6 เก้ามังกร
ตอนที่ 6 - เก้ามังกร
บุคคลทั้งสามนี้ทุกคนมีผมสีขาวราวกับหิมะผิวพรรณเปล่งประกายอ่อนนุ่มประหนึ่งเด็กทารก
นับว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก อายุของพวกเขาต้องไม่ใช่น้อยๆไม่ว่าใครๆก็บอกได้ จากดวงตาลึกล้ำเต็มไปด้วยความรู้แจ้งต่อชีวิตและความตาย อย่างไรก็ตามร่างกายของพวกเขากลับเป็นประกายสีขาวเต็มไปด้วยพลังชีวิต
ด้วยใบหน้าเยาวัยของชายผมขาวทั้งสามพวกเขาต้องฝึกฝนจนถึงขั้นกระดูกเซียนเนื้อหนังอมตะ? จึงจะเป็นอย่างนี้ได้ อาณาจักรแห่งการบ่มเพาะของพวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการถึงแต่เดิมก็มีชีวิตอยู่อย่างยาวนานมามากแล้ว แต่พวกเขายังคงรักษาพลังชีวิตให้สมบูรณ์ด้วยเช่นกัน
พวกเขาทั้งสามมีพลังที่น่ากลัวเหนือจินตนาการ!
ในขณะเดียวกันที่กล่าวมายังไม่ใช่ทั้งหมดในสายลมเย็นๆที่พัดมา มีอีกคนมาจากด้านหลังรูปร่างของเขาสูงใหญ่ หว่างคิ้วทั้งสองส่องประกายด้วยตราประทับเต๋าอันยิ่งใหญ่ สร้างความกดดันเพิ่มขึ้นไปอีก
ผู้สูงส่งที่ยิ่งใหญ่สี่คนทุกคนปรากฏตัวพร้อมกันปราณเซียนที่แพร่ออกมาราวกับอาบไปด้วยน้ำศักสิทธิ์ ประหนึ่งเซียนอมตะแท้จริงที่ผ่านความทุกข์ยากนับพันและอันตรายหมื่น ราวกับว่าพวกเขาเดินข้ามมาจากอดีตอันไกลโพ้นและฉีกมิติเวลาออกจากกันเพื่อมาที่นี่
ศักดิ์สิทธิ์เกินไปเป็นไปไม่ได้ ปราณเซียนของพวกมันทำให้ผู้คนหายใจไม่ออกมดตัวน้อยสีทองอดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั่งตัว นี่เป็นเพียงปราณเซียนธรรมดาที่พวกมันปล่อยออกมาตามธรรมชาติกลับสร้างความกดดันถึงระดับนี้
“เมิ่งเทียนเจิ้ง!” ด้านหนึ่งบุคคลแรกที่ปรากฏตัวได้เปล่งเสียงสั้นๆ เสื้อคลุมเต๋าสีขาวของดวงจันทร์กระพือไปมาพร้อมกับปีกมงกุฎสีม่วงทองบนศีรษะด้วยพลังเต๋าอมตะ ดวงตาของเขาเหมือนสายน้ำราวกับสามารถมองข้ามกาลเวลาได้
เสียงของเขามีลักษณะของปีศาจ คนๆนี้ดูเหมือนเขาเต็มไปด้วยพลังเซียนแต่เมื่อเขาเปล่งเสียงตะโกนสั้น ๆ มันราวกับว่าเขาต้องการที่จะทำลายจิตวิญญาณของใครคนหนึ่งซึ่งน่ากลัวอย่างยิ่ง
ร่างของผู้อาวุโสใหญ่เปล่งประกายเล็กน้อยหักล้างคลื่นเสียงนี้!
ใบหน้าของสือฮ่าวและมดน้อยมดแปรเปลี่ยนทันที ในช่วงเวลานั้นผู้อาวุโสใหญ่ได้ประมือกับอีกฝ่ายแล้ว เสียงตะโกนของคนๆนั้นมีพลังที่น่ากลัวหากผู้อาวุโสใหญ่คลี่คลายไม่ได้จิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาจะถูกทำลายโดยตรง
การต่อสู้ในระดับนี้เต็มไปด้วยความเด็ดขาดสูงส่งในระดับที่คนธรรมดาคิดไม่ถึง สิ่งมีชีวิตที่สามารถใช้วัจนะแห่งเต๋าเป็นอาวุธโจมตี สือฮ่าวได้แต่ลอบระบายลมหายใจออกด้วยความประหลาดใจและมองไปที่พวกมัน!อย่างหวาดหวั่นไม่คลาย
“เมิ่งเทียนเจิ้งข้ารู้ว่าท่านเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่คิดจะมาอาละวาดในตระกูลหวัง คุณสมบัติท่านยังไม่เพียงพอ!” บุคคลที่สวมชุดคลุมสีทองคนนั้นก้าวออกมาข้างหน้า
ร่างของเขาหายไปและโผล่กลับมาในแต่ละก้าวที่เดิน ปราณเซียนแพร่กระจายไปในอากาศสีสดใสที่เอ่อล้นออกมาทำให้ผู้ที่มีขั้นพลังต่ำกว่าต้องฝืนร่างกายไม่ให้คุกเข่า
นอกจากนั้นที่เสื้อคลุมวิเศษสีทองของเขายังมีตะวันจันทราและดวงดาวปักเรียงรายอยู่ พร้อมกับการเคลื่อนไหวของเขาดวงดาวที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นต่างก็ส่งเสียงกึกก้องและเคลื่อนไปพร้อมกับเขาราวกับของจริง!
บนเสื้อคลุมวิเศษมีดวงดาวเคลื่อนตัวไปตามวิถีโคจร สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร? มันน่ากลัวเกินกว่าจะเปรียบเทียบ!
ในที่สุดสือฮ่าวก็ได้ทราบว่าผู้อาวุโสใหญ่มีชื่อว่าเมิ่งเทียนเจิ้ง ซึ่งจำนวนคนที่รู้จักชื่อนี้ในโลกเหลือไม่มากแล้ว
“หวังต้า[1] , หวังเอ้อ[2]นับว่าพวกเจ้าก้าวหน้าไม่น้อย ตอนนี้ถึงกลับกล้าตะโกนใส่หน้าข้า” ผู้อาวุโสใหญ่พูดอย่างใจเย็นจ้องมองใบหน้าทั้งสองคนที่เสนอตัวออกมาก่อน
หวังต้า,หวังเอ้อ คนเหล่านี้เป็นใคร? สือฮ่าวรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งและสองของตระกูลหวัง?
“ เมิ่งเทียนเจิ้งความสำเร็จของท่านนั้นยอดเยี่ยมเกินใครเรียกได้ว่าไร้พ่ายในยุคหนึ่งอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามคนมีพรสวรรค์มักจะโผล่ออกมาจากขุนเขาและแม่น้ำ ยุคของท่านมันผ่านมาหลายแสนปีแล้ว วันนี้เมื่อท่านกล้ามาที่ตระกูลหวังเพื่อท้าทายพวกเราก็นับได้ว่ายุคของท่านจะได้จบลงไปสักที หวังต้ากล่าวอย่างสงบ บนเสื้อคลุมเต๋าสีขาวของเขาพระจันทร์เคลื่อนที่ไปมา ลมแรงคำรามเสียงดังทั่วแดนสวรรค์ ภายใต้ความสูงส่งของเขาสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน ขุนเขาและแม่น้ำที่สั่นสะท้านเหมือนจะพังทะลาย!
คลื่นพลังนี้ยิ่งใหญ่เพียงใดการกระทำทุกอย่างของเขาที่ส่งผลต่อความมั่นคงของโลก น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง!
“พวกเราพี่น้องบ่มเพาะมาถึงจุดสูงสุดแล้ว แม้ว่าเราคนใดคนนึงจะต่อสู้กับเจ้าเพียงลำพังก็ไม่มีทางแพ้แน่นอน กระนั้นเจ้ายังต้องการแสดงพลังต่อหน้าตระกูลหวัง? วันนี้เจ้าจะไม่สามารถกลับออกไปได้!” หวังเอ้อ กล่าวเสียงเย็น ดวงดาวบนเสื้อคลุมเต๋าทองคำสั่นสะเทือนแสงดาวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทำให้ทั่วบริเวรตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย!
“พวกเจ้าทุกคนคิดว่าตอนนี้ตัวเองประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะแล้ว คิดว่าตัวเองอยู่บนจุดสูงสุดของโลกจะจัดการใครในเก้าสวรรค์พิภพก็ทำได้?” ผู้อาวุโสใหญ่ถาม
“ในเมื่อวันนี้เจ้ามาที่นี่แล้ว ก็ลืมเรื่องที่จะกลับออกไปได้เลย!” หวังเอ้อกล่าวอย่างเย็นชาอีกครั้ง กระแสของดวงดาวตกลงมาทีละดวงปรากฏอยู่รอบๆตัวของเขา ราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่ที่ใจกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่
“หลังจากอาณาจักรการบ่มเพาะของพวกเจ้าสูงขึ้นความกล้าหาญของพวกเจ้ายิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า ที่ผ่านมาพวกเจ้าไม่กล้าปฏิบัติตัวอย่างในวันนี้ต่อหน้าข้าอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างไม่แยแส
“ฮึ!”หวังดาแค่นเสียงเย็นเยือก “ เรารู้ว่าเจ้ามาเพื่อช่วยเจ้าหนูนี่ระบายแค้น และใช้เราเตือนคนอื่นว่าไม่มีใครแตะต้องเขาได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกเจ้าเลยในตอนนี้ ว่าเราจะฆ่าเจ้าหนูนี่อย่างแน่นอน แม้ว่าจะไม่ใช่ในตอนนี้ แต่ในอนาคตเราต้องฆ่าเขาให้ได้ ตระกูลหวังจะไม่ยอมให้ใครมาท้าทายอีกต่อไป!
“เมิ่งเทียนเจิ้งการมาถึงของเจ้าช่วยให้เราประหยัดเวลาไปมาก!” ด้านหลังอีกสองคนตรงเข้ามาล้อมผู้อาวุโสใหญ่และสือฮ่าวไว้
“หวังซานหวังซีพวกเจ้าในอดีตมีพฤติกรรมต่ำช้ามาโดยตลอด ดูเหมือนว่าพฤติกรรมด้านนี้ของพวกเจ้ามีความก้าวหน้าไม่น้อย” ผู้อาวุโสใหญ่เย้ยหยัน
ทุกคนในเหตุการณ์ตกตะลึงสมาชิกของตระกูลหวังทุกคนต่างก็สั่นสะท้าน เมื่อพวกเขาได้ยินชื่อหวังต้าและหวังเอ้อพวกเขาก็ยังคงสับสนเล็กน้อย แต่เมื่อพวกเขาได้ยินชื่อหวังซานและหวังซีพวกเขาก็ตระหนักว่านั่นคือใคร
พวกเขาเป็นบรรพบุรุษของตระกูลหวังเมื่อหมื่นปีก่อน ไม่มีข่าวเกี่ยวกับพวกเขามาหลายพันปีแล้ว พวกเขาไม่เคยรู้ว่าบรรพบุรุษเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่วันนี้พวกเขาทั้งสี่ปรากฏตัวพร้อมกัน!
พวกเขาเป็นบุตรชายของเซียนอมะหวังมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมไม่มีผู้ใดเทียบในยุคนั้น
เซียนอมตะหวังเป็นหลานชายผู้อมตะที่แท้จริง เหตุผลที่ตระกูลหวังยิ่งใหญ่แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันล้วนเป็นเพราะความสำเร็จของเขา ในขณะเดียวกันเรื่องที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คือเขามีบุตรเก้าคน แต่ละคนมีพรสวรรค์เลิศล้ำเหนือกว่าอัจฉริยะในรุ่นเดียวกันเป็นที่รู้จักในนามของมังกรทั้ง 9
นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากไม่ใช่เพียงแค่คนเดียวแต่มีถึง 9 คน พรสวรรค์ของพวกเขายอดเยี่ยมเกินใคร ก่อนหน้านี้ก็ทำให้ตระกูลอมตะตระกูลอื่นสั่นสะเทือนมาไม่น้อย
ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ตระกูลหวังเป็นหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเก้าสวรรค์สิบพิภพ หลังจากมังกรทั้งเก้าเติบโตขึ้นพวกเขาก็กลายเป็นเสาหลักของตระกูลหวังอย่างแท้จริง การปรากฏตัวของบุคคลทั้งเก้านี้จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สามารถม้วนกวาดทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา!
บุคคลทั้งเก้านี้ดูน่าเกรงขามเกินไปเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นมาก็กลายเป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดในโลกนี้ไล่ตามกลุ่มคนที่เก่าแก่จากอดีตอันไกลโพ้น นี่คือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาหยิ่งยโสในวันนี้
แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสใหญ่พวกเขาก็ยังกล้าที่จะท้าทาย!
“นั่นคือบรรพบุรุษทั้งสี่คน..พวกเขาปรากฏตัวจริงๆ!”
“ใครจะสนว่าศัตรูคือใคร? ตราบใดที่บรรพบุรุษยังอยู่ที่นี่เขาจะถูกจัดการอย่างง่ายดาย!”
...
ผู้คนที่นี่เริ่มพูดคุยกันเอง ความตื่นเต้นกลายเป็นเกลียวคลื่นกระจายไปทั่ว
สือฮ่าวกับมดน้อยสีทองรับฟังรายละเอียดจากการสนทนาของพวกเขา ก็ตระหนักได้ว่าบุคคลทั้งสี่เป็นผู้ยิ่งใหญ่จากสารทิศใด พวกเขารู้สึกได้ทันทีว่ามีคลื่นความหนาวเย็นแล่นผ่านร่างกายของพวกเขา
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่คนนี้น่ากลัวเกินไป เบื้องหลังของตระกูลหวังนั้นยอดเยี่ยมเกินจะจินตนาการ!
“เมิ่งเทียนเจิ้งคนอื่นอาจกลัวเจ้า แต่ตระกูลหวังเราไม่! วันนี้เมื่อเจ้ากล้ามาพวกเราจะขอเล่นด้วยสักครั้ง” หวังซีกล่าวอย่างไม่แยแส
แน่นอนว่าพวกเขามีชื่อจริงๆแต่ไม่มีผู้ใดทราบจึงได้แต่เรียกชื่อพวกเขาตามลำดับเท่านั้น
“แน่นอนวันนี้ข้ามมาเพื่อรับฟังคำอธิบาย” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างไม่แยแส
“ข้าขอลองก่อน หลายปีที่ผ่านมาข้าอยากจะสู้กับเจ้าสักครั้ง” หวังต้ากล่าว เสื้อคลุมของเต๋าสีขาวราวกับหิมะทำให้เกิดลมสวรรค์คำราม เขาเคลื่อนย้ายรวดเร็วดั่งสายฟ้า
ปราณเซียนเปล่งประกายม่านหมอกหมอกเขาหายไปจากที่เดิม ในเวลาเดียวกันท้องฟ้าก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เขากลายเป็นสายฟ้าโจมตีผู้อาวุโสใหญ่ญาณวิเศษทุกประเภทผสานเข้าด้วยกัน
เขาเร็วเกินไปน่ากลัวเกินไป เป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาจะรู้ว่าเกิดการปะทะกันแบบไหน รู้แต่เพียงว่าพลังโจมตีนั้นรุนแรงหาที่เปรียบไม่ได้
“ท้องฟ้าถูกทำลายแล้ว!” ใครบางคนคร่ำครวญออกมา
ริ้วแสงปะทุขึ้นระหว่างทั้งสองเกิดเป็นรอยแยกอยู่กลางอากาศ
วาบ!
หลังจากนั้นไม่นานก็มีดวงดาวตกลงมาด้วยพลังทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา พวกเขาเหินบินรุกรับกันไปมา
นี่คือการโจมตีของหวังต้าเขาเอื้อมมือไปคว้าดาวดวงใหญ่มาบีบอัดให้เป็นทรงกลมจากนั้นใช้ทุบไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ต่างอาวุธ!
พลังที่เขาแสดงออกเหนือกว่าที่ใครจะคาดคิด!
แต่ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้ตื่นตระหนก ด้วยการสะบัดแขนเสื้อเพียงครั้งเดียวเมื่อดาวลงมามันก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้แต่พลังอันน่ากลัวทั้งหมดก็ถูกดูดเข้าไปในแขนเสื้อของเขา
ทั้งสองลงมืออย่างต่อเนื่องร่างบินไปมา จากนั้นเกิดเสียง ตูม!ดังสนั่น
ทุกคนตกใจทันทีเพราะรู้ว่ามีผลแพ้ชนะเกิดขึ้นแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ชนะใครเป็นผู้แพ้ ไม่คิดว่าเพียงผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เพราะด้วยความสามารถของบุคคลทั้งสองทำให้พวกเขาต่อสู้กันได้หลายพันกระบวนท่า
เมื่อหมอกอมตะสีขาวศักดิ์สิทธิ์กระจัดกระจายออกผู้อาวุโสใหญ่ยังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ ในขณะที่หวังต้ายืนอยู่อีกด้านหนึ่งดวงตาที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธแค้นราวจะแผดเผาทุกอย่าง
เป็นเพราะมีรอยประทับฝ่ามือขนาดใหญ่บนใบหน้าของเขา พลังเซียนของเขากำลังอยู่ในช่วงเฟื่องฟูสุดขีดพลังชีวิตเต็มเปี่ยมผิวพรรณของเขาเดิมทีเป็นสีขาวราวกับหิมะ แต่ตอนนี้มันกลับมีรอยฝ่ามือสีแดงขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้าของเขา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการลงมือของผู้อาวุโสใหญ่
ฉากนี้ทำให้ทุกคนเงียบสนิทแม้แต่หวังเอ้อและคนอื่นๆก็ตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลังจากหลายปีผ่านไป พวกเขากลายเป็นบุคคลที่ทรงพลังที่สุดในโลกแต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่มือของผู้อาวุโสใหญ่
“เมิ่งเทียนเจิ้งเจ้า…ยอดเยี่ยม! เรื่องของวันนี้ยังไม่จบ!” หวังต้ากล่าวเสียงสั่นด้วยความโกรธแค้นผมสีขาวทั้งหมดของเขาชี้ขึ้นบนฟ้าดุจคมทวน
“เรื่องนี้ยังไม่จบแน่นอนข้ามาที่นี่เพื่อต้องการคำอธิบาย พวกเจ้าทุกคนไม่ขอโทษก็ไม่เป็นไร แต่ท่าทีของพวกเจ้าเห็นทีพวกเราคงเป็นมิตรต่อกันไปอีกไม่ได้แล้ว!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างเย็นชา
“เมิ่งเทียนเจิ้งเจ้าแข็งแกร่งมาก แต่พวกเราพี่น้องมีกัน 9 คน แม้จะมีพวกเราเพียงไม่กี่คนที่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการเจ้า!” วังเอ้อกล่าว
“อย่างนั้นเหรอ? แสดงให้ข้าดูหน่อยว่าเก้ามังกรที่สามารถกวาดล้างเก้าสวรรค์สิบพิภพมีความสามารถแค่ไหน!” ผู้อาวุโสใหญ่ตอกกลับอย่างเย็นชา
“ เจ้าหยิ่งผยองเกินไปแล้ว ถ้าพวกเรา 9 คนร่วมมือกันแม้แต่ท้องฟ้าก็สามารถพลิกคว่ำได้นับประสาแค่เจ้าตัวคนเดียว!
“ฮ่าฮ่า…” ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะ จากนั้นสีหน้าของเขาก็กลายเป็นจริงจัง เข้ามาพร้อมกันเถอะให้ข้าเห็นความแข็งแกร่งของสายเลือดอมตะที่ว่ากันว่าไม่มีใครเทียบได้!”
“สุนัขเฒ่าเจ้ารนหาที่เอง!” หวังซีกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชามาก
คลื่นพลังโลหิตห้าระลอกปะทุขึ้นจากตระกูลหวังในเวลาเดียวกันทุกคนเหมือนเห็นสัญญาณบางอย่าง ปราณเซียนมหาศาลสั่นสะเทือนทั่วทั้งตระกูลหวัง
“เลิกทำตัวหยาบคายได้แล้ว” อย่างไรก็ตามในขณะนี้เสียงสั้นๆดังขึ้นทำให้คลื่นโลหิตหยุดลง จากนั้นรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวได้ถูกยับยั้งและค่อยๆหายไป
“เมื่อพี่เจิ้งมาเยี่ยมทั้งทีพวกเจ้าจะทำตัวไม่สุภาพได้อย่างไร?” เสียงของชายชราดังขึ้น นอกจากนี้คลื่นพลังโลหิตสีขาวเงินล้นทะลักขึ้นสู่ท้องฟ้า
จากนั้นมันก็กลายเป็นดอกไม้เต๋าที่ยิ่งใหญ่บินไปรวบรวมแก่นแท้ของดวงดาวนำพากลับมาอย่างรวดเร็วเข้าสู่สถานที่ที่เสียงส่งออกมาเมื่อสักครู่
“เซียนอมตะหวังยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ?” สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่ดูจริงจังรู้สึกกดดันเป็นครั้งแรก
สือฮ่าวและมดตัวน้อยตกตะลึงมานาน นี่คือการบ่มเพาะแบบไหนกันนะ?ใช้ดอกไม้เต๋ากระจายบานสะพรั่งในจักรวาลรวบรวมแก่นแท้ของดวงดาวนำกลับมาใช้เอง
นี่มันน่าตกใจเกินไป พลังระดับนั้นเป็นไปได้ด้วยเหรอ!
“ท่านพ่อพวกเราจัดการเองได้” หวังซีกล่าว
เชิญแขกเข้ามา” เสียงของเซียนอมตะหวังดังขึ้น เขายังมีชีวิตอยู่ไม่มีข้อกังขาในเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว
หวังต้าวังเอ้อและคนอื่น ๆ ไม่กล้าคัดค้าน คำสั่งนี้ทำให้ใบหน้าของพวกเขามืดคล้ำลงไปทันที
“เรา…จะเข้าไปข้างในจริงๆเหรอ” คอของมดทองตัวน้อยแห้งผาก สถานที่แห่งนี้น่ากลัวยิ่งกว่าถ้ำเสือวังมังกรถ้าเลือกได้มันไม่อยากเข้าไปข้างใน
“เรามาเพื่อขอคำอธิบายดังนั้นเราจึงต้องเข้าไป” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็มองไปที่ขอบฟ้าอย่างเหม่อลอย
พวกเขากำลังจะเผชิญหน้ากับเซียนอมตะหวังและมังกรทั้ง 9!
สือฮ่าวรู้ว่ามีอันตรายต่อชีวิตของพวกเขา อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้หยุดนิ่งเขามุ่งมั่นที่จะได้รับคำอธิบาย นี่คือการช่วยเขากำจัดอันตรายในอนาคต!
หากพวกเขาประสบความสำเร็จในการบังคับให้ตระกูลอมตะยอมประนีประนอมมันจะสั่นคลอนทั้งเก้าสวรรค์สิบพิภพอย่างแน่นอน
1. ด้า = ใหญ่ /ลำดับหนึ่ง
2. เอ้อ = ลำดับรอง / ลำดับสอง