ตอนที่ 6 หนูยังเป็นเด็กอยู่นะ
เด็กน้อยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี? และสิ่งที่สามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือ
“อุแว้! อุแว้!”
ทันใดนั้นเสียงของฮัวซุ่ยเฉิงก็ดังขึ้นเหนือบริเวณศีรษะของเธอ
“อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้แบบนี้ ต้องการให้ปล่อยลุงของเธอไปรึไง?”
จากนั้นเสียงร้องไห้ที่ดังมากจนแผ่นดินแทบจะสะเทือนของเจ้าตัวน้อยพลันหยุดลงในทันทีทันใด และครู่หนึ่งจากนั้นก็เริ่มร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าเธอกำลังปกป้องคนผิด?”
ฮัวซุ่ยเฉิงยื่นมือออกมาและบีบแก้มอันอวบอ้วนของทารกน้อยด้วยฝ่ามือที่หยาบกระด้างด้วยความหมั่นไส้จนทำให้ฮัวลี่ลี่รู้สึกเจ็บที่บริเวณแก้ม
อุ๊ย!…อุ๊ย!…อุ๊ย!
จากนั้นเด็กน้อยรีบหดหัวเพื่อที่จะซ่อนตัวอยู่ในชุดสูททันที ทำให้ฮัวซุ่ยเฉิงรู้สึกผิดจึงลูบไล้แก้มของทารกน้อยอย่างแผ่วเบาด้วยความอ่อนโยน และพยายามควบคุมน้ำเสียงกับอารมณ์ของตนเอง
“หยุดร้องไห้เถอะ”
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เด็กจะเข้าใจความหมายของเขาได้อย่างไร? และจากนั้นไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเด็กทารกน้อยก็ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดังโดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุด
“เก่งจริงก็ยิ้มสิ แล้วฉันจะปล่อยเขาไป!”
“?”
เขาจะให้เธอทำอย่างนั้นจริงเหรอ? ให้เด็กสามเดือนยิ้มเนี่ยนะ?
เด็กตัวแค่นี้จะเข้าใจคุณได้ยังไง?
หรือที่ทำเช่นนี้ก็เพียงเพราะเขาต้องการหักขาของจีซูหยางใช่หรือเปล่า?
โชคดีนับว่าเป็นโชคดีของจีซูหยาง เนื่องจากเธอไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป ดังนั้นเธอต้องหาทางช่วยเขาให้ได้ มิฉะนั้นจี้ซูหยางคงจะต้องกลายเป็นคนขาด้วน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ทันใดนั้นทารกน้อยก็หยุดร้องไห้พร้อมกับมีอาการสำลักสองสามครั้ง และเริ่มฉีกยิ้มโดยพยายามดึงมุมปากของตนเองเพื่อที่จะยิ้มให้กับฮัวซุ่ยเฉิงด้วยดวงตาดำขลับที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยน้ำตา ทำให้ขนตายาวของเธอที่เปียกโชกนั้นม้วนงอ
ส่งผลให้ดวงตาของฮัวซุ่ยเฉิงเริ่มสลดลงเล็กน้อย ขณะที่จัองมองไปยังทารกน้อยด้วยสีหน้าบึ้งตึงพลางกล่าวว่า
“แน่ใจนะว่านั่นคือรอยยิ้ม? หักขา!”
ทารกน้อย “???”
อะ..อะ.. ก็ยิ้มแล้วนี่...
อันนี้ฉันยิ้มแล้วนะ!!!
ฉันยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหูแล้ว ตาบอดหรือเปล่าถึงมองไม่เห็นน่ะ?
สิ่งที่ฮัวลี่ลี่ทราบคือบิดาของตนเองเป็นคนร้ายที่ใจคอโหดเหี้ยม แต่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขาตาบอดด้วย!
บ้าไปแล้วเหรอ?!
เธอถีบเขาทันทีด้วยความรู้สึกหงุดหงิดแต่ขาของเธอนั้นสั้นเกินไป ดังนั้นภาพที่เห็นคือเด็กน้อยกำลังเตะเท้าอยู่กลางอากาศโดยไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับร่างกายของฮัวซุ่ยเฉิงเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่ฮัวซุ่ยเฉิงจับเท้าทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว และรู้สึกได้ว่ามันช่างอวบอ้วนและอุดมไปด้วยไขมัน ถึงกระนั้นกล้ามเนื้อบริเวณน่องของเด็กน้อยค่อนข้างแข็งแรง โดยเธอเตะอย่างแรงเข้าที่ฝ่ามือของเขาถึงสองครั้ง แต่บังเอิญว่ามันลื่นมากจนทำเธอพลาดเป้า
จากนั้นเขาทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นขณะที่รวบเท้าของเธอเอาไว้ในชุดสูทแล้วก้าวเท้าขึ้นรถและปิดประตูรถทันที
ทันใดนั้นบรรยากาศได้กลับกลายมาเป็นความเงียบสงบ โดยแยกเสียงรบกวนภายนอกหน้าต่างรถและไม่มีใครกล่าวอะไรในรถ ทั้งยังไม่ได้ยินเสียงร้องไห้อีกต่อไป เพราะเด็กน้อยไม่มีแรงที่จะอ้าปากร้องครวญคราง ขณะที่จมูกของเธอแดงก่ำและพยายามดิ้นรนเพื่อดึงตัวเองออกมาให้พ้นจากตำแหน่งที่น่าอึดอัด
'ขาของคุณลุงจะหักหรือเปล่านะ?'
ราวกับว่าเขาสามารถล่วงรู้ในสิ่งที่เด็กน้อยกำลังคิด เพราะเธอได้ยินเขากล่าวว่า
“มั่นใจได้.. มันไม่หักหรอก ก็แค่เจ็บ!”
“…เฮ้อ! โล่งอกไปที”
ดูเหมือนคุณพ่อจอมโหดของเธอจะไม่ใจร้ายอย่างที่คิด ลองคิดดูดีๆมันน่าจะเป็นระยะเริ่มต้นและมันยังไม่ถึงจุดที่หัวใจแข็งเท่าเหล็กไหล
อืม… อย่างน้อยเขาก็ปล่อยคุณลุงของเธอไป
แขนของฮัวซุ่ยเฉิงงอขณะที่อุ้มทารกน้อยที่ถูกห่อด้วยเสื้อสูทด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยถนัด ซึ่งมันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีประสบการณ์ในการอุ้มทารก ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่บริเวณแขนของตนเองพลางขมวดคิ้วและตัดสินใจวางร่างของเด็กน้อยเอาไว้ที่เบาะด้านข้าง
…ถ้าตอนนี้เธอพูดได้สิ่งแรกที่จะขอคือ จะขอให้ผู้ชายคนนี้ช่วยติดตั้งเบาะนั่งสำหรับเด็กในรถให้เธอ
เมื่อรถแล่นไปสักครู่ คนขับรถที่กำลังขับรถด้วยความนุ่มนวลอยู่ที่เบาะหน้าได้หันหน้ามาเรียนถามอย่างสุภาพว่า
“คุณฮัวครับ! เราจะไปไหนกันครับ?”
จะไปไหนก็ไปสิ ! แต่ขอร้อง.. ได้โปรดอย่าวางฉันเอาไว้แบบนี้!
ฮัวซุ่ยเฉิงนิ่งเงียบไปราวกับว่ากำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันคงจะต้องเกี่ยวกับการเมามายของเขาในคืนนั้นที่ส่งผลให้มีเด็กเกิดขึ้นหนึ่งคนโดยที่เขาไม่เคยรู้เลยจนกระทั่งวันนี้
อย่างไรก็ตามเด็กคนนี้ก็เป็นเลือดเนื้อของเขาเอง นอกจากนี้บ้านตระกูลฮัวไม่ได้ยากจน โดยพวกเขาสามารถเลี้ยงเด็กผู้หญิงคนนี้ได้อย่างสบาย อีกทั้งชายชราในครอบครัวยังต้องการมีหลานมานานแล้ว และเมื่อมีทารกคนนี้มาอยู่ในบ้านความฝันของเขาก็คงจะเป็นจริงแล้วในวันนี้
ด้วยความคิดเช่นนี้ เขาจึงตอบกลับไปว่า
“กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฮัว!”
"ครับ"
เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กน้อยจึงหันขวับไปหาเขา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฮัวซุ่ยเฉิงชำเลืองมองมาพอดี ทำให้ทั้งสองคนสบตากันกลาางอากาศด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง จากนั้นเพียงชั่วอึดใจเขาก็หรี่ตาลงและเปลี่ยนใจภายในเวลาเพียงชั่วพริบตา
“เปลี่ยนใจละ กลับไปที่รอยัลออร์คิดวิลล่า”
"ครับ"
‘หลายใจจริง ๆ’
********