ตอนที่แล้วบทที่ 210 รับสมัครกองทัพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 212 การเล่นตลกของเอลฟ์สาว [2]

บทที่ 211 การเล่นตลกของเอลฟ์สาว [1]


ลืมเรื่องความคับแค้นใจระหว่างอมนุษย์ในทวีปตะวันตก ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกำลังปรากฏในทริเนีย เมืองหลวงของเอลฟ์ในทวีปตะวันออก

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาทกับผู้ศรัทธาของเทพธิดาจันทร์สีเงินลูน่า ซีเว่ยได้สั่งแบนไม่ให้ผู้เล่นเปลี่ยนแปลงเมืองหลวงของเอลฟ์ โดยการทำให้ทักษะชีวิตเช่นตัดต่อพันธุ์พืชและก่อสร้างใช้ไม่ได้ผลในเมืองเอลฟ์

เอลฟ์ป่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นช่างฝีมือที่แสวงหาความสมบูรณ์แบบ สิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ในเมืองของพวกเขา ล้วนมีคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์ขั้นสูง ที่พวกเขาพัฒนาและขัดเกลามานานหลายศตวรรษ

ความเป็นจริงการวางไลฟ์สโตนไว้ในทริเนียก็ดูสะดุดตาอยู่แล้ว หากผู้เล่นไปสร้างบ้านฟางหรือขุดหลุมปลูกพืชประหลาดไปทั่ว นั่นคงเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยไปกว่าการโยนรูปปั้นบรรพบุรุษของพวกเขาทิ้ง 80% จะก่อให้เกิดความขัดแย็งที่ไม่จำเป็น

แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นของผู้เล่น เมืองหลวงของเอลฟ์ในฐานะที่เป็นสถานที่ที่แปลกใหม่ ผู้เล่นบางคนที่ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การเก็บเวล จึงเดินทางมาที่นี่บ่อยครั้งเพื่อผจญภัยหรือท่องเที่ยว

เซลีนเกลียดสถานการณ์ตอนนี้มาก

ในฐานะที่เป็นเอลฟ์รุ่นเยาว์ ในความคิดของเธอ มนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรจากลิงบาบูนในป่า พวกเขาไม่ได้น่าเกลียดและมันก็น่าสนใจเมื่อได้เห็นพียงไม่กี่ครั้ง แต่เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะอยู่ร่วมกับพวกเขาในห้องเดียวกันอย่างกลมกลืน

แต่ถึงอย่างนั้น เจมี่น้องชายที่งี่เง่าของเธอก็แตกต่างจากเอลฟ์ป่าทั่วไป เขาไม่เคยชอบงานฝีมือใด ๆ ของเอลฟ์เลยตั้งแต่เขายังเด็ก ในขณะที่ความเฉลียวฉลาดและความกระตือรือร้นของเขา ก็ทำให้เขายากที่จะปฏิบัติตามคำสอนของเทพธิดาแห่งธรรมชาติเปโกร่าอย่างการ 'การหลอมรวมกับธรรมชาติ' ได้ยาก นอกจากนี้เขายังอยากรู้อยากเห็นและไม่อยู่นิ่ง ทำให้เขาไม่สามารถรักษาสภาพของการ 'อาบแสงจันทร์' ที่เทพธิดาแห่งจันทร์สีเงินกำหนดไว้สำหรับผู้ศรัทธาของเธอได้

ตอนแรกเธอกังวลแทนน้องชายว่าเขาจะไม่สามารถหาเทพเจ้าที่ตนศรัทธาได้ พวกเขาไม่เหมือนกับมนุษย์ เอลฟ์แสวงหาศรัทธาไม่ใช่เพียงเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองจากเทพเจ้า แต่เพราะพวกเขาต้องการสถานที่ที่วิญญาณของพวกเขาจะได้พักผ่อนอย่างสงบหลังความตาย

ประเพณีของเอลฟ์อ้างว่าผู้ที่ไม่มีศรัทธา จะไม่ได้รับการยอมรับจากเทพเจ้าใด ๆ และในที่สุดก็ต้องตกสู่นรกและถูกเผาโดยไม่ได้รับการปลดปล่อยไปชั่วนิรันด์

แต่หลังจากที่เจมี่ได้ลิ้มรสสิ่งที่เรียกว่า 'งานเลี้ยง' ของมนุษย์ เขาก็ได้พัฒนาความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับวิถีชีวิตของมนุษย์ ตอนนี้เขามักจะติดตามมนุษย์ไปทุกหนทุกแห่งเป็นครั้งคราว และทำหน้าที่เป็นผู้นำทางให้มนุษย์เหล่านั้นไปรอบ ๆ ป่าทริเนีย

เธอจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้

เซลีนอยู่นอกบ้าน เธอกำลังตากผ้าปูที่นอน และรู้สึกกังวลเล็กน้อย

แม้เจมี่จะมีชีวิตยืนยาวหลายพันปี แต่ยิ่งพวกเขาพบศาสนาที่ตนเคารพและศรัทธาเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ความเมตตาของเทพเจ้านั้นมีจำกัด ยิ่งเข้าร่วมศาสนจักรได้เร็วเท่าไหร่ พวกเขาก็จะมีศรัทธามากขึ้น พวกเขาต้องใช้ศรัทธาที่จำกัด (ด้วยอายุขัย) เพื่อแลกกับการความโปรดปรานจากเทพเจ้าหลังจากที่พวกเขาตาย

แน่นอนว่าเธอต้องไม่อยากให้น้องชายของเธอถูกลักพาตัวไปโดยมนุษย์ที่เหมือนลิงบาบูน และศรัทธาในเทพเจ้าแปลก ๆ บางองค์

"สวัสดี วันนี้เจมี่ไม่อยู่เหรอ” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังเธอ

เซลีนหันไปมองเขาอย่างระแวง

เธอรู้จักมนุษย์เพศชายคนนี้

มนุษย์คนนี้ชื่อว่ามาร์นี่•วิลฟ์ และดูเหมือนจะเป็นนักรบ แต่ก็เหมือนพวกหมอผีด้วยเช่นกัน เพราะเขาสามารถสั่งวิญญาณคนตายได้…จากสมมติฐานนี้เพียงอย่างเดียว ใคร ๆ ก็บอกได้ว่ามนุษย์คนนี้ไม่ใช่คนดี

ทำไมองค์ราชินีถึงยอมเป็นพันธมิตรกับคนพวกนี้?!

“เขาออกไปทำธุระ” เซลีนตอบเสียงแข็ง

นั่นเป็นเรื่องโกหก เจมี่บอกเธอก่อนหน้านี้แล้วว่าเขาจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนมนุษย์ เลยไปยังพุ่มไม้ลูกศรใกล้บ้าน เพื่อเลือกลูกศรจากธรรมชาติมาเป็นลูกธนู

“ข้าเข้าใจแล้ว…แย่จริง…” มาร์นี่เกาหัวอย่างเศร้า ๆ “เขาบอกข้าว่าเขาจะพาข้าไปดูอาคานัม*ในป่าทริเนียวันนี้”

(อาคานัม ดินแดนลับ)

อย่างที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ โลกนี้เป็นโลกหลายมิติที่ทับซ้อนกันของอาณาจักรจำนวนนับไม่ถ้วน มันเหมือนกับฟองสบู่จำนวนนับไม่ถ้วนที่เรียงซ้อนกัน

ฟองที่ใหญ่ที่สุดคืออาณาจักรหลัก และจะมีฟองอากาศเล็ก ๆ รายรอบ

ฟองอากาศขนาดเล็กเหล่านั้นจะดำรงอยู่ได้โดยการเกาะติดกับฟองอากาศขนาดใหญ่ และยืมกฎที่สมบูรณ์ของอาณาจักรที่ใหญ่กว่า กลายเป็นช่องว่างขนาดเล็กเรียกว่าอาร์คานัม

แม้ว่าในอาร์คานัมอาจไม่มีอะไรดี แต่ก็มีสถานที่ที่โลกภายไม่มีให้เห็น และจากแง่มุมนั้นเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้สถานที่เหล่านั้นควรค่าแก่การสำรวจของผู้เล่น

เมื่อเห็นท่าทางทุกข์ใจของมาร์นี่ เธอก็รู้ว่าทำไมใคร ๆ ถึงมีความสุขกับการแก้แค้น

อย่างไรก็ตามคำโกหกง่าย ๆ แบบนั้นจะถูกเปิดโปงทันทีที่เจมี่กลับมา นั่นทำให้เซลีนรู้สึกหงุดหงิดนิด ๆ

แต่ทันใดนั้นเธอก็มีความคิดบางอย่าง แผนการเล่นตลกได้ก่อตัวขึ้นในหัวเธออย่างช้า ๆ

“เนื่องจากวันนี้เจมี่ยุ่ง ให้ข้าพาเจ้าไปที่อาคานัมแทนเอาไหม” เอลฟ์สาวตบหน้าอกขนาดพอดีตัวของเธอ และพยายามอย่างมากที่จะทำตัวให้ดูจริงใจ “อย่ามองข้าแบบนั้น เห็นแบบนี้ข้าก็เคยเป็นหน่วยลาดตระเวนที่ดีมาก จนกระทั่งถูกธนูปักหัวเข่า”

มาร์นี่ลังเล แต่ความอยากรู้อยากเห็นของเขาเกี่ยวกับอาร์คานัมยังคงมีชัย เขาพยักหน้าว่า “ข้าต้องทำให้เจ้าลำบากแล้ว”

เซลีนไม่ได้เตรียมตัวมากนัก เธอกลัวว่าพวกเขาจะวิ่งไปเจอเจมี่ที่กำลังกลับบ้าน เธอใส่เพียงชุดเกราะตัวเก่าของเธอในขณะที่พึมพำว่า 'ทำไมข้ารู้สึกคับหน้าอกนิด ๆ นะ' ด้วยกริชสั้นเงางามที่ถูกบำรุงรักษามาอย่างดี เธอก็พร้อมที่จะออกเดินทาง

“ป่าทริเนียเป็นดินแดนร่วมของเทพเจ้าสององค์” เธออธิบายให้มาร์นี่ผู้ซึ่งติดตามอยู่เบื้องหลังฟัง “การปะทะกันระหว่างพลังเทพของพวกเขา คือสาเหตุที่ทำให้มิติในทริเนียเปราะบางมากกว่าที่อื่น ๆ โดยมีทางเข้าอาร์คานัมแปลก ๆ มากมายปรากฏขึ้นในป่า”

“ต้องขอบคุณสิ่งนั้น เราจึงต้องจัดการกับสัตว์ประหลาดที่บุกรุกเข้ามายังดินแดนหลักจากอาร์คานัมอื่นอยู่ทุกปี”

หญิงสาวพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ จากมุมที่มาร์นี่มองไม่เห็น เธอพยายามกลั้นยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทางเข้าอาร์คานัมที่ข้ากำลังพาเจ้าไปคือที่ซึ่งครั้งหนึ่งปีศาจจากนรกเคยถูกผนึกเอาไว้”

“ปีศาจ?” มาร์นี่แปลกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ข้าไม่เคยเห็นปีศาจมาก่อน!”

“เอ่อ…เจ้าไม่กลัวรึ” เอลฟ์สาวประหลาดใจ

“กลัวทำไม? ข้าหมายถึง มากสุดข้าก็แค่ตาย!”

“…”

ความคิดบวกของเขาค่อนข้างน่าสะพรึงกลัว

'นี่มนุษย์มีแนวคิดที่ผิดปกติเกี่ยวกับความตายงั้นรึ?' เอลฟ์สาวอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนี้

-------------------------------------------

เพจ FC-Translate

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด