ตอนที่ 8 - เซียนอมตะหวัง
ตอนที่ 8 - เซียนอมตะหวัง
เซียนอมตะหวังเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนอมตะ สามารถเหยียบเก้าสวรรค์สิบพิภพไว้ใต้ฝ่าเท้า อย่างไรก็ตามผู้ที่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขากลับเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์!
สือฮ่าวตกตะลึงแทบไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เห็น!
เป็นเพราะเขาสามารถมองเห็นด้วยดวงตาสวรรค์ของเขาเองว่านี่ไม่ใช่ผลของการฝืนรักษารูปลักษณ์ของตัวเองให้เยาว์วัยด้วยพลังบ่มเพาะสูงล้ำ แต่เขารูปลักษณ์เยาว์วัยเพราะพลังปราณโลหิตอันแข็งแกร่ง
ไม่ว่าจะเป็นกระดูกหรือเนื้อหนังของเขาทั้งหมดแสดงให้เห็นว่านี่เป็นเด็กหนุ่มอายุสิบแปดปีไม่ใช่ตัวประหลาดเฒ่าอย่างแน่นอน
ขากรรไกรล่างของมดตัวน้อยสีทองเกือบจะตกลงบนพื้น พวกเขากลายเป็นคนพูดไม่ออกได้แต่อ้าปากค้าง
ในขณะเดียวกันเมื่อพวกเขาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนพวกเขาก็รู้สึกถึงคลื่นแห่งความเย็นยะเยือกภายในกาย คลื่นแห่งความวุ่นวายกลายเป็นความไม่สบายใจอย่างยิ่ง
เป็นเพราะมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์นี้ได้ นั่นก็คือเซียนอมตะหวังได้ฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ของเขาจากชีวิตที่สอง นี่มันช่างน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว
ไม่มีผู้ใดหลีกหนีความจริงได้เมื่อวันนั้นมาถึงทุกคนจะต้องตาย ถึงแม้ว่าเขาจะมีอาณาจักรบ่มเพาะสูงแค่ไหนก็ตาม หากเขาไม่ได้เป็นผู้อมตะย่อมไม่อาจหนีไปจากกฎแห่งเวลาได้
ผู้ที่มีอาณาจักรบ่มเพาะสูงถึงขั้นเซียนอมตะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ล้านกว่าปี แต่ในที่สุดเมื่อวันนั้นก็มาถึง พลังชีวิตของพวกเขาจะแห้งเหือดในที่สุด
เซียนอมตะหวังมีชีวิตอยู่มากี่ปีแล้ว? เวลาผ่านไปนานเป็นล้านปีเขาควรแก่ชราปราณโลหิตแห้งเหือดและพยายามประครองเปลวไฟชีวิตที่อ่อนแอจึงจะถูกต้อง
อย่างไรก็ตามความรู้สึกที่เขามอบให้กับคนอื่นคือตอนนี้เขาเพิ่งจะเริ่มออกเดินทางในถนนชีวิตอันยาวนาน
รูปลักษณ์ของเขาดูเยาว์วัยเกินไปกล้ามเนื้อกระดูกเส้นเลือดและสิ่งอื่นๆเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต เขาเป็นชายหนุ่มที่สง่างามคนหนึ่ง!
มีข่าวลือว่าคนที่มีชีวิตที่สองนั้นหายากมากมีไม่กี่คนที่สามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นี่เป็นเพียงตำนานเท่านั้นยังไม่เคยมีใครพิสูจน์ว่ามีจริง
ตอนนี้เซียนอมตะหวังประสบความสำเร็จ!
“เจ้าดูอ่อนวัยกว่าเดิมมากนักเมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน หลังจากนี้อีกล้านปีเจ้าจะยังดูอ่อนเยาว์เหมือนตอนนี้หรือไม่” ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกสะเทือนใจ นี่ไม่ใช่การเยาะเย้ย แต่เป็นการอุทานด้วยความชื่นชม
เมื่อคนเราอายุมากขึ้น จนเหลือชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานสิ่งที่พวกเขาโหยหามากที่สุดคือการมีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง ละทิ้งแก่นเต๋าชุดเก่าและฟื้นฟูความเป็นหนุ่มสาว
อย่างไรก็ตามนี่เป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับโอกาส ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้โดยอาศัยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว มีบางคนที่อาณาจักรบ่มเพาะด้อยกว่า แต่แต่กลับก้าวหน้ามากขึ้นในด้านนี้
เส้นทางชีวิตที่สองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกำลังรบที่แท้จริงมากนัก
“เมื่อสภาพจิตใจดีชีวิตก็จะเต็มไปด้วยความเยาว์วัยเป็นไปตามธรรมชาติ”เซียนอมตะหวังกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
ศีรษะเขามีผมยาวสีดำสนิทซึ่งกระจัดกระจายลงเรียบและเงางามเป็นประกายเหมือนกระจก ดวงตาของเขาสดใสอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนดวงแก้วบริสุทธิ์ที่ไม่มีตำหนิ
เมื่อเขายิ้มเขาก็เผยให้เห็นฟันขาวราวกับหิมะ ราวกับว่าแสงหลากสียามเช้าที่แผ่กระจายลงมา
เขาดูหนุ่มเกินไป รอยยิ้มแบบนี้ทำให้สือฮ่าวและมดตัวน้อยสีทองตกตะลึงพูดไม่ออก เมื่อเทียบมังกรทั้งเก้ากับชายหนุ่มคนนี้ ใครกันแน่ที่เป็นบิดาใครกันแน่ที่เป็นบุตร
“พี่เทียนเจิ้ง เจ้าเก็บรักษาร่างกายและดวงจิตไว้อย่างดีมาหลายปีแล้ว” เซียนอมตะหวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มของเขาแพรวพราวงดงามเกินไป ใบหน้าของเขาสดใสเต็มไปด้วยพลังชีวิตราวกับว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มชาวบ้านธรรมดา
อย่างไรก็ตามเป็นเพราะเหตุนี้สือฮ่าวกับมดตัวน้อยจึงแตกตื่นจนตัวสั่น นี่เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่า! สำหรับพวกเขาที่ยังเด็ก คนๆนี้เป็นตัววิปริตน่ากลัว
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มอ่อนโยนที่ดูเหมือนจะมีเป็นอันตรายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นสือฮ่าวหรือมดเขาสวรรค์ทั้งคู่รู้สึกอึดอัดราวกับกำลังจมน้ำ
นี่เป็นการดำรงอยู่ที่น่ากลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ แม้ว่าตอนนี้เขาจะดูสดใสและเปล่งประกาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าคิดเช่นนี้เพราะเขาเซียนอมตะหวัง!
“ยังขาดอยู่บ้างยังไม่สมบูรณ์พอ เสียงของเจ้ายังคงชราอยู่” จู่ๆผู้อาวุโสใหญ่ก็พูดขึ้น
เมื่อเซียนอมตะหวังได้ยินเช่นนั้นเขากลับยิ้มออกมาด้วยความไร้เดียงสา ถอนหายใจกล่าว“อันที่จริงการเปลี่ยนแปลงของข้ายังไม่สมบูรณ์เพียงพอ วิญญาณดั้งเดิมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้ อย่างไรก็ตามข้าก็ไม่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงมันเช่นกัน”
ถึงแม้เขาจะบอกว่าตัวเองมีข้อบกพร่องแต่เซียนอมตะหวังยังคงน่าเกรงขามบางทีเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ไปได้อีกถึงครึ่งยุคสมัย
ในความเป็นจริงการเปลี่ยนแปลงหลักๆที่เกิดมาจากวิชาเต๋าก็คือการเปลี่ยนแปลงวิญญาณดั้งเดิม
เป็นเพราะสิ่งที่เรียกว่าอายุขัยที่ต้องหมดลงไปในที่สุด การตายในสมาธินั้นเกิดจากการสลายตัวของวิญญาณดั้งเดิม!
หากไม่เช่นนั้นผู้ที่มีความแข็งแกร่งย่อมสามารถยึดครองร่างของผู้อื่นแล้วอยู่ไปได้เรื่อยๆไม่สิ้นสุด
“บางทีสวรรค์และโลกก็โหดร้ายนัก ถึงข้าจะมีรูปลักษณ์อ่อนเยาว์แต่กลับไม่สามารถทำให้ความรู้สึกกลับมาเป็นหนุ่มได้อีกครั้ง” เซียนอมตะหวังส่ายหัวสะท้อนตัวเอง
“เจ้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆถึงกับสามารถหาเส้นทางนี้พบ” ร่างของผู้อาวุโสใหญ่สั่นเทาสีหน้าเคร่งเครียด
เห็นได้ชัดว่าเขาก็บรรลุความเข้าใจบางอย่างด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดปฏิกิริยาเช่นนี้
ทั้งสองคนดูเหมือนจะไม่ได้เป็นศัตรูกัน ราวกับว่าไม่มีทางที่การต่อสู้จะปะทุขึ้น ระหว่างทั้งสองให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเพื่อนเก่ากำลังแลกเปลี่ยนบทสนทนากันเท่านั้น
“อันที่จริงเจ้าและข้าต่างก็อนุมานได้ว่าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของโลกนี้จะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ โลกใบนี้กำลังเข้าสู่ยุคแห่งการทำลายล้างอย่างแท้จริง”เซียนอมตะหวังกล่าว
“ไม่แน่ว่าต้องเลวร้ายไปเสียทั้งหมดบางทีมันอาจเป็นการฝึกฝนกลุ่มผู้บ่มเพาะรุ่นใหม่ นอกจากนี้ปราณชีวิตของโลกนี้ไม่รู้จักหมดสิ้นจะมีพลังแก่นแท้เหลือไว้ให้ผู้ฝึกฝนรุ่นใหม่อยู่เสมอ” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
เซียนอมตะหวังกลับมองไปทางร้ายมากกว่า “ข้ารู้สึกได้ว่าเมื่อวันนั้นมาถึงพลังแห่งแก่นแท้ของโลกจะแห้งเหือดสิ่งมีชีวิตทุกอย่างจะตายลง เมื่อถึงเวลานั้นมันอาจถือได้ว่าเป็นการท้าทายสวรรค์หากผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะถึงขั้นเซียนอมตะสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าหมื่นปี!”
ยิ่งไปกว่านั้นตามความเข้าใจของเขาผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่านั้นอีก เมื่อเวลานั้นมาถึงตราบเท่าผู้อมตะปรากฏตัวขึ้นเพียงคนเดียว เขาจะสังหารผู้คนที่มาถึงขั้นเซียนอมตะทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นในโลกนี้ก้าวไปถึงระดับเดียวกับเขา
“ผู้อมตะจะบดขยี้เจตจำนงของผู้คนในโลกนี้ ถ้าข้าเกิดในยุคก่อนข้าเชื่อว่าข้าคงสามารถทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ 2 ที่สมบูรณ์แบบไม่เหมือนกับตอนนี้!” ผู้อมตะหวังกล่าวด้วยความเสียใจ
เป็นเพราะตอนนี้สภาพแวดล้อมของโลกย่ำแย่ลงมีพลังงานชั่วร้ายบางอย่างคอยแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของผู้บ่มเพาะ เมื่อคนเราพยายามมีชีวิตที่สองพลังงานชั่วร้ายเหล่านั้นจะรวมเข้ากับร่างกายเป็นเวลานาน ทำให้ชีวิตที่ 2 เกิดความไม่สมบูรณ์
เพราะเหตุนี้ร่างกายจึงสร้างปฏิกิริยาโดยสัญชาตญาณประเภทหนึ่งที่จะตัดเส้นทางถอยทุกวิถีทาง ทำให้ไม่สามารถไปสู่เส้นทางเพื่อฟื้นคืนความเป็นหนุ่มสาวได้!
“พี่เทียนเจิ้ง การมาตระกูลหวังครั้งนี้ของท่านทำให้ข้ารู้สึกหนักใจจริงๆ ท่านต้องการต่อสู้กับข้าเพียงเพราะเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง?”
บรรยากาศเปลี่ยนไปในทางเลวร้ายทันที หรือจริงๆสมควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้วก่อนหน้านี้เซียนอมตะหวังเพียงกำลังเสแสร้งเท่านั้น
“คนทั้งโลกรู้ว่านี่คือศิษย์ของข้าเปรียบเสมือนบุตรชายของข้า ก็เหมือนกับเก้ามังกรของเซียนอมตะหวังเจ้า ถ้าใครรู้เรื่องนี้แต่ยังอยากทำร้ายพวกเขาเจ้าจะทำอย่างไร?” เสียงของผู้อาวุโสใหญ่แข็งกร้าว!
ดวงตาของสือฮ่าวเบิกค้างด้วยความอบอุ่นใจ อารมณ์เขาเย็นลงมากคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ทำให้เขาซาบซึ้งใจ แต่เขาก็ไม่สามารถตอบแทนความรักความปรารถนาดีในตอนนี้ได้ ต่อเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นในอนาคตเขาจะสามารถตอบแทนความเมตตาในครั้งนี้ เขาจะกวาดล้างศัตรูที่ยิ่งใหญ่จากต่างแดนท้าทายอีกด้านหนึ่งของโลก!
มังกรทั้งเก้าของตระกูลหวังไม่พอใจกับการยกตัวอย่างนี้ ดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างเย็นชาพร้อมปลดปล่อยปราณเซียนออกมาทีละคนซึ่งน่ากลัวอย่างยิ่ง เมื่อบุคคลทั้งเก้ายืนอยู่ด้วยกันพวกเขาเปรียบเสมือนคลื่นยักษ์ที่พร้อมจะม้วนกวาดทุกสิ่งที่ขวางหน้า
“ท่านพ่อข้าขอสู้กับเมิ่งเทียนเจิ้ง!” บุตรมังกรคนที่แปดของตระกูลหวังพูด นี่เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดรองจากหวังจิ่วเท่านั้น
ภายในดวงตาของเขาท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็พังทลายลง ซากศพมากมายไม่มีที่สิ้นสุด นรกปรากฏขึ้นท่ามกลางสิ่งมีชีวิต ดวงตาสวรรค์เหล่านั้นสามารถสร้างโลกขึ้นมาได้และทำลายมันอย่างง่ายดาย นี่คือผู้แข็งแกร่งพิเศษที่น่ากลัว
เซียนอมตะหวังยิ้มและกล่าวว่า“พี่เทียนเจิ้งเต็มใจที่จะสั่งสอนพวกเขาหรือไม่? อันดับแปดหรือเก้าเจ้าสามารถเลือกได้ตามต้องการ”
“หวังจิ่วนั้นน่าเกรงขามได้รับพรสวรรค์สูงล้ำ ถูกลิขิตให้บรรลุความยิ่งใหญ่ ในอนาคตเขาอาจแข็งแกร่งกว่าเจ้าด้วยซ้ำ” ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้ตระหนี่กับคำสรรเสริญ เขาพูดความจริงเพียงเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนน้ำเสียงพูดว่า“ปล่อยให้พวกเขาสู้กับข้าตอนนี้ในขณะที่พวกเขายังขาดวุฒิภาวะเจ้าแน่ใจแล้วเหรอ? เจ้าต้องเข้าใจว่าเมื่อลงมือข้าจะไม่รั้งไว้อย่างเด็ดขาด!”
"เจ้าพูดอะไร?" หวังจิ่วไม่พอใจอย่างยิ่งและไม่สามารถยอมรับคำพูดเหล่านี้ซึ่งฟังดูเหมือนเป็นการข่มขู่และคุกคามพวกเขา
“ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น” ผู้อาวุโสใหญ่ตอบอย่างใจเย็น
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ให้บุตรทั้ง 9 คนของข้าลงมือพร้อมกันเป็นอย่างไร” เซียนอมตะหวังยิ้มแย้มแจ่มใสเผยให้เห็นเจตนาฆ่าที่แท้จริง
สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วโลกว่าเมื่อมังกรทั้งเก้าร่วมมือกันในโลกนี้ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ได้
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่อยู่ในขั้นเซียนอมตะซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในโลก แต่ก็ยากที่จะคาดเดาผลลัพธ์ครั้งนี้
“เจ้าตั้งใจจะทำแบบนี้แน่แล้วใช่ไหม? เมื่อถึงเวลาก็ยากจะอดกลั้น ถ้าข้าพลั้งมือฆ่ามังกรไปตัวหรือสองตัวเจ้าจะไม่รู้สึกเสียใจแย่เลยเหรอ?” ผู้อาวุโสใหญ่ถาม
ชัว!
มีมังกรสองสามตัวที่เคลื่อนไหวอยู่รอบผู้อาวุโสใหญ่
“เจ้าต้องการฆ่าข้า? แต่เจ้าจะทำได้สำเร็จจริงหรอ” ผู้อาวุโสใหญ่มองไปที่เซียนอมตะหวัง
“เมื่อลูก ๆ ทั้งเก้าคนของข้าร่วมมือกันข้าเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีใครสามารถต่อกรได้ถ้าเพิ่มตัวข้าเข้าไปด้วยแม้ว่าเจ้าจะเสียสละทุกอย่างก็ไม่สามารถหนีให้รอดไปได้” เซียนอมตะหวังกล่าวอย่างไม่แยแส
“ทำไมข้าถึงมาที่นี่วันนี้? จริงๆแล้วข้ามาเพื่อฆ่าพวกเจ้า!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างเย็นชาโดยไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย
“โอ้? เจ้าดูมีความมั่นใจไม่น้อย” เซียนอมตะหวังถามอย่างสนใจ ตามความเห็นของเขา เมิ่งเทียนเจิ้งและตัวเขาเองเป็นคู่แข่งกันมาตลอดชีวิตยากที่จะบอกว่าใครเหนือกว่า อย่างไรก็ตามเมื่อมังกรทั้งเก้าถูกเพิ่มเข้ามา บวกกับสนามรบเป็นพื้นที่ของพวกเขา เขารู้สึกว่าวันนี้จะสามารถสังหารผู้อาวุโสใหญ่ได้อย่างแน่นอน
“ตอนแรกหากเจ้ากล้าต่อสู้กับข้าตัวต่อตัวพวกเราหลังจากนี้จะยังคงเป็นสหายกัน พวกเราเพียงพิสูจน์ความแข็งแกร่งเท่านั้น!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า“แต่พวกเจ้าต้องการร่วมมือกันสังหารข้า! ต้องขอโทษด้วยพวกเจ้าต้องผิดหวังแล้ว แม้ว่านี่จะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลอมตะ แต่ข้าก็ยังคงจะทำลายมัน!”
ฮั้ว!
ม้วนกระดาษคลี่กางออกปิดบังท้องฟ้าทั้งหมด!
ในขณะเดียวกันมังกรที่ล้อมรอบผู้อาวุโสใหญ่ต่างถูกแรงกระแทกจนกระเด็นไปด้านหลังและคนหนึ่งถึงกับกระอักเลือดออกมาจำนวนมากจนแน่นิ่งไปไม่ทราบเป็นตาย
คลื่นปราณทรงพลังที่น่ากลัวแผ่ซ่านไปในอากาศ โลกใบใหญ่ดวงหนึ่งดูเหมือนจะปรากฏขึ้นยิ่งไปกว่านั้นแรงกดดันประหลาดที่กำลังปราบปรามสวรรค์และโลกปัจจุบันนี้!
“แผนภาพสิบพิภพ!” ลูกศิษย์ของวังอมตะหดตัวอย่างหวาดผวา
ใบหน้าของเซียนอมตะวังมืดครึ้มลงทันที แม้ว่านี่จะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลอมตะ มีชัยภูมิอันยอดเยี่ยมคอยป้องกัน แต่การแสดงออกของเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะจริงจังและปฏิบัติต่อเรื่องนี้ด้วยความสำคัญอย่างถึงที่สุด ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มรู้สึกกังวลใจ
แผนภาพสิบพิภพคืออะไร? มันเหมือนกับถุงสวรรค์และบรรจุไปด้วยโลกนับสิบใบ ในสงครามเซียนโบราณที่ผ่านมา มันสั่นสะเทือนได้แม้แต่สวรรค์เบื้องบนและพิภพเบื้องล่างแม้แต่สิ่งมีชีวิตต่างถิ่นยังต้องร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดของชิ้นนี้ได้สังหารผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลหวัง แม้ว่าเซียนอมตะหวังจะมีอาวุธเซียนที่สามารถต่อต้านมันได้ด้วยความแข็งแกร่งที่เท่าเทียมกัน เขาก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
เป็นเพราะว่าที่นี่เป็นที่วางรากฐานของตระกูลหวังถ้ามันถูกทำลายลง ความสูญเสียทั้งหลายจะตกแก่ลูกหลานของเขา บางทีเลือดอาจไหลหลั่งเเป็นสายน้ำผู้สูงส่งทั้งหลายจะตายลง
ถึงขนาดบุตรทั้ง 9 ของเขาอาจตายจนหมดสิ้น!