บทที่ 32 เพื่อน (1)
ร่างของเฟรย์ซึ่งกำลังจะลงจากภูเขาหยุดลง
จู่ๆคำพูดของทอร์กุนทาก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
‘บางคนมีอาวุธที่แม้แต่ฉันก็ไม่สามารถทำลายได้ มันลำบากเกินไปที่จะจัดการดังนั้นฉันจึงเก็บมันไว้ในรังของฉัน '
เขาน่าจะพูดถึงของที่เอามาจากดันเจี้ยนของชไวเซอร์
ทอร์กุนทากล่าวว่าเขาเก็บมันไว้ในรังของเขา
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเฟรย์ก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อเขาไปถึงที่สูงพอเขาสามารถมองเห็นภูเขาทั้งหมดที่อยู่รอบๆภูเขาเดรกได้
มีเหตุผลที่ทำให้เขาต้องสนใจภูเขาเหล่านี้และในไม่ช้าเขาก็พบกับหลุมหนึงเข้า
มันเป็นถ้ำขนาดใหญ่พอที่จะรองรับร่างกายของทอร์กุนทาได้
เฟรย์พุ่งเข้าไปโดยไม่ลังเลใดๆ
ใกล้ๆ ถ้ำมีเดรกอยู่ประมาณสิบห้าตัวและเมื่อเฟรย์เข้ามาใกล้พวกมันทุกตัวก็ลืมตาขึ้นและมองไปที่เขา
เฟรย์สะบัดมือเขาเล็กน้อย
ร้าวร้าว
ร่างของเดรกกลายเป็นประติมากรรมแช่แข็งอย่างรวดเร็ว
เฟรย์มองลงไปที่ฝ่ามือของเขา
"ตราบใดที่มันเป็นเวทย์น้ำหรือน้ำแข็งมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเวทมนตร์ระดับ 7 ดาวหรอกนะ '
แต่มีเพียงสองประเภทเท่านั้นที่สามารถแสดงพลังดังกล่าวได้เขาไม่สามารถใช้ส่วนที่เหลือได้
นี่เป็นเพราะพลังของโฟรเซินริฟเวอะทำให้ความสมดุลของมานาของเขาเบ้ไปด้านใดด้านหนึ่ง
นี่เป็นสถานการณ์ที่เฟรย์ผู้ที่ชอบความสมดุลไม่สามารถทนได้
"จะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในการย่อยพลังงานนี้"
เขาจำเป็นต้องใช้ครึ่งหนึ่งของหัวใจของทอร์กุนทาในการย่อยและคืนความสมดุลของพลังงาน หลังจากนั้นเขาจะได้เกิดใหม่เป็นพ่อมดระดับ 7 ดาวที่สมบูรณ์
เฟรย์เก็บเรื่องเหล่านั้นไว้ก่อน
ภายในถ้ำมีขนาดใหญ่มากและรู้สึกได้ถึงพลังงานอันอบอุ่นในทันที
สิ่งนี้คล้ายกับความร้อนที่เขารู้สึกได้จากทอร์กุนทา ดังนั้นเฟรย์จึงมั่นใจว่าที่นี้เป็นรังของทอร์กุนทา
เฟรย์มองไปรอบๆ อีกครั้ง
ที่ผนังด้านซ้ายมีรูเล็กๆ
เขาขมวดคิ้วขณะเหลือบมองพวกเขาเพราะมันดูเหมือนจะมีกลิ่นเหม็นมาจากภายในพวกเขา
มีสัตว์ประหลาดและศพของมนุษย์อยู่ที่นั่น บางคนกลายเป็นกระดูกในขณะที่บางคนก็ยังมีเนื้อติดอยู่บ้าง
เฟรย์ค้นหาในรูนั้นและพบสิ่งที่เขากำลังมองหาอยู่ในรูที่อยู่ด้านบน
อุปกรณ์ของชไวเซอร์
‘มันมีมีกว่าหนึงชิ้น’
ก็นะ มีคนจำนวนไม่น้อยที่สามารถเข้าไปที่ดันเจี้ยนใต้ดินได้
เนื้องจากไม่มีใครสามารถผ่านไปห้องที่ห้าไปได้นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่พบกับสิ่งที่มีค่ามากนัก
