บทที่ 33 เพื่อน(2)
ลิเลียจ้องมองเฟรย์ที่เอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วถาม
“ คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม?
“…คุณดูแตกต่างจากที่พี่ชายฉันบอกนิดหน่อย”
เฟรย์จับผมของเขาและพึมพำ
“มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย”
"ฉันเข้าใจละ อา...กรุณาพูดได้ตามสบาย คุณเป็นเพื่อนของน้องของฉันและยังเป็นลูกของตระกูลเบลค”
“ได้เลย”
ลิเลียมองไปที่เฟรย์ด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อยขณะที่เขาเห็นด้วยกับคำแนะนำที่สุภาพของเธอทันที
อย่างไรก็ตามเฟรย์ยังคงจ้องมองไปในอากาศด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงออก
‘ผู้ชายคนนี้มันยังไงกันนี้?’
ลูกๆในตระกูลขุนนางทุกคนที่เธอเคยพบมามักจะพยายามจีบเธอหรือสร้างความสัมพันธ์บางอย่าง
ลิเลียรู้ว่าเธอนั้นสวยมากและเธอก็รู้ด้วยว่าผู้ชายมักจะแสดงออกเมื่ออยู่ต่อหน้าเธออย่างไร
ความงามของเธอเป็นอาวุธอย่างหนึ่งของเธอมากกว่าชื่อเสียงของตระกูล
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกผู้ชายที่ไม่ได้อยู่ในตระกูลปฏิบัติด้วยแบบนี้
เธอมีความกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอก็ซ่อนความคิดที่อยู่ในใจของเธอไว้และยิ้มสวยๆ แทน
“ฉันได้ยินมาว่าคุณเรียนอยู่ที่สถาบันเวสต์โร้ดพี่ชายของฉันเป็นยังไงบ้างในสถาบันการศึกษา”
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน เพเรียนเป็นรุ้นพี่ของฉันและฉันก็ไม่เคยเจอเขาตอนอยู่ที่สถาบันเลย”
“อ่า…ฉันเข้าใจแล้ว”
จึงกลายเป็นว่าพวกเขานั้นได้พบกันเป็นครั้งแรกบนคอร์เทซ
ในขณะที่การสนทนาเปลียนเป็นความเงียบรถม้าก็หยุดลง
พวกเขามาถึงตัวอาคารหลักแล้ว
ประตูค่อยๆเปิดออกและเผยให้เห็นใบหน้าที่รอต้อนรับอย่างอบอุ่น
“ฮ่าฮ่า! นายมาซะที!”
เขาพูดกับเฟรย์ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข
“นายเกือบจะมาสายไปแล้ว”
“ฉันมีงานต้องทำมากมาย ฉันดีใจที่ฉันสามารถมาที่นี่ได้ทันเวลา”
“นายเกือบจะพลาดไปแล้ว”
ลิเลียมองไปที่เพเรียนด้วยสีหน้าค่อนข้างตกใจ
อาจเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขามีความสุข เขาเป็นคนอ่อนโยนและยิ้มอยู่เสมอ แต่เขาก็ยังรู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
เพเรียนที่เธอรู้จักตอนนี้กำลังยิ้มเหมือนกับเด็กน้อย
เมื่อเธอตระหนักว่าแม้แต่คนในตระกูลก็ยังไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เธอก็รู้สึกอิจฉาเฟรย์เล็กน้อย
ลิเลียลงจากรถม้าอย่างสง่างามและพูด
“ฉันก็อยู่ที่นี่เหมือนกันนะค่ะคุณพี่”
“ฉันจะลืมเจ้าหญิงของเราไปได้ไง งานเลี้ยงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“…พี่ไม่สนใจฉันเลยฉันทักเมื่อกี้”
“เอ่อ..เมื่อกี้คืออะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอก”
ลิเลียหันหน้าออกไปอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปในคฤหาสน์
เพเรียนหันกลับมาและกล่าวด้วยใบหน้าที่เขินอาย
“ฉันยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรให้ลิเลียต้องอารมณ์เสียได้ขนาดนั้น นายพอจะรู้ไหม?”
“ไม่”
“อืม…อืม ฉันจะต้องให้กำลังใจเธอในภายหลัง เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ มีอะไรอีกมากที่ฉันอยากจะพูดถึง”
เพเรียนมองเฟรย์ที่พยักหน้าเงียบๆ
เขาเป็นเหมือนกันผิวหนังและกระดูกที่เดินได้
เขามีแก้มที่ผอมซูบและข้อมือของเขาที่เผยให้เห็นจากในเสื้อคลุมสามารถจับได้สองข้อมือได้ด้วยมือเดียว
ผิวของเขาก็ดูหยาบกร้านเช่นกัน
เหนือสิ่งอื่นใดผมสีขาวบนศีรษะของเขาดึงดูดสายตามากที่สุด
‘เขาต้องผ่านอะไรมาหนักแน่ๆ ’
เพเรียนอยากรู้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง แต่ก่อนอื่นเขาอยากให้เพื่อนของเขาได้พักผ่อนบ้างหลังจากการเดินทางมายาวนาน
“นายพักผ่อนก่อนเถอะแดฟกอนได้โปรดพาเฟรย์ไปยังห้องพักด้วย เฟรย์นายหิวข้าวไหม?”
"ไม่เป็นไร ฉันต้องการแค่น้ำอุ่นๆ ”
“แน่นอน แล้วค่อยมาพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้นายควรพักผ่อนบ้างนะ”
"ขอบคุณ"
เฟรย์ตามแดฟกอนไปที่ห้อง
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องที่มีขนาดใหญ่และมีพื้นที่เพียงพอที่ทำให้รู้สึกสบายตัว
เฟอร์นิเจอร์ก็มีคุณภาพสูงเช่นกัน
เฟรย์ยิ้มกว้างเมื่อเขารู้ว่าขนาดของห้องและเตียงใหญ่กว่าห้องที่หอของเขามาก
แดฟกอนยิ้มและวางขวดน้ำไว้บนโต๊ะกลาง
“นี่คือน้ำที่คุณได้ขอ หากคุณมีความต้องการอื่นๆ ได้โปรดบอกกับสาวใช้”
เขาชี้ไปที่สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเขา แต่เฟรย์ส่ายหัว
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”
เฟรย์ตระหนักว่าจริงๆแล้วแดฟกอนก็เป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังอยู่พอสมควรซึ่งอาจเตรียมไว้เพื่อดูแลเพเรียนในอนาคต
เขาไม่ปรารถนาที่จะพูดหยาบคายแม้กับคนที่อายุน้อยกว่าหรือเพียงเพราะเขาเป็นยามเฝ้าหน้าประตู
แดฟกอนมองอย่างงง ๆ
"แต่ว่า…"
“ฉันขอโทษสำหรับความหยาบคายในการปฏิเสธคุณ แต่ได้โปรดเข้าใจว่าฉันเป็นนักเวทย์ก่อนที่ฉันจะเป็นแขก”
"อา…"
การทำสมาธิ
เห็นได้ชัดว่าพ่อมดต้องการรักษาความเป็นส่วนตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขานั่งสมาธิเป็นครั้งคราวพวกเขาจะอ่อนไหวเป็นพิเศษ
แดฟกอนก้มศีรษะของเขา
" ผมเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นสาวใช้พวกนี้จะรออยู่ในห้องถัดไป หากคุณมีคำขอใดๆ ได้โปรดเรียกใช้พวกเขาทันที…”
"ขอขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณ"
แดฟกอนรู้สึกประทับใจอยู่ภายใน
‘ฉันได้ยินมาว่าลูกชายคนที่สามของเบลคไม่เพียงแต่ขาดความสามารถในการเป็นพ่อมดเท่านั้นแต่ยังขาดมารยาทพื้นฐานและการขัดเกลาอีกด้วย…”
เนื่องจากหน้าที่การงานของเขา แดฟกอนจึงไวต่อข่าวลือเกี่ยวกับขุนนางและเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับลูกชายทั้งสามคนของตระกูลเบลค
ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินตัวตนของเพื่อนของนายน้อยของเขา เข้าก็ทำท่าแสดงความยินดีอยู่ภายนอกแต่ภายในเขากลับกังวล
เพเรียนเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในหลายๆด้าน แต่เขายังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจความคิดของมนุษย์ได้เต็มที่
แต่การเผชิญหน้ากับเฟรย์ตัวต่อตัวทำให้เขาต้องตกใจมาก
มันไม่ต่างอะไรกับลูกชายที่เต็มไปด้วยความสามารถของตระกูลที่มีเกียรติ เขามีทัศนคติที่มีระเบียบวินัยมากดูเหมือนจะเป็นคนเรียบง่ายและมั่นคงพอที่จะไม่ยอมให้ใครหลอกได้ง่ายๆ
แดฟกอนนึกถึงผู้ชายคนหนึ่งของตระกูลเบลค
เมื่อเทียบกับตระกูลจุนแล้วมันอาจจะดูด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ตระกูลเบลดก็ยังทรงพลังพอที่จะเป็นหนึ่งในห้าตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในจักรวรรดิ
ลูกชายคนโตและคนที่สองเป็นคนเก่ง แต่อำนาจหลักที่อยู่เบื้องหลังครอบครัวเบลคคืออิซากะเบลค
เขาเป็นหนึ่งในห้านักเวทย์ที่มีระดับ 7 ดาวในจักรวรรดิและในเวลาเดียวกันก็เป็นมาสเตอร์ของหอคอยเวทมนตร์ที่หก
เขาอายุน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอาร์ชเมจคนอื่นๆ แต่เขาก็ยังมีความสามารถพอที่จะใช้ฉายานั้น
แดฟกอนเคยพบกับอิซากะเบลคมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาทิ้งความประทับใจที่ค่อนข้างเย็นและแห้ง
‘ชายที่มีความสามารถขนาดนี่ยังไม่พอที่จะได้รับการยอมรับให้เป็นลูกของเขาจริงๆหรือ?’
แดฟกอนอดสงสัยไม่ได้ แต่เขาเก็บมันไว้กับตัวและพูดอย่างอื่นแทน
“พรุ่งนี้จะมีการจัดงานเลี้ยง”
“งานเลี้ยง?”
"ใช่แล้ว เนื่องจากคุณจะต้องกลับไปที่สถาบันในเร็วๆ นี้นายท่านจึงตัดสินใจที่จะจัดงานเลี้ยง นายน้อยดูเหมือนจะต้องการให้คุณเข้าร่วมกับเขาด้วย”
“…”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเฟรย์ก็พยักหน้า
“ได้สิ”
"ขอบคุณ"
แดฟกอนถอยกลับไปเมื่อน้ำร้อนได้ถูกนำมาที่ห้อง
เฟรย์ล้างตัวด้วยน้ำเปล่าแล้วเปลี่ยนเป็นชุดนอนที่วางไว้บนเตียงก่อนจะเข้านอนทันที
วันรุ่งขึ้นเฟรย์ตื่นขึ้นมาตอนรุ่งสาง
ทันทีที่เขาตื่นขึ้นเขาก็นั่งลงและเริ่มทำสมาธิเพื่อระงับพลังงานเยือกแข็งของโฟรเซินริฟเวอะ
‘นี่คือทั้งหมดที่ฉันทำได้ในตอนนี้’
เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็มีสาวใช้ในวันก่อนยื่นอยู่ตรงหน้าเขา
เธอคุกเข่าต่อหน้าเขาทันทีและมองเฟรย์ด้วยใบหน้าซีดเซียว
“ดิฉันดิฉันทำบาปลงไปแล้ว”
"อะไร?"
“ได้โปรดไว้ชีวิตของดิฉันด้วย ดิฉันขอโทษ”
เฟรย์ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกลัวมาก
หลังจากปลอบโยนสาวใช้ที่ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะหลั่งน้ำตาเขาถามเธอและพบว่าเธออยู่ภายใต้ภาพลวงตาว่าเขากำลังนั่งสมาธิอยู่
และเขารู้ว่าแดฟกอนต้องบอกพวกเขาว่าอย่ารบกวนสมาธิของพ่อมด
เธอเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนน้ำที่ใช้แล้วจากเมื่อวานและนำอาหารเช้ามาให้เขาโดยไม่ได้มีเจตนาอื่นใด
“ไม่เป็นไรตราบใดที่คุณไม่ได้แตะต้องร่างกายของพวกเขา”
หลังจากที่เขาส่งสาวใช้ออกไปเฟรย์ก็ล้างตัวด้วยน้ำและเขาควบคุมให้มันลอย
จากนั้นเมื่อเขาทานอาหารเสร็จเขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“ผมเข้าไปได้ไหม?”
"เข้ามาได้"
เป็นแดฟกอนที่เข้ามาทางประตู
แม้ว่าจะเป็นเวลาเช้าตรู่แต่เขาก็ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ากำลังถูกรบกวน
“คุณชอบอาหารเช้าไหม?”
“มันน้อยไปหน่อย”
“อย่างนั้นเหรอ? ผมจะให้พ่อครัวเพิ่มเป็นสองเท่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไป”
ยิ่งเขากินอาหารได้มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีเพราะเขาจำเป็นต้องเพิ่มน้ำหนักอย่างเร่งด่วน
และเฟรย์ก็ชอบทานอาหารมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้กลับมาที่ทวีป
และตามที่คาดไว้อาหารที่ตระกูลจุนเสิร์ฟนั้นอร่อยมาก
“นายน้อยกำลังรอคุณอยู่ ผมจะนำทางคุณไปที่นั่นดังนั้นได้โปรดเตรียมตัวให้พร้อม”
เฟรย์เปลี่ยนกลับไปใส่เครื่องแบบของเขา มันดูโทรมนิดหน่อย แต่เขาไม่มีอะไรจะใส่
หลังจากออกจากห้องเขาตามแดฟกอนไปอีกครั้ง
เพเรียนมองไปที่น้ำพุในสวน แต่เขาก็หัวเราะออกมาอย่างสดใสเมื่อเห็นเฟรย์
“นายดูผอมมาก ฉันเดาว่านายคงไม่ได้กินข้าว”
“มันเป็นหนึ่งเดือนที่แย่มากๆ แต่ฉันก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้วละ”
“นั่นเป็นสาเหตุที่ต้องเฉลิมฉลอง”
เพเรียนยิ้มเบาๆ จากนั้นเขาก็พูดอีกครั้งราวกับว่ามีอะไรบางอย่างเข้ามาในใจ
“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าปลายทางของนายคือภูเขานรก”
เราได้พูดถึงเรื่องนี้หรือไม่?
เฟรย์ครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะจำผู้หญิงสาวผมสีฟ้าได้
“นายต้องเคยได้ยินมันจากโซเนียแน่ๆ”
"ถูกตัอง"
"เธออยู่ที่ไหน?"
"ห้องของเธอไม่ก็สนามฝึกซ้อม เธอฝึกดาบทันทีหลังจากลืมตาและก่อนเข้านอน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอผู้หญิงที่แกร่งขนาดนี้ อืมฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ”
เฟรย์หัวเราะออกมาขณะที่เพเรียนตัวสั่น
ถ้าหากเธอไม่มีพรแสวงแล้วละก็เธอจะไม่มีทักษะเช่นนี้ พรสวรรค์เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ
“อาจเป็นได้ทั้ง 4 คน แต่สำหรับคุณโซเนียแล้วนายเป็นคนเดียวที่…”
"ฮะ?"
“…ไม่ ไม่เป็นไร ฉันพูดไม่ได้”
เพเรียนยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัวด้วยเหตุผลบางอย่าง
เฟรย์รู้สึกว่าเขาดูหดหู่มากทีเดียว
จากนั้นเพเรียนก็เปิดปากและเปลี่ยนหัวข้อ
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันอยากจะแนะนำให้นายรู้จักกับครอบครัวของฉัน”
"ใช่"
“แล้วถ้าหากเป็นตอนนี้ล่ะ? โดยเฉพาะพ่อของฉัน ฉันอยากให้นายได้พบกับเขาจริงๆ”
ถ้าเป็นพ่อของเพเรียนเขาก็น่าจะหมายถึงหัวหน้าตระกูลจุน ชื่อของเขาก็คือเชพเพิร์ดจุน
เขาเป็นหนึ่งในห้านักเวทย์ระดับ 7 ดาวในจักรวรรดิอีกด้วย
นี่คือสิ่งที่เฟรย์ได้รับจากความทรงจำของเขา
‘คนที่ฉันควรพบอย่างยิ่ง’
ยิ่งพ่อมดมีพลังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสที่พวกเขาจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับเดมิก็อดมากขึ้นเท่านั้น
“เวลาไหนก็ได้”
“นั่นเป็นความโล่งใจ ที่จริงมีไม่กี่ครั้งที่พ่อของฉันจะอยู่ที่บ้าน เขามีงานมากมายให้ทำที่หอคอย…”
เชพเพิร์ดจุนเป็นหัวหน้าของหอคอยที่สี่
เพเรียนดูตื่นเต้นมากในขณะที่เฟรย์พยักหน้า
เฟรย์จึงตามเพเรียนกลับไปที่ที่เชพพาร์ดอยู่
ในห้องขนาดใหญ่มีโต๊ะยาวปูผ้าสีขาววางทับอยู่
ด้านซ้ายและขวาของโต๊ะมีคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนในครอบครัวของเพเรียน
ลิเลียน้องสาวที่เขาเห็นเมื่อวานผู้ชายสองคนที่อายุใกล้เคียงกันและผู้หญิงที่สวยอีกหนึงคน
‘พวกเขาน่าจะเป็นพี่น้องและแม่ของเพเรียน’
ซึ่งหมายความว่าชายวัยกลางคนที่แข็งแรงซึ่งนั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็คือเชพเพิร์ดจุน
“ผมชื่อเฟรย์เบลคหนึ่งในลูกชายสามคนของตระกูลเบลค ผมอาจจะแสดงความขอบคุณที่อาจจะล่าช้าเกินไปต่อน้ำใจของตระกูลจุน”
"ยินดีที่ได้รู้จักและเราเองก็ยินดีต้อนรับคุณในฐานะที่คุณเป็นเพื่อนของเพเรียน”
เฟรย์เงยหน้าขึ้นมองเชพเพิร์ด
ในแวบแรกเขาดูเหมือนจะเย็นชา แต่สีหน้าและน้ำเสียงของเขาก็นุ่มนวลดังนั้นความประทับใจจึงคงอยู่
แต่เฟรย์ให้ความสนใจกับบางสิ่งที่แตกต่างออกไป
มีรอยสักอยู่บนใบหน้าของเชพเพิร์ด
‘รอยสักนั้นคือ…’
“เคาทเบลคเป็นอย่างไรบ้าง”
เฟรย์หยุดครุ่นคิดกับคำพูดของเชพเพิร์ดอยู่สักพัก และตอบอย่างเป็นทางการ
"ท่านสบายดี"
“หอคอยที่หกอยู่ไกลมาก มันเลยทำให้ฉันได้พบกับเขาในระหว่างการประชุมหอคอยปีละครั้งเท่านั้น การสนทนากับเหล่าเคาทนั้นเป็นเรื่องที่สนุกสนานแถมยังมีข้อมูลดีๆอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย”
"…มันช่างน่าเสียดาย"
“ฮูฮู นั่งลงสิ ฉันอยากได้ยินว่าคุณเป็นเพื่อนกับลูกชายของฉันได้อย่างไร?”
เมื่อเขาพูดเช่นนั้นเชพเพิร์ดก็ยิ้มอย่างสดใส
เฟรย์ก้มหน้าแต่ความคิดของเขาต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
มีรูปดาวหกแฉกที่มีพระจันทร์เสี้ยวอยู่ตรงกลางใต้ตาซ้ายของเขา
ไม่มีสิ่งอื่นใดที่เขาให้ความสนใจ
เพราะนั่นเป็นหนึ่งในรอยสักเวทย์มนตร์ที่ชไวเซอร์เป็นคนคิดและใช้