ตอนที่แล้วบทที่ 51 ชั้นเรียนและศาสตราจารย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 53 ชั้นเรียนและศาสตราจารย์ III

บทที่ 52 ชั้นเรียนและศาสตราจารย์ II


Editor Note : คาธิเลน์เปลียนเป็นเคธลีนเนื้องจากตอนแรกผู้เขียนใช้ Kathyln แล้วจู่ๆมาเปลียนเป็น Kathlyn ในตอนหลัง

“เคธลีนเกลย์เดอร์ ฉันต้องบอกว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีคุณเข้าเรียนในชั้นเรียนที่ต่ำต้อยของฉัน” ศาสตราจารย์ไกสโค้งคำนับอย่างเกินจริง “โปรดอย่าถือสาในผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการ”สาธิต" นี้นะครับ " เขากล่าวต่อด้วยใบหน้าที่น่าสมเพช

การแสดงออกที่เย็นชาของเธอไม่เปลี่ยนแปลง เคธลีนเพียงแค่พยักหน้าและดึงไม้เท้าของเธอออกมาจากวงแหวนมิติบนนิ้วก้อยของเธอ

"ดีมาก! เรามาเริ่มกัน!” ศาสตราจารย์ปรบมือและไฟก็ถูกร่ายออกมาอยู่ระหว่างฝ่ามือของเขา

เธอยกไม้เท้าสีฟ้าของเธอขึ้นโดยไม่มีคำพูด ก่อนที่ศาสตราจารย์ไกสจะมีโอกาสปล่อยลูกไฟของเขา หอกน้ำแข็งสองอันก่อตัวขึ้นรอบๆ เคธลีน

"ยิง" ฉันได้ยินเพื่อนร่วมงานคณะกรรมการวินัยพึมพำก่อนที่หอกจะยิงไปที่ศาสตราจารย์ของเรา

เธอตัดสินใจที่จะลงมือก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้ศาสตราจารย์ไกสโจมตีเธอ

รอยยิ้มจางๆ พุ่งขึ้นบนใบหน้าของศาสตราจารย์ของเราในขณะที่เขายกมือที่ยังคงลุกเป็นไฟพร้อมที่จะขัดขวางหอกน้ำแข็ง

ทันทีที่หอกน้ำแข็งสัมผัสกับไฟบนฝ่ามือของเขาพวกมันก็ละลายทันทีและหายไปอย่างช้าๆพร้อมกับเสียงขู่ฟ่อดังก้อง

“หอกน้ำแข็ง” เธอพึมพำอีกครั้งและคราวนี้แทนที่จะเป็นหอกสองอันกลับมากถึงห้าอันได้ก่อตัวขึ้นใกล้เคธลีน

"ยิง" สีหน้าของเธอยังคงเย็นชาราวกับงูที่ขดตัวและพร้อมที่จะสปริงตัว

“ฮ่าฮ่า! น่าประทับใจ! สมกับที่เป็นเจ้าหญิง!” ศาสตราจารย์ไกสแสยะยิ้ม นักเรียนทั้งห้องเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ได้มุมมองที่ดีขึ้นในการต่อสู้ที่รุนแรงนี้ เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่อยู่ชั้นปีที่ 1 พวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในระดับที่สามารถร่ายเวทย์อะไรแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั่นคือการร่ายในทันที

ศาสตราจารย์ของเราตั้งสมาธิขณะที่หอกทั้งห้าพุ่งเข้าหาเขาพร้อมที่จะแทงทะลุหากเขาไม่ถูกตอบโต้

“เอ็มเบอร์วิสป์!” คาถาที่เขาเตรียมได้เสร็จสิ้นทันเวลา ศาสตราจารย์ไกสกระโดดถอยหลังและปล่อยลูกไฟสีฟ้าขนาดเล็กที่ลอยอยู่

นี่มันคาถาที่ลูคัสใช้ในการสอบนิ?

“แตก” เคธลีนพึมพำและเธอก็ทำให้หอกน้ำแข็งห้าอันของเธอสลายกลายเป็นเศษน้ำแข็งขนาดเล็กที่แหลมคมจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน

"ยิง!" ใบหน้าของศาสตราจารย์ไกสไม่ได้ดูเยือกเย็นเหมือนเมื่อก่อน เขาร่ายลูกไฟสีน้ำเงินและยิงใส่คู่ต่อสู้ของเขา ในทางกลับกันเคธลีนมุ่งเน้นไปที่การจบคาถาสุดท้ายของเธอจนเธอเพิกเฉยต่อลูกไฟสีฟ้าที่กำลังจะเข้ามากระทบเธอ

“ทอร์นาโดน้ำแข็ง!” เสียงของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อยเมื่อเธอกำลังจะร่ายคาถาจบและตระหนักได้ว่าเธอจะได้รับแรงกระแทกจากการโจมตีของไกส

มุมมองของศาสตราจารย์ไกส:

นังโง่! ทำไมเธอถึงพยายามร่ายมนตร์สุดท้ายให้จบแทนที่จะป้องกันตัวเองล่ะ?

เมื่อพายุทอร์นาโดของเศษน้ำแข็งเริ่มหมุนวนรอบตัวฉัน ฉันก็รู้สึกกระวนกระวาย ไม่ใช่เพราะกลัวคาถาที่ดูงดงามนี้ ฉันกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของฉัน

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คอนเจอะเรอร์จะมีการร่ายเวทย์ป้องกันในการต่อสู้ไม่ใช่หรือ? ฉันเลือกคาถาที่ค่อนข้างง่ายในการตอบโต้และความจริงที่ว่าเธอเป็นดีวีเอินทที่เชี่ยวชาญเรื่องน้ำแข็งน่าจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นสำหรับเธอ เธอต้องการที่จะชนะมากจนเลือกที่จะละทิ้งสิ่งนั้นหรือ?

ฉันยกเลิกคาถาแล้วก็จริงแต่ก็มีเพียงเอ็มเบอร์วิสป์เท่านั้นที่หายไป ลูกไฟสีฟ้าที่ฉันยิงใส่เจ้าหญิงโง่นั้นยังคงมุ่งหน้าไปทางเธอ

ไอ้บ้าเอ่ย ฉันจบแน่

'สคอร์ชฟิลค์' (สนามเพลิง)

ฉันใช่มานาสร้างความร้อนชั้นหนึ่งรอบตัวเพื่อละลายเศษน้ำแข็งที่วนรอบตัวฉัน ฉันมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย แต่ฉันไม่สนใจ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหญิงกัน? ฉันไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องจากนักเรียนคนอื่นๆ บางทีเธออาจจะโอเคก็ได้?

ให้ตายเถอะ ... ฉันควรจะหยุดหลังจากที่แกล้งเอลฟ์คนนั้น

หลังจากชั้นของเศษน้ำแข็งที่ปิดกั้นมุมมองของฉันละลายฉันก็พยายามมองหาเจ้าหญิงทันที แต่กลับพบว่าสมาชิกคนสุดท้ายของเจ้าหน้าที่คณะกรรมการวินัยอาเธอร์เลย์วินยื่นอยู่ข้างหน้าเคธลีนซึ่งยังคงใช้แขนของเธอป้องกันด้วยความตื่นตระหนก ฝ่ามือของเขายื่นออกไปข้างหน้าในขณะที่แขนอีกข้างของเขาโอบองค์หญิงอย่างเป็นทางการ

ดวงตาของเขา…ฉันอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจจากแสงจ้าที่ส่องผ่านฉันมา มันรู้สึกคมกว่าหอกน้ำแข็งที่เจ้าหญิงขว้างใส่ฉันเสียอีก

“ฉันคิดว่าการเล่นเล็กๆน้อยๆ ของคุณมันไปกันใหญ่แล้วนะ คุณคิดว่างั้นมั้ย?” การแสดงออกของเขาดูเย็นชาใบ หน้าที่ไร้เดียงสาที่ตอนนี้ฉเขามักทำอยู่เสมอไม่มีให้เห็นได้อีกเลย สายตาเขาจ้องมองมาที่ฉันโดยไม่มีความสงสาร นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของเขาหรือ?

“ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณที่มีต่อเจ้าหญิง แต่ก็ไม่จำเป็นเพราะฉันเอาอยู่” ไม่มีทางที่ฉันจะเสียหน้าที่นี่ในวันแรกต่อหน้านักเรียนทุกคน

"เอาอยู่?" คิ้วของอาเธอร์กระตุกเล็กน้อยและฉันรู้สึกได้ถึงความรำคาญของเขา ฉันเป็นคนเดียวที่รู้สึกกดดันขนาดนี้หรือเปล่า? นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ สัตว์มานาคลาส AA ยังไม่สามารถปลดปล่อยความกดดันได้มากขนาดนี้เลย

"ใช่ คุณคิดว่าฉันซึ่งเป็นศาสตราจารย์ของสถาบันการศึกษาที่ได้รับการยกย่องแห่งนี้จะทำให้นักเรียนของฉันคนหนึ่งตกอยู่ในอันตรายได้จริงๆหรือ?” ฉันพูดอย่างใจเย็น เขาไม่มีข้อพิสูจน์! ในวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพียงความผิดพลาดเล็กน้อย

มุมมองของอาเธอร์เลีย์วิน:

คนๆนี้ตั้งใจที่จะยื่นยันว่าเขานั้นเอาอยู่ ฉันรู้ตั้งแต่จากการได้เห็นลูคัสยิงคาถาระยะไกลโดยพวกวิสป์ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกมันไม่สามารถยกเลิกได้ อีกอย่างมันไม่มีหลักฐานยืนยันเนื่องจากฉันทำลายมันทิ้งแล้ว

“ฉันเข้าใจแล้ว…ถ้างั้นให้ผมรับหน้าที่แทนเพื่อนร่วมงานใน ‘การสาธิต’ นี้แทนจะได้ไหม?”

“ฮ่าฮ่า ... ถ้าคุณยืนกราน ดูเหมือนฉันจะทำให้เจ้าหญิงตกใจมากเกินไปด้วยคาถาสุดท้ายของฉัน ฉันควรจะยกเลิกคาถาก่อนหน้านี้ถ้ารู้ว่าคุณกำลังจะเข้ามาขัดจังหวะ ตอนนี้พวกนักเรียนของฉันบางคนอาจเข้าใจผิดว่าฉันพยายามทำร้ายเธอจริงๆ”

แม้กระทั่งตอนนี้ข้ออ้างที่น่าสมเพชของอาจารย์ผู้สอนคือการพยายามปกป้องตำแหน่งของเขา ฉันสามารถบอกได้จากเสียงพึมพำต่างๆในชั้นเรียนว่านักเรียนส่วนใหญ่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดอยู่แล้ว

ฉันหันกลับไปหาเคธลีน “คุณไม่เป็นไรนะ คุณคิดว่าคุณสามารถกลับไปที่ที่นั่งของคุณเองได้มั้ย?” ฉันค่อยๆทำให้เธอหายจากอาการมึนงง

“ชะ..ใช่…ฉันขอโทษจริงๆ” เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของเคธลีน เธอดูเขินอายผิวสีขาวพอร์ซเลนของเธอแดงระเรื่อขณะที่เธอหันหน้าหนีเพื่อกลับไปยังที่นั่ง

“ถ้าอย่างนั้นได้โปรดชี้แนะผมด้วย” ฉันหันกลับไปหาศาสตราจารย์ไกสและแกว่งดาบดอนบัลลาดที่มีสีนกเป็ดน้ำโปร่งแสง มันทำให้คนบ้างคนถึงกับอ้าปากค้างและพึมพำด้วยความประหลาดใจขณะที่ไกสมองดาบของฉันและเหมือนจะอยากได้มัน

“คุณมีอาวุธที่ดีทีเดียว เนื่องจากคุณเป็นออกเมนเตอร์ฉันคิดว่ามันจะยุติธรรมที่จะให้คุณเลือกวิธีที่คุณต้องการให้ฉันต่อสู้ด้วย” เขายักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เดินไปหาดาบของเขาซึ่งฝังอยู่ในพื้น

“ผมไม่เกี่ยง” ฉันตอบอย่างเรียบง่าย

ฉันเห็นเส้นเลือดโผล่ขึ้นมาจากความรำคาญจากศาสตราจารย์ของเราขณะที่เขามองกลับมาที่ฉัน

“ฉันขอยืนยันอีกที” เขาโต้กลับ

“ถ้าอย่างนั้นขอเป็นอะไรก็ได้ที่คุณถนัด” ฉันก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวใบหน้าของฉันยังคงมองไปที่เขาและศึกษาทุกการเคลื่อนไหวและการกระทำของเขา

นิสัยเสียหรือไม่ศาสตราจารย์คนนี้ยังคงเป็นออกเมนเตอร์ผ่านศึกระดับสีเหลืองอ่อน ความจริงที่ว่าเขามีความเข้าใจในการใช้ไฟสีน้ำเงิน นั้นหมายความว่าเขามีความสามารถมากพอ

ฉันเห็นศาสตราจารย์กำลังยิ้มอย่างหน้าบึ้งขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ฉันบอกได้เลยว่าเขาอยากจะทิ้งความประทับใจที่ยอดเยี่ยมไว้ในชั้นเรียนของเขาและจนถึงตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ไว้หน้าเขาเลย

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะออมมือให้กับคุณ” ด้านบนของใบหน้าของเขากำลังทรยศต่อรอยยิ้มที่เบิกบานในใจของเขา

เมื่อดึงดาบออกมาไกสก็พุ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกันการร่ายรำดาบอย่างสง่างามในขณะที่เขาจัดการมันด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย

เขากระโดดมาทางฉันโดยไม่มีการเตือนและเหวี่ยงดาบของเขาลงด้วยแรงที่ไม่ได้ ‘ออมมือ’ ให้อย่างแน่นอน

ดาบของเขาเสริมไปด้วยไฟสีฟ้า ความร้อนที่แผ่ออกมาจากมันอาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต หลังจากปัดป้องการโจมตีที่กระทันหันของเขาฉันก็ใช้มานาธาตุลมเพื่อเปลียนเส้นทางของไฟให้อยู่ห่างจากฉัน

เนื่องจากฉันสามารถใช้มานาลมและดินได้เท่านั้นฉันจึงต้องคิดอย่างจริงจังว่าจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของฉันอย่างไรให้ดีที่สุดเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า แม้ว่าฉันจะสามารถใช้ไฟสีน้ำเงินได้อย่างง่ายๆ แต่ฉันก็ไม่มีตัวเลือกนั้นในตอนนี้

การระดมการโจมตีของเขายังคงดำเนินต่อไป แรงของการสวิงและการแทงแต่ละครั้งเร็วขึ้นและแรงขึ้นราวกับว่าเขาพยายามทดสอบขีดจำกัดที่ฉันจะสามารถรับมือได้ ทุกครั้งที่ฉันปัดป้องหรือหลบการโจมตีของเขาอย่างง่ายดายการโจมตีครั้งต่อไปของเขาจะรุนแรงขึ้นเรือยๆ

ฉันไม่ได้ใช้คาถาใดๆ ในการรับการโจมตีของเขา มีเพียงการเสริมมานาและเทคนิคดาบเพียวๆซึ่งดูเหมือนจะทำให้ศาสตราจารย์ของเราหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น

“ฉันแน่ใจว่าคณะกรรมการวินัยไม่ได้มีแต่หนูที่เอาแต่หลบหนีหรอกนะ” เขาพูดเสียงดังพร้อมกับทำหน้าติดตลก

“มันมีความจำเป็นจริงๆหรือที่ผมจะต้องโจมตีกลับ เมื่อศาสตราจารย์ที่ได้รับการยกย่องของเราไม่สามารถทำอะไรนักศึกษาปีหนึ่งได้แม้แต่นิดเดียว” ฉันโต้ใส่และทำหน้าตาไร้เดียงสา

เขาไม่ตอบ ริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแทน ในตอนนี้นักเรียนหลายคนเพิ่มรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่แค่การสาธิตธรรมดาๆ บางคนถึงกับกระซิบว่าพวกเขาควรเรียกตัวผู้อำนวยการหรือสภานักเรียนมา

การโจมตีของศาสตราจารย์ไกสรุนแรงขึ้นเมื่อเขาเริ่มใช้คาถาหลายๆอย่างพร้อมๆกับการโจมตีของเขา

“เสาเพลิง” ไฟสีน้ำเงินพุ่งขึ้นมาจากพื้นข้างใต้ฉันในขณะที่ฉันหลบหลีกทันทีและสวนกลับด้วยการฟาดเข้าที่คอของเขาอย่างกระชับ

เขาตกใจและรีบกระโดดถอยหลังไปไกลกว่าที่จำเป็นเพื่อที่จะหลบใบมีดของฉันจนมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่คิ้วของเขา

“แม้แต่หนูก็เป็นอันตรายถึงตายได้เมื่อจนมุมนะศาสตราจารย์” ฉันยิ้มกว้างไปที่เขาในขณะที่ฉันปิดระยะห่างระหว่างเราสองคนทันที

ฉันปรากฏตัวข้างๆเขาและใช้มานาลมรอบๆ คมดาบของฉันในขณะที่ฉันเตรียมคาถาไปด้วย การแกว่งแต่ละครั้งที่ฉันใช้ก่อให้เกิดเส้นทางของลมทำให้ศาสตราจารย์ไกสสับสนแต่ก็ยังคงสามารถป้องกันการโจมตีของฉันได้ ทุกๆการตวัดทุกครั้งการแทงและการแกว่งทุกครั้งที่ฉันทำ มันทำให้เกิดเส้นทางของอากาศที่มองไม่เห็นในวิถีของมัน

ศาสตราจารย์ไกสไม่ได้เสแสร้งอีกต่อไป สมาธิทั้งหมดของเขาถูกฝังอยู่บนใบหน้าของเขาในขณะที่เขาพยายามสกัดกั้นการโจมตีที่วุ่นวายของฉัน

เขากำลังมาถึงขอบสนามประลองเมื่อการโจมตีแต่ละครั้งจากฉันทำให้เขาต้องถอยหลัง เปลวไฟบนดาบของเขาริบหรี่ลงอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้รับการโจมตีในแต่ละครั้ง

มันถึงเวลาที่จะจบการประลองนี้สักที

ฉันเสริมพื้นผิวดินที่เขากำลังจะก้าวไปเพื่อทำให้เขาเสียการทรงตัวเล็กน้อย ตามความคาดหมายของออกเมนเตอร์ที่มีประสบการณ์เขาสะดุดเพียงเสี้ยววินาทีและสามารถกลับมาทรงตัวได้ในไม่ช้า อย่างไรก็ตามเสี้ยววินาทีนั้นคือทั้งหมดที่ฉันต้องการ

[เทมเพส]

เส้นทางลมหลายสิบเส้นที่เกิดจากมานาของฉันแต่ละอันเปล่งประกายและยิงออกไป การโจมตีของฉันถึงจุดสุดยอดเมื่อความเร็วในการโจมตีของฉันเพิ่มขึ้นจนดาบของฉันแทบจะมองไม่เห็น ในขณะที่คาถาที่ฉันเพิ่งเปิดใช้งานเทมเพสตามมาหลังการโจมตีในแต่ละครั้งของฉัน มันเป็นการป้องกันการโต้กลับของศาสตราจารย์ด้วยดาบและคมดาบจากลมที่ตามมา

“อ๊ากกก !” การโจมตีอย่างท่วมท้นทำให้เขาไม่สามารถปิดกั้นมันได้อย่างสมบูรณ์ เขาสะดุดก้นของเขาและกลิ้งออกจากสนามประลอง

เกราะป้องกันที่ช่วยป้องกันคาถาทั้งหมดไม่ให้ผ่านไปโดนนักเรียนแตกเป็นเสี่ยงเมื่อคาถาของฉันโจมตีใส่มัน ในที่สุดสิ่งกำแพงเวทย์ก็แตกออกพร้อมกับเสียงที่แหลมคม มันแข็งแกร่งมากพอที่จะสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดยกเว้นครั้งสุดท้ายจากมนต์สะกดของฉันซึ่งเฉียดไปที่คอของศาสตราจารย์ของฉันและทำให้เขาเลือดไหลหลายหยดจากแผลถลอก

โชคดีที่ร่างกายของศาสตราจารย์มีความแข็งแกร่งพอที่จะทำให้ดาบแห่งลมมรณะของฉันทำได้แค่แผลถลอก แต่เขายังคงนั่งด้วยหลังของเขา ใบหน้าของเขาซีดด้วยความตกใจและหัวเข่าสั่นขณะที่ฉันฝังใบมีดไว้ที่พื้นใกล้ๆกับเส้นเลือดใหญ่ของเขา

ดึงดาบของฉันออกมาและใส่กลับเข้าไปในแหวนมิติของฉัน ฉันมองลงไปที่ศาสตราจารย์ของเราและพูด “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ”

พอดีกับจังหว่ะที่ฉันพูดไป เสียงระฆังก็ดังขึ้นและฉันก็เดินออกจากห้องไปทำให้ทั้งชั้นเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง

“…อา - อาเธอร์” ฉันได้ยินเสียงเบาๆ จากข้างหลังฉัน เคธลีนวิ่งมาหาฉันโดยมีเฟย์ริธตามมาข้างหลัง

“ฉันต้องยอมรับว่าฉันประทับใจนายมากนะอาเธอร์ สมแล้วที่เป็นคู่แข่งของฉัน” เฟย์ริธกอดอก แต่ใบหน้าของเขาดูไม่พอใจเล็กน้อย

ฉันพูดกับเขาขณะที่วางแขนไว้บนไหล่ของเขาว่า “นายทำได้ดีมากเฟย์ริธ ถ้านายรู้ประเภทของคาถาที่ศาสตราจารย์ใช้ฉันรู้ว่านายก็คงเตรียมมาตรการป้องกันได้มากกว่านี้”

“โอ - แน่นอน! ถ้าฉันรู้ว่าคาถาที่เขาใช้นั้นแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคาดเอาไว้ละก็ฉันมั่นใจว่าฉันป้องกันมันได้และต้องเป็นผู้ชนะในที่สุด” เขากล่าว แต่รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาชื่นชมและศรัทธาในตัวฉัน

ฉันหันไปหาเคธลีนที่ยังคงหวั่นไหวเล็กน้อย “ส่วนคุณ...คุณทำตัวงี่เง่าเกินไปหรือเปล่า?” ฉันพูดกับเธอแล้วดีดเบาๆ ไปที่หน้าผาก

เธอมองมาที่ฉันด้วยความตกใจอย่างที่สุดและแม้แต่เฟย์ริธยังดูตื่นตระหนกเล็กน้อย

“ถ้าคุณเลือกที่จะปกป้องตัวเองแทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การเอาชนะผู้ชายคนนั้นคุณจะไม่ทำให้ตัวเองต้องมาเสี่ยงอะไรแบบนี้ อย่าดื้อรั้นเกินไปและคิดสิ่งต่างๆให้รอบคอบมากขึ้น คุณรู้ไหม…คุณใช้อารมณ์มากเกินไปสำหรับคนที่มีใบหน้าที่เย็นชา” ฉันยิ้มให้เธออย่างขี้เล่นก่อนจะเดินไปชั้นเรียนถัดไปปล่อยให้เจ้าหญิงอยู่ในความงุนงงในขณะที่เฟย์ริธตื่นตระหนกและคิดหาวิธีปลอบใจเธอ

“คยู!” ‘อ๊ะ ~ อิ่มแล้วคร่า! ชั้นเรียนเป็นยังไงบ้างปะป๊า” ซิลวี่ลนลานอยู่บนศีรษะของฉัน เธอนั่งลงจนทำผมฉันยุ่ง

'ฉันไม่เป็นไร' ฉันคิดเพียงแค่ตบหัวของสัตว์มานาที่มีค่าของฉันอย่างเบาๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด