ตอนที่ 9 - การต่อต้าน
ตอนที่ 9 - การต่อต้าน
เซียนอมตะหวังเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้สึกหวาดหวั่นใจไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีผลีผลาม
เป็นเพราะแผนภาพในมือของผู้อาวุโสใหญ่นั้นน่ากลัวเกินไปขุนเขาและแม่น้ำภายในดวงดาวที่สวยงามยิ่งใหญ่เคลื่อนไหวไปมาทุกอย่างเป็นจริงอย่างสมบูรณ์ นี่เป็นของวิเศษสุดล้ำค่า
ในช่วงสุดท้ายของสงครามในยุคเซียนโบราณของวิเศษชิ้นนี้เข่นฆ่าผู้แข็งแกร่งของอีกฝั่งจนภูตผีร่ำไห้ทวยเทพโหยหวนสร้างชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ แผนภาพนี้มีชื่อเสียงมากจนสามารถเขย่าโลกอย่างได้!
เจิ้ง!
เสียงตะโกนเบา ๆ เหมือนกับเสียงมังกรร้องหรือเสียงพยัคฆ์คำราม ง้าวสงครามโผล่ออกมาจากระหว่างคิ้วของเซียนอมตะหวังปลดปล่อยปราเซียนแพรวพราว ปราณเซียนปลดปล่อยออกมานั้นเย็นชาทำให้จิตวิญญาณของคนสั่นสะท้าน
นี่เป็นอาวุธที่เขาสร้างขึ้นมาเอง!
ง้าวสงครามที่มีเพียงสามนิ้วปรากฏขึ้น มันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อไอสังหารเอ่อล้นออกมานี่เป็นอาวุธที่น่ากลัวทำให้ผู้พบเห็นหวาดหวั่นจับใจ
เป็นเพราะมันมีปราณเซียนงดงามหมุนรอบตัวนี่ย่อมเป็นอาวุธเซียนชั้นสูงสุด อย่างไรก็ตามมันมีไอสังหารมากเกินไปซึ่งทำลายความมงคลของของอาวุธเซียนทำให้มันกลายเป็นอาวุธสังหารเทพ
สือฮ่าวตัวสั่นอยู่ด้านข้าง ออร่านั้นเยียบเย็นเกินไป เมื่อความสว่างเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมันก็ฉีกมิติออกเป็นริ้ว
เซียนอมตะหวังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าจากนั้นใช้ง้าวสงครามยิงแสงสีแดงเข้มทะลวงท้องฟ้าทำลายดวงดาวในจักรวาลหลายดวงให้ระเบิดเหมือนดอกไม้ไฟ!
“นี่มัน…” สีหน้าของมดตัวน้อยอึมครึมอย่างมาก
เซียนอมตะหวังใช้สมบัติวิเศษประจำตระกูลซึ่งเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเขาทิ้งไว้เบื้องหลัง การระเบิดดวงดาวจากนอกโลกได้อย่างง่ายดายในตอนนี้เป็นเพียงการข่มขู่และแสดงให้เห็นว่าอาวุธนี้น่ากลัวแค่ไหน?
นี่เป็นการแสดงถึงความสามารถในการต่อต้านแผนภาพสิบพิภพในมือของผู้อาวุโสใหญ่
“เจ้าต้องการต่อสู้กับข้าจริงเหรอ? ข้าไม่รังเกียจหรอกนะ!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนี้เขายังคงสงบไม่รีบร้อนหรือประหม่าแต่อย่างใด ในขณะที่พูดแผนภาพอาณาสิบพิภพในมือของเขาก็ปลดปล่อยเสียง ฮัวลาลา และเริ่มเคลื่อนไหวพื้นที่โดยรอบพังทลายลงในทันที
เหลือเพียงพระราชวังโบราณที่สร้างด้วยหินลึกลับสามารถต่อต้านได้ชั่วขณะแต่ดูท่าแล้วคงจะอีกไม่นานก่อนจะถูกทำลาย
“เมิ่งเทียนเจิ้งเจ้ากล้า!” ไม่ใช่แค่มังกรทั้งเก้าเท่านั้นที่ตื่นตระหนกแม้แต่เซียนอมตะหวังก็จ้องมองเขาด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
เป็นเพราะพระราชวังโบราณแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเป็นวังที่บรรพบุรุษของพวกเขาทิ้งไว้ พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้มันถูกทำลายได้นี่คือสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณเป็นศักดิ์ศรีของของตระกูลหวัง
พระราชวังแห่งนี้เป็นตัวแทนความรุ่งเรืองของพวกเขา ตราบใดที่มันตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่มันจะทำให้ตระกูลนี้ยังดำรงสิ่งหนึ่งอยู่ตลอดกาลนั่นคือความเชื่อมั่น เชื่อมั่นว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นผู้อมตะ!
อย่างไรก็ตามพระราชวังแห่งนี้ก็ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง มันส่องแสงในตัวเองหยุดพลังทำลายล้างอันมหาศาล ไม่ได้แตกออกจากกันภายใต้พลังของแผนภาพสิบพิภพ
สิ่งนี้ควรค่าแก่การเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษตระกูลหวัง ก่อนหน้านี้มันเคยอาบปราณเซียนของผู้อมตะที่แท้จริงเป็นพยานให้กับการถือกำเนิดของผู้ที่มีชีวิตยืนยาวท้าทายสวรรค์
“ทำไมข้าถึงจะไม่กล้าล่ะ? มีเพียงพวกเจ้าเท่านั้นเหรอที่ได้รับอนุญาตให้กลั่นแกล้งศิษย์ของข้าแต่ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้มาทวงหนี้?” ผู้อาวุโสไม่อ่อนข้อแม้แต่น้อย
ดวงตาของเซียนอมตะหวังเย็นชาราวกับน้ำแข็งรอยยิ้มที่สดใสก่อนหน้านี้ของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์ ความตั้งใจในการต่อสู้ที่เขาแสดงออกมานั้นเป็นความพร้อมที่จะโจมตีได้ตลอดเวลา นี่เป็นจุดยืนที่แท้จริงของการเผชิญหน้าครั้งนี้
ก่อนหน้านี้ทั้งสองต่างยิ้มแย้มแจ่มใสดูเหมือนสหายเก่าพบกัน แต่จริงๆแล้วพวกเขาไม่เคยมีความปรารถนาดีต่อกัน ตอนนี้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของพวกเขาถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
ฮ่อง!
ลำแสงจำนวนมากสว่างขึ้นทั่วทั้งดินแดนโบราณตระกูลหวัง ยอดเขาใหญ่ทั้งหมดหมื่นยอดไม่มากไม่น้อย พวกมันแกว่งไปมาก่อตัวเป็นค่ายกลใหญ่ที่ซับซ้อนที่สุดสามารถซ่อนท้องฟ้าและปิดบังดวงอาทิตย์
นี่เป็นค่ายกลสังหารเซียนแม้ว่าจะได้รับความเสียหายไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง แต่ก็ยังสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก!
พระราชวังบรรพบุรุษถูกห่อหุ้มด้วยวงอาคมเวทย์ทุกประเภทปกป้องกันไว้
“เป็นเจ้าบังคับให้ข้าลงมือเอง กล้าทำร้ายลูกๆของข้าวันนี้เจ้าต้องตาย!” เซียนอมตะหวังกล่าวอย่างเย็นชา
การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเขาจะยังคงบอบบางและหล่อเหลาแต่ดวงตาสดใสคู่นั้นมีการปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าหวั่นอย่างสุดจะพรรณนาราวกับว่าราชาปีศาจฟื้นขึ้นมา!
ร่างกายของเซียนอมตะหวังเปล่งแสงเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ แม้ว่าเขาจะยังคงถูกห่อหุ้มด้วยปราณเซียนล้อมรอบด้วยหมอกสีขาวศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้เขาความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
ราวกับง้าวสังหารเทพไม่สามารถบรรจุไอสังหารได้มากกว่านี้ มันพรุ่งพล่านพร้อมจะหลุดจากการควบคุมของเซียนอมตะหวังทุกเมื่อ
“อย่างนี้นี่เอง? ดูเหมือนว่าเจ้าตั้งใจจะละทิ้งบุตรทั้งหลายแล้ว ดีให้ข้าได้เคาะสนิมออกจากร่างสักหน่อย รับมือ!”
เสียงของผู้อาวุโสใหญ่เย็นชา ในเวลาเดียวกันคลื่นแห่งความเย็นและไอสังหารที่หนาแน่นแผ่ออกจากร่างเขาที่เป็นศูนย์กลางขยายไปทุกทิศทาง
ทุกชีวิตในรัศมีหนึ่งแสนลี้สั่นสะท้านภายในจิตใจของพวกเขาโหมกระหน่ำต้องการหนีออกจากที่นี่ ปักษาและสัตว์ร้ายหลายตัวสั่นด้วยความกลัวหมอบลงกับพื้นอย่างรวดเร็วและก้มหัวไปทางนั้น
การคว้าดวงดาวและดวงจันทร์ด้วยการใช้แค่เพียงมือเปล่าไม่ใช่แค่ตำนาน แต่มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ผู้อาวุโสใหญ่มีณานวิเศษที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ใบหน้าของหวังต้า หวังเอ้อ และคนอื่นๆซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ท้าทายผู้อาวุโสใหญ่ช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลายิ่งนัก
แม้แต่มังกรลำดับ 8 ของตระกูลหวังที่เป็นคนหยิ่งผยองยังรู้สึกหวาดกลัว ตอนแรกเขาต้องการจะท้าทายผู้อาวุโสใหญ่ แต่ตอนนี้หลังจากได้เห็นพลังของผู้อาวุโสใหญ่เขาก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คู่มือของฝ่ายตรงข้าม
มีเพียงหวังจิ่วมีที่มีผมสีเทาเท่านั้นที่ยังคงนิ่งสงบอยู่ได้
นี่เป็นอีกบุคคลที่น่ากลัว ในตอนนี้ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นโดยพูดว่า
“ท่านพ่อข้าขอยืมง้าวสงครามของท่าน ต่อสู้กับเขาตัวต่อตัว!”
เสียงของหวังจิ่วไม่ได้ดังมากนัก แต่มันก็โอ่อ่าและน่าเกรงขามทำให้ไม่ว่าใครที่ได้ยินก็ต้องคาดหวังว่าคนผู้นี้สักวันหนึ่งเขาต้องเป็นผู้ปกครองโลกในอนาคตอย่างแน่นอน
“ไม่ได้ข้าจะไม่ยอมให้มีการสูญเสียใดๆในวันนี้ พวกเจ้าทั้ง 9 ออกไปให้หมดข้าจะสู้กับเขาเอง ด้วยค่ายกลและอาวุธของบรรพบุรุษนี้เขาไม่สามารถหลบหนีไปได้!” เซียนอมตะหวังปฏิเสธ
เป็นเพราะเขารู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่นั้นน่ากลัวมาก อาจเกิดหายนะครั้งใหญ่หากพวกเขาแสดงความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว
ทุกผู้คนต่างเข้าใจว่าเซียนอมตะหวังคือผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเก้าสวรรค์สิบพิภพเขาเป็นผู้ที่เซียนโบราณปิดผนึกไว้จากยุคสงครามเซียนโบราณครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ตามแม้จะมีสถานะที่น่าอัศจรรย์และความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับผู้อาวุโสใหญ่
เขาเคยต่อสู้กับผู้อาวุโสใหญ่สองครั้ง ทั้งสองครั้งต่างได้รับบาดเจ็บกลับมาไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
“ ท่านพ่อทำไมพวกเราทุกคนถึงไม่รุมจัดการเขาในครั้งเดียวไปเลย ในเมื่อเฒ่าชราตัวนี้ กล้ามาท้าทายตระกูลหวังเราถึงที่ ก็เป็นโอกาสดีแล้วที่เราจะแสดงให้ผู้คนเห็นว่าตระกูลหวังไม่สามารถถูกหมิ่นเกียรติได้” วังต้ากล่าว
เป็นเพราะเขาหวาดกลัวแล้วจริงๆ ชายชราคนนี้ยังคงเป็นเหมือนเมื่ออดีตทำให้เขารู้สึกกดดันแทบหายใจไม่ออกทุกครั้งที่พบกันยังคงเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้
“พี่ใหญ่พูดถูกนี่เป็นโอกาสที่หายากมาก เมื่อเขาเสนอตัวมาเองเราก็ควรจัดการเขาซะเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามในวันข้างหน้า!” หวังเอ้อกล่าวสำทับ เสื้อคลุมเต๋าทองของเขากระพือไปมาปรานโลหิตหมุนวนเพิ่มความแข็งแกร่งจนถึงจุดสูงสุด
ฮ่อง!
ริ้วลวดลายจากค่ายกลส่องลงบนพื้นสอดประสานในความว่างเปล่าปกคลุมท้องฟ้าและปฐพี
นี่คือรูปแบบวงเวทย์สังหารระดับเซียนที่แกะสลักไว้โดยบรรพบุรุษตระกูลหวัง ซึ่งตอนนี้เปิดใช้งานแล้วและกำลังจะโจมตี ที่นี่ต่างเต็มไปด้วยค่ายกลหลากหลายชนิดหนึ่งในนั้นคือค่ายคนกระบี่ทองคำซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสใหญ่
สือฮ่าวกับมดตัวน้อยสีทองรู้สึกถึงความกดดันที่ทำให้แทบขยับตัวไม่ได้
หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสใหญ่กางม่านสีทองออกมาปกป้องพวกเขา ไม่เช่นนั้นแค่โดนวัจนะแห่งเต๋าก็เพียงพอที่จะทำให้วิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาระเบิดเป็นชิ้น
วงเวทย์ของตระกูลอมตะฟื้นขึ้นมาและกำลังจะกวาดล้างศัตรูทั้งหมด
“เมิ่งเทียนเจิ้งเจ้าบังคับข้าเอง !” เซียนอมตะหวังกล่าวอย่างเย็นชา
หว่างคิ้วของเขาง้าวสงครามขนาดเล็กถูกดึงออกทีละนิ้วกำลังจะกลายเป็นอาวุธเซียนขนาดเท่าฝ่ามือเพื่อใช้ต่อกรกับแผนภาพสิบพิภพ
นี่เป็นเรื่องแปลกมากตระกูลนี้มีวิชาสยบความวุ่นวายซึ่งเป็นวิชากระบี่ที่ทรงพลังที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณ แต่อาวุธประจำตระกูลของพวกเขากลับเป็นง้าวสงคราม เรื่องนี้ต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่อย่างแน่นอน
“เจ้ามั่นใจในตัวเองมากเกินไป” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว รอบตัวเขามีเศษผ้าที่เปียกโชกไปด้วยเลือดกระพือไปมาตามสายลม คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวถาโถมออกมาทันทีด้วยไอสังหารไร้ที่เปรียบ!
นี่คืออะไร?
อย่าว่าแต่สือฮ่าวเลยแม้แต่หวังต้า หวังเอ้อ และคนอื่นๆก็รู้สึกตกใจ ผ้าที่เปื้อนเลือดเหล่านั้นดูเหมือนสิ่งที่ใช้ห่อศพทำไมมันถึงมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้?
ในตอนนี้อาวุธวิเศษประจำตระกูลหวัง กำลังต่อต้านแผนภาพสิบพิภพอย่างสุดกำลัง
"อะไร? ของวิเศษประจำตระกูลซูมาอยู่กับเจ้าได้ยังไง? ใบหน้าของเซียนอมตะหวังเปลี่ยนไป
“นั่นคือธงประจำตัวของเทพสงครามในยุคเซียนโบราณ? ผ้าคลุมศพราชาอมตะ!” หวังต้าคร่ำครวญออกมาด้วยความตื่นตระหนกสีหน้าสีเผือดสติหลุดลอยไปแล้ว
“ทำไมตระกูลซูถึงให้เจ้ายืมของวิเศษประจำตระกูล? นี่คือเส้นชีวิตของพวกเขา! พวกเขาไม่กลัวว่าจะมีคนอื่นฉวยโอกาสโจมตีพวกเขาหรือ” เซียนอมตะหวังถอนหายใจเบาๆเรื่องนี้ร้ายแรงเกินกว่าเขาจะคาดเดา
ตระกูลซูเป็นตระกูลราชวงศ์แห่งเก้าสวรรค์สิบพิภพ
องค์หญิงเหยาเยว่ก็มาจากตระกูลนี้ ผู้นำตระกูลคือพ่อของนางซูหมิงซวน
เมื่อสือฮ่าวได้ยินที่มาของเศษผ้านั้นเขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ในเวลาเดียวกันเขาสัมผัสได้ถึงปราณทรงพลังน่ากลัวซ่อนตัวอยู่บนท้องฟ้า
เขารู้ว่าเศษผ้าผืนนี้มีต้นกำเนิดที่น่าตกใจซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีตที่เต็มไปด้วยเลือดและน้ำตา