะทำแว่นหล่น
หลังจากที่ทุกคนรู้จักกันแล้วพ่อแม่ของฉันก็ยังคงคุยกับพ่อแม่ของเทสที่อีกด้านหนึ่งของห้อง ในที่สุดปู่ก็ทิ้งฉันไว้คนเดียวและเริ่มพูดคุยกับผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ หลังจากนั่นปู่ก็สรุปรายละเอียดทั้งหมดให้ฉันฟังและบอกให้ฉันหาเวลาเจอเขาสักครั้งหนึ่งเมือฉันมีสภาพที่พร้อมจะพูดคุยถึงเรื่องที่ยังค้างคาอยู่
“พี่ค่ะ ใครสวยกว่ากันหนูหรือเธอ?” เอลลีชี้ไปที่เทสและมองมาที่ฉันอย่างจริงจัง
“พวกเธอทั้งคู่สวยสยองมากสำหรับพี่” ฉันยักไหล่แต่ฉันเสียใจในทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกจากปากของฉัน
“โอ๊วว! เจ็บนะ!” ฉันร้องครวญครางขณะที่ทั้งคู่กำลังบีบและบิดหนังที่แขนของฉัน
“เทสอย่างที่ฉันบอกอาไลจาห์เป็นเพื่อนสนิทของฉัน พวกคุณควรเป็นมิตรกันนะ” ฉันพูดทั้งๆที่กัดฟัน แขนของฉันยังคงสั่นอยู่ไม่ใช่เพราะสภาพร่างกายของฉัน แต่เป็นเพราะพลังหยิกของน้องสาวฉันและการบีบของเทส
“ขออภัยด้วยเพราะฉันไม่เคยแนะนำตัวเองกับนายอย่างเป็นทางการ ฉันชื่อเทสเซียเอราลิธเป็นเพื่อนสนิทของอาเธอร์” เธอยื่นมือออกมาและขณะที่อาไลจาห์ตอบรับการจับมือของเธอและตอบกลับว่า“ฉันชื่ออาไลจาห์เพื่อนสนิดที่สุดของอาเธอร์ยินดีที่ได้รู้จักเช่น” ประกายไฟบินไปมาระหว่างพวกเขาขณะที่พวกเขาแข่งกันจ้องมองกัน
ฉันแค่กลอกตาขณะที่น้องสาวของฉันหัวเราะคิกคัก ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าหลังจากตื่นนอนด้วยเวลาแค่นี้ เปลือกตาของฉันเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นมากขึ้น
ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้สังเกตเห็นสิ่งนี้เลยประกาศต่อทุกคนว่า “เอาละ! ฉันคิดว่าเราควรให้เวลาอาเธอร์ได้พักผ่อนมากขึ้น ชีวิตของเขาไม่ตกอยู่ในอันตรายแล้วแต่ตอนนี้เขาคงจะเหนื่อยมาก”
“ลูกกลับมาเยี่ยมบ้านหลังจากที่ลูกหายเป็นปกติดีไหม?” พ่อจับมือฉันและบีบเบาๆ ก่อนจะต้อนสมาชิกในครอบครัวของฉันออกไป
“พักผ่อนให้มากๆนะลูกรัก?” แม่ของฉันพูดขณะที่เธอมุ่งหน้าออกไป พ่อแม่ของเทสกล่าวอำลาสั้นๆ พร้อมกับตบแขนฉันเบาๆ ก่อนจะเดินตามพ่อแม่ของฉันไป
“เราจะติดต่อกลับมาในเร็วๆ นี้นะเจ้าเด็กน้อย” วิริออนขยุ้มผมของฉันทำให้ฉันสะดุ้งและลากเทสกับอาไลจาห์ออกไปกับเขา
“ฮ่าา…” ฉันมองไปที่ซิลวีที่ยังคงหลับอยู่
ในขณะที่ฉันกำลังจะหลับตาประตูก็เปิดออกอีกครั้ง
“คุณลืมอะไรไว้หรือเปล่าเทส?” ฉันมองเธอจากมุมตาจองฉัน เพราะไม่สามารถหันหัวไปมาได้ถนัด
“เฮ้อาเธอร์…” เธอเดินมาข้างๆฉันแล้วหันกลับไปมองที่ประตู
“หืม?”
“นายบอกว่านายขยับร่างกายไม่ได้จริงๆใช่ไหม?” ฉันเห็นว่าเธออยู่ไม่เป็นสุขเล็กน้อย
“ฉันคงทำได้แค่หันหัวและยกแขนขึ้นนิดหน่อยละมั้ง ทำไมล่ะ?” ขณะที่ฉันหันหน้าไปทางเธอดวงตาของฉันก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อฉันรู้ว่าใบหน้าของเทสอยู่ห่างจากฉันเพียงไม่กี่นิ้ว ดวงตาของเธอจ้องมองมาที่ฉันด้วยการแสดงออกที่ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนและในไม่นาน ฉันรู้สึกได้ถึงริมฝีปากของเธอในขณะที่เธอหลับตาลง
ความรู้สึกที่นุ่มนวลและอบอุ่นของริมฝีปากของเธอที่อยู่ด้านบนของฉันทำให้ฉันประหลาดใจ แต่ร่างกายของฉันไม่ยอมตอบสนอง จากนั้นฉันก็ได้เห็นไฝเล็กๆ ที่มุมด้านนอกของดวงตาข้างซ้ายของเธอซึ่งฉันไม่เคยสังเกตเห็นมันมาก่อน
ขณะที่เธอถอยกลับไปดวงตาของเธอก็จับจ้องไปที่ฉัน จากนั้นเธอก็รีบหันหน้าวิ่งออกไปทันที นั้นทำให้ฉันรู้สึกงุนงงยิ่งกว่าตอนที่พลังของฉันตื่นขึ้นในตอนแรกเสียอีก