ตอนที่แล้วบทที่ 55 เริ่มการแข่งขัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 57 การรวมตัวของครอบครัว

บทที่ 56 มันคงจะเจ็บไม่น้อย


ด้วยสัญญาณของศาสตราจารย์กลอรี่พวกเราสามคนก็พุ่งออกไปข้างหน้า เคอร์ติสซึ่งนั่งอยู่บนหลังของกราว์เดอร์อยู่ทางซ้ายของฉันและแคลร์ก็อยู่ทางขวาของฉัน ทั้งคู่อยู่ข้างหน้าฉันเล็กน้อย

เทสไคลฟ์และลูคัสทั้งสามคนแยกกันทันทีที่เราเข้าชาร์ท เทสวนไปรอบๆ ทางด้านซ้ายขณะที่เธอเตรียมรับมือกับเคอร์ติส ส่วนไคลฟ์ที่พุ่งไปทางด้านขวาเผชิญหน้ากับแคลร์ก่อนที่เธอจะเข้าไปถึง

ข้างหน้าฉันเห็นลูคัสรอฉันอยู่อย่างใจเย็น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเป็นความเย่อหยิ่งเย่อหยิ่งที่ดูเหมือนจะพูดว่า 'ฉันไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคนอย่างนาย' ไม่ว่าจะเป็นที่สุสานไดเออะหรือแม้แต่ตอนนี้ความเย่อหยิ่งของลูคัสก็ไม่เคยมีขีดจำกัด ฉันยังจำได้ตอนที่เขาหักหลังเราโดยใช้เราเป็นเหยื่อล่อเพื่อที่เขาจะได้หนีไป ถึงอย่างนั้นเขาก็มีความเย้ายวนแบบเดียวกับที่เขามีในตอนนี้

เทสน่าจะเอาชนะเคอร์ติสได้และฉันก็ไม่แน่ใจว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากันระหว่างแคลร์กับไคลฟ์แต่ฉันก็ไม่ได้กังวลเรื่องนั้น ลมและดินโค้งงอตามความประสงค์ของฉันในขณะที่ฉันเติมมานามากขึ้นและยังใช้การหมุนของมานาเช่นกัน เป็นเพราะลูคัสไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ปริมาณมานาของเขามีมากกว่าของฉัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าฉัน

“นายรับมือลูคัสได้ด้วยตัวเองไหม?” ฉันได้ยินเสียงเคอร์ติสตะโกนขณะที่เขาพุ่งเข้าหาเทส

แคลร์มองกลับมาที่ฉันด้วยความกังวลเล็กน้อยเช่นกันจนกระทั่งฉันพยักหน้าให้พวกเขาเงียบๆ เธอพยักหน้ากลับและมุ่งความสนใจไปที่รองประธานนักเรียน

ลูคัสรู้สึกได้ถึงเจตนาในการสังหารเล็กน้อยที่ฉันจงใจปล่อยออกมาเพื่อทำให้เขาตกใจในขณะที่เขาเริ่มร่ายมนต์อย่างเงียบๆ เขารีบพุ่งไปข้างหลังเพื่อให้ได้ระยะห่างระหว่างเรามากขึ้น

เมื่อมองไปข้างหน้าฉันรู้สึกว่าศาสตราจารย์กลอรี่กำลังส่องสายตาที่กระตือรือร้นเพื่อศึกษาฉันขณะที่ฉันปิดช่องว่างระหว่างคู่ต่อสู้ของฉัน ฉันหายใจเข้าลึกๆ และเตรียมป้องกันทุกอย่างที่กำลังจะเข้ามาหาฉัน เท่าที่ฉันกังวลนี่เป็นการต่อสู้ระหว่างลูคัสกับฉัน ฉันหรี่ตาลงและมุ่งเน้นสมาธิอย่างเต็มที่ แต่ละก้าวที่ฉันวิ่งไปข้างหน้าได้สร้างหลุมขนาดเล็กที่พื้นขณะที่ลมพัดรอบตัวฉัน

ลูคัสปล่อยเสียงแผ่วเบาก่อนที่เขาจะคลายมนต์สะกด “อินเฟอร์โนเคจ!”

คาถานั้นทำให้ฉันนึกถึงคาถาเอ็มเบอร์วิสป์ที่ทั้งลูคัสและอดีตศาสตราจารย์ไกสเคยใช้แต่มันใหญ่กว่ามาก ลูกไฟกระจัดกระจายและลอยอยู่รอบๆ ตัวเราทั้งคู่จนดูเหมือนโดมที่ทำด้วยไฟ

อย่าบอกนะว่า…

ด้วยการยิ้มเยาะอย่างมั่นใจเขาดีดนิ้วของเขาและพูดว่า “ทำงาน”

ลูกไฟเปล่งประกายตอบสนองก่อนที่จะพ่นกระสุนเพลิงออกมา ถ้ามันเป็นคาถาในระดับเอ็มเบอร์วิสป์ละก็ฉันจะสามารถเข้าถึงตัวเขาได้ในขณะที่หลบลูกไฟพวกนั้นแต่นี่มันบ้าไปแล้ว ไฟหลายสิบลูกได้ล็อคตำแหน่งของฉันและยิงฉันในอัตราคงที่จากทุกทิศทาง ถ้าฉันไม่ได้ฝึกฝนร่างกายและเทคนิคการต่อสู้ในช่วงที่ฉันเป็นนักผจญภัยแล้วละก็ไม่ว่าฉันเร็วแค่ไหนฉันคงไม่สามารถหลบหลีกพวกมันได้ เขาไม่ให้โอกาสฉันเข้าไปใกล้ตัวเขาโดยฉันถูกบังคับให้หลบหลีกและสกัดกั้นลูกไฟที่โจมตีฉันอย่างต่อเนื่อง

อินเฟอร์โนเคจ…ใครก็ตามที่คิดคาถานี้ขึ้นมาสมควรโดนแทงไปที่ตูดเพื่อที่จะได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ต้องรับมือ ลูกไฟและเปลวไฟที่ยิงมาอย่างต่อเนื่องมาที่ฉัน ความร้อนภายในโดมนี้เริ่มทำให้ฉันรู้สึกเหนือยล้าที่ละนิด โดยไม่มีมานาธาตุไฟและน้ำฉันไม่มีวิธีใดที่จะตอบโต้กับความร้อนภายในได้โดยตรง จริงๆแล้วฉันสามารถใช้มานาธาตุไฟเพื่อทำให้ร่างกายของฉันมีภูมิคุ้มกันต่อไฟมากขึ้นหรือแม้กระทั่งใช้มานาของธาตุน้ำเพื่อทำให้ร่างกายของฉันเย็นลงแต่ตอนนี่ฉันทำมันไม่ได้ทั้งคู่

“หนีไปเรื่อยๆ เลยเจ้าลิงน้อย แกคิดว่ามันเป็นไปได้หรือที่นักเวทย์สามัญชนจะมีโอกาสชนะคนอย่างฉัน? ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะเหยียบแกเพื่อทำลายความมั่นใจที่แกมีเพียงเพราะแกได้เป็นสมาชิกในคณะกรรมการวินัยและเป็นศาสตราจารย์ ตอนแรกฉันคิดว่าชั้นเรียนนี้จะน่าเบื่อและเป็นการเสียเวลาของฉันไปเปล่าๆ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ นั้นคือการได้บดขยี้แกยังไงละ” ใบหน้าของเด็กน้อยที่ดูน่ารักของเขากลับเต็มไปด้วยการแสดงออกที่น่าเกลียดขณะที่เขาหัวเราะเยาะ

‘ปะป๊าโอเคไหมค่ะ?’ เสียงที่เป็นห่วงของซิลวีดังก้องเข้ามาในหัวของฉันหลังจากที่เธอรู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดของฉันในตอนนี้

'ใช่ฉันสบายดีซิลวีไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉัน แล้วคนอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง?' ฉันถามกลับ

"มาม้าเอาชนะเคอร์ติสได้ส่วนแคลร์ก็เอาชนะชายที่หน้าตาจริงจังคนนั้นได้" เธอตอบ

'โอเคบอกฉันทันทีนะหากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น' ฉันหันกลับไปสนใจการต่อสู้ของฉันต่อ การหลบกระสุนเปลวไฟและลูกไฟเป็นครั้งคราวเป็นเรื่องง่ายก็จริงแต่ฉันก็ไม่สามารถเข้าใกล้ลูคัสได้ ฉันจะปล่อยใบมีดลมและหอกดินไปที่ลูคัส แต่ลูกไฟที่ประกอบขึ้นเป็นโดมได้ทำลายมันและลูคัสก็ยังปิดกั้นมนต์สะกดด้วยตัวเขาเอง

ปริมาณมานาของเจ้าเด็กนี้มันยังไงกัน? เขาไม่มีขีดจำกัดในเรื่องของเวลาเพื่อประคองคาถานี้หรือ? ไม่สิใจเย็นๆไว้อาเธอร์นายต้องไม่ใจร้อน คิดสิฉันจะใช้ลมได้อย่างไร? ลม? ลมคืออะไร? มันคือการเคลื่อนที่ของอากาศใช่ไหม? อากาศคืออะไร? ออกซิเจน? ไนโตรเจน? ดังนั้นฉันน่าจะสามารถควบคุมออกซิเจนและไนโตรเจนได้เช่นกัน? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆละ?

ฉันรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ขาดความเข้าใจในธาตุลมและดิน ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีในการพยายามทำความเข้าใจมัน การยิงกระสุนลมหรือใบมีดลมนั้นไม่เพียงพอในการจัดการเขาเพราะลูคัสได้เตรียมเกราะป้องกันธาตุไฟไว้รอบๆตัวเขาแล้ว

ฉันไม่ได้คิดนอกกรอบเมื่อฉันใช้ธาตุลมมาก่อน แม้จะมีทักษะของการหมุนเวียนมานาแต่ฉันก็ไม่มีมานาพอในการสร้างพายุทอร์นาโดให้ใหญ่พอที่จะกลืนไฟที่ยิงใส่ฉันและแม้ว่าฉันจะทำเช่นนั้นฉันก็ไม่คิดว่ามันจะอยู่ได้นานกว่าไฟของลูคัส ฉันขาดอะไรไป?

“ดิ้นรนต่อไปเถอะ! ฉันมั่นใจว่าจะไม่โดนลงโทษแน่ๆถ้าหากลูกไฟสองสามลูกไปโดนตัวแกแม้ว่าอุปกรณ์ของแกจะเปิดใช้งานแล้วก็ตาม แกรู้ใช่ไหมเนื่องจากฉันไม่สามารถยกเลิกการระเบิดของลูกไฟได้เมื่อพวกมันถูกปล่อยออกไปแล้ว” เขายักไหล่อย่างไม่ไยดีขณะที่โล่รอบตัวเขาปิดกั้นคาถาที่ฉันยิงใส่เขา

คิดสิอาเธอร์มุ่งเน้นไปที่ไฟก่อน ไฟต้องการอะไรเพื่อให้มันลุกไหม้? มันต้องการออกซิเจน ฉันสามารถกำจัดออกซิเจนรอบๆตัวเพื่อไม่ให้ไฟพวกนั้นเข้ามาถึงตัวฉันได้หรือไม่? แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน? ฉันจะสามารถหายใจได้มั้ย?

มุมมองของศาสตราจารย์กลอรี่:

อืม…ลูคัส…เขาเก่งกว่าที่ฉันเคยได้ยินมาเสียอีก

อินเฟอร์โนเคจเป็นคาถาที่ค่อนข้างยากที่จะใช้อย่างเชี่ยวชาญแต่เขาก็สามารถร่ายมันได้ในขณะที่หลบไปเรือยๆ เขาอายุแค่สิบสามแต่เขาก็สามารถใช้คาถาประเภทโดเมนได้แล้ว ฮ่าฮ่า…โลกกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอนโดยมีเอลฟ์ลูกครึ่งอย่างเขาที่ใช้เวทมนตร์ธาตุไฟและแม้แต่เจ้าหญิงเทสเอง - พวกเขาล้วนเป็นสัตว์ประหลาด ฉันรู้สึกตัวสั่นหลังนึกภาพว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหนเมื่อพวกเขาจบการศึกษาจากที่นี่

แต่เจ้าเด็กนั่นอาเธอร์…เขาเป็นตัวอะไรกัน? ลูคัสไวค์สที่เขาตื่นขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีก่อนด้วยสายเลือดเอลฟ์ของเขาก็พอทำให้ฉันเข้าใจได้ในระดับการควบคุมที่เขามีกับคาถาของเขา ส่วนเทสเซียเอราลิธเธอเป็นสายเลือดเอลฟ์บริสุทธิ์จากราชวงศ์ รับประกันได้ว่าทักษะของเธอนั้นเหนือกว่าใครก็ตามที่อายุใกล้เคียงกัน แต่สำหรับอาเธอร์นะหรือ?

ทันทีที่เขากระพริบในสนามเพื่อเผชิญหน้ากับลูคัสฉันก็รู้สึกถึงเหงื่อเย็นๆไหลลงที่ใบหน้าของฉัน ทั้งลมและดินถูกดึงดูดและเต้นไปรอบๆตัวเขาตามธรรมชาติเขาไม่ได้ควบคุมองค์ประกอบตามคำสั่งของเขาเหมือนกับนักเวทย์ทั่วไป ไม่สิเขาเข้ากับพวกมันได้ดีราวกับว่าองค์ประกอบพวกนั้นเป็นแขนขาอีกข้างของเขา

ดูเหมือนเด็กหนุ่มที่ชื่อลูคัสกำลังเอาจริงกับอาเธอร์ ก็ดีเหมือนกันไม่งั้นเขาอาจจะแพ้ทันที ปัจจุบันคาถาอินเฟอร์โนเคจครอบคลุมทั้งอาเธอร์และลูคัสในโดมเพลิงขนาดใหญ่ ฉันบอกได้เลยว่าลูคัสรู้สึกเหนือยเล็กน้อยหลังจากใช้มัน แต่นี่เป็นคาถาที่ใช้ได้ต่อเนื่องที่เปิดใช้งานได้จนกว่าเขาจะหมดมานาซึ่งฉันไม่คิดว่าจะมันเกิดขึ้นเร็วๆนี้ โดมที่ประกอบด้วยลูกไฟเล็กๆ เปรียบเสมือนกับดักแห่งความตายที่คอนเจอะเรอร์ใช้เพื่อให้ทำให้ตัวเองได้เปรียบในการต่อสู้กับออกเมนเตอร์หรือสัตว์มานาที่ว่องไว

ลูกไฟเล็กๆ สามารถยิงลำแสงและกระสุนไฟออกไปที่ใดก็ได้ภายในโดมทำให้ออกเมนเตอร์ที่อยู่ในนั้นต้องเสียเวลาจัดการกับมันและยื้อเวลาเพียงพอเพื่อให้คอนเจอะเรอร์สามารถร่ายเวทย์ได้เพิ่มขึ้นโดยไม่ถูกขัดจังหวะ

ฉันเพ่งมองไปที่เคอร์ติสเกลย์เดอร์และเทสเซีย ตามที่คาดไว้เคอร์ติสกำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก ฉันมีโอกาสได้เห็นเจ้าหญิงเอลฟ์ฝึกซ้อมกับผู้อำนวยการของเราครั้งหนึ่งและฉันต้องบอกเลยว่าวิธีการต่อสู้ของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก เธอเป็นคอนเจอะเรอร์แต่จริงๆแล้วไม้เท้าของเธอกลับเป็นดาบเล็กๆที่แหลมคมซึ่งทำจากไม้ชนิดพิเศษที่เบาแต่แข็งกว่าโลหะส่วนใหญ่ เธอร่ายเวทมนตร์บัพให้กับตัวเองและใช้คาถาได้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของเธอ เธอกำลังร่ายรำไปรอบๆพร้อมกับร่ายคาถาเถาวัลย์ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าออกเมนเตอร์ธาตุลมที่ใช้สายลมช่วยในการเคลื่อนไหวในแต่ละครั้ง

เธอต่อสู้ในรูปแบบผสม ทั้งร่ายเวทมนตร์และการต่อสู้ระยะใกล้ดังนั้นเธอจึงไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน เมื่อเทียบกับวิธีการต่อสู้แบบลุยๆของฉัน ฉันได้แต่ชื่นชมว่าสไตล์การต่อสู้ของเธอนั้นสง่างามและสวยงามมากเพียงใด

ในทางกลับกันแคลร์เบลดฮาร์ทกำลังได้เปรียบรองประธานนักเรียนของเรา ไคลฟ์เป็นออกเมนเตอร์ระยะไกลที่หาได้ยากซึ่งใช้ธนูสั้นและสามารถยิงธนูด้วยความเร็วที่รวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ โดยปกติแล้วเขาจะได้เปรียบเมือต่อสู้กับออกเมนเตอร์ส่วนใหญ่ แต่แคลร์เป็นคู่ที่ไม่ดีสำหรับเขาสไตล์ของคุณเบลดฮาร์ทนั้นเหมือนคาสเปี้ยนไม่มีผิด ด้วยองค์ประกอบคู่ของเธอ เธอได้สร้างหอกแห่งลมและไฟจากดาบของเธอ เธอยังไม่ถึงกับระดับของเขาก็จริง แต่ด้วยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องฉันมั่นใจว่าเธอจะทำได้เหนือกว่าลุง(อา)ของเธอ

ฉันหันกลับไปสนใจการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดซึ่งก็คืออาเธอร์และลูคัสอีกครั้ง ฉันสังเกตเห็นว่านักเรียนส่วนใหญ่ก็กำลังดูการต่อสู้ของพวกเขาจนรู้สึกกลัวความสามารถของพวกเขาทั้งสองเช่นกัน

“หืม?” ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แปลกจังที่ตอนนี้อาเธอร์กำลังโดนลูกไฟเล่นงาน หากเป็นแบบนี้อุปกรณ์ของเขาจะถูกเปิดใช้งานในไม่ช้าแม้จะได้รับการป้องกันจากมานาก็ตาม

เขาสามารถหลบพวกมันอย่างง่ายดายเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ฉันเสริมมานามากขึ้นในดวงตาของฉันเพื่อที่จะสามารถมองเห็นได้ดีขึ้น โดมไฟได้ล้อมรอบพวกเขาและปิดกั้นมุมมองมากมายแต่ฉันยังสามารถมองเห็นต่อสู้ได้บ้าง ดูเหมือนว่าอาเธอร์กำลังพยายามทำอะไรบางอย่าง เขากลั้นหายใจอยู่หรือเปล่า? เขากำลังพยายามทำอะไรในสถานการณ์เช่นนี้?

"ทอร์ช! บินต่ำลงไปอีกหน่อย!” สัตว์ผูกพันของฉันค่อยๆบินลงเมื่อเขากางปีกขนาดใหญ่ของเขาเพื่อรักษาระดับตัวเอง

ในขณะที่เราค่อยๆวนรอบโดมไฟขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบหนึ่งในสามของสนามฉันก็เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างรอบๆตัวเขา ทุกๆสามหรือสี่ครั้งของไฟที่โจมตีใส่เขา ไฟหนึ่งลูกได้ดับลงอย่างสมบูรณ์ก่อนที่มันจะมาถึงตัวเขา

“ไม่…” รอยยิ้มได้ผุดขึ้นบนใบหน้าของฉันขณะที่ฉันเฝ้าสังเกตเขาต่อไป “อย่าบอกนะว่าตอนนี้เขากำลังพยายามเรียนรู้วิธีควบคุมอากาศในสถานการณ์นี้…” ฉันปิดปากขณะที่ยังคงยิ้มด้วยความสงสัย “สัตว์ประหลาดตัวน้อยคนนั้น…เขามีกึ๋นจริงๆฉันขอยอมรับ”

การควบคุมอากาศเป็นรูปแบบหนึ่งของเวทมนตร์ธาตุลมแม้ว่าจะยากกว่ามากก็ตาม การทำลายองค์ประกอบและการพยายามที่จะจัดการกับมันโดยตรงเป็นสิ่งที่นักเวทย์เฉียบคมและละเอียดอ่อนที่สุดเท่านั้นที่สามารถทำได้และนั่นคือขณะที่พวกเขาทำสมาธิในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ หลังจากฝึกสมาธิมาหลายปีนักเวทย์พวกนี้อาจเริ่มทดลองใช้ในสถานการณ์จริงเช่นการผสมผสานมันเข้ากับคาถา

เทคนิคไฟสีฟ้าเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ ต้องใช้เวลาหลายปีในการทำสมาธิเพื่อไปให้ถึงขั้นตอนของการอัญเชิญเปลวไฟสีน้ำเงินที่เสถียรและใช้นานกว่านั้นที่จะทำได้เร็วพอที่จะใช้ในการต่อสู้จริง

ปีศาจน้อยตัวนี้กำลังข้ามขั้นตอนและพยายามที่จะฝึกเทคนิคใหม่ทั้งหมดเข้าด้วยกันในระหว่างการต่อสู้? มือของฉันสั่นไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อคิดว่าจะได้เห็นการพัฒนาของนักเวทย์ที่อาจจะไปถึงจุดสูงสุดของโรงเรียนนี้ - ไม่สิอาจจะทั้งทวีปนี้เลยด้วยซ้ำ!

“อ๊ากกก!” เมื่อหันมาสนใจเสียงน้ันดูเหมือนว่าการต่อสู้ของเจ้าหญิงเทสเซียและเจ้าชายเกลย์เดอร์กำลังมาถึงจุดตัดสินแล้ว

เครื่องแบบของเคอร์ติสเกลย์เดอร์เต็มไปด้วยรอยฉีกขาดเล็กๆ ฉันต้องยอมรับว่าเคอร์ติสทำได้ดีพอสมควรกับลูกศิษย์คนเดียวของผู้อำนวยการกู๊ดสกี้แม้ว่ามันจะเป็นเพราะสัตว์ผูกพันของเขาที่ทำให้เขาต้านได้นานขนาดนี้

“คุณบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้นะเจ้าหญิงเอราลิธ ! ได้โปรดระวังด้วย! เฟสที่หนึ่ง! คิงราธ!” ฉันได้ยินเสียงของเจ้าชายเกลย์เดอร์คำรามขณะที่ร่างของเขาเปล่งประกาย

โอ้! เขาเปิดใช้งานเฟสของการรับเจตจำนงของสัตว์มานาของเขา เคอร์ติสไม่ค่อยเลือกที่จะใช้ความสามารถของสัตว์มานาเพราะเขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นพลังของตัวเขาเองจริงๆ ฉันเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขาเพราะมันเป็นความคิดที่ถูกต้อง ว่ากันว่าบีสเทมเมอร์บางคนเลือกที่จะใช้เฉพาะพลังพิเศษของพวกเขาแทนที่จะสร้างเสริมพลังของตัวเอง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่สามารถทำให้ตัวเองเก่งขึ้นได้ในระยะยาว ในการใช้เจตจำนงของสัตว์มานาให้เห็นผลที่สุดคือผู้ใช้จำเป็นต้องเสริมสร้างพลังของตัวเองด้วยเช่นกัน

ในขณะที่เขาเปิดใช้งานเฟสแรกของเจตจำนงของเขาการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดก็เกิดขึ้นกับตัวเขา แม้ว่าปริมาณการเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล แต่การเปลี่ยนแปลงของเจ้าชายเกลย์เดอร์กลับเห็นได้ชัด ทั้งผมและคิ้วสีแดงเข้มแหลมคมของเขายาวขึ้นและยุ่งขึ้นในขณะที่สายรัดที่พันรอบแขนของเขารัดแน่นขึ้นจากกล้ามเนื้อที่ขยายตัว เขี้ยวที่ยื่นออกมาของเขาปรากฏให้เห็นได้เมื่อเขาคำรามออกมา

ฉันผิวปากไปกับฉากนี้เพราะมันทำให้ฉันประทับใจมาก

เมื่อฉันจ้องมองไปที่เจ้าหญิงเทสเซียซึ่งยืนอยู่บนเถาวัลย์ ใบหน้าของเธอก็ดูซีดลงอย่างผิดธรรมชาติ แปลกตรงที่ดูเหมือนเธอนั้นไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย

ฉันอยู่ค่อนข้างห่างจากการต่อสู้ของเทสเซียและเคอร์ติสเล็กน้อยเนื่องจากฉันกำลังจับตามองลูคัสและอาเธอร์อยู่ แต่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยมานาฉันสามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งเม็ดเหงื่อที่กลิ้งลงบนใบหน้าของเจ้าหญิง

“นี่เป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของฉัน ถ้าหากคุณสามารถรับมือกับมันได้ฉันจะขอยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี! โปรดเตรียมตัวให้พร้อม!” เสียงของเจ้าชายเกลย์เดอร์ดังขึ้นมากและแหบแห้งเหมือนไซบีเรียนฮัสกี้หลังจากเปิดใช้งานเจตจำนงของสัตว์มานา รูปร่างที่ดูดุร้ายของเขากำลังนั่งอยู่บนหลังของกราว์เดอร์

“เวิร์ลเฮา!” มานาจำนวนมากรวมตัวกันที่ปากของเจ้าชายเกลย์เดอร์ขณะที่เขากำลังจะโจมตีออกไป เวิร์ลไลออนมีท่าที่ทรงพลังซึ่งพวกมันใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายในการต่อสู้กับศัตรูที่มีพลังมากกว่าพวกมัน มันเป็นลำแสงมานาธาตุดินที่ควบแน่นซึ่งสามารถทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางได้หากไม่ได้ป้องกันอย่างเหมาะสม

ฉันกังวลเล็กน้อยเมือฉันมองไปที่เทสเซียอีกครั้งและฉันก็เห็นเธอพึมพำเมื่อสถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้น

มุมมองของอาเธอร์เลีย์วิน:

ไอ้บ้าเอ้ย! มันน่าหงุดหงิดจริงๆ! ฉันทำได้เพียงแสยะยิ้มและพยายามหนักขึ้นในขณะที่ฉันพยายามและจัดการกับโมเลกุลของอากาศที่อยู่รอบๆตัวฉัน จนถึงตอนนี้ฉันประสบความสำเร็จเพียงนิดหน่อยแต่ฉันก็รู้สึกเหมือนเริ่มจะเข้าทางอยู่บ้าง ลูคัสสังเกตเห็นสิ่งนี้และเดาะลิ้นของเขาและเริ่มร่ายมนต์อีกครั้ง

“ผู้พิทักษ์เปลวเพลิง!” เขาตะโกน

ฉันยิ้มเล็กๆ ออกมาเมื่อฉันรู้ว่าเขากำลังถึงขีดจำกัดแล้ว และฉันเองก็เช่นกันหรือจะพูดให้แม่นยำกว่านั้นคืออุปกรณ์ในการต่อสู้ของฉันก็เช่นกัน ฉันไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่สิ่งนี้จะเริ่มส่งเสียง ดังนั้นฉันจึงต้องทำให้มันจบในเร็วๆ นี้

ขณะที่ผู้พิทักษ์เปลวเพลิงเข้ามาหาฉันเสียงกังวลของซิลวีก็ดังขึ้นในหัวของฉันว่า "ปาป๊า! มีบางอย่างผิดปกติกับมาม้า! เธอกำลังจะโดนโจมตีอย่างรุนแรงและเธอกลับไม่ทำอะไรเลย! นี่มันแย่จริงๆ! หนูควรเข้าไปช่วยไหมค่ะปะป๊า? '

บัดซบ!

‘ไม่! เธอไม่สามารถทำอะไรได้ในขณะที่เธออยู่ในร่างนั้น! ’ฉันตะโกนกลับไปในหัว

ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสิ้นหวังจากซิลวีและมันทำให้ฉันกังวลมากขึ้น

“ม่ายยยย !!”

ฉันเหลือบไปทิศที่เสียงกรีดร้องของศาสตราจารย์กลอรี่และสังเกตเห็นว่าเธอเร่งความเร็วเต็มที่เพื่อไปที่ที่เทสและเคอร์ติสอยู่

‘ปาป๊า! เธอไปไม่ทันแน่!’ซิลวี่บอกฉันกลับและดูกังวลยิ่งกว่าเดิม

บัดซบเอ้ย!

[เจตจำนงแห่งมังกร เฟสที่หนึง สแตทิกวอย]

หัวเข่าของฉันเกือบจะทรุดเมื่อเปิดใช้งานเฟสแรกของซิลวีเมื่อสีของทุกอย่างกลับหัวกลับหาง ความสามารถในการแยกตัวเองออกนอกเวลาและมิติอวกาศของโลกนี้มีข้อจำกัด ฉันไม่สามารถส่งผลกระทบใดๆได้นอกจากตัวฉันเองเว้นแต่ว่าฉันจะเลือกที่จะส่งผลกับมันโดยตรง

“ไม่มีเวลาแล้ว” ฉันพูดกับตัวเอง

ขณะที่ฉันพุ่งผ่านระหว่างลูกไฟที่ประกอบขึ้นเป็นโดมที่สร้างโดยอินเฟอร์โนเคจ ฉันวิ่งผ่านศาสตราจารย์ที่ตัวแข็งอยู่ด้านบนของทอร์ช

ข้างหน้าฉันเห็นเทสหมดสติไปและกำลังตกลงมาจากเถาวัลย์ที่เธอยืนอยู่ ฉันกุมหน้าท้องของเธอขณะที่การโจมตีที่รุ้นแรงของเกลย์เดอร์ใกล้เข้ามา

ซิลวี่พูดถูกถ้าฉันฝากความหวังไว้กับศาสตราจารย์กลอรี่เธอก็คงทำมันได้ไม่ทันกาล ฉันทำได้เพียงแค่เม้มริมฝีปากด้วยความหวาดกลัวขณะที่จินตนาการว่าเพื่อนที่เป็นที่รักของฉันกำลังจะตาย

ฉันเร่งความเร็วขึ้นการมองเห็นของฉันพร่ามัวในขณะที่ฉันเริ่มหมดเรี่ยวแรง ฉันเกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว

แมร่งเอ้ย ทนไว้ก่อนสิอาเธอร์นายทำมันได้

ฉันรีบไปยังพื้นที่ที่เคอร์ติสและเทสกำลังต่อสู้อยู่และเมื่อฉันกระโดดลงจากเถาวัลย์ที่ร่วงหล่นฉันก็โอบร่างของฉันไว้รอบๆ ตัวเทสและสร้างกำแพงกั้นรอบตัวเราทั้งคู่ด้วยมานาที่เหลืออยู่

ฮ่าาา…มันคงจะเจ็บไม่น้อย

ฉันคลายเฟสแรกของฉันและเมื่อโลกเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบเดิมฉันก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากที่หลังของฉัน แต่ก่อนที่ฉันจะได้กรีดร้อง การมองเห็นของฉันก็จางหายไปและสิ่งสุดท้ายที่ฉันได้ยินก่อนที่จะสลบไปคือเสียงโหยหวนของอุปกรณ์ของฉัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด