ตอนที่แล้วบทที่ 53 ชั้นเรียนและศาสตราจารย์ III
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 55 เริ่มการแข่งขัน

บทที่ 54 ยินดีค่ะ


เมื่อครุ่นคิดถึงสิ่งที่ผู้อำนวยการพูด ฉันนั่งลง ดวงตาของฉันจ้องมองไปที่บางสิ่งในระยะไกล ดังที่เธอกล่าวมาเธอไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยที่จะจ้างฉันเป็นศาสตราจารย์ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงพบว่ามันน่าสงสัย มันฝังแน่นอยู่ในตัวฉันที่ฉันต้องคอยระวังแรงจูงใจของคนอื่นไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ตาม ฉันเดาว่าในฐานะผู้ที่มีอำนาจคุณมักจะสงสัยทุกคนที่อยู่รอบตัวคุณซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงขอให้ฉันทำสิ่งนี้

การจัดการมานาเชิงปฏิบัติเป็นชั้นเรียนที่ไม่มีงานเพิ่มหลังชั้นเรียนก็จริงแถมมันยังช่วยทำให้ฉันได้ฝึกสอนในชั้นเรียนได้สะดวกขึ้น แม้ว่างานนี้อาจจะไม่ง่าย แต่มันจะช่วยสร้างฐานะที่ดีให้กับตัวเองและมันก็ดูน่าสนใจไม่เลว เมื่อเห็นว่าฉันคงไม่สามารถหลบหนีความเป็นที่สนใจจากนักเรียนได้อยู่แล้ว ฉันน่าจะทำสิ่งที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย แน่นอนว่าฉันยังไม่ได้วางแผนที่จะเปิดเผยทักษะทั้งหมดของฉันให้ใครเห็น แต่ฉันไม่เห็นเหตุผลที่ต้องพยายามทำตัวเงียบๆอีกต่อไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเรื่องในวันนี้

“…อาเธอร์?” ตื่นจากความคิดเมื่อเห็นว่าผู้กำกับกู๊ดสกี้กำลังมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเป็นกังวล

“อ่าพอดีผมคิดเพลินไปหน่อย ผมแค่ไม่แน่ใจว่าตัวผมเองจะมีความสามารถแค่ไหนในบทบาทแบบนั้น แต่ผมก็อยากลองเป็นศาสตราจารย์ดูนะครับ” ฉันดูเอกสารที่ระบุหน้าที่และความรับผิดชอบของฉันในฐานะครู

“ฉันแน่ใจว่าคุณจะทำได้ดีมากเลยละ” เธอยิ้ม

เมื่อมองไปที่เธอฉันถามว่า “มีชั้นเรียนอื่นที่ศาสตราจารย์ไกสต้องสอนนอกจากชั้นเรียนของผมบ้างไหม?”

“โชคดีที่ไม่มี เราเพิ่งจ้างเขาในปีนี้หลังจากที่เขาออกจากการเป็นนักผจญภัย ฉันและอาจารย์คนอื่นๆ ตัดสินใจให้เขาสอนเพียงชั้นเรียนเดียวเพื่อเป็นการทดลองงาน” เธอส่ายหัวให้กับผลลัพธ์ที่น่าสมเพชที่เขาก่อขึ้น

“ก่อนที่ผมจะเซ็นสัญญาผมมีคำถามสุดท้ายหนึ่งข้อ” ฉันพูดขณะอ่านย่อหน้าสุดท้ายของเอกสาร

“ว่ามาเลย” เธอกระตุ้นให้ถาม

“จะไม่เป็นการย้อนแย้งไปหน่อยหรือครับที่ผมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำร้ายนักเรียนในขณะที่ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการวินัย” ฉันตอบคำถาม

“อ่าเป็นคำถามที่ดี กฎที่ว่า”ไม่ทำร้ายนักเรียน" มีไว้สำหรับในขั้นเรียนเท่านั้น สถานการณ์มักจะถูกตรวจสอบทุกกรณีตราบเท่าที่เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนคนอื่นๆ เช่นการใช้กำลังในระดับหนึ่งเพื่อระงับการต่อสู้หรือการปราบปรามนักเรียนที่กำลังอาละวาด สำหรับนอกชั้นเรียนในระหว่างที่คุณทำหน้าที่ของคณะกรรมการวินัยฉันจะเชื่อมั่นในการตัดสินใจของคุณในเรื่องนั้น”

ด้วยเหตุนี้ฉันจึงพยักหน้าและลงนามในเอกสาร “ฉันคาดหวังสิ่งดีๆจากคุณนะอาเธอร์และฉันแน่ใจว่าไม่ใช่แค่ฉันเพียงคนเดียว” เธอตบไหล่ของฉันเบาๆ ก่อนจะพาฉันไปกินข้าวเที่ยง

มุมมองของซินเทียกู๊ดสกี้:

“ต๊ายจริง เด็กผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่นะ เขาทำฉันให้แปลกใจได้อยู่เสมอ? การเจรจากับเขานั้นยากกว่าการเจรจากับราชวงศ์เสียอีก คุณคิดยังไงกับเขาบ้างละอาเวียร์?” สัตว์มานาที่เป็นสายสัมพันธ์ของฉันค่อยๆร่อนลงบนแขนที่ฉันยื่นออกมาดวงตาอันชาญฉลาดของเขาครุ่นคิดว่าจะพูดอะไร

“เขา…แตกต่างจากที่คุณเห็น จงอย่ามองว่าอาเธอร์เลย์วินเป็นเด็ก ไม่ว่าจะเป็นจิตใจหรือวุฒิภาวะทางอารมณ์ เขามีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น” คำพูดที่ชัดเจนที่ออกมาจากสัตว์มานาของฉันดูไม่เป็นธรรมชาติจากการขยับจะงอยปากของเขา

“อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจได้ขนาดนี้?” ฉันเอนหลังพิงเบาะ

“สัตว์มานาที่ผูกพันกับเขายังไงละ ร่างที่แท้จริงของจิ้งจอกขาวนั้นน่าจะเป็นมังกร…”

ฉันลุกขึ้นจากที่นั่ง "อะไรนะ?! เป็นไปได้ยังไง? คุณรู้ได้ยังไง?"

“นั้นเป็นเพราะเราเป็นสัตว์มานาประเภทเดียวกัน ฉันอาจจะเป็นมังกรสายพันธุ์ที่ด้อยกว่า แต่ไวเวิร์นส์ยังคงเป็นลูกหลานของมังกร” อาเวียร์แต่งขนของตัวเองต่อ

“คุณกำลังบอกว่าสัตว์มานาที่ผูกพันของเขามีพลังมากกว่าคุณหรือเปล่า?” ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงกับทั้งหมดนี้

“ไม่เด็กคนนั้นยังโตไม่เต็มวัย เธอไม่น่าจะฟักออกมานานกว่าสองสามปี อย่างไรก็ตามฉันสงสัยว่าเมื่อเธอพัฒนาขึ้นความแข็งแกร่งของฉันจะเทียบไม่ได้กับเธอเลย” เขากล่าวตามความเป็นจริง

ฉันนึกไม่ถึงว่าจะมีใครแข็งแกร่งไปกว่าอาเวียร์ ความจริงที่ว่าเขาเป็นเซ็นสัญญาผูกพันกับฉันเป็นเพียงเพราะเขาชอบฉันมากตอนที่เขาเจอฉันกำลังสำรวจลึกลงไปในบีสเกลด ปกติเขาจะทำอะไรด้วยตัวเองและฉันก็ไม่กล้าปฏิบัติกับเขาเหมือนกับสัตว์เลี้ยง แต่ความจริงที่ว่าความผูกพันของอาเธอร์นั้นเป็นมังกรและดูเหมือนว่าเธอจะอ่อนน้อมต่อเขามากจนทำให้ฉันสงสัยว่าจริงๆแล้วเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นใคร

“อย่าทำให้เขากลายเป็นศัตรูของคุณนะซินเธีย หากปฏิบัติกับเขาด้วยความไว้วางใจและความเคารพเขาจะกลายเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่หากถูกทรยศเขาอาจเป็นสาเหตุของการล่มสลายของทวีปนี้ได้” ด้วยคำเตือนนั้นอาเวียร์ก็บินออกไป

ฉันเอนตัวไปข้างหน้าในที่นั่งของฉัน ถูขมับที่สั่นระริกขณะที่ฉันนึกขึ้นได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน

___________________________________________

“ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ ผมขอให้คุณไล่เด็กที่ชื่ออาเธอร์เลย์วินออกจากชั้นเรียนของผมด้วย!” ศาสตราจารย์คนหนึ่งของฉันกระแทกประตูขณะที่เขาเดินเข้าไปข้างใน

“ศาสตราจารย์ไกสคุณดูหวั่นไหวนะ มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” ฉันรู้สึกประหลาดใจกับการบุกรุกอย่างกะทันหัน

“เขาเป็นเด็กที่ไม่เคารพศาสตราจารย์ของเขาเลย! ได้โปรดอย่าไปฟังข่าวลือที่คุณอาจจะได้ยิน ผมกำลังถูกใส่ร้าย!” ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความโกรธ

เสียงเคาะประตูสองครั้งดังขึ้นจากประตู

“กรุณาเข้ามา” ฉันพูด อย่างน้อยคนๆ นี้ก็มีความเหมาะสมพอที่จะเคาะ

“หนูขอโทษสำหรับการล่วงล้ำนะค่ะผู้อำนวยการ” แคธลีนน้อยโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปข้างๆศาสตราจารย์ที่กำลังหน้าซีดในตอนนี้

“มีอะไรหรือเปล่าแคธลีน?” ฉันชะโงกหน้าไปดูทั้งสองคน

“ศาสตราจารย์คนนี้ต้องถูกไล่ออกค่ะ” เธอกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก

ศาสตราจารย์ไกสจับแขนของแคธลีนแล้วดึงเธอเข้ามาใกล้เขา "เธอกล้าดียังไง! ‘ขอโทษขอโทษ’? คือ"

“แกกล้าแตะต้องตัวฉันด้วยมือที่สกปรกของแกหรือ?” การแสดงออกของเธอไม่เปลี่ยนไปและดูเหมือนว่าเธอจะจิกตามองไปที่ศาสตราจารย์ไกส

“ศาสตราจารย์ฉันขอแนะนำให้คุณเอามือออกทันทีไม่เช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตามมันจะไม่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับคุณ” ฉันลุกขึ้นต่อต้านกับการกระทำเช่นนี้ การใช้กำลังเพื่อเอาชนะประเด็นเป็นเรื่องที่น่าเศร้า

เขาปล่อยแขนของแคธลีนทันทีก่อนจะพูดต่อ “อะแฮ่ม…อย่างที่ผมพูด โปรดอย่าใส่ใจกับข่าวลือที่คุณอาจได้ยิน ผมสาบานได่ว่าทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิดและผมกำลังถูกใส่ร้าย”

“ฉันยังไม่เคยได้ยินข่าวลืออะไรเลย คุณรังเกียจที่จะเล่าให้ฉันฟังได้ไหมแคธลีน?”

“อาจารย์คนนี้กล้าที่จะแกล้งนักเรียนเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี แถมยังเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าเขาทำให้เฟย์ริธต้องอับอายอย่างที่สุด ถ้าหากอาเธอร์ไม่ก้าวเข้ามาหนูก็คงจะ…” โดยยังไม่พูดจบประโยคสุดท้ายเธอจ้องมองไปที่ศาสตราจารย์

ฉันหันไปหาศาสตราจารย์ไกสซึ่งปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหมดหวัง “ผมกำลังบอกคุณว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมแค่อยากจะแสดงต่อหน้าชั้นเรียนว่าคณะกรรมการวินัยอยู่ในระดับไหน คุณก็รู้เพื่อให้นักเรียนคนอื่นๆได้เรียนรู้”

“ถ้าเรื่องมันง่ายแค่นี้ก็ไม่มีเหตุผลที่คุณจะเข้ามาในห้องของฉันและยืนกรานให้ไล่อาเธอร์ออกจากชั้นเรียนของคุณ” ฉันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจภายในเมื่อคิดว่าจะจัดการกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ยังไง

ฉันหันไปหาเลขาของฉันที่กำลังแอบดูเราอยู่เพื่อดูว่าพวกเราเอะอะอะไรกัน “ทริเซียได้โปช่วยรวบรวมข้อมูลจากชั้นเรียนของศาสตราจารย์ไกสเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ให้ฉันด้วย”

ผู้ช่วยผมสีน้ำตาลโค้งคำนับก่อนจะวิ่งออกไป

“ตอนนี้โปรดอดใจรอ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป็นกลางในเรื่องนี้” ก่อนที่ฉันจะสามารถไล่พวกเขาทั้งสองออกไปได้ เจ้าหญิงแคธลีนเดินมาหาฉัน

“ฉันเชื่อว่าคุณจะจัดการเรื่องนี้อย่างยุติธรรม แต่รู้ไว้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะอาเธอร์คุณคงไม่ต้องจัดการในกรณีจริยธรรมของศาสตราจารย์คนนี้ แต่เป็นกรณีการบาดเจ็บของนักเรียน กรณีบาดเจ็บของฉัน ฉันขอลาและขอให้มันเป็นวันที่ดีค่ะผู้อำนวยการ” เธอหันกลับไปโดยไม่สนใจศาสตราจารย์ไกสซึ่งรู้สึกตกใจกับคำพูดสุดท้ายของเธอ

_____________________________________________

เมื่อได้อ่านคำให้การที่ฉันได้รับดูเหมือนว่าอาเธอร์เล่นงานศาสตราจารย์ไกสและชนะแบบท่วมท้น แม้ว่าบุคลิกของศาสตราจารย์คนนี้ไม่เคยเข้ากับฉันได้ดีนัก แต่ทักษะของเขาก็มีมากเกินพอที่จะสอนคลาสการจัดการมานาขั้นพื้นฐานได้ แต่ขณะที่เขาเป็นออกเมนเตอร์ขั้นสีเหลืองอ่อนและมีความสามารถที่ไม่เลว เขากลับพ่ายแพ้ให้กับที่เด็กอายุเพียงสิบสองปีอย่างหมดจด

ฉันถอนหายใจด้วยความเสียดายที่ไม่ได้วัดระดับแกนกลางของอาเธอร์ในขณะที่เขาอยู่ที่นี่

เด็กอายุสิบสองปีที่เอาชนะนักผจญภัยที่มีประสบการณ์โดยใช้มานาของธาตุลมและธาตุดินซึ่งฉันจำได้ว่ามันเป็นสองธาตุที่อ่อนแอที่สุด แถมเขายังมีความผูกพันกับมังกรอีกด้วย เขายังมีอะไรปิดบังอีกบ้าง? ถ้าฉันถามเขา เขาจะบอกฉันไหมนะ?

มุมมองของอาเธอร์เลีย์วิน:

"อาร์ต! ตรงนี้!” ฉันเห็นอาไลจาห์โบกมือให้ฉันตรงข้ามห้องอาหาร

ฉันสังเกตเห็นว่าเขานั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อฉันมาถึง

“นี่คือชาร์ล็อต์! ชาร์ล็อตนี่คือเพื่อนรักของฉันและยังเป็นเพื่อนร่วมห้องของฉันอีกด้วย อาเธอร์เลย์วิน” เขายืนขึ้นและทำท่าทางให้เราทั้งคู่จับมือกัน

“สวัสดีอาเธอร์ฉันได้ยินเกี่ยวกับคุณมามากแล้ว” เธอยิ้มตุ้งติ้งขณะที่ม้วนผม

“อืม…เป็นเรื่องที่น่ายินดี” ฉันตอบห้วนๆก่อนที่จะมุ่งความสนใจไปที่อาไลจาห์

“ชั้นเรียนของนายเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉันถามเพื่อนของฉันในขณะที่ฉันป้อนบรอกโคลีให้ซิลวีชิ้นหนึ่ง

“คยู!” ‘ไม่เอา!’

“ว้าว ~ สัตว์มานาตัวน้อยของคุณน่ารักมาก! คุณรังเกียจไหมถ้าฉันขอจับเธอ” ชาร์ลอต์เข้ามาใกล้ฉันมากจนเกือบจะพิงฉันในขณะที่เธอเอื้อมมือไปที่ด้านบนของหัวของฉัน

แต่ก่อนที่เธอจะมีโอกาสจับ ซิลวีก็คำรามจนฉันต้องคว้าข้อมือเธอไว้

“ขอโทษด้วยพอดีเธอไม่ชอบให้คนแปลกหน้าสัมผัสเธอ” ฉันมองนิ่งไปที่ตาของเธอทำให้เธอหน้าแดงเพราะใบหน้าของเธออยู่ใกล้ฉันมาก

“โอ - โอฉันขอโทษ!” เธอหดตัวกลับโดยมุ่งเน้นที่อาหาร

ดูเหมือนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอาไลจาห์ตอบกลับทั้งๆที่ปากของเขาเต็มไปด้วยอาหาร “ชั้นเรียนที่นี้เยี่ยมมาก! ฉันชอบคลาสเรียน”การร่ายอย่างต่อเนื้อง" และคลาส "การใช้มานาให้มีประสิทธิภาพ" แต่ฉันรู้สึกว่าอาจารย์ที่สอนชั้นเรียนเกี่ยวกับการใช้มานากำลังสอนแบบเดียวกับที่นายบอกให้ทำเลย ยังไงก็ตามฉันได้พบกับชาร์ล็อต์ในชั้นเรียนการร่ายอย่างต่อเนื้อง! เธอเก่งมาก!”

“ฮ่าฮ่า ขอร้องละนายกำลังทำให้ฉันอายไปหมดแล้ว” ชาร์ลอต์ทำหน้าเขินอายขณะที่เธอนั่ง

“…”

“แล้วชั้นเรียนของนายเป็นยังไงบ้าง! ฉันได้ยินมาว่านายเอาชนะศาสตราจารย์มานะ! เกิดอะไรขึ้นกับ”มีสติและใจเย็น" ที่นายบอกฉัน?” เขายิ้มเยาะฉันขณะที่เขาชี้ส้อมมาที่ฉัน

“ใช่เกี่ยวกับเรื่องนั้นฉันเลยต้องมาเป็นศาสตราจารย์ในชั้นเรียนนั้นแทน” ฉันตอบอย่างเย็นชาขณะที่ยัดเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากและหลีกเลี่ยงความพยายามของซิลวีที่พยายามจะขโมยมัน

อาไลจาห์พ่นอาหารที่เขาเคี้ยวมาทางเราขณะที่ฉันเอนตัวไปข้างหลังโดยสัญชาตญาณเพื่อให้พ้นระยะ

หญิงสาวที่ชื่อชาร์ลอต์กรีดร้องเมื่อได้รับการโจมตีของเพื่อนของฉัน

“อาไลจาห์อุบาทว์มาก” ฉันเช็ดเศษอาหารเล็กๆน้อยๆที่ฉันไม่สามารถหลบได้ทันออก

“ขอโทษขอโทษ…อะไรนะ? นายจะกลายเป็นศาสตราจารย์หรือ?” เขาเช็ดปากก่อนที่จะพยายามเช็ดหน้าชาร์ล็อต แต่ชาร์ล็อตปฏิเสธข้อเสนอนั้น

“อืม…ฉันลงเอยด้วยการเป็นตัวแทนของศาสตราจารย์ที่สอนในชั้นเรียน ตอนนี้นายเรียกฉันว่าศาสตราจารย์เลย์วินได้เลยนะ” ฉันยิ้มเยาะให้เพื่อน

“ศาสตราจารย์เตี่ยเองดิ แต่บางทีฉันน่าจะโดดชั้นเรียนและไปดูนายแทน มันน่าสนใจนะที่จะได้เห็นนายสอน” เขาโต้กลับ

ในขณะที่เราคุยกัน ฉันก็เริ่มรู้สึกรำคาญชาร์ล็อต์ที่พยายามอ่อยฉันและยิ่งรู้สึกรำคาญเพิ่มขึ้นที่อาไลจาห์กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย

"โอ้ใช่! ชาร์ล็อต์กับฉันกำลังจะไปที่ตัวเมืองใกล้ๆสถาบันเพื่อช็อปปิ้ง นายอยากจะไปกับเรามั้ย?” เขาถามอย่างเมินเฉย

"ใช่! อาเธอร์คุณควรไปด้วยกันนะ“เธอโน้มตัวเข้าใกล้ฉันอีกครั้ง”มันมีซอยเล็กๆ ที่หัวมุมของสถาบันซึ่งมีร้านอาหารและร้านกาแฟสุดเก๋รวมถึงบูธช้อปปิ้งสำหรับขุนนางที่ร่ำรวยเพื่อสปอยตัวเอง อีกอย่างคุณจะได้จินตนาการได้ว่าสถาบันการศึกษานี้มีขนาดใหญ่แค่ไหน"

“พอดีฉันยังมีเรียนมีอีกตั้งสามคลาส จำได้ไหม? ฉันกำลังเข้าชั้นเรียนพิเศษหลังอาหารกลางวัน”

อาไลจาห์แค่ยักไหล่ “เออใช่ฉันลืมไปเลย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร! ฉันเดาว่าคงมีแค่ฉันกับชาร์ล็อต์ละมั้ง”

ชาร์ลอต์ยิ้มอย่างเชื่องช้าในขณะที่ตอบไปยังใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของอาไลจาห์ “เออ..ขอโทษด้วยนะ ฉันลืมไปเลยว่าวันนี้ฉันมีแผนอื่นแล้ว ฉันขอโทษนะ! เอาคราวหน้าฉันจะไปแน่นอน! พร้อมกันทั้งสามคนนะ! บาย”

จากนั้นเธอก็เดินออกไปทิ้งเพื่อนของฉันและฉันไว้ที่โต๊ะอาหารเล็กๆ

“ฉันเดาว่าเธอคงจะยุ่งมาก” อาไลจาห์ดูผิดหวังเล็กน้อย

โธ่...อาไลจาห์

เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วนายคิดยังไงบ้างเกี่ยวกับชาร์ล็อต์? เธอสวยไหม?! นายคิดว่าฉันมีโอกาสไหมเพื่อน?”

โธ่...อาไลจาห์ผู้น่าสงสาร

“ฉันคิดว่านายทำได้ดีกว่านี้นะเพื่อน” ฉันตบหลังเพื่อนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวขณะที่เราเดินออกจากห้องอาหารด้วยกัน

อาไลจาห์ตัดสินใจว่าเขาต้องการไปที่ห้องสมุดหลังจากแผนการของเขาถูกทำลายไปอย่างกะทันหัน ดังนั้นหลังจากที่เดินไปกับเขาที่นั่นฉันจึงเดินทางไปยังชั้นเรียนระดับสูงของนักเรียนรุ้นพี่ กลศาสตร์การต่อสู้แบบทีม I

ห้องเรียนหรือควรจะพูดว่าสนามเพื่อให้แม่นยำ อยู่อีกด้านหนึ่งของสถาบันการศึกษาซึ่งเป็นที่ของชั้นเรียนระดับสูงแทบจะทั้งหมด

“ห้อง” ประกอบไปด้วยสนามหญ้าขนาดใหญ่ ที่มีสิ่งกีดขวางหลายอย่างวางแบบสุ่มๆล้อมรอบด้วยกำแพงสูงที่มีอักษรรูนสลักอยู่ ด้านบนของผนังด้านหนึ่งเป็นห้องเล็กๆ ที่แยกออกจากกันซึ่งได้รับการปกป้องด้วยกระจกหุ้ม ฉันคิดว่าห้องนี้ถูกใช้เป็นที่ที่นักเรียนที่เหลือใช้นั่งดู

ฉันเห็นนักเรียนบางคนมาถึงก่อนฉันกำลังพูดคุยกันและฉันก็สังเกตเห็นร่างของคนที่คุ้นเคยทันที

"อา! ฉันไม่รู้ว่านายจะอยู่ในห้องเรียนของรุ้นพี่ด้วยนะอาเธอร์” เคอร์ติสเกลย์เดอร์โบกมือให้ฉันทันทีที่เขารู้ว่าฉันเป็นใคร กราว์เดอร์พันธนาการของเคอร์ติสนอนหลับอยู่ข้างๆเขา

“ใช่ฉันไม่คิดว่าจะเรียนชั้นเดียวกับนาย ได้โปรดดูแลฉันด้วย” ฉันจับมือเขา

“ดีใจที่ได้พบนายอีกครั้งนะอาเธอร์!” แคลร์เบลดฮาร์ทโอบแขนของเธอไว้รอบคอของฉันขณะที่ยิ้มอย่างสดใส “พวกเราต้องทำมันให้ดีที่สุด จะได้ไม่ทำให้คณะกรรมการวินัยต้องอับอายใช่ไหม?”

“ฮ่าฮ่าผมจะทำให้ดีที่สุด คนที่นี่คือทั้งหมดที่เรียนอยู่ในชั้นเรียนนี้ใช่ไหม?” ฉันตอบกลับไปโดยหันกลับไปหาเคอร์ติส ฉันได้ยินมาว่าชั้นเรียนนี้มีนักเรียนค่อนข้างน้อยและเป็นชั้นเรียนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

“อืมน่าจะมีอีกนิดนะ…อาพวกเขามากันแล้ว!” เมื่อมองย้อนกลับไปฉันเห็นนักเรียนอีกหลายคนและฉันก็อดยิ้มอย่างเหนื่อยใจไม่ได้

“เจ้าหญิงเทสเซียยังสวยเหมือนเดิมใช่ไหม?” ฉันได้ยินเสียงของนักเรียนคนหนึ่งกำลังนินทา

คนที่เดินมาทางนี้ท่ามกลางนักเรียนกลุ่มเล็กๆ คือ เทสเซียเอราลิธ เพื่อนสมัยเด็กของฉันและไคลฟ์เกรฟส์รองประธานนักเรียน

เธอสังเกตเห็นฉันและฉันสามารถบอกได้เลยว่าเธอกำลังจะทักทายฉัน แต่เธอสังเกตเห็นว่าฉันมีแขนของผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าอยู่รอบคอของฉันเธอจึงจ้องมองอย่างไม่พอใจมาที่ฉันก่อนที่จะสะบัดหน้าหนี

ไคลฟ์ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงโกรธ เขามองมาตรงฉันทำให้ฉันเห็นแววแห่งความอาฆาตขณะที่ดวงตาที่แคบของเขาคมชัดขึ้น

“สวัสดีตอนบ่ายนะเจ้าหญิงเทสเซีย!” แคลร์ไม่สนใจที่จะเอามือที่กำลังกอดคอฉันออก ยิ้มและโบกมือให้เทส

“ยินดีค่ะ” เธอตอบด้วยสีหน้าดุดัน

หลังจากที่เธอเดินผ่านพวกเราไปเธอก็แอบเข้ามาหยิกที่ข้างลำตัวฉันจนฉันสะดุ้ง

“อืมฉันสงสัยว่าวันนี้เธอคงอารมณ์ไม่ดีมาหรือเปล่า?” แคลร์ครุ่นคิด

ก็เป็นเพราะเธอไงละ!

ขณะที่แคลร์ปลดแขนออกจากคอของฉัน ฉันก็หันไปเห็นใครบางคนที่อยู่ข้างหลังเราที่ด้านหลังสุดของกลุ่ม ทันทีที่ฉันจำได้ว่าเป็นใครใบหน้าของฉันก็เริ่มร้อนไหม้ด้วยความโกรธขณะที่ฉันกำหมัดของฉันจนมันเปลี่ยนเป็นสีขาว

คนๆนั้นคือลูคัสไวค์ส

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด