ตอนที่แล้วบทที่ 45 กล้าดียังไง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 47 เจ้าเล่ห์กว่าคนที่ฉลาด

บทที่ 46 ไม่ได้เป็นไปตามแผน


ใบหน้าของเด็กชายที่ถือดาบคู่ดูซีดลงอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่เขาหยุดนิ่งด้วยน้ำเสียงที่เขาจำได้ไม่ผิดเพี้ยน ฉันหันไปเห็นว่าสภานักเรียนทั้งหมดกำลังเดินมาหาเราผ่านช่องว่างที่นักเรียนหลบให้

คนที่ดูสงบสติอารมณ์แต่กลับรีบก้าวไปข้างหน้าคือเทส ใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตาของเธอยังไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ ข้างหลังเธอฉันเห็นลิเลียที่มองฉันอย่างเป็นห่วง

คนที่โจมตีฉันรีบเก็บใบมีดทั้งคู่ของเขาเข้าไปในแหวนมิติของเขาทันทีและโค้งคำนับด้วยความเคารพต่อสภานักเรียนพร้อมกับเหงื่อแตกลงหน้าผากของเขา

“เกิดอะไรขึ้นหรืออาเธอร์?” จาร์รอดเป็นคนที่พูดขึ้นทำให้ทุกคนในฝูงชนถึงกับเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“ดูเหมือนนักเวทย์สายวิชาการจะรู้จักใครบางคนจากสภานักเรียน”

“มิน่าละ เขาถึงได้แสดงท่าทางอวดดีก่อนหน้าตอนนี้”

“เหอะ พวกนายเห็นเขายกแขนขึ้นเหมือนพยายามจะหยุดการโจมตีด้วยมือเปล่าหรือเปล่า?”

ฉันอดไม่ได้ที่จะกลอกตาตามเสียงกระซิบจากฝูงชน แม้พวกเขาจะเป็นเด็กวัยรุ้นแต่ฉันก็คาดหวังว่าพวกเขาจะได้รับการสอนมารยาทในระดับหนึ่งเนื่องจากพวกเขาทั้งหมดมาจากครอบครัวที่มีอิทธิพล

“เปล่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คุณควรไปดูนักเรียนคนแคระคนนั้นที่กำลังนอนอยู่ที่นั่น - โบรแซนเนียน ฉันคิดว่านั่นคือชื่อของเขา” ฉันชี้ไปที่ต้นไม้ที่คนแคระยังคงคร่ำครวญในขณะที่กำท้องของเขา

อาไลจาห์เดินมาหาฉันหวังจะคลายสถานการณ์ลง “สวัสดีลิเลียขอโทษด้วยพอดีเราโดนลากเข้ามาอยู่กับปัญหาเล็กๆ น้อย ๆ นี้ หลังจากการดวลระหว่างพวกเขาจบลง ไม่ได่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นกับเราเลย!” เขาโบกมือเล็กน้อยใส่ลิเลีย เขาเริ่มพูดอีกครั้งขณะที่พยายามให้คำพูดของเขาไปยังเทส ใบหน้าของเทสยังคงปกคลุมไปด้วยหน้ากากแห่งความไม่แยแส

“ถึงกระนั้นนักเรียนคนนี้ก็กำลังจะโจมตีนายทั้งๆที่ยังไม่ได้ประกาศการดวลกัน นี่ถือเป็นความผิดร้ายแรงอยู่นะ” ลิเลียก้าวขึ้นมาจ้องมองอย่างเคร่งเครียดขณะดึงสมุดบันทึกเล่มเล็กออกมาและจดอะไรบางอย่างลง

ในขณะที่ลิเลียจาร์รอดและอาไลจาห์กำลังคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ดวงตาที่แหลมคมของเทสเซียก็สอดส่องเข้ามาในตัวฉันราวกับว่าเธอคาดหวังให้ฉันทำอะไรบางอย่าง ด้วยความสัตย์จริงแม้จะมีประสบการณ์ชีวิตที่ยาวนาน แต่ฉันก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อสถานการณ์มันมาถึงขั้นนี้

เธอต้องการให้ฉันปฏิบัติต่อเธอด้วยความเคารพในฐานะประธานสภานักเรียนหรือไม่? เธอต้องการให้ฉันปฏิบัติกับเธอในฐานะเพื่อนสมัยเด็กหรือไม่? หรือเธอต้องการเก็บความสัมพันธ์ในอดีตของเราไว้เป็นความลับ?

'นั้นมันมาม่านี้!' ซิลวี่ 'คยูย' อยู่บนหัวของฉันและฉันต้องบอกเธออย่างแน่วแน่ว่าให้เธอนิ่งไว้และอย่าไปเพิ่งเข้าไปหาเทส

ในขณะเดียวกันฝูงชนก็เริ่มมีคนพลุกพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ พวกผู้ชายพยายามอย่างเต็มที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อดูเทสโดยหวังว่าจะฝังภาพของเธอไว้ในความทรงจำเพื่อใช้ในช่วงเวลาที่เหงาหรือโหยหา

"นาย ฉันเชื่อว่าฉันถามคำถามกับนาย นายกล้าดียังไง” เธอก้าวไปข้างหน้า ดวงตาของเธอดูหน่ายกับนักเรียนปีสอง ฉันคิดว่านักเรียนคนนั้นอยู่ชั้นที่สู้กว่าเทสในทางเทคนิค แต่เมื่อฉันดูริบบิ้นที่ผูกอย่างเรียบร้อยใต้คอเสื้อของเธอก็มีแถบสองแถบเช่นกัน

“มะ...ไม่ครับ แน่นอนว่าผมจะไม่มีวันกล้าแหกกฎแบบนั้น ผมแค่อยากทำให้เด็กมันตกใจ - ผมวางแผนที่จะหยุดก่อนที่อาวุธของผมจะพุ่งเข้าใส่เขา แต่เมื่อเห็นว่าผมได้แสดงท่าทีบุ่มบ่าผมต้องขอโทษด้วยครับ” เขาพูดพร้อมกับมองอย่างคุกคามมาที่ฉันขณะที่เขาโค้งคำนับให้เทส

"ออกไปได้แล้ว" ดวงตาของเธอยังคงมองลงมาที่เขาในขณะที่เขาถอยออกไประยะหนึ่งก่อนที่เขาจะหันหนีและวิ่งออกไปจากสายตา มีเด็กผู้ชายสองสามคนในฝูงชนวิ่งตามหลังเขาไป เป็นไปได้ว่าพวกเขาเป็นคนใส่ไฟเพื่อให้เกิดการต่อสู้นี้

"และนาย! ทำไมนายต้องทะเลาะกับรุ่นพี่ในวันแรกของโรงเรียนด้วย? นายควรจะอยู่เงียบๆ! ไม่ว่าเขาจะเป็นนักเลงแต่เขาก็ยังคงเป็นรุ่นพี่ของนายและเขาก็ไม่ได้ทำผิดกฎหากเป็นการดวลที่ยินยอมกับนักเรียนคนอื่น นอกจากนี้เขายังเป็นนักเรียนสายต่อสู้ในขณะที่นายเป็นนักเรียนสายวิชาการ นายจำคำพูดของฉันเกี่ยวกับการเหยียดกันระหว่างนักเรียนทั้งสองสายไม่ได้หรือ? แต่นายก็ยังคงเลือกที่จะเข้าไปยุ่งและทำให้ปัญหาเช่นนี้ในวันแรก!” เธอกอดอกแน่นขณะที่จ้องมองมาที่ฉันอย่างรุนแรง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธหรือความอับอายซึ่งในสองข้อนั้นฉันบอกไม่ได้ว่าเป็นอันไหน

"อะไรนะ?" สายตาของฉันแคบลงเมื่อฉันถามไม่แน่ใจว่าฉันได้ยินเธอพูดถูกหรือไม่

ฉันก้าวไปข้างหน้าในครั้งนี้และฉันเห็นดวงตาของอาไลจาห์เบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวเมื่อเขารู้ว่าฉันกำลังจะผ่านจุดที่ไม่มีวันหวนกลับมา

“ช่วยแก้ไขด้วยถ้าฉันพูดผิดไป แต่สำหรับฉันดูเหมือนว่าคุณกำลังตัดสินฉันโดยอาศัยข้อสันนิษฐานที่คุณเห็นเพียงในช่วงห้าวินาทีสุดท้ายที่ของสถานการณ์นี้ คุณติดสินฉันจากเพียง5วินาทีนั้นจริงๆใช่ไหม?” ฉันยื่นกรานและฉันก็เห็นใบหน้าที่เคยหยิ่งผยองของเทสเริ่มแตกสลาย

“เขาจงใจโจมตีฝ่ายตรงข้ามให้รับบาดเจ็บสาหัสหรือแม้กระทั่งฆ่าคนแคระที่นอนอยู่ที่นั่นหลังจากที่การดวลจบลง ถ้าฉันยังไม่หยุดเจ้าเด็กจอมหยิ่งนั่นคุณจะต้องจัดการกับคดีฆาตกรรม ไม่ใช่การต่อสู้ที่ไร้ระเบียบระหว่างนักเรียนสองคน” ฉันพูดต่อ เสียงของฉันดังกว่าที่ฉันต้องการให้เป็น

“ฉันขอโทษสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นก็แล้วกันนะคุณประธานสภานักเรียน” ฉันพูดอย่างเย็นชาทำให้ทุกคนตื่นตะลึงรวมทั้งเทสด้วย

ทันทีที่ฉันหันกลับมาก้อนเนื้อแข็งก็ก่อตัวขึ้นในลำคอจากความรู้สึกผิด ฉันแค่พยายามจะว่านักเรียนที่ทำตัวเป็นเด็กแต่ที่นี่ฉันกลับทำแบบเดียวกัน ฉันลืมไปแล้วว่าเทสเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบสามปี แต่ฉันก็คาดหวังให้เธอแสดงในแบบที่ฉันเป็นไม่ได้

อาไลจาห์ตามหลังอย่างใกล้ชิดขณะที่ฉันเดินไปเรื่อยๆ ความภาคภูมิใจของฉันทำให้ฉันไม่ยอมหันหลังกลับ

ช่างเป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบหลายปีที่น่ารักจริงๆ

“เดี๋ยวก่อนเจ้าปีหนึ่ง” ไคลฟ์เกรฟส์วิ่งเข้ามาหาฉันและจับแขนฉันขณะที่เขาพยายามทุ่มตัวฉัน “นายถูกเลี้ยงมาในถ้ำหรือไง? มารยาทเหล่านี้เป็นมารยาทที่แม่ของนายสั่งสอนนายหรือ? นายรู้หรือไม่ว่าเธอเป็นใคร?”

ฉันหยุดนิ่งและมองเขาที่กำลังจับไหล่ของฉัน

ฉันรู้ตั้งแต่แวบแรกว่าฉันจะไม่มีทางเข้ากับเขาได้เลย แต่คำพูดของเขามีพลังพอที่จะทำให้ฉันหงุดหงิดมากกว่าคนโง่ๆ ทั่วไป ฉันถูกเลี้ยงในถ้ำหรือเปล่า? เขาจริงใจใช่ไหมในตอนที่ดูถูกแม่ของฉัน?

"ปล่อย" ความอาฆาตพยาบาทที่ไหลออกมาในเสียงของฉันทำให้อาไลจาห์ถึงกับสะดุ้งเมื่อเขาถอยหลังโดยสัญชาตญาณ ไคลฟ์ปล่อยแขนของฉันทันทีแล้วกระโดดออกไปในขณะที่เขาปกป้องตัวเองด้วยมานา

ฉันเหลือบไปที่เทสและตระหนักได้ว่าเธอล้มลงด้วยความประหลาดใจมากกว่าความกลัว มีช่วงเวลาสั้นๆ ที่ฉันถามตัวเองว่าฉันควรช่วยพยุงเธอขึ้นดีไหม แต่เมื่อฝูงชนรวมตัวกันอย่างรวดเร็วเพื่อดูให้แน่ใจว่าเธอยังโอเคฉันก็แค่ถอนหายใจและเดินต่อไปยังหอพัก อาไลจาห์เดินตามหลังขณะอ้าปากค้างและเสียงพึมพำตกใจดังอยู่ข้างหลังเรา

“ประธานเทสเซียลุกชึ้นได้ไหม! คุณสบายดีไหม?”

“เขาเป็นใครกันวะ? ฉันได้ยินว่าเหรัญญิกจาร์รอดเรียกเขาว่าอาเธอร์ใช่ไหม?”

“โอ้ไม่นะเขาจบแห่แน่ เขากล้าดุด่าประธานสภานักเรียนของสถาบัน”

อาไลจาห์ใช้เวลาสองสามก้าวอย่างเร่งรีบเพื่อตามมาหาฉันในที่สุดก็เดินอยู่ข้างๆฉัน “นายรู้ใช่ไหมว่านายเพิ่งทำอะไรลงไป? นายนี้ชอบดึงดูดปัญหาซะจริงๆเลย ครั้งแรกก็ตอนอยู่ในดันเจี้ยนและตอนเมือกี่นี้อีก” เขาส่ายหัว แต่ยังคงเดินตามฉันไปในขณะที่ทำให้ฉันมั่นใจว่าเขาจะยังคงอยู่เคียงข้างฉัน

ฉันเกือบจะหัวเราะเบาๆ กับความจริงที่ว่าไม่มีใครรู้ประวัติของฉันกับเทสจนกระทั่งความรู้สึกผิดทำให้ภายในของฉันสั่นคลอน บางทีฉันอาจจะรุนแรงเกินไปกับเธอ - ไม่หรอกฉันรุนแรงกับเธอมากเกินไปจริงๆ เธอยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ! ฉันไม่ควรอารมณ์เพียงเพราะการกระทำของเธอ

ในขณะที่ความรู้สึกผิดได้ทำลายความคิดของฉัน ฉันจึงตบแก้มและตัดสินใจปล่อยให้ธรรมชาติดำเนินไปเพราะนั่นเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์เสมอ

อย่างน้อยโรงเรียนก็น่าจะตื่นเต้นใช่มั้ย? ฉันปลอบใจตัวเอง ฉันไม่ได้โกรธเธอมากนักแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างความอดทนของฉันกลับมีน้อยลงในขณะนั้น ฉันรู้ว่าฉันควรจะขอโทษเธอก่อนที่มันจะกลายเป็นเรื่องอึดอัดเกินไป แต่ฉันรู้สึกว่าช่วงจังหวะที่ดีจะเป็นปัญหา

อาไลจาห์และฉันสามารถไปที่อาคารหอพักของเราได้โดยไม่มีปัญหาอีกต่อไป มีหอพักชายสองแห่งและหอพักหญิงสองแห่งภายในสถาบันการศึกษา หอพักทั้งสองถูกแยกออกจากกันโดยรุ้นน้องและรุ้นพี่ นักเรียนรุ้นน้องคือรักเรียนที่ยังคงเรียนวิชาศึกษาทั่วไป จากนั้นนักเรียนเหล่านี้จะถูกย้ายไปอยู่ในหอพักรุ้นพี่หลังจากที่พวกเขาเรียนจบหลักสูตรการศึกษาทั่วไปและได้ตัดสินใจอย่างเป็นทางการแล้วว่าพวกเขาจะเป็นนักเรียนสายใด

หอพักสำหรับรุ้นน้องนั้นเรียบง่าย มันสะอาดและได้รับการดูแลอย่างดี แต่มันดูน่าเบื่อในแง่ของเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่ง เป็นการตกแต่งภายในด้วยโทนสีเบจที่ดูอบอุ่นพร้อมบันไดที่ขึ้นไปยังชั้นบนสุดซึ่งแต่ละชั้นมีโถงทางเดินแคบๆ เรียงรายไปด้วยห้องต่างๆ

“ห้อง 394 เรามาถึงแล้ว!” อาไลจาห์ปลดล็อกประตูโดยวางฝ่ามือไว้บนหินกลมเหนือที่จับ มันดูเหมือนจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ง่ายๆที่ใช้ในการอ่านลายเซ็นของมานาขั้นพื้นฐาน ทันทีที่เขาเปิดประตูซิลวีก็เข้ามาในห้องและใช้เตียงทำเป็นรังของเธอทันที

ห้องนี้ไม่ได้หรูหราเท่าห้องในบ้านของเฮลสเตอาก็จริง แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นและดูเป็นกันเอง เข้ามาทางขวามือของเรามีตู้เสื้อผ้าสองตู้และทางซ้ายของเราเป็นห้องน้ำขนาดเล็กที่อัดแน่นไปด้วยอ่างล้างหน้า 2 อ่างที่อยู่ติดกัน มีทั้งฝักบัวและก็สุขา

