ตอนที่ 11 - เซียนอมตะที่แท้จริง
ตอนที่ 11 - เซียนอมตะที่แท้จริง
เซียนอมตะหวังกระโจนขึ้นไปบนฟ้า เขาดูสง่างามราวกับนกอินทรีที่กำลังกางปีก แขนของเขาประสานกันพร้อมกับอ้าปากปลดปล่อยเสียงแผ่วเบาโจมตีไปที่ผู้อาวุโสใหญ่
ไม่มีร่องรอยพลังปราณไม่มีณานวิเศษที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้น เป็นการโจมตีเรียบง่ายเพียงแค่นี้
ไม่ว่ามองจากมุมไหนก็ไม่เหมือนการโจมตีจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
ผู้อาวุโสใหญ่ขยับตัวไปด้านข้างแขนขวาของเขามีท่วงท่าเหมือนอสรพิษโค้งงอฉกไปบนท้องฟ้าด้วยมุมที่คาดไม่ถึงราวกับว่างูหลามกำลังกัดกินดวงจันทร์
ปัง!
การโจมตีของทั้งสองปะทะกันเกิดเสียงแผ่วเบา ท้องฟ้าไม่ได้แยกออกจากกันมีเพียงบริเวณรอบๆร่างกายของพวกเขาที่สัมผัสได้ถึงเสียงแปลกๆ
สือฮ่าวใช้ดวงตาสวรรค์ของเขาเพ่งมองอย่างสุดชีวิต ลมหายใจของเขาหยุดชะงัก เขามองทุกอย่างด้วยความระมัดระวังเพราะตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้เขายังไม่เห็นความลึกซึ้งตามที่หวังจิ่วว่า เขาต้องการที่จะเห็นให้ได้
จิ!
ในที่สุดเขาก็สัมผัสถึงบางสิ่งได้ ในพื้นที่รอบๆตัวของทั้งสองความว่างเปล่าถูกยุบรวมเข้าด้วยกันเหมือนความกระจ่างใสที่ประสานซ้อนทับกันหลายชั้น จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วและปรากฏขึ้นอีกครั้งหมุนวนอยู่ในลักษณะนี้
พลังโจมตีของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างทั้งสองคนนั้นน่ากลัวเกินจินตนาการแน่นอน แต่กลับไม่มีร่องรอยของพลังรั่วไหลออกมาแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำร่างกายของทั้งสองกลับดูดกลืนพลังแห่งความว่างเปล่าเข้าแทน พลังแห่งความว่างเปล่าที่ถูกดูดกลืนตอนนี้น่าจะเป็นแก่นแท้ที่สกัดมาจากจักรวาลอันยิ่งใหญ่
นี่…เป็นไปไม่ได้!
สือฮ่าวมีความรู้สึกที่คลุมเครือว่าหากบุคคลทั้งสองโจมตีโดยไม่มีการหยุดพัก ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายในจักรวาลจะถูกทำลายลงมากเพียงไหน แค่พวกเขายกมือก็สามารถฉีกจักรวาลอันยิ่งใหญ่ออกจากกันได้!
สือฮ่าวไม่สามารถเข้าใจถึงแก่นการต่อสู้ครั้งนี้ได้ นี่ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีความสามารถเพียงพอ ถึงแม้หวังต้า.หวังเอ้อและคนอื่นๆจะไม่มีปัญหาในด้านความเข้าใจ แต่ควรทราบว่าระดับการบ่มเพาะของพวกเขาสูงส่งจนไม่สามารถจินตนาการถึง!
มังกรทั้งเก้าได้รับการบ่มเพาะมาเป็นเวลาหลายหมื่นปีนับตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน ทั้งสามารถกวาดล้างศัตรูทั้งหมดที่ขวางทางของพวกเขาย่อมไม่สามารถนำมาวัดกันได้
แต่ถึงกระนั้นก็มีเพียงมังกรลำดับที่ 8 และลำดับที่ 9สองคนนี้เท่านั้นที่สามารถมองเห็นการเผชิญหน้าของบุคคลทั้งสองอย่างชัดเจนคนอื่นๆยังไม่มีคุณสมบัติ
“การรวมกฎธรรมชาติที่แท้จริงเปลี่ยนความซับซ้อนให้เป็นความเรียบง่าย ย่อความลึกลับของสวรรค์ให้กลายเป็นสองสามกระบวนท่า ความสามารถประเภทนี้การบ่มเพาะในขั้นนี้พวกเรายังห่างไกลเกินไป”มังกรลำดับ 8 ของตระกูลหวังเอ่ยพลางถอนหายใจเบา ๆ
หวังต้าขมวดคิ้ว ในขณะที่เขากำลังจะกล่าวแทรก ขุนเขาเซียนลูกที่สองก็เกิดระเบิดแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์
“สวรรค์! ? นั่นคือสุสานอมตะของตระกูลหวังเรา มันจะถูกทำลายง่ายๆไปแบบนี้ได้ยังไง”
ตระกูลหวังทุกคนต่างไม่อยากเชื่อสายตาผู้อาวุโสหลายคนเริ่มวิตกกังวล นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ต้องมีพลังแค่ไหนถึงจะทำสิ่งนี้ได้?
หลายคนเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตระกูลหวังก็จะไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้ความมั่นใจของพวกเขาสั่นคลอน เกิดความกลัวและความตื่นตระหนกภายในจิตใจของพวกเขา!
“ทำไมชายชราคนนั้นถึงมีพลังมากขนาดนี้? เราต้องรีบกำจัดเขาในตอนที่ยังมีโอกาสไม่เช่นนั้นต่อให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นในอนาคตก็จะมีภูเขาลูกใหญ่ขวางทางอยู่เสมอ!” หวังต้ากล่าวเสียงต่ำ
ผู้อาวุโสใหญ่เปลี่ยนจากการป้องกันเป็นรุกไล่ชุดยาวของเขาสะบัดไปมาตามลม เขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเหมือนปักษาดุร้ายเข้าโจมตีเซียนอมตะหวัง!
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ไม่มีความผันผวนของพลังใดๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทุกคนรู้สึกเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจ รู้สึกกดดันคล้ายกับว่าการโจมตีครั้งนี้จะทำให้ดวงดาวจำนวนมากตกลงมาจากท้องฟ้า
โฮ่ว!
เซียนอมตะหวังส่งเสียงคำรามออกมาราวกับว่าพยัคฆ์ร้ายที่กำลังบาดเจ็บ เสือลายพาดกลอนตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับแยกเขี้ยวตะปบกรงเล็บไปที่ผู้อาวุโสใหญ่
ในเวลาเดียวกันร่างผู้อาวุโสใหญ่ก็แสดงการเปลี่ยนแปลงในที่สุด มีปักษายักษ์ตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าเขามองเห็นไม่ชัดเจนมีลักษณะพร่ามัว มันพุ่งออกไปด้านหน้าเข้าต่อสู้กับพยัคฆ์ร้าย
“ไม่ดีแล้ว! พวกเขาไม่สามารถยั้งมืออีกต่อไป นี่คือการปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาในการโจมตีเดียว!” หวังจิ่วกล่าวเสียงเครียด
ขุนเขาที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมื่นลูกล้วนสั่นสะเทือนพยายามปกป้องตัวเอง
ท้องฟ้าร้องคำรามได้รับผลกระทบจากพลังของสองผู้ยิ่งใหญ่
นี่เป็นฉากที่น่าตกตะลึง!
ชัว!
ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่บนท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวถูกกดดันจากพลังของผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนอมตะ ดวงดาวถูกบดขยี้ดวงแล้วดวงเล่า
โฮ่ว!
ทั้งสองคำรามออกมาพร้อมกัน พวกเขาไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป ต่างทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หนึ่งปักษาหนึ่งพยัคฆ์ก็ปะทะกันเป็นครั้งแรก
ฮ่อง!
โลกถูกเขย่าจนสั่นสะเทือนรอยแตกเริ่มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ทุกรอยแตกมีขนาดใหญ่และยังขยายออกไปเรื่อยๆนับหมื่นลี้เป็นฉากที่น่ากลัวราวกับวันสิ้นโลก
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนมาถึงนอกโลกในพริบตาเดียว พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดวงดาวนับล้านพร้อมจะทำการโจมตีครั้งสุดท้าย
เซียนอมตะหวังคว้าดวงดาวขนาดมหึมานับสิบมาร้อยเรียงเป็นอาวุธพุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสใหญ่
ปัง!
แสงจากดวงดาวสาดออกไปด้านนอก ดาวดวงใหญ่สองสามดวงถูกทำลายด้วยแขนเสื้อของผู้อาวุโสใหญ่และจากนั้นเขาใช้หมัดกระแทกไปที่หน้าอกเซียนอมตะหวัง
โฮ่ว!
เซียนอมตะหวังปล่อยเสียงคำรามออกมาทำลายดวงดาวสองสามดวงรอบตัว ในขณะเดียวกันช่องว่างระหว่างคิ้วของเขาปลดปล่อยปราณโลหิตสีแดงเข้มพร้อมกับง้าวโบราณสีดำปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสใหญ่ไม่ให้ทันตั้งตัว
มันคือวิชาสยบความวุ่นวายที่ถูกใช้ออกด้วยวิญญาณดั้งเดิมของเขา!
นี่คือเพลงกระบี่ขั้นเซียนเป็นอันญาณวิเศษขั้นสูงสุด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีตำนานเกี่ยวกับวิชานี้มากเกินไป นี่เป็นวิชามหัศจรรย์ที่สะเทือนโลกมาอย่างยาวนาน
ใบหน้าของผู้อาวุโสใหญ่เคร่งเครียดจริงจังเป็นครั้งแรก หมัดขวาซึ่งกำลังรวบรวมปราณจักรวาลไว้ ต่อยสวนออกไปที่ง้าวสีดำแรงปะทะราวกับว่ามรสุมทะเลที่มีคลื่นนับพันมาบรรจบกัน
นอกจากนี้แขนอีกข้างของผู้อาวุโสใหญ่ยังขยับทำการประสานอินเก้าครั้ง ปราณรอบตัวปะทุออกมาโจมตีวิญญาณดั้งเดิมของเซียนอมตะหวังอย่างรุนแรง
สามารถเห็นได้ว่าผู้อาวุโสใหญ่จริงจังแค่ไหนเมื่อง้าวสีดำปรากฏออกมา
จิ!
ทั้งสองกระโจนออกไปสู่ห้วงลึกของจักรวาลอันกว้างใหญ่!
เป็นเพราะพลังการโจมตีครั้งนี้มากเกินไปผลที่ตามมาจึงยากที่จะคาดเดา
ปัง!
วงเวทย์จำนวนนับไม่ถ้วนปะทุขึ้นในอวกาศที่เต็มไปด้วยดวงดาว วิญญาณดั้งเดิมที่ถือง้าวของเซียนอมตะหวังกับหมัดเก้าแปลงของผู้อาวุโสใหญ่ปะทะกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในชั่วพริบตาการต่อสู้ของเซียนโบราณเมื่อหลายปีก่อนปราณโลหิตของผู้ทรงพลังขั้นสูงสุดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งราวกับกลุ่มคนในอดีตหวนกลับมา
การต่อสู้ที่รุนแรงประเภทนี้เป็นเรื่องยากที่จะพบเห็นในโลกปัจจุบัน มีได้เฉพาะในยุคเซียนโบราณเท่านั้น
มีดวงดาวกำลังลุกไหม้สนามรบขยายออกไปด้านนอก ในที่สุดแสงดาวทุกดวงที่อยู่ในบริเวณนั้นก็ริบหรี่และดับลงสนามรบจึงมืดสนิทอย่างสิ้นเชิง
ถ้ามีผู้พบเห็นฉากนี้พวกเขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน การต่อสู้อันดุเดือดที่เกิดขึ้นในจักรวาลอันกว้างใหญ่เป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินกว่าที่ผู้บ่มเพาะของโลกมนุษย์จะจินตนาการได้
ในช่วงระยะสุดท้ายของสงครามเซียนโบราณเป็นเพราะมีผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนอมตะจำนวนมากเกินไปพลังอันยิ่งใหญ่นี้นำไปสู่การทำลายล้างโลกโบราณครั้งใหญ่ ก่อให้เกิด 9 สวรรค์10 พิภพในปัจจุบัน
“เกิดอะไรขึ้น” ในดินแดนโบราณของตระกูลหวังทุกผู้คนต่างไม่สบายใจและกังวลอย่างมาก
ผลของการต่อสู้ระหว่างเซียนอมตะทั้งสองนี้สำคัญเกินไป เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกตายลูกหลานมรดกและสิ่งอื่น ๆ ของเขาจะไม่มีผู้ใดสามารถปกป้องได้
“จับตัวเขาไว้ก่อน! ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเขา!” หวังต้ากล่าวอย่างโกรธแค้น
เขาจ้องไปที่สือฮ่าวและตั้งใจที่จะจับตัวเขาไว้ก่อน ไม่ว่าผู้อาวุโสใหญ่จะชนะหรือแพ้สิ่งนี้จะกลายเป็นเชลยที่พวกเขาสามารถใช้ในการต่อรองได้
หวังจิ่วส่ายหน้าบอกเป็นนัยให้หวังต้ามองไปในทิศทางของสือฮ่าว
มีเศษผ้ารุ่งริ่งชิ้นหนึ่งเคลื่อนไหวไปมาอยู่รอบร่างกายของเขา เศษผ้าที่ย้อมไปด้วยเลือดมีรูพรุนเต็มไปหมดไม่ทราบว่าผ่านมากี่ยุคสมัยแล้ว
มันเป็นผ้าห่อศพซึ่งเป็นธงสงครามในยุคเซียนโบราณ ในอดีตมันเคยพันรอบราชาอมตะสองคนผ้าที่เต็มด้วยเลือดและความคับแค้นใจของคนรุ่นก่อนไม่รู้จบ!
สือฮ่าวเกิดความรู้สึกหลอนแปลกๆ ราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบไร้ขอบเขตเสียงต่อสู้ของสงครามทำให้โลกตกตะลึง มีสิ่งมีชีวิตทรงพลังที่ตกลงมาจากท้องฟ้าเลือดไหลหลั่งทาแผ่นดินใหญ่เป็นสีแดงฉานซากศพกองพะเนินเหมือนภูเขา!
นี่เป็นฉากที่น่าเศร้า เลือดของคนโบราณไหลลงมาราวกับว่าสวรรค์กำลังร่ำไห้ ธงสงครามเป็นพยานทุกอย่างมันชุ่มไปด้วยเลือดของนักรบเหล่านี้ความไม่เต็มใจและความเศร้าโศกกลั่นตัวเป็นจิตวิญญาณ
“ธงสงครามกำลังปกป้องเขา เมิ่งเทียนเจิ้งทิ้งไว้ก่อนที่จะออกไปแต่ข้าเชื่อว่าสิ่งนี้ไม่น่าจะไร้ประโยชน์มากขนาดนั้น เป็นไปได้เหรอที่ธงผืนเดียวจะหยุดเราได้? ท้ายที่สุดเจ้าหนูคนนี้ก็ยังอ่อนแอเกินไป” หวังต้ากล่าวอย่างเย็นชา
เขาลงมือทันที หากเขาสามารถยึดธงสงครามนี้ได้มันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้นธงสงครามเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงส่งเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวพร้อมกับเสียงการต่อของสงครามที่สั่นสะเทือนโลก หวังต้าถูกคลื่นเสียงปะทะเข้าที่ร่างกายเต็มๆเขากระเด็นไปนับร้อยลี้จนต้องกระอักเลือดออกมา
“เจ้าแก่นั่น!” หวังด้าสบถ
“เจ้าสารเลวน้อย เจ้าคิดว่าเพียงเพราะเจ้ามีเมิ่งเทียนเจิ้งหนุนหลัง เจ้าจะปรอดภัย? คนที่ตระกูลหวังอยากฆ่าไม่เคยมีใครรอดชีวิต มดปลวกอย่างเจ้าเพียงพวกเราขยี้เบาๆเจ้าก็ตายอย่างง่ายดาย! ข้าเชื่อว่าเมิ่งเทียนเจิ้งจะต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึงจุดจบของเจ้าจะน่าสังเวชยิ่งกว่า”
หวังต้ากล่าวเคียดแค้น ยิ่งไปกว่ายังเรียกน้องชายสองสามคนของเขาโดยต้องการที่จะทะลวงผ่านการป้องกันของผ้าคลุมศพราชาอมตะและยึดสมบัติล้ำค่านี้เพื่อตัดเส้นทางการล่าถอยของผู้อาวุโสใหญ่
จิ!
ริ้วแสงศักดิ์สิทธิ์ตกลงมาจากเบื้องบน ผู้อาวุโสใหญ่ปรากฏตัวอยู่ข้างๆสือฮ่าว
ในเวลาเดียวกันเซียนอมตะหวังก็กลับมายืนอยู่หน้ามังกรทั้งเก้า
ทั้งสองยังคงเงียบ การต่อสู้สิ้นสุดลง การเคลื่อนไหวสามหรือสี่ครั้งที่พวกเขาพูดถึงก่อนหน้านี้จบลงแล้ว
“หยุดที่ผลเสมอกันเถอะ” เซียนอมตะหวังกล่าว
“ก็ดี แต่เงื่อนไขจะไม่เปลี่ยนแปลงเจ้าต้องจัดการกับเรื่องต่างๆตามที่ข้าได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
"ท่านพ่อ!" หวังต้าและคนอื่นๆเต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีใครบางคนเข้ามาหยามพวกเขาถึงบ้านแต่พวกเขากลับยอมแพ้จริงๆมันทำให้พวกเขารู้สึกแย่
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทุกคนในตระกูลหวังไม่ได้รับอนุญาตให้จัดการกับเจ้าหนูตัวนี้” เซียนอมตะหวังกล่าว จากนั้นเขาก็หันกลับไปโดยไม่พูดอะไรอีก
“คำพูดไม่มีความหมายโปรดเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร นอกเหนือจากนี้แล้วสมุนไพรวิเศษที่ข้าขอจากดินแดนเซียนของตระกูลหวังเล่า? ตอนนี้ยังไม่มีแม้แต่ก้านเดียว!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว
“จะมากเกินไปแล้ว!” หวังต้าคำรามออกมา
“มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถรังแกศิษย์ของข้า? หรือจะไม่อนุญาตให้ข้ามาทวงหนี้” เสียงของผู้อาวุโสใหญ่เย็นชา
“เจ้าทุกคนกลับไปได้แล้ว!” เซียนอมตะหวังสั่งบุตรทั้งหลายกลับไปและให้ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันออกมาและเขียนคำสั่งเพื่อแจ้งให้ผู้คนของตระกูลทราบว่าพวกเขาไม่สามารถลงมือกลับสือฮ่าวได้อีกต่อไป
ทุกคนตกตะลึง เซียนอมตะหวังเห็นด้วยกับเรื่องนี้!
หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไปต่อให้สวรรค์มาเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มันจะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายอย่างมาก!