‘เสื้อคลุมซาลาแมนเดอร์ กรีชคอนโคนิล โฟซีซัน สร้อยคออิซ’
เสื้อคลุมของซาลาแมนเดอร์นั้นทนทานต่อเวทย์ไฟเป็นพิเศษ มันจะดีกว่านี้ถ้าหากเขาได้สวมมันในระหว่างการต่อสู้กับทอร์กุนทา
อีกสามชิ้นไม่มีประโยชน์มากนักสำหรับเฟรย์
เขาสวมเสื้อคลุมทันทีและวางชื้นอื่นๆ ลงในกระเป๋าของเขา
ตอนนี้ก็ได้เวลาออกไปจากที่นี่แล้ว
เขารีบแต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปในเมืองจนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้น
จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่บาร์ซึ่งเจ้าของมองมาที่เขาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“คุณไปทำอะไรมา ทุกครั้งที่คุณมานี้คุณแย่ขนาดนี้ประจำเลยเหรอ? แล้วคุณไปทำอะไรกับผมของคุณ”
เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ที่ยุ่งเหยิงของเขาที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ ผมสีขาวได้ดึงดูดสายตาของเขามากที่สุดในตอนนี้
ผมของเฟรย์ดูเหมือนจะมีอากาศหนาวเย็นแม้ในขณะที่เขามองมัน เขายังรู้สึกสั่นไปทั้งกระดูกสันหลังของเขา
“ที่นั่นเรียกว่าภูเขานรก อะไรก็เกิดขึ้นได้”
เมื่อเฟรย์ปฏิเสธที่จะตอบตรงๆ เจ้าของก็ส่ายหัวแต่เขาก็ไม่ได้ตั้งคำถามต่อ
“ขึ้นไปที่ห้องก่อนนะ ฉันจะเตรียมน้ำร้อนให้”
หลังจากนั้นไม่นานตามที่เขาพูด หญิงวัยกลางคนก็มาพร้อมกับถังน้ำอุ่น
เธออาจเป็นภรรยาของเจ้าของก็ได้
หลังจากล้างตัวและแก้ไขรูปลักษณ์ที่ยุ่งเหยิงของเขาแล้วเฟรย์ก็เปลี่ยนกลับไปใส่ชุดนักเรียนของเขา
ชุดเกราะหมีอิสปาเนียนั้นเป็นของที่ไม่พึงประสงค์จากการเดินทางครั้งล่าสุดของเขาดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะทิ้งมันไป
จากนั้นเขาก็มุ่งตรงไปยังหินวาร์ปในเมือง
ในการกลับไปที่สถาบันเขาต้องไปที่เคาซิมโฟนีก่อน
เขาตรวจสอบตารางเวลาและพบว่าวาร์ปที่ใกล้ที่สุดที่จะไปยังเมืองหลวงคือเวลา 19.00 น. ดังนั้นเขาจึงยังมีเวลาว่างกว่า 12 ชั่วโมง
เฟรย์กลับไปที่บาร์และทานอาหารเช้าก่อนตัดสินใจจะพักสายตา
เขาเหนื่อยมากและหลับไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังสามารถตื่นได้ตรงเวลา
'ฉันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากพักผ่อน'
เขารู้สึกว่าความเหนื่อยล้าของเขาได้รับการบรรเทาลงแม้ว่ามันจะยังไม่เพียงพอสำหรับเขาที่จะฟื้นคืนสู่สภาพสูงสุด
เมื่อเฟรย์พร้อมที่จะจากไปเขาก็ลงไปชั้นล่างก่อนและทักทายเจ้าของบาร์
“ผมกำลังจะไปแล้ว”
"ใช่แล้วคุณได้สิ่งที่ต้องการแล้วหรือยัง?”
"ได้แล้วละ"
"ดีแล้ว เดินทางปลอดภัยนะ”
เฟรย์จากไปโดยไม่พูดอะไรมาก
เมื่อเขามาถึงเคาซิมโฟนี ดวงอาทิตย์ก็กำลังจะตกดิน แต่ถนนในเมืองยังคงมีชีวิตชีวาอยู่มาก
ไฟถนนสว่างมากจนอาจหลอกให้ใครบางคนเชื่อว่านี้ยังเป็นเวลากลางวันอยู่เลย
‘เมืองหลวงก็คือเมืองหลวงอย่างแท้จริง’
เมื่อเขากลับมาจากอิสปานิโอลาซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองชนบทเขารู้สึกถึงความแตกต่างอย่างแท้จริง
ในความเป็นจริงเฟรย์อยู่ที่อิสปานิโอลาเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์
‘ฉันกำลังจะมองหาเรือ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีแล้ว’
เขาอยากจะนั่งบนเรื้อคอร์เทซและคุยกับแม็คอีกครั้งซึ่งเขาพบว่าแม็คเป็นคนมองการณ์ไกลและมีนิสัยดีแต่กลับไม่มีเรือที่ท่าเรือเลย
เฟรย์มองไปรอบๆ และพยายามหาโรงแรมก่อนที่จะนึกถึงเพเรียนในทันใด
เค้าเคยขอให้ไปเยี่ยมครอบครัวของเขา
‘ฉันควรจะแวะไปดีกว่า’
สิ่งที่หยุดเขาคือเขาไม่รู้ว่าจะหาบ้านของเพเรียนได้อย่างไร
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตัดสินใจถามคนที่เดินไปมาตามถนนแล้วถามพวกเขา
“ผมจะหาบ้านของตระกูลจุนได้ที่ไหน?”
ชายผู้ซึ่งกำลังรีบออกจากที่ทำงานสงสัยว่าทำไมจู่ๆเขาจึงถูกถามถึงที่อยู่ของตระกูลอันสูงส่งจากเด็กขอทานตัวเล็กๆ
ความคิดของเขามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
เขาดูดีขึ้นเล็กน้อยเพราะเขาล้างตัวในอิสปานิโอลามาแล้ว แต่รูปร่างหน้าตาของเขาก็ยังคงดูยุ่งเหยิง
ผิวที่เรียบเนียนก่อนหน้านี้ของเขาหยาบกร้านและมีสีเข้มและผมของเขาก็ยาวรุงรัง
นี่เป็นเรืองธรรมชาติหลังจากที่เขากลิ้งไปมาบนภูเขาเป็นเวลาหนึ่งเดือน
นอกจากนี้เฟรย์เองก็ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่เครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับโรงเรียนอันมีชื่อเสียงของเขาซึ่งอยู่บนเครื่องแบบของเขานั้นถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมของซาลาแมนเดอร์
กล่าวอีกนัยหนึ่งเฟรย์ไม่ได้ดูเหมือนเป็นขุนนางแต่อย่างใด
ชายคนนั้นมองลงมาที่เขา
'เขาจะไปสอดส่องละมั้ง?'
ที่อยู่อาศัยของตระกูลจุนนั้นใหญ่โตและสง่างามดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนได้เดินทางไกลเพียงเพื่อดูมัน
“ถ้าคุณตรงไปตามถนนตะวันตกคุณจะพบมัน เป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่และอลังการที่สุดในพื้นที่ ดังนั้นคุณจะรู้ได้ทันที”
"ขอบคุณ"
เฟรย์เดินไปตามถนนตะวันตกประมาณสามสิบนาที
เมื่อถึงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน เฟรย์ก็หาคฤหาสน์จนเจอ
"นั่นคืออาคารหรือ?"
มันเป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดและน่าตื่นเต้นที่สุดอย่างที่ชายคนนั้นพูดจริงๆ
คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่มากจนยากที่จะเห็นมันทั้งหมดได้ในคราวเดียว ขนาดของสวนที่ทอดยาวจากหน้าบ้านถึงรั้วสูง 10 เมตรและใหญ่โตมาก
เฟรย์เดินเข้ามาหาทหารยามที่ยืนอยู่ที่ประตู
"คุณมาทำอะไรที่นี่?"
แม้แต่ยามก็ยอดเยี่ยม
พวกเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพแม้จะเห็นรูปร่างหน้าตาของเฟรย์ก็ตาม
สิ่งนี้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาได้รับการศึกษาและได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
“ฉันมาพบกับเพเรียนนะ”
เฟรย์พูดอย่างใจเย็น
เขามาที่นี่เพื่อพบเพื่อนของเขา
เขาไม่จำเป็นต้องถูกข่มขู่หรือรู้สึกประหม่า
หากเขาทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีต่อครอบครัวจุนมันอาจส่งผลกระทบต่อสถานะของเพเรียนได้
คิ้วของผู้คุมกระตุก
นั่นเป็นเพราะเพเรียนชื่อของนายน้อยแห่งตระกูลจุนถูกเรียกห้วนๆโดยเด็กขอทานตัวน้อยอย่างไม่เป็นทางการ
“คุณมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเพเรียน?”
"เขาเป็นเพื่อนของฉัน"
องครักษ์มองหน้ากัน
เพื่อน?
เขาบอกว่าเป็นเพื่อน?
เพื่อนของนายน้อยที่ทุกคนรู้กันว่าชอบอยู่คนเดียวนี้นะ?
“ได้โปรดบอกชื่อของคุณมา”
“เฟรย์เบลค”
“... หา!!”
ในขณะนั้นดวงตาขององครักษ์ก็เบิกกว้างและพวกเขาก็จำบางสิ่งที่เพเรียนบอกพวกเขาได้ในทันที
[เพื่อนของฉันอาจจะมาที่นี่ก่อนจะเปิดเทอม เขาชื่อเฟรย์ เขาเป็นหนึ่งในลูกชายของตระกูลเบลค ถ้าเขามาเยี่ยมคฤหาสน์นี้อย่าลืมสุภาพกับเขาเหมือนที่คุณทำกับฉัน]
‘แต่ดูเหมือนเขาจะแตกต่างจากที่นายน้อยพูดนิดหน่อย’
พวกเขาได้รับแจ้งมาว่าเขามีผมสีเทา แต่คนตรงหน้ามีผมสีขาวอย่างน่าทึ่ง
‘เด็กคนนี้ไม่ได้พยายามหลอกเราใช่ไหม?’
แต่จะมีใครบ้างที่กล้าแอบอ้างว่าเป็นเพื่อนของเพเรียนเพื่อเข้าหาตระกูลจุน?
ผู้คุมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงอารมณ์ที่ขัดแย้งกัน
ตึกตัก!
เสียงรถม้าแล่นมาตามถนนและทหารยามก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
‘นี้น่าเพียงพอที่จะทำให้เขากลับไปได้สักที’
ก่อนอื่นพวกเขาถามเฟรย์อย่างสุภาพซึ่งตัวตนของเฟรย์ยังไม่ชัดเจนพอ
"ได้โปรดรอสักครู่"
จากนั้นพวกเขาก็รีบเปิดประตูเหล็ก
แต่รถม้าหยุดตรงหน้าทหารยามแทนที่จะเดินทางต่อไปทางประตูที่เปิดกว้าง
หลังจากนั้นไม่นานผู้หญิงคนหนึ่งก็ออกจากรถม้า
เธอเป็นสาวสวยผมสีทองที่ดูจะอายุไล่เลี่ยกับเฟรย์
เธอสวมชุดสีขาวซึ่งดูเหมือนจะเข้ากับความงามของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เธอซึ่งเป็นลูกสาวคนแรกของตระกูลจุน เธอค่อยๆหันไปหาทหารยามและเปิดปากของเธอ
"มีอะไรกัน?"
"อา.... นั่น เพื่อนของนายน้อยมา…”
“เพื่อนพี่ชายของฉัน? อา...”
ลิเลียนึกถึงสิ่งที่เพเรียนได้บอกกับเธอ
เขาบอกว่าเขานัดเพื่อนสนิทตอนอยู่บนเรือก่อนเดินทางกลับบ้าน
เนื่องจากพี่ชายของเธอเป็นคนที่เข้ากับผู้คนได้ยาก ลิเลียจึงรู้สึกยินดีที่ได้ยินเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามเธอยังคงมีข้อสงสัย
เพราะสำหรับเพเรียนคำว่า ‘เพื่อน’ อาจไม่ได้มีความหมายเหมือนกับคนทั่วไป
สายตาของเธอหันไปหาเฟรย์ที่ยืนนิ่ง
‘นี่คือคนที่เอาชนะลิชได้งั้นเหรอ?’
ระหว่างทางไปเคาซิมโฟนีพวกเขาถูกโจรสลัดโจมตีและว่ากันว่าโจรสลัดได้รับการสนับสนุนจากลิชผู้ยิ่งใหญ่
ตอนแรกหลายคนไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามในไม่ช้าผู้ตรวจสอบที่จักรวรรดิส่งมาก็พิสูจน์ได้ว่าคำพูดของเพเรียนเป็นความจริง
ลิเลียยังไม่สามารถเชื่อได้อย่างเต็มที่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนเอาชนะลิชที่แม้แต่เพเรียนก็ไม่สามารถเอาชนะได้
‘พี่บอกว่าเขาอายุน้อยกว่าพี่สองปี…’
ผู้ชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอกลับแข็งแกร่งกว่าเพเรียนที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก?
เธอรู้ว่าเพเรียนจะไม่โกหกอะไรแบบนั้น แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ
ลิเลียซ่อนความรู้สึกของเธอและยิ้ม
“คุณคือเฟรย์นั้นเอง ฉันได้ยินเกี่ยวกับคุณมามากมายจากพี่ชายของฉัน ถ้าคุณไม่รังเกียจคุณจะนั่งรถม้าไปกับฉันก็ได้นะ”
“ท่าน...หญิง?”
“นั่นมันอันตราย”
ผู้คุมรีบพยายามหยุดเธอ แต่ลิเลียกลับหัวเราะออกมาแทน
“อันตรายตรงไหนกัน? เซอร์นีฮัดก็อยู่กับฉันด้วย”
เฟรย์เห็นผู้ชายที่ดูมืดมนที่ยืนข้างๆลิเลีย
ดูเหมือนเขาจะเป็นอัศวินโดยพิจารณาจากดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวของเขา
ผู้คุมมองเขาเพียงแวบเดียวก่อนจะกลืนคำพูดของพวกเขา
เซอร์นีฮัดผู้พิทักษ์ท่านหญิงเป็นหนึ่งในอัศวินที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลวงหรืออาจจะติดอันดับ 1 ใน 5 ด้วยซ้ำ
“แต่เรายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับ...”
“คุณบอกว่าเขาเป็นเพื่อนของพี่ชายของฉัน สิ่งที่เราต้องทำคือพาเขาไปหาพี่ชายของฉันก่อนและถ้าเขาโกหกก็คงไม่สายเกินไปที่จะลงโทษเขาในตอนนั้น”
หลังจากที่เธอพูดอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรที่ผู้คุมจะสามารถพูดได้เลย
อีกอย่างลิเลียมีบุคลิกที่ไม่ยอมคนและดื้อรั้นที่สุดในบรรดาลูกๆ ของตระกูลจุน
หากพวกเขายังคงดึงดันเช่นนี้อาจทำให้เกิดปัญหาได้ ดังนั้นผู้คุมจึงปิดปากโดยไม่เต็มใจ
ลิเลียยิ้มอย่างสดใสและหันไปหาเฟรย์
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว คุณอยากจะไปด้วยกันไหม?”