เตียงสองเตียงวางเคียงข้างกันโดยมีโต๊ะข้างเตียงวางชิดผนังด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเป็นลิ้นชักยาวสำหรับพับเสื้อผ้า พื้นที่นอนและพื้นที่ใช้ในการอ่านหนังสือถูกแบ่งด้วยกำแพงที่สูงถึงเอวของเราโดยมีบันไดสูงสามขั้นที่นำไปสู่โต๊ะอ่านหนังสือและโซฟา

โต๊ะสองตัววางชิดผนังตรงข้ามกันดังนั้นเราจะนั่งหันหน้าออกไประหว่างอ่านหนังสือ โซฟาตัวยาวอยู่ในตำแหน่งชิดผนังขนาดเล็กและได้แยกโต๊ะอ่านหนังสือออกจากเตียง ผนังด้านไกลทำด้วยกระจกเกือบทั้งหมดซึ่งดึงดูดฉันเข้าหามันทันที มุมมองครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยซึ่งปัจจุบันเป็นสีของฤดูใบไม้ร่วง หากมองจากมุมนี่ฉันจะไม่รู้เลยว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถาบันสำหรับนักเวทย์หากไม่มีใครบอก

ฉันนั่งบนโซฟาและค่อนข้างตื่นเต้นกับวันพรุ่งนี้ ซิลวียืนพิงหน้าต่างมองออกไปที่วิว

“อ๊า! เรายังไม่ได้ทานอาหารเย็นกันเลย แต่ฉันนี้ปวดขี้ซะแล้ว! ฉันสงสัยว่ามันเป็นความผิดของใครกัน?” อาไลจาห์กระโดดขึ้นไปบนเตียงที่อยู่ห่างออกไปหลังโซฟาซึ่งเป็นเตียงที่ซิลวีไม่ได้จองว่าเป็นของเธอ

ฉันล้มลงบนโซฟา ร่างกายของฉันแทบจะละลายจากความเหนื่อยล้า ดวงตาของฉันจ้องมองออกไปบนท้องฟ้านอกหน้าต่างจนกระทั่งฉันสังเกตเห็นกองสัมภาระที่คนขับรถของเรานำเข้ามาให้ก่อนที่เราจะมาถึง ฉันหันหน้าหนีและปฏิเสธการมีอยู่ของพวกเขาเพราะเบื่อเวลาที่จะแกะกล่องและจัดของ

มุมมองของเทสเซียเอราลิธ :

อ๊ากกกกก! ฉันพลาดไป ฉันพลาดมาก ฉันทำมันพัง ฉันทำมันพังโดยสิ้นเชิง!

ฉันฝังหัวลงในหมอนและกรีดร้องจนสุดปอดด้วยความหงุดหงิด

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!” การที่ได้พบกันอีกครั้งในรอบหลายปีควรจะเป็นอารมณ์ที่แสนจะโรแมนติก! มันต้องร้อนแรง แต่กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง! ทำไมฉันถึงพูดอย่างนั้นออกไปล่ะ? ทำไมฉันถึงโบยใส่เขา? ฉันรู้ดีอยู่แล้วว่าอาร์ตจะไม่เลือกที่จะต่อสู้โดยไม่มีเหตุผล แต่ฉันกลับไปตัดสินเขาในสิ่งที่ฉันยังไม่เห็นด้วยซ้ำ! กรี๊ด !! ฉันนี้โง่จริงๆ!

ฉันพนันได้เลยว่าตอนนี้เขาคงเกลียดฉันแล้ว…

ทำไมฉันถึงพูดแบบนั้นนะ! แถมยังพูดขึ้นมาต่อหน้าเขาอีก! บ๊ะ! ฉันต้องดูตัวตลกแน่ๆ! แต่ถึงกระนั้นเราก็อยู่ในฝูงชนเช่นนั้น แถมเขาก็ได้ทำผิดบางอย่างในความสับสนวุ่นวายแม้จะเล็กน้อย แต่ ...

ฉันแน่ใจว่าเขาเกลียดฉันแล้วตอนนี้…

ถ้าอาร์ตทักทายฉันหรือแค่คุยกับฉันตามปกติฉันคงไม่พูดกับเขาแบบนั้น! ถูกตัอง! ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของอาร์ตต่างหาก! เขาไม่สนใจฉันด้วยซ้ำเมื่อฉันมาที่นั่นเพื่อช่วยจัดการเรื่องยุ่งๆ ของเขาอยู่! เขาไม่แม้แต่จะกล่าวสวัสดี! ฉันไม่ได้คาดหวังว่าจะได้กอดแบบเต็มๆ หรือจูบกับเขาสักหน่อย! ฉันก็แค่อยากได้ยินว่า "ไม่ได้เจอกันนานนะเทส" ก็พอแล้ว! ส่วนผู้ชายผมดำคนนั้นทำให้ฉันนึกถึงอีกา เขาเป็นเพื่อนของอาร์ตหรือเปล่า? เพื่อนสนิด? ดูเหมือนทั้งคู่จะรู้จักลิเลียและจาร์รอดด้วย! อ๊าาาากกก! ฉันละหงุดหงิดเอามากๆ!

ฉันกรีดร้องลงไปในหมอนอีกครั้งเพื่อหวังว่าจะคลายความหงุดหงิดของฉัน “กรี๊ดดดดดดด!”

เสียงเคาะประตูอย่างกะทันหันทำให้ฉันล้มลง

“นี่ไคลฟ์เอง…ฉันมาที่นี่เพื่อดูอาการของคุณนะ คุณโอเคขึ้นไหม?” ฉันได้ยินเสียงอู้อี้ผ่านประตู

ฉันกระแอมในลำคออย่างเงียบๆ ก่อนจะตอบกลับไป "ฉันสบายดีขอบคุณ" ฉันใช้เสียง "สาธารณะ" ที่ฉันตั้งชื่อให้มันซึ่งทำให้ฉันฟังดูเย็นชากว่ามาก

“เจ้าปีหนึ่งนั่นใครกัน? ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะกล้าเถียงกับคุณแบบนั้นทั้งๆที่คุณพยายามให้คำแนะนำกับเขา! ฉันควรไปฟ้องผู้อำนวยการเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ย? เราจะได้โทษเขาได้และ -”

“ไม่เป็นไรปล่อยมันไป อย่าไปฟ้องผู้อำนวยการด้วย ... นั่นเป็นคำสั่ง” ฉันพูดแรงกว่าปกติเพื่อให้มันตรงประเด็น เขากล้าดียังไงมาว่าอาร์ต มีเพียงฉันเท่านั้นที่สามารถว่าเขาได้

ฉันล้มตัวลงนอนบนหมอนหลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเขาจากไป หอพักถูกแยกออกตามเพศและชั้นเรียนและยังแยกตามสายของนักเรียนที่เรียนอยู่ด้วย สำหรับสภานักเรียนเราต่างก็มีห้องของตัวเองในอาคารที่อยู่ติดกับสำนักงานของผู้อำนวยการ รู้สึกอึดอัดที่ได้อยู่ร่วมกับชายคนอื่นๆในบ้านหลังเดียวกัน แต่ลิเลียอยู่ที่นี่และโดยทั่วไปแล้วพวกเขาก็โอเคดังนั้นฉันจึงไม่ได้รังเกียจอะไรมากนัก

อาเธอร์เจ้าทื่มเอ้ย นายรู้ไหมว่าฉันอยากจะตะโกนเรียกชื่อนายมากแค่ไหนและวิ่งไปหานายเมื่อเห็นนายอยู่ในกลุ่มของผู้ชม? แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างไกลจากเวที แต่ฉันไม่เคยพลาดผมสีน้ำตาลแดงที่มีสัตว์มานาอยู่บนศีรษะของเขาได้แน่นอน! ซิลวีดูแตกต่างออกไปจากตอนที่เธอฟักในครั้งแรก แต่นั่นก็ไม่ทำให้ฉันประหลาดใจ ความจริงที่ว่าเธอเป็นมังกรเป็นสิ่งที่น่าจะทำให้ฉันตกใจมากกว่า แต่เมือได้อยู่กับอาร์ตแล้วไม่มีอะไรที่เขาจะทำให้ฉันประหลาดใจได้อีกเลย…เขาเป็นคนแบบนั้นแหละ

“ฮ่าาา…” ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะกรีดร้องด้วยความหงุดหงิดอีกต่อไป ฉันอยากจะตำหนิอาร์ตสำหรับเรื่องนี้ แต่ฉันรู้ดีว่าเขาไม่ได้ผิดไปทั้งหมด เขาคงอยากเก็บความสัมพันธ์ของเราไว้เป็นความลับเพราะเขาคงเห็นฉันเป็นบุคคลสาธารณะของที่นี่ แต่ถึงกระนั้น…ทำไมอาร์ตถึงได้ทื่มนักนะเมื่อพูดถึงความรู้สึกของผู้หญิง?

ไอ้ตาบ้า...

ฉันหวังว่าเขาจะไม่เกลียดฉัน…

มีคำถามมากมายที่ฉันอยากจะถามเขาเช่นกัน เขาทำอะไรอยู่? ช่วงเวลาที่เขาเป็นนักผจญภัยเป็นอย่างไร? เขาได้รับบาดเจ็บทุกครั้งหรือไม่? เขาคิดถึงฉันไหม? เขาคิดถึงฉันตลอดสี่ปีที่ผ่านมาหรือเปล่า?

ฉันอยากจะบอกกับเขาว่าฉันแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหน ... หลังจากฝึกฝนโดยตรงภายใต้ผู้อำนวยการทักษะของฉันในฐานะนักเวทย์ก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ฉันจะได้รับการฝึกฝนภายใต้คุณปู่ แต่มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเพราะเขาเป็นออกเมนเตอร์ มันจำกัดในสิ่งที่เขาสามารถสอนฉันได้ เขาสอนฉันเกี่ยวกับพื้นฐานของการจัดการมานา แต่พอไปถึงเส้นทางของนักร่ายเวทย์ผู้อำนวยการเธอมีความรู้ด้านนั้นมากกว่า เธอคุ้นเคยกับความแตกต่างของเอลฟ์และมนุษย์และเธอฝึกฝนฉันในรูปแบบที่แตกต่างกันได้อย่างดี

คุณปู่รู้ว่าฉันมีศักยภาพที่ดีเพราะเมื่อฉันตื่นขึ้นมาในครั้งแรกฉันได้สร้างการระเบิดที่ทำให้ห้องของฉันเสียหายไปทั้งห้องและยังกระทบส่วนหนึ่งของห้องครัวชั้นล่างตอนที่อาร์ตเคยอยู่กับเรา นั่นคือตอนที่ฉันต้องปลุกเขาทุกวัน

ฉันสะอื้น

ไม่นะ ฉันไม่ควรเริ่มร้องไห้ อาร์ตคงไม่เกลียดฉันเพราะเรื่องแค่นั้นหรอกเหรอ ฉันควรจะเคลียร์กับเขาและขอโทษเขา เขาจะสนใจฉันอยู่ใช่ไหม?

‘ฉันขอด่าเขาถึงความโง่เขลาและความไร้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อหัวใจของผู้หญิงด้วยเถอะ!’

มุมมองของอาเธอร์เลีย์วิน:

ฉันเฝ้าดูอย่างเฉยเมยขณะที่ซิลวีงีบหลับข้างๆฉันบนโซฟา ร่างเล็กๆของเธอกระเพื่อมขึ้นลงพร้อมกับลมหายใจเล็กๆในแต่ละครั้ง

“มันไม่เหมือนนายเลยที่จะระเบิดอารมณ์แบบกะทันหันนะอาร์ต มันจะสมเหตุสมผลกว่าหากนายเพิกเฉยต่อเธอและเดินจากไปใช่ไหม?” อาไลจาห์ยังคงนอนอยู่บนเตียง มือของเขาหนุนศีรษะขึ้นขณะที่เผชิญหน้ากับฉัน

“ฉันยอมรับว่าฉันไม่ควรที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่มัช่วยไม่ได้ -”

เราทั้งคู่หันหน้าไปที่ประตูเมื่อมีการเคาะเร็วๆสองครั้งมาขัดจังหวะการสนทนาของเรา

“แปลกจัง ใครจะอยากเจอเราในวันแรก? บางทีห้องข้างๆเราอาจจะมาทักทาย” อาไลจาห์ลุกขึ้นไปเปิดประตู

“ใคร…” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งฉันก็หันไปเห็นอาไลจาห์ยื่นนิ่งค้าง เมื่อขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นฉันเห็นผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ยืนอยู่ที่ประตูอย่างไม่ไยดีและยิ้มให้ฉัน

“สวัสดีตอนเย็นอาเธอร์ อาไลจาห์ ฉันขอเข้ามาคุยในห้องจะได้ไหม?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด