บทที่ 50 คณะกรรมการวินัย
เมื่อฉันเปิดประตูไปทางเข้าด้านหลังของหอประชุมฉันก็พบกับคำทักทายที่ไม่คาดคิด
ผมของฉันปลิวไปมาด้วยเสียงคำรามขณะที่ซิลวี่ต้องเกาะติดฉันเพื่อไม่ให้หลุด เสียงโห่ร้องของสัตว์มานาที่ทักทายฉันมาพร้อมกับน้ำลายที่ไหลอาบใบหน้าและหน้าอกส่วนบนของฉัน
"เอาละเอาละ" ในขณะที่เช็ดน้ำลายของสัตว์มานาออกไปฉันก็ยังคงลูบไล้ใบหน้าของมันอย่างไม่ไยดีซึ่งอยู่ห่างจากตัวฉันไม่กี่นิ้ว สัตว์มานาตัวนี้สูงประมาณสองเมตรตอนยื่นสี่ขา ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยขนสีน้ำตาลเข้มหนาและแผงคอสีแดงเข้มวนรอบศีรษะ ฟันเขี้ยวแหลมคมสองซี่โผล่ออกมาเหนือกรามของมันทำให้มันดูน่ากลัวมากขึ้น แต่เมื่อเทียบกับร่างมังกรของซิลวีฉันก็เห็นมันเป็นแค่ลูกแมวตัวโตเท่านั้น
แม้แต่ซิลวีก็ยังมองไปที่สัตว์มานาตัวนั้นด้วยความสนใจเพียงเล็กน้อยขณะที่เธอนั่งอยู่บนศีรษะของฉัน
“ว้าว…เขาไม่ตกใจเลย…” จากด้านหลังสัตว์มานาเป็นนักเรียนคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะแก่กว่าฉันสองสามปี เขามีผมสีหม่นเทาอ่อนเกือบขาวยาวถึงเหนือคิ้ว เขามีดวงตาที่แคบซึ่งแทบจะกรีดและมีรอยยิ้มบนใบหน้าที่ไม่ได้ออกมาอย่างน่าพอใจแต่กลับเหมือนเยาะเย้ยมากกว่า
แม้ว่าจะผอมและสูง แต่โครงร่างโดยรวมของเขาก็ดูอ่อนแอมาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ค้างคาที่สุดคือเครื่องแบบของเขาแตกต่างจากของฉันและคนอื่นๆ ที่ฉันเห็นจนถึงตอนนี้ เขาสวมเสื้อคลุมสไตล์ตะวันออกสีเทาเข้มหลวมๆ ที่คลุมแขนและคลุมลำตัว กางเกงสีดำและสายสะพายสีทองผูกรอบๆเอวเขา เมื่อมองข้างเข้าไปในเสื้อคลุมของเขาฉันเห็นตราที่สมาชิกคณะกรรมการวินัยทุกคนต้องพกติดตัวนั่นคือมีดสีเงิน มีบางอย่างที่รู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับตัวเขา - สิ่งที่ทำให้ฉันต้องระวังตัว
“คุณต้องเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายวินัยคนสุดท้าย! ฉันชื่อ ไค เครสลิส ปีสี่! แค่เรียกฉันว่าไคก็ได้” การแสดงออกของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยดวงตาของเขายังคงหรี่ลงและริมฝีปากยังคงยิ้ม แต่เขายกมือขึ้นด้วยท่าทางที่เป็นมิตรเผยให้เห็นมือที่พันด้วยผ้าพันแผลอย่างมิดชิดจนดูเหมือนว่าเขาสวมถุงมืออยู่
"สวัสดี ผมชื่ออาเธอร์เลย์วิน ยินดีที่ได้รู้จักคุณ” ฉันจับมือที่มีผ้าพันแผลของเขา
“ห๊ะ! หนุ่มน้อยที่ดูอ่อนแออีกคน! ทำไมไม่มีพวกผู้ชายตัวจริงในคณะกรรมการนี้เลยนะ” เมื่อมองไปรอบๆ ฉันมองหาว่าเสียงนั้นมาจากไหนและอดไม่ได้ที่จะจำสิ่งที่อาไลจาห์เคยบอกฉันเมื่อวันก่อนอาหารค่ำ
คนแคระเพศเมียเดินเข้ามาหาฉันด้วยแขนขาที่หนาพอๆ กับลำต้นของต้นไม้ เธอกระโดดลงมาจากจุดที่เธอนั่งและค่อยๆเดินเข้ามาหาฉัน สิ่งบ่งชี้เดียวที่บอกฉันว่าเธอเป็นผู้หญิงคือผมสีน้ำตาลยาวของเธอและเสียงแหลมสูงซึ่งทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมาะกับรูปร่างหน้าตาแมนๆของเธอ
“ดูเหมือนว่าเราจะทำงานร่วมกันดังนั้นฉันขอแนะนำตัวเองด้วย ฉันชื่อ โดราเดร ออร์การ์ด ปีแรกเหมือนนาย เรามาทำความรู้จักกันไว้นะ” เธอพูดอย่างเรียบง่ายในขณะที่ตบไปที่หลังของฉัน มันส่งแรงกระแทกไปทั่วร่างกายของฉัน พละกำลังของเธอจะอะไรขนาดนี้
“อาเธอร์เลย์วินยินดีที่ได้รู้จัก” ฉันตอบพลางถูหลัง
“เอาล่ะไปกันเถอะ! ตามฉันมา ไคกับฉันรออยู่ตรงทางเข้าเพื่อดูว่าเจ้าหน้าที่คนสุดท้ายจะเป็นใคร เจ้าหน้าที่ฝ่ายวินัยที่เหลืออยู่อีกห้องหนึ่ง ผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ไม่ได้ให้รายละเอียดกับเรามากนักดังนั้นทุกคนเลยสงสัย” เธอพาฉันเดินผ่านห้องโถง ไคตามหลังพวกเราไปพร้อมกับสัตว์มานา
“ทุกคน! กรรมการฝ่ายวินัยคนสุดท้ายอยู่ที่นี่แล้ว!” โดราเดรตะโกนอย่างสุดเสียงเมื่อเราไปถึงห้องที่อยู่ท้ายสุดของห้องโถง
ภายในห้องมีขนาดมหึมาที่ฉันคิดว่าเคยเป็นที่จัดงานมาก่อนเผยให้ฉันเห็นคนอีกห้าคน
โดยไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อทักทายพวกเขาทั้งหมดในครั้งเดียว “ผมชื่ออาเธอร์เลย์วินและผมเพิ่งเริ่มเข้าเรียนในสถาบันแห่งนี้ในฐานะนักเรียนสายวิชาการ ผมเป็นออกเมนเตอร์ที่สามารถใช้ได้สองธาตุ ลมและดิน” ฉันโค้งเบาๆ
“อาเธอร์เลย์วิน?” เสียงแรกที่พูดขึ้นฟังดูประหลาดใจ มองย้อนกลับไปฉันเห็นเด็กผู้ชายที่ดูเหมือนจะอายุประมาณสิบเจ็ดปี เขามีผมลึกสีมะฮอกกานีที่สยายออกทำให้ดูเหมือนสิงโต คิ้วรูปดาบที่ดุร้ายของเขารวมกับดวงตาสีน้ำตาลที่แข็งแกร่งของเขาโดดเด่นมาก ฉันใช้เวลาสองสามวินาทีแต่ในไม่ช้าฉันก็รู้ว่าเขาเป็นใคร
“ถ้าจำไม่ผิดคุณต้องเป็นเจ้าชายเกลย์เดอร์ใช่ไหม?” ยิ่งฉันมองเขานานเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งมั่นใจว่าเขาคือเคอร์ติสเกลย์เดอร์ลูกชายของราชาแห่งเซปิน
“ตอนนี้ฉันแทบจะไม่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นเจ้าชายได้เลยนับตั้งแต่ที่ราชาและราชินีทั้งสามได้ละทิ้งตำแหน่งและกลายเป็นสภา เรียกฉันว่าเคอร์ติสก็พอ” เขาพูดได้อย่างมีเสน่ห์มากเสียงทุ้มของเขามีความลึกนุ่ม สีหน้าของเขาดูหนักใจเล็กน้อย แต่ไม่ต้องสงสัยเลยเพราะองค์รักษ์ของพ่อของเขาทำให้เกิดปัญหากับฉันในครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน
“ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งนะเคอร์ติส ตอนนี้คุณอยู่ปีที่ห้าแล้วใช่มั้ย?” ฉันตอบอย่างร่าเริงซึ่งทำให้ความรู้สึกทุกข์ใจของเขาคลายลง
"ใช่แล้ว! ออกเมนเตอร์คุณสมบัติธาตุไฟปีที่ห้าแล้วก็เป็นบีสเทมเมอร์ด้วย ยินดีที่ได้พบนายอีกครั้งนะ” เขาประกาศขณะที่เราจับมือกัน เครื่องแบบของเคอร์ติสดูซับซ้อนกว่าเสื้อคลุมหลวมๆ ของไค ชุดของเขาทำให้ฉันนึกถึงเครื่องแบบทหารสมัยก่อนที่ไม่มีหมวก เสื้อเบลเซอร์สีดำของเขาเน้นไปที่สีเทาเข้มและกระดุมสีทอง สายทหารที่ติดจากไหล่ขวาของเขายาวไปถึงคอเสื้อของเสื้อเบลเซอร์ มันทำให้บรรยากาศรอบๆตัวเขาดูโล่งๆแต่ก็ดุดัน
“อ่าเวิร์ลไลออนตัวนั้นที่ทักทายฉันต้องเป็นตัวที่พ่อของคุณได้มาจากการประมูลเมื่อหลายปีก่อน” ทุกอย่างคลิกพร้อมกับสัตว์มานาที่ทักทายฉันนั่งลงด้านหลังเคอร์ติส
“อา…ไคพากราว์เดอร์ไปแกล้งนายใช่หรือเปล่า?” เขามองไปที่ไคที่เพิ่งยักไหล่ “ยังไงซะ ฉันจำได้ว่านายอยู่กับเราตอนที่เราซื้อเขาตอนยังเป็นทารก เราได้ทำสัญญาที่เท่าเทียมกันเมื่อปีที่แล้วหลังจากที่เขาถึงคราส A” เขาพยายามทำให้ดูเหมือนกำลังถ่อมตัว แต่ฉันบอกได้เลยว่าเขาภูมิใจมากที่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นบีสเทมเมอร์ ฉันไม่รังเกียจเขาเพราะมันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่เขาทำสำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาสามารถสร้างสัญญาที่เท่าเทียมกันแทนที่จะเป็นสัญญาผู้รับใช้และเจ้านายกับสัตว์มานาของเขา
“ดูเหมือนสัตว์มานาของนายจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน! แม้ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักก็ตาม” เขาลูบคางของเขาในขณะที่ศึกษาซิลวีซึ่งหลับอยู่บนหัวของฉัน เพียงแค่วิเคราะห์การไหลเวียนของมานาภายในของเขาเคอร์ติสดูเหมือนจะยังไม่ได้ผ่านขั้นตอนของการดูดซึมเนื่องจากเจตจำนงของเวิร์ลไลออนในตัวเขานั้นมีน้อยมาก
“ใช่อัตราการเติบโตของเธอดูช้ามาก” ฉันพูดอย่างเฉยเมย
"เอาน่า! แม้ว่าจะมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่มีสัตว์มานาที่นี่ แต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็ยังไม่ใช่บีสเทมเมอร์และมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำสัญญาเท่ากันได้ " เขาตบไหล่ฉันและพยายามปลอบฉัน
เมื่อมองใกล้ๆ เคอร์ติสและเวิร์ลไลออนของเขาดูคล้ายกันอย่างแปลกประหลาด ผมของเคอร์ติสและแผงคอของกราว์เดอร์มีสีที่เทียบเคียงกันได้และทั้งคู่ก็ดูดุร้าย
“อ๊ะใช่! นายจำน้องสาวของฉันคาธิเลน์ได้ใช่มั้ย?” เขาพูดต่อ เด็กสาวผมสีดำตัวเล็กน่ารักก้มหัวให้ฉัน เธอแต่งตัวคล้ายกับพี่ชายของเขามากยกเว้นกางเกง ; เธอสวมกระโปรงที่ยาวลงมาเหนือเข่าเหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ในสถาบันแห่งนี้ เด็กผู้หญิงคนเดียวที่ฉันเห็นจนถึงตอนนี้ที่ไม่ได้ใส่กระโปรงคือโดราเดรียซึ่งฉันไม่มีข้อตำหนิใดๆ
"ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้ง" ฉันโค้งคำนับตอบกลับอย่างเรียบง่าย เธอโตขึ้นและดูเหมือนแม่ของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงของผิวสีพอร์ซเลน(มุก)ที่ไร้ที่ติของเธอและผมสีดำสนิทดวงตาสีเข้มและขนตายาวทำให้เธอดูเหมือนตุ๊กตา
“ยินดีที่ได้เจอคุณอีกครั้งนะอาเธอร์ ฉันอยู่ปีแรกเช่นกันและเข้ามาในฐานะนักเรียนสายวิชาการ ฉันเชี่ยวชาญเพียงเวทย์ธาตุน้ำแข็ง” เธอโค้งคำนับอีกครั้ง การแสดงออกของเธอเหมือนกับหิน
ฉันเข้าใจแล้ว…เธอเป็นดีวีเอินทนี้เอง!
“ฉันเดาว่าฉันจะเป็นแนะนำตัวคนต่อไปแม้ว่าลำดับจะมั่วไปแล้วก็ตาม! ฉันชื่อแคลร์! แคลร์เบลดฮาร์ท หลังจากการเปลี่ยนแปลงใหม่ในระบบของโรงเรียนฉันได้รับการพิจารณาให้เป็นนักเรียนสายต่อสู้ชั้นปีที่ 6 ที่มีคุณสมบัติสองธาตุไฟและลมและฉันก็เป็นหัวหน้าคณะกรรมการวินัยด้วย! ฉันเป็นออกเมนเตอร์เหมือนนาย หากนายมีอยากจะให้ช่วยก็ถามฉันได้เลยนะ!” รุ้นพี่คนนี้เป็นคนคิดบวกและเป็นคนดูมีความมุ่งมั่น เธอไม่ได้สวยเท่ากับเทสหรือคาธิเลน์ แต่เธอก็มีเสน่ห์ในแบบของเธอเอง ด้วยผมสีแดงเลือดหมูที่ยาวจรดคางของเธอ แคลร์สวมเครื่องแบบทหารเช่นกัน แต่แทนที่จะใช้สายสีทองเหมือนพี่น้องเกลย์เดอร์ ไหล่ทั้งสองข้างของเธอมีอินทรธนูสีทองซึ่งเป็นแผ่นรองไหล่ประดับพร้อมกับปลอกคอที่ประดับประดาไปรอบๆคอของเธอ ด้วยกระโปรงสีเทาอ่อนบวกกับสีทองและรองเท้าบูทที่ยาวถึงเข่าทำให้เครื่องแบบของเธอให้ความรู้สึกเหมือนเครืองแบบของราชวงศ์มากกว่าเมื่อเทียบกับชุดเรียบง่ายของฉัน
ฉันลองจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในชุดเครื่องแบบเหมือนแคลร์หรือเคอร์ติสแล้วฉันก็สั่นสะท้านเมื่อคิดว่า แม้ว่ามันจะดูดีสำหรับเธอ แต่ฉันก็ดีใจที่เครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายวินัยได้รับการปรับแต่งให้เข้ากับความชอบของพวกเขา ส่วนผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ทำเครืองแบบของฉันให้ดูเงียบง่ายมาก
ฉันใช้เวลาสักครู่ในความทรงจำ แต่จู่ๆฉันก็จำได้ว่าทำไมชื่อของเธอฟังดูคุ้นหูจัง “คุณอาจเกี่ยวข้องกับคาสเปี้ยนเบลดฮาร์ทใช่มั้ย?” ฉันถาม
“โอ้? คุณรู้จักลุงของฉันด้วยหรือ?” เธอเอียงศีรษะไปด้านหนึ่ง
“ไม่ ผมเคยได้ยินเรื่องร่าวมากมายเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของคาสเปี้ยนเบลดฮาร์ทจากอดีตสมาชิกปาร์ตี้ของพ่อ” ฉันยิ้มให้เธออย่างอบอุ่นขณะที่เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"ฉันเข้าใจละ ฉันเองก็ได้รับการฝึกอบรมจากคุณลุงของฉันทันทีที่ฉันตื่นขึ้นมา ดังนั้นเทคนิคหลายๆอย่างของฉันจะคล้ายกับของเขา แน่นอนว่าหนทางของฉันยังอีกยาวไกล " ฉันเห็นเธอวางมือบนด้ามดาบสีทองที่รัดอยู่ทางด้านซ้ายมือของเธอ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะอาเธอร์เลย์วิน!” เอลฟ์ผมบลอนด์ตัวสูงที่ดูแก่กว่าฉันสองสามปีเดินขึ้นมากอดอกขณะที่เขามองลงมาที่ฉัน
“ฉันขอโทษ…แต่ฉันรู้จักคุณไหม?” ฉันไม่รู้จริงๆว่าเอลฟ์คนนี้เป็นใครจนกระทั่งซิลวีส่งกระแสจิตใจว่าเขาเป็นใคร
"อา! นายคือเฟย์เฟย์นี้เอง!” ฉันชี้ไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ โอ้วเขาตัวใหญ่ขึ้นมาก อย่างน้อยเขาก็สูงกว่าฉันและเขาก็กลายเป็นเด็กชายที่หน้าตาน่ารัก
ใบหน้าของเฟย์เฟย์เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีในขณะที่เขาวางมือทั้งสองข้างบนไหล่ของฉัน “ฉันชื่อว่าเฟย์ริธ … เฟย์ริธไอซาร์ที่ III และถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ปีแรกเหมือนนาย แต่ฉันก็ยังอายุมากกว่านายสองสามปีดังนั้นอย่าเรียกฉันด้วยชื่อเล่น ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำโดยเฉพาะ” ฉันเห็นเส้นเลือดโผล่ขึ้นมาจากหน้าผากของเขา
“ฮ่าฮ่า! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!” ฉันอุทานขณะที่ฉันจับมือเขา เขามองมาที่ฉันอย่างงุนงง เครื่องแบบของเขาเป็นสีดำสนิทมีแถบสีทองพาดไหล่ มันเรียบง่ายกว่าคนอื่นๆ แต่ก็เหมาะกับเขาดี
“สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดนี่คือธีโอดอร์แม็กซ์เวลล์!” แคลร์เข้ามาแทรกระหว่างเฟย์ริธและฉันและมุ่งความสนใจไปที่สมาชิกคนสุดท้าย
“ฮึ่ม! ดูเหมือนว่าคณะกรรมการวินัยจะตกต่ำถึงขนาดมีพวกน่ารังเกียจมาอยู่ด้วย” ธีโอดอร์ยืนขึ้นและฉันสาบานได้ว่าฉันคิดว่าเขาเป็นหมี เขายืนสูงประมาณสองเมตรเป็นอย่างน้อยและมีความสูงระดับเดียวกับกราว์เดอร์ เครื่องแบบของเขาเป็นเพียงเสื้อยืดที่ถูกปลดกระดุมเผยให้เห็นกล้ามเนื้อ จากรอยฉีกขาดที่ช่องแขนของเสื้อกั๊กฉันสามารถสันนิษฐานได้ว่าแต่เดิมมันไม่ได้ออกแบบมาเป็นเสื้อกั๊ก
เขายืนอยู่ตรงหน้าฉันและวางมือบนไหล่ของฉัน
ทันใดนั้นฉันรู้สึกว่าน้ำหนักที่อยู่ด้านบนของฉันเพิ่มขึ้นหลายเท่าในขณะที่เท้าของฉันเริ่มจม พื้นรอบๆตัวฉันเริ่มแตก การใช้แรงโน้มถ่วงเป็นสิ่งที่ดีวีเอินทเท่านั้นทีจะสามารถทำได้
ร่างกายของฉันสามารถทนมันได้ ต้องขอบคุณการดูดซึมที่ฉันเคยผ่านมาของซิลเวีย แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าร่างกายของฉันเริ่มจะประท้วง ฉันเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายของฉันมากขึ้นด้วยมานาขณะที่ฉันจับมือของเขาออกจากไหล่ของฉัน ดวงตาของฉันจ้องไปที่ธีโอดอร์
เขาอยากจะทดสอบฉันเหรอ?
“ฮึ่ม” เขารู้สึกถึงการจ้องมองที่เยือกเย็นที่เงียบๆของฉัน ธีโอดอร์จึงหยุดเดินจากไปและพึมพำ “ไม่เลวเลยนิ”
เสียงนกหวีดดังขึ้นจากกลุ่มนักเรียน
“อาเธอร์แน่มาก เฟย์ริธล้มคุกเข่าลงเมื่อธีโอดอร์ทำแบบนั้นกับเขา” ไคแอบมองจากด้านข้าง
“เฮ้ฉันเป็นคอนเจอะเรอร์ส่วนอาเธอร์เป็นออกเมนเตอร์นะ! ได้โปรดอย่าเปรียบเทียบฉันเป็นสัตว์เดรัจฉานเหมือนพวกคุณ” เขาโบยใบหน้าที่แดงของเขาจากความอับอาย
“เอาละเอาละ! ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ภาคเรียนนี้จะมีเรื่องสนุกๆอะไรให้เราบ้าง! ต่อจากนี้ไปพวกเราเป็นทีมเดียวกัน! เราจะมีโอกาสมากมายที่จะสร้างความผูกพันและใกล้ชิดกันมากขึ้นดังนั้นตั้งหน้าตั้งตารอเลย!” แคลร์พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงขณะที่เธอยื่นมือออกไป
“ฉันหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” ไคเอามือที่มีผ้าพันแผลไว้บนมือของแคลร์ ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มเย้ยหยัน
“เหอะ! ดูเหมือนว่ามันจะมีช่วงเวลาที่น่าสนใจอยู่บ้าง!” โดราเดรียลุกขึ้นยืนขณะที่เธอวางมือที่แข็งแรงของเธอไว้ที่ด้านบนของไค
“ฮ่าฮ่า! ใช่ เรามาทำมันให้ดีที่สุดเถอะ!” เคอร์ติสวางมือของเขาด้วยเช่นกัน คาธิเลน์ทำตามอย่างไร้คำพูด
ฉันเพิ่งได้พบกับทุกๆคนและฉันก็เหนื่อยแล้ว “ฉันแน่ใจว่ามันจะสนุกแน่” ฉันถอนหายใจขณะที่วางมือไว้บนมือของคาธิเลน์ ซิลวีวิ่งลงมาที่แขนของฉันและวางอุ้งเท้าของเธอด้วยเช่นกัน
ธีโอดอร์วางมือขนาดใหญ่ของเขาไว้ที่ด้านบนของซิลวีและมือของฉันทำให้ทั้งวงสะดุดไปข้างหน้า ขณะที่ธีโอดอร์พยักหน้าอย่างเงียบๆ แคลร์ก็ยิ้มกว้างอย่างมั่นใจและตะโกนว่า “แก่พวกเรา! คณะกรรมการวินัย!”
“เห้!”
______________________________________________
“ก่อนที่ชมรมจะเริ่มขึ้นสภานักเรียนขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการกับนักเรียนของสถาบันนี้ซึ่งเป็นกลุ่มที่ผู้อำนวยการเลือกเป็นการส่วนตัวเพื่อหวังว่าจะแก้ไขและป้องกันทำร้ายกันในหมู่นักเรียนตลอดจนบังคับใช้มาตรการลงโทษสำหรับผู้ที่ก่อปัญหา ในขณะที่งานหลักของสภานักเรียนคือการช่วยผู้อำนวยการตรวจสอบให้แน่ใจว่าสถาบันแห่งนี้และกิจกรรมที่จัดขึ้นดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่งานของกลุ่มกรรมการวินัยจคือการที่พวกเขาจะใช้เวทมนตร์อย่างเหมาะสมเพื่อรักษาสันติภาพและความปลอดภัยของนักเรียนไม่ว่าจะเป็นนักเรียนคนอื่นหรือผู้บุกรุก โปรดเข้าร่วมต้อนรับคณะกรรมการวินัยด้วย!” เสียงของเทสเซียดังขึ้นด้วยคำพูดสุดท้ายของเธอ
หอประชุมเต็มไปด้วยเสียงปรบมือเมื่อม่านสีแดงที่เรายืนอยู่ด้านหลังถูกยกขึ้น เรายืนอยู่ที่นั่นด้วยไหล่ตรงละมือที่เหมือนกับติดกาวที่ด้านข้างของเรา ฉันต้องยอมรับว่าเมื่อมีคนอย่างเคอร์ติสที่มีกราว์เดอร์ยื่นอยู่ข้างหลังเขา ธีโอดอร์แคลร์และแม้แต่เฟย์ริธ พวกขากลายเป็นภาพที่น่าประทับใจในชุดเครื่องแบบที่เข้ากันกับสีของเขา
ฉันมองไปที่เทสเซียและฉันก็รู้ว่าเธอจ้องมองมาที่ฉัน แต่ทันทีที่สบตากันเธอก็รีบหันหน้าหนี ขณะที่เรายืนอยู่ต่อหน้านักเรียนของสถาบันไซรัสบนเวทีเราดึงมีดออกมาและยื่นออกมาต่อหน้าพวกเราเพื่อให้ทุกคนเห็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หลังจากปลดมีดเราก็ร่ายรำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พวกเรานั้นออกแบบกันก่อนที่จะทำการวันทยหัตถ์ฝูงชน
แคลร์พูดในนามของคณะกรรมการวินัยด้วยคำปราศรัยสั้นๆ ก่อนที่พวกเราทุกคนจะมุ่งหน้าไปที่ด้านหลังของเวทีโดยปล่อยให้ฝูงชนสับสนด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
สำหรับนักเรียนบางคนคณะกรรมการวินัยหมายถึงการทำหน้าที่เป็นกุญแจมือที่จะคอยห้ามพฤติกรรมที่ไม่ดีของพวกเขา สำหรับคนอื่นๆ คณะกรรมการวินัยทำหน้าที่เป็นตัวแทนปกป้องพวกเขาจากการคุกคามของนักเรียนเกเรคนอื่น
ไม่ว่าจะอย่างใดมันจะเป็นปีของการศึกษาที่น่าสนใจสำหรับฉัน