ตอนที่ 2 ล่อเสือออกจากถ้ำ
ล่อเสือออกจากถ้ำ
สือฮ่าวพยายามควบคุมความโกธรเลือดระสูบฉีดไปทั่วร่าง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำพร้อมระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ!
ตระกูลหวังกล้าทำแบบนี้จริงๆ!
พวกมันกำลังจะฆ่าเขาก่อนที่เขาจะโตบโตด้วยแผนการอันลึกล้ำ พวกเขาไม่เพียงแค่ติดต่อกับสิ่งมีชีวิตในอีกด้านหนึ่ง แต่อาจร่วมมือกับพวกมันด้วยซ้ำนี่เป็นความชั่วร้ายเกินจะให้อภัย
ขยะที่แท้จริง!
ไม่น่าแปลกใจตอนที่เขาอยู่ในสนามรบจำรองสูงสุดเมื่ออีกากล่าวถึงเหล่าตระกูลอมตะที่ดำรงมาอย่างยาวนานเสียงหัวเราะของมันช่างระคายหู มันมีความสกปรกและความลับซ่อนอยู่!
ตระกูลอมตะต่างมีสถานะสูงส่ง อย่างไรก็ตามใครจะคาดคิดว่าพวกเขาบางคนจะเก็บงำความคิดประเภทนี้ไว้? มันทำให้เขาตัวสั่นด้วยความกลัวจริงๆ
“หึหึ ไม่รู้สึกผ่อนคลายอีกแล้วเหรอ” ผู้อาวุโสตระกูลหวังใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยยิ้มอย่างพอใจและพูดว่า "เจ้าหนุ่มเจ้าเจ้าใสซื่อเกินไปจริงๆ โลกนี้ไม่ใช่ทั้งสีดำและสีขาวแต่เป็นสีเทานี่คือสีที่แท้จริงของโลก”
“เมื่อรังย่อยยับยากจะมีไข่สมบูรณ์ พวกเจ้าทุกคนคิดว่าตระกูลพวกเจ้าสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ แต่มันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือ? วันนั้นจะมาถึงอย่างแน่นอนเมื่อพวกเขาข้ามมาจะกำจัดพวกเจ้าทั้งหมด!” สือฮ่าวพยายามเตือนสติ
“เจ้าคิดมากเกินไป โลกนี้ซับซ้อนกว่าที่คิดเก้าสวรรค์สิบพิภพไม่ได้มีเพียงตระกูลเราที่อยู่มายืนยาวตระกูลทั้งหลายนี้ไม่ได้อยู่รอดมาจากการดิ้นรนต่อสู้กับความตาย แต่มาจากวิธิการระดับความซับซ้อนอยู่เหนือจินตนาการของเจ้า” ผู้อาวุโสตระกูลหวังยิ้มแย้มแจ่มใส แต่กลับทำให้คนอื่นรู้สึกเย็นชาราวกับอสรพิษเฒ่า
“เราจะพูดให้มากความไปทำไม? แค่กำจัดเขาก่อนไม่จำเป็นต้องบอกเขาซะทุกอย่าง!” หวังหมิงหลงกล่าวดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เสียงของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา
เป็นเพราะเขารู้ว่าเมื่อสือฮ่าวถูกฆ่าคนอื่นอาจไม่รู้ภายในเวลาอันสั้น แต่บุคคลที่มีอำนาจสูงสุดจะค้นพบในทันที เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยถูกผลักไปข้างหน้าในฐานะแพะรับบาป
นี่เป็นภารกิจที่ยากลำบากและโหดร้ายซึ่งเขาต้องสละชีวิตเพื่อทำให้สำเร็จ นั่นคือเหตุผลที่เขาเกลียดสือฮ่าวแต่ต้องทนรับอย่างขมขื่น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ริเริ่มที่จะฆ่าอีกฝ่ายแต่พวกเขาก็ยังคงต้องตาย
“จะร้อนรนไปทำไม” ผู้อาวุโสตระกูลหวังเคาะไปที่หัวหวังหมิงหลงเขาดูไม่ค่อยพอใจที่ถูกขัดจังหว่ะ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดตระกูลจึงเลือกที่จะเสียสละหวังหมิงหลง
ผู้อาวุโสคนนี้ไม่ได้สนใจชีวิตหรือความตายของตัวเองมากนักเพราะเวลาของเขาเกือบหมดลงแล้วและจะตายภายในหนึ่งปี เขามีชีวิตอยู่มานานพอไม่รู้สึกกลัวต่อความตายมากนัก
“มอบสิ่งนั้นออกมา!” เขาไม่ได้พูดอย่างสุภาพอีกต่อไปแต่หันไปตะคอกสือฮ่าวโดยตรง เป็นเพราะอีกฝ่ายได้รับสิ่งที่ท้าทายสวรรค์จากสนามรบจำลองสูงสุดอย่างแน่นอน
“ในโลกนี้จะหาคนที่ใบหน้าหนาอย่างพวกเจ้าคงไม่มีอีกแล้ว ความอัปลักษณ์ในตัวของพวกเจ้าข้าได้ประจักษ์ด้วยตาทั้งสองนี้” มดทองตัวน้อยโกรธมาก
“ฮ่าฮ่า ข้าเกือบลืมเจ้าไปแล้ว ถ้าเจ้าไม่พูดขึ้นมาข้าอาจมองข้ามไปจริงๆ” รอยยิ้มของผู้อาวุโสตระกูลหวังเย็นชาเล็กน้อย เขาจ้องมองไปที่มดเขาสวรรค์บนไหล่ของ สือฮ่าวจากนั้นพูดว่า "ช่างเป็นสายพันธุ์ที่หายากเต็มไปด้วยตำนานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เลือดที่มีความแข็งแกร่งสูงเป็นสิ่งที่ใครๆต่างโหยหา! การได้ครอบครองเจ้าอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ในอนาคตตระกูลหวังของข้าจะมีมดมีเขาสวรรค์ที่สามารถให้เลือดสูงส่งที่ไม่มีใครเทียบได้ตลอดเวลา จะมีบุคคลที่ทรงพลังมากมายที่จะปรากฏตัวจากคนรุ่นหลังของเรา”
เมื่อเขาได้ยินคำพูดอันเต็มไปด้วยความละโมบเหล่านี้มดเขาสวรรค์ตัวน้อยก็โกรธจนตัวสั่นคนๆนี้ไร้ยางอายเกินไปจริง ๆ แล้วสามารถพูดคำที่น่ารังเกียจได้!
“ผายลมสุนัขเฒ่ากำลังฝัน! ข้าเริ่มสงสัยจริงๆว่าส่วนหนึ่งของสาเหตุที่โลกนี้ถูกทำลายในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเป็นเพราะความบัดซบของพวกเจ้า ความโลภเพียงพอที่จะทำให้พวกเจ้าทำสิ่งเลวทราม!” มดตัวน้อยสีทองพูดอย่างเกลียดชัง
“ช่างไร้เดียงสาหัวข้อเหล่านี้ไม่เหมาะสำหรับเจ้า” ผู้อาวุโสตระกูลหวังไม่พูดกับมันอีกต่อไปแต่มองไปที่สือฮ่าว“เจ้าเป็นคนแรกที่ออกมาจากถ้ำอมตะสำนักเทพสวรรค์สิ่งแรกที่เจ้าทำคือรีบไปที่ทะเลเหนือทันที เจ้าได้รับบางสิ่งมาแน่นอน ตอนนี้ส่งมอบมันให้ข้า”
ในตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร น้ำเสียงของเขาไม่แยแสการแสดงออกที่มืดมนและเย็นชาไร้ข้อกังขาบังคับให้สือฮ่าวมอบสิ่งที่เขาได้รับ!
“ไสหัวไป!”
สือฮ่าวตะโกนตัดจบบทสนทนาเพียงเท่านี้เพราะเขารู้สึกว่าคนๆนี้น่ารังเกียจและไร้ยางอายมากเกินไปทำให้สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ตกต่ำ ตระกูลนี้เน่าเฟะจนถึงรากเหง้า
อาจกล่าวได้ว่าตระกูลอมตะประเภทนี้ไม่สมควรได้รับความรุ่งโรจน์พวกเขาเป็นเนื้อเน่าที่ควรกำจัดทิ้ง
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่นๆไม่ร่วมมือกันเพื่อกวาดล้างตระกูลอย่างพวกเจ้าทั้งหมด!” สือฮ่าวยับยั้งคลื่นแห่งความโกรธ
“ข้าเคยบอกไปแล้วว่านี่ไม่ใช่โลกที่มีแค่สีขาวสีดำมันมีสีเทาอยู่ระหว่างนั้น ถ้าใครตรงไปตรงมาเกินไปโลกทั้งใบจะทำลายเขา” ผู้อาวุโสตระกูลหวังกล่าวอย่างไม่แยแส“ในความเป็นจริงเจ้าคิดมากเกินไป กลุ่มของเราไม่ได้เป็นพันธมิตรกับอีกฝ่าย ในตอนนั้นเราได้ตกลงกันเพียงไม่กี่เงื่อนไขเท่านั้น”
ตามที่เขากล่าวตระกูลหวังยังคงไม่ข้ามเส้นนั้น!
สือฮ่าวเคยได้ยินมาว่าในตอนนั้นมีตระกูลอมตะสองสามตระกูลที่ลงนามกับสิ่งมีชีวิติอีกฝั่งที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ตระกูลหวังอาจเป็นตระกูลประเภทนี้
“พอแล้วข้าไม่อยากเห็นใบหน้าหนาๆของพวกเจ้าอีกต่อไป!”สือฮ่าวกล่าวอย่างเย็นชา
“หนูน้อยพยายามต่อรองกับข้าเหรอ? มอบทุกสิ่งที่เจ้าได้รับไม่เช่นข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิติอยู่ไม่สู้ตาย!” ในเวลานี้ผู้อาวุโสตระกูลหวังความอดทนแล้ว
“พวกเราควรจะทำแบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้น ทำไมต้องสุภาพกับเขา? เพียงแค่จัดการเขาโดยตรง! ข้าอยากจะเหยียบหน้าเขาดูฉากที่เขากำลังคร่ำครวญอยู่ใต้ฝ่าเท้า” หวังหมิงหลงกล่าว ใบหน้าของเขาถูกเหยียบย่ำในสำนักเทพสวรรค์จนแม้แต่กรามล่างของเขาก็แตกหักเขาจึงเกลียดชังสือฮ่าวจนอยากกินเลือดกินเนื้อ
คราวนี้เพื่อกำจัดภัยพิบัติในอนาคตเขาจะต้องตาย ไม่มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอนสำหรับเขาดังนั้นเขาจึงเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
สีหน้าของผู้อาวุโสตระกูลหวังเริ่มมืดครึ้ม เขาก้าวไปข้างหน้า แต่เขาก็ทำอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่เพราะเขากลัวความแข็งแกร่งของสือฮ่าวแต่เป็นเพราะเขากลัวว่าเขาแข็งแกร่งมากเกินไปและทำลายสิ่งที่เขาต้องการได้มา
หากเป็นคัมภีร์เต๋าโบราณและสิ่งอื่น ๆ สือฮ่าวอาจจะทำลายไปด้วยการระเบิดตัวเองหากเป็นเช่นนั้นผลกำไรที่ได้ไม่อาจชดเชยกับความสูญเสีย
นั่นคือเหตุผลที่ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้เขาพูดคุยกับสือฮ่าวตลอดเวลาโดยพยายามทำให้เขาสงบลงก่อนให้มากที่สุด
เขาเริ่มเอาจริงแล้ว ความว่างเปล่านี้เริ่มพร่ามัวสลัวหมอกพล่าน พื้นที่รอบนอกนี้ถูกปิดตาย!
“เฮ้เฮ้เจ้าหนุ่มในความเป็นจริงเจ้าสามารถตายอย่างมีเกียรติ แค่ส่งมอบสิ่งเหล่านั้นแล้วข้าจะให้ความรวบรัดต่อเจ้า” ผู้อาวุโสตระกูลหวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
“เจ้ารู้ไหมว่าข้าได้อะไรมา? คัมภีร์อมตะ!” สือฮ่าวเป็นคนตรงไปตรงมาเขาพูดชื่อพระคัมภีร์นี้โดยตรง!
ตูม!
ราวกับว่าสายฟ้าแลบฉีกผ่านความว่างเปล่า ทั้งชราฉกรรจ์ต่างตกตะลึงจากนั้นพวกเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน มันน่าตกใจเกินไป! ดวงตาของพวกเขาลุกโชนด้วยความปรารถนาเต็มไปด้วยความโล�
“ส่งมา!” หวังหมิงหลงส่งเสียงคำรามต่ำ
“ถ้าพวกท่านยังไม่ออกมาคัมภีร์นี้ก็จะเปลี่ยนเจ้าของไปเป็นของตระกูลวังแล้ว!” สือฮ่าวตะโกนมาแต่ไกล
“บัดซบ?”ผู้อาวุโสตระกูลหวังตื่นตระหนก อย่างไรก็ตามเมื่อเขารู้สึกถึงสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวังเขาก็ไม่พบอะไรเลย
“ไม่มีใครจริงๆเหรอ? ถ้าพวกเจ้าไม่ออกมาข้าจะทำลายคัมภีร์นี้ซะ” สือฮ่าวกล่าวอย่างใจเย็น เขาไม่พบใครที่นี่แต่เชื่อว่าตั้งแต่ตระกูลหวังกล้ามาที่นี่ก็อาจมีตระกูลอื่นเช่นกัน
“ไอ้หนูควรโอ้อวดน้อยลงและรีบส่งมอบคัมภีร์มา มิฉะนั้นเจ้าจะปรารถนาความตายมากกว่าจะมีชีวิตอยู่!” สายตาของผู้อาวุโสตระกูลหวังนั้นทรยศฉีกทุกข้ออ้างเขารู้สึกไม่มั่นใจแล้ว
“ช่างเป็นคนที่ไม่รู้ความแตกต่างระหว่างความเป็นและความตาย เจ้ายังคงต้องการหลอกเรา ไร้เดียงสาเกินไปใครจะมาช่วยเจ้าได้ตอนนี้!” หวังหมั่งหลงเยาะเย้ย
ทันใดนั้นในความว่างเปล่าก็สั่นเบาราวกับว่าระลอกคลื่นกระจาย มีใครบางคนทำลายมิติที่ถูกควบคุมของตระกูลวังอย่างรุนแรง
บุคคลในชุดคลุมสีเงินปรากฏตัวขึ้นร่างกายของเขาปล่อยแสงสีเงินออกมาใบหน้าของเขาสวมหมวกกสีเงินจนมองไม่เห็นแม้แต่ดวงตา ออร่าทรงพลังมาพร้อมการปรากฏตัวของเขา
“เพื่อคัมภีร์อมตะข้าไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป” ทันใดนั้นก็มีคนพูดจากอีกทาง ร่างที่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำก็เดินผ่านมา
จากนั้นแสงสีเขียวอีกวงก็ปรากฏขึ้นหมอกล้อมรอบสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอีกตัว
ในช่วงเวลานั้นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่สามคนปรากฏตัวทีละคน แต่พวกเขาไม่ได้มาจากฝ่ายเดียวกัน พวกเขาเผชิญหน้ากัน ทุกคนเปิดเผยตัวเองเพื่อคัมภีร์อมตะ!
การแสดงออกของผู้อาวุโสตระกูลหวังเริ่มไม่พอใจ เขาไม่เคยคาดคิดว่าบุคคลที่น่ากลัวสามคนจะมาที่นี่แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตรวจพบการปรากฏตัวของพวกเขา ครั้งนี้เขาประมาทจริงๆ
“ข้าต้องการแค่คัมภีร์ไม่ต้องการคน” คนที่สวมชุดเกราะสีเงินกล่าว
“เช่นเดียวกัน!”
“ข้าก็เหมือนกัน!”
ผู้ยิ่งใหญ่อีกสองคนมีความเห็นคล้ายกันพวกเขามาเพราะคัมภีร์
“สหายทั้งสามเรื่องนี้สามารถพูดคุยกันได้ เราสามารถทำสำเนาคัมภีร์ได้สี่ชุดคนละหนึ่ง แต่เด็กคนนี้จะต้องถูกฆ่า!” ผู้อาวุโสตระกูลหวังกล่าว
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามยังคงเงียบไม่พูดอะไร
ผู้อาวุโสตระกูลหวังคำรามพร้อมกับเสียงหัวเราะทันทีว่า“ตัดสินใจได้แล้ว!”
ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมาจ้องไปที่สือฮ่าวและพูดว่า "เจ้าหนูเจ้าทำให้ข้าเดือดร้อน ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายง่ายๆอย่างแน่นอน!”
“ผู้อาวุโสซวนช่วยจับเขามาให้ข้าทรมานที!” หวังหมิงหลงกระตือรือร้นที่จะลงมือโดยทันที
สือฮ่าวยังคงสงบนิ่ง เขามองไปที่บุคคลรอบข้างโดยไม่ให้ความสนใจกับพวกตระกูลหวังแต่พูดกับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม “หยวนชิงมาด้วยหรือไม่? ข้าหวังว่าเขาจะอยู่ที่นี่ไม่งั้นข้าจะผิดหวังมากจริงๆ!”
...?
ทุกคนต่างตะลึง จากนั้นพวกเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เหตุใดสือฮ่าวจึงสงบนิ่งและมีท่าทางราวกับว่าเขามั่นใจว่ามีคนสามารถช่วยเหลือเขาได้?
ไม่ดีแล้ว!
พวกเขาทั้งหมดยิ่งมายิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง!