ตอนที่ 50 เปิดตัว
วันถัดไป
เมลิน่าเพิ่งพาอินอร์ผ่านขั้นตอนการลงทะเบียนของสถาบันเวทมนตร์ ก่อนที่นางจะพาเขาไปที่ทางเข้าโรงละครไวเซนาสเช่
เป็นเวลาเกือบเที่ยงวัน ฉาก9i'ทางเข้าโรงละครไวเซนาสเช่นั้นแตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากมีรถม้าจำนวนมากจอดเรียงกันบนถนนหน้าทางเข้า
ผู้วิเศษหนุ่มในชุดคลุมพ่อมดยืนอยู่บนบันไดที่ประตูโรงละคร ดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง
เมลิน่ายังรู้ว่ามีคนจากประเทศอื่น ๆ โดยพิจารณาจากเสื้อผ้าของพวกเขา
เหตุผลที่พวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันเพราะโปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่ข้างทางเข้าโรงละครไวเซนาสเช่
ดวงตาของเมลิน่าถูกดึงดูดโดยโปสเตอร์“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” ทันที
ไม่มีโปสเตอร์ในโลกนี้ ส่วนใหญ่เป็นป้ายที่ร้านค้าทำโดยใช้ไม้กระดาน ถึงกระนั้น“ป้ายบอกทาง” นี้หน้าโรงละครไวเซนาสเช่ได้เปิดโลกของนอร์แลนด์ไปโดยสิ้นเชิง
ไม่ใช่ป้ายธรรมดาที่มีคำไม่กี่คำ แต่เป็นภาพที่สมบูรณ์ ฉากของความงามและการเต้นรำของปีศาจในชุดเสื้อผ้าที่สวยงามภายในห้องโถงถูกนำเสนอบนโปสเตอร์
ช่วงเวลาที่โปสเตอร์ปรากฏในนอร์แลนด์ ทุกคนที่เดินผ่านโรงละครไวเซนาสเช่จะหยุดดูมัน
เมลิน่าก็ไม่มีข้อยกเว้น นางดึงอินอร์ขึ้นบันไดของโรงละครไวเซนาสเช่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่บ้าคลั่งของนาง ทันใดนั้นนางก็รู้ว่าหญิงสาวที่โอบกอดปีศาจนั้นเหมือนกับอินอร์ที่อยู่ข้างๆนาง ถูกต้องยิ่งกว่านั้น นางคือเบลล์ที่เมลิน่าเคยพบในหมู่บ้าน
ตอนนี้ผมของอินอร์เป็นสีเงิน ในขณะที่เบลล์มีผมสีน้ำตาลและมีลักษณะที่แตกต่างอย่างมากจากอินอร์...
นั่นเกือบทำให้เมลิน่าลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ลูกบุญธรรมของนางชื่อเบลล์
ขณะที่เมลิน่ากำลังจะถามอินอร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้หญิงร่างสูงสองคนได้ยินต่อหน้าพวกนาง พูดด้วยภาษาที่ไม่ใช่ภาษานอร์แลนด์ พวกนางกลับพูดภาษาดินแดนแห่งเหมันต์
เมื่อนางยังวัยรุ่นเมลิน่าและสามีของนางได้เดินทางไปทั่วโลก ดังนั้นนางจึงเข้าใจภาษาอื่นๆบ้าง คราวนี้นางเข้าใจอย่างชัดเจนว่าหญิงสาวชาวอิชทาเรีย สองคนกำลังพูดถึงอะไร
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว อกาธาร์ เจ้าไม่ได้ฆ่าปีศาจไปเป็นจำนวนมากตอนที่เจ้าอยู่ในกองทัพหรอกหรือ? ทำไมตอนนั้นข้าไม่เห็นเจ้าจะร้องไห้”
“แต่… แต่…ปีศาจตนนี้ไร้เดียงสา”
“มันเป็นแค่การแสดง…ไม่สิ ดูเหมือนชาวนอร์แลนเดอร์สจะเรียกการแสดงใหม่นี้ว่าภาพยนตร์”
เมลิน่าเดินผ่านสองสาวชาวอิชทาเรียและหยุดที่ทางเข้าโรงละครไวส์เซนาสเช่ เพราะตอนนี้ทางเข้าทั้งหมดถูกปิดกั้นโดยฝูงชน
เมลิน่าอยู่ในธุรกิจค้าขายมานาน และเคยแสดงละครเวทีหลายเรื่องตอนเด็ก แต่นางไม่เคยเห็นทางเข้าของโรงละครถูกปิดกั้นโดยฝูงชนเช่นนี้มาก่อน
“ยินดีต้อนรับ มาดาม”
โจชัวเดินออกมาจากฝูงชน
คราวนี้โจชัวประเมินผลกระทบจากการโปรโมตของโปสเตอร์ต่ำไป บนโลกเขา เขาสามารถเห็นโปสเตอร์แทบทุกย่างก้าว ทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดาเกินไปด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่สิ่งนี้ปรากฏบนโลกนี้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จอมเวทย์หนุ่มหลายคนจึงถูกดึงดูด
หลังจากที่พวกเขาดู“โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” เสร็จแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังน่าประทับใจและทำให้พวกเขามีหัวข้อไว้คุยกับเพื่อนๆ
ในโลกนี้รูปแบบการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดคือการบอกเล่าปากต่อปาก
ในตอนเช้ามีผู้คนเพียงไม่กี่คนที่โถงของโรงละครไวเซนาสเช่ แต่ตอนเที่ยงจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเนื่องจากลูกค้าบางส่วนได้ชมไปแล้วในตอนเช้า และได้พาเพื่อน ๆ มาชมเป็นครั้งที่สอง
“โจชัว…นี่หมายความว่าไง?”
เมลิน่ามีคำถามมากมายที่อยากจะถามโจชัว แต่นางไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
“มันเป็นสิ่งเดียวกับที่ข้าบอกท่านเมื่อคืนนี้ หากท่านยังสงสัย ให้ไปดูภาพยนตร์ก่อน หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่ท่านและข้าจะพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือของเรา”
โจชัวขอให้ผู้ดูแลนำเมลิน่าและอินอร์ไปยังที่นั่งวีไอพี แม้ว่าตั๋วสำหรับโรงละครทั้งหมดจะขายหมดแล้ว แต่ก็ยังมีที่นั่งวีไอพีที่จองไว้สำหรับบางคน
เมลิน่ามาบริเวณที่นั่งวีไอพีของห้องแสดงของโรงละครไวเซนาสเช่
นี่เป็นห้องแยกต่างหากที่อยู่จุดสูงสุดของห้องจัดแสดง การนั่งบนโซฟาในห้องนั้นจะช่วยให้ทุกคนในห้องสามารถมองเห็นหน้าจอขนาดใหญ่บนโรงภาพยนตร์ได้อย่างชัดเจน
“นั่งลงอินอร์ ดูเหมือนว่าข้าจะทำได้แค่ทำตามความตั้งใจของโจชัวเท่านั้น”
เมลิน่าสังเกตเห็นความไม่สบายใจของลูกบุญธรรมนาง และตบเบาะข้างๆ พูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยน
อินอร์นั่งลงบนโซฟาข้างๆ ขณะที่ห้องทั้งห้องมืดลง ระหว่างนั้นเมลิน่ายังคงได้ยินเสียงกระซิบจากแถวด้านล่าง
“ทำไมไม่มีเวที?”
“กำแพงพื้นหลังนั้นอยู่ใกล้หน้ามากเกินไป…?”
“เจ้ารู้ไหมว่าคณะไหนกำลังแสดง?”
“หุบปากซะการแสดงนี้ไม่จำเป็นต้องมีคณะ”
เราจะแสดงโดยไม่มีคณะได้ยังไง? เสียงกระซิบที่เมลิน่าได้ยินก็เป็นคำถามที่อยู่ในใจนางเช่นกัน แต่สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ทุกอย่างสงบลงทันที
“ เมื่อนานมาแล้วมีเจ้าชายปีศาจต้องคำสาปซึ่งเลือดครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนในตัวเขาคือเลือดมนุษย์
อสุรกายภายใต้ดยุคแห่งกระดูกบรรยายเบื้องหลังของเรื่อง และหลังจากภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ ผู้ชมจะได้รับการแนะนำให้รู้จักกับโลกที่โจชัวสร้างขึ้นทันที
จากนั้น มันเป็นสถานที่ที่เมลิน่าคุ้นเคย คือหมู่บ้านริมภูเขา นางเอกของเรื่องเบลล์ซึ่งนั่งข้างๆนางค่อยๆเดินออกมา ขณะที่นางร้องเพลงพร้อมกับชาวบ้านเพื่อบอกผู้ชมว่าเบลล์เป็นคนประเภทไหน
“ชาวนาในหมู่บ้านเหล่านั้นจะให้กำเนิดเด็กสาวที่สวยงามเช่นนี้ได้ยังไง?”
“สวย แต่ข้าก็ยังคิดว่าแกลโลลี่น่าดึงดูดกว่ามาก…”
เสียงกระซิบหายไปทันทีท่ามกลางการขับร้องของเบลล์กัลชาวบ้าน และหลังจากเรื่องราวดำเนินต่อไปหลายคนได้ลืมเลือนที่จะพูดกับเพื่อนของพวกเขา
เมื่อเรื่องราวของภาพยนตร์ค่อยๆคลี่คลาย ผู้ที่เคยเชื่อว่า ‘ดอกไม้แห่งฟารัคซี่’ เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกก็เริ่มมีความคิดใหม่
นั่นเป็นเพราะ 'ดอกไม้แห่งฟารัคซี่' นั้นสวยจริง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ นางดูเหินห่าง ไม่มีใครรู้ว่าบุคลิกที่แท้จริงของนางเป็นยังไง พวกเขารู้จักนางแค่ผ่านตัวละครต่างๆที่นางเล่น ซึ่งสวมผ้าคลุมลึกลับทำให้นางดูเหมือนไม่มีใครแตะต้องได้
แต่เบลล์นั้นแตกต่างออกไป แม้ว่านางจะอยู่ในหน้าจอ แต่นางก็ดูเข้าถึงได้ง่าย นางเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ... จนกระทั่งถึงจุดที่นางสวมชุดสวยงาม และเริ่มเต้นรำกับเจ้าชายปีศาจในห้องโถง
คนอายุน้อยบางคนในฝูงชนต่างก็ดึงสายใยแห่งหัวใจออกมา
“ฟาร์โลว์ นาฬิกานั่นดูคุ้นๆนะ? ข้าอยากรู้วิธีอัญเชิญมัน”
“เฮ้…นั่นคือข้ารับใช้ปีศาจ แต่ข้าต้องการถ้วยน้ำชาแบบนั้น”
จุดสนใจของผู้หญิงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จุดเด่นอีกอย่างของ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ คือเฟอร์นิเจอร์ที่พูดได้
แม้ว่าประสบการณ์การรับชมจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลที่ชม แต่เมื่อเหตุการณ์สุดท้ายของภาพยนตร์คลี่คลาย เสียงสะอื้นก็ดังไปทั่วห้องโถง
โจชัวนั่งอยู่บนที่นั่งวีไอพี เขาดูการตอบสนองของผู้ชมด้านล่าง ปฏิกิริยาของทุกคนทำให้เขาพอใจมาก และไม่ต้องสงสัยเลยว่า ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ประสบความสำเร็จอย่างมาก หนึ่งเดือนจากวันนี้ หนึ่งปีจากวันนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นที่พูดถึงทั่วนอร์แลนด